Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เห็นดร.โกร่งออกมาบอก

ถ้าลดดอกเบี้ยขนาดนี้ หุ้นจะวิ่งไปอย่างน้อย950-1000จุด
ในระยะเวลาอันสั้น (อันนี้คือการคาดเดา)
ถ้าเป็นเช่นนั้น เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น
จะไม่เป็นเหตุให้บาทแข็งขึ้นไปอีกเหรอ

ผมก็สงสัยเหมือนกัน

แต่ก็คงต้องสงสัยไปตลอด  เพราะผมว่า  กนง. ลดอย่างมากก็แค่ 0.25%

ผมกลัวแต่ว่าต่างชาติจะคลิ๊กซ้ายผ่านตลอด
เนื่องจากผลต่างของดอกเบี้ยไม่เป็นที่น่าสนใจ
หากเป็นเช่นนั้นก็ตัวใครตัวมัน :lol:

อย่างน้อยก็เอาเงินไปประเทศอื่นในเอเชียด้วยกัน ทำให้เงินอ่อนลงบ้าง

สมมุติ USD 1 = THB 50

ดอกเบี้ยดอลลาร์ 100%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 2 ดอลลาร์

ดอกเบี้ยบาท 100%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 100 บาท

ตามหลัก Purchasing Power Parity
อัตราแลกเปลี่ยนจะได้เท่าเดิม 100/2 = 50

แต่ถ้าลดดอกเบี้ยบาทเหลือ 50%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 75 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนจะได้ใหม่เป็น 75/2 = 37.50

ในระยะยาวแล้ว การลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทยิ่งแข็งขึ้นไปอีก
ผมเข้าใจอะไรผิดครับ ?

ผมเข้าใจว่าอย่างนี้นะครับ
พวก Hedge Fund มีการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน
โดยจะมีการโยกย้ายเงินจากแหล่งที่มีโอกาสทำกำไรน้อยได้ไปสู่แหล่งที่มีโอกาสทำกำไรสูงกัน 2 รูปแบบใหญ่ๆ
1.) ตลาดตราสารหนี้
2.) ตลาดหุ้น

โดยตลาดตราสารหนี้จะใหญ่กว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก
ซึ่งตลาดตราสารหนี้คนที่ซื้อจะหวังผลต่างของอัตราดอกเบี้ย
หากมีการลดอัตราดอกเบี้ยความคาดหวังผลกำไรจากตลาดนี้ก็จะน้อยลง

ในทางกลับกันสำหรับตลาดหุ้นหากลดดอกเบี้ยจะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มเนื่องจากผลกำไรเพิ่มสูงขึ้น(ยกเว้นธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ :lol: )

แต่กองทุนในต่างประเทศก็คล้ายๆกองทุนในบ้านเราซึ่งมีข้อจำกัดในการลงทุนมากทำให้บางกองทุนไม่สามารถปรับport จากตราสารหนี้ไปยังหุ้นได้ก็ต้องปรับโดยการย้ายไปยังประเทศอื่นที่มีโอกาสในการทำกำไรสูงกว่า

ซึ่งหากเงินก้อนใหญ่จากตลาดตราสารหนี้ย้ายออก
พวกที่อยู่ในตลาดหุ้นก็กลัวว่าจะเสียโอกาสในการทำกำไรจากค่าเงินก็จะขายหุ้นตามดังตัวอย่างของบ่ายวันนี้

แต่นะขณะนี้เนื่องจากฝรั่งซื้อมาตลอดและเป็นปริมาณมากๆค่อนข้างยากที่จะปล่อยของ

จึงต้องดูกันต่อไปว่าละครเรื่องนี้ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร

สำหรับชาว VI ไม่ต้องกลัวเพราะแนวทาง VI มีข้อดีมากๆ ตรงที่ว่าเราทำใจเก่งมากๆ

สรุปมูลค่าการซื้อขายสิ้นวัน
ณ วันที่ 18/07/2007

หน่วย : ล้านบาท
นักลงทุน ซื้อ ขาย สุทธิ
สถาบัน 2,766 2,852 -85.55
ต่างชาติ 7,608 7,794 -185.54
ในประเทศ 14,234 13,963 271.10
มูลค่าการซื้อขายรวม 24,609.00

ขายแค่ 185.54 ล้านบาท   จิบๆๆ :lol:

tech เขียน:สมมุติ USD 1 = THB 50

ดอกเบี้ยดอลลาร์ 100%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 2 ดอลลาร์

ดอกเบี้ยบาท 100%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 100 บาท

ตามหลัก Purchasing Power Parity
อัตราแลกเปลี่ยนจะได้เท่าเดิม 100/2 = 50

แต่ถ้าลดดอกเบี้ยบาทเหลือ 50%
ฝากธนาคาร 1 ปีผ่านไป ได้เงิน 75 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนจะได้ใหม่เป็น 75/2 = 37.50

ในระยะยาวแล้ว การลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทยิ่งแข็งขึ้นไปอีก
ผมเข้าใจอะไรผิดครับ ?

เห็นว่าไม่มีใครตอบ...
คือ ยังงี้นะครับ การคิดแบบคุณ tech นั้นเป็นการคิดแบบตัวเลข และใช้แค่ ppp เท่านั้น
เมื่อไทยประกาศลดดอกเบี้ยลง 50% คนก็จะเอาเงินที่มีแลกที่ spot 50THB/US$ เพื่อเอาไปฝากในที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ทำให้ปริมาณเงินบาทออกมาในตลาดมากขึ้นเมื่อเทียบกับ US$ ก็จะทำให้ THB อ่อนลงไปในทันที ตามหลัก Demand&Supply ครับ

ผมเคยลงกลไกแบบพื้นฐานที่เกี่ยวกับ FOREX เมื่อตอนเปิดห้องนี้ใหม่ๆลองค้นดูนะครับ

จริงๆตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยคือคำตอบที่ดีที่สุด สำหรับการโจมตีค่าเงิน เพราะมันจะบิดเบือนหลักทฤษฎีอย่างชั่วคราว พอทุกอย่างจะเข้าสู่กลไก พวกโจมตีเค้าก็เเผ่นไปแล้วล่ะครับ

ผมเข้าใจที่คุณ prin อธิบายครับ
ในระยะสั้น บาทน่าจะอ่อนหลังจากลดดอกเบี้ย

แต่ที่ผมไม่เข้าใจ คือ การลดดอกเบี้ยน่าจะทำให้บาทแข็ง
ในระยะยาวนะครับ ??

tech เขียน:ผมเข้าใจที่คุณ prin อธิบายครับ
ในระยะสั้น บาทน่าจะอ่อนหลังจากลดดอกเบี้ย

แต่ที่ผมไม่เข้าใจ คือ การลดดอกเบี้ยน่าจะทำให้บาทแข็ง
ในระยะยาวนะครับ ??

อืมม พอระยะสั้นมันจะทำให้เงินอ่อนลงทันทีก่อน หลังจากนั้น กลไกตามหลักความเป็นจริงทางเศรษฐศาสตร์ก็จะเข้ามาสร้างสมดุล แต่ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร และระหว่างการเข้าสู่สมดุล หากเราไม่ได้ควบคุมปัจจัยต่างๆ ก็อาจจะถูกโจมตีอีกครั้ง ทำให้ไม่เข้าสมดุลซักที และเหตุนี้ทำให้ตัวที่น่าจะทันใจที่สุด ก็น่าจะเป็น Demand & Supply ขณะนั้นครับ

[/url]http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... =21918[url]

ทำlink ไม่เป็น ลองใหม่
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=21918