อยากทราบความหมายของ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 12, 2007 1:18 am
ผมเคยเห็นมาครั้งนึงแล้วตอนที่พี่ๆเคยพูดกันเกี่ยวกับหุ้น 7-11 กับโลตัสจีนว่าหาก 7-11 ขาดทุนกับโลตัสจีนเกินกว่าที่ลงทุนไปแล้วจะไม่สามารถรับขาดทุนได้อีก....
แต่ในกรณีของ TRUBB ที่เปลี่ยนแปลงการบัญชีอย่างข้างล่างนี้มี่ความหมายยังไงบ้างครับ อยากทราบว่าคนเทหุ้นตัวนี้ลงมาหลังประกาศงบเพราะ Q2 ติดลบอย่างเดียว หรือว่าเพราะความหมายแย่ๆที่แอบแฝงกับ article ข้างล่างนี้ด้วยครับ ว่ามีอะไรแย่จากการรับรู้โดยทุนหรือเปล่าครับ หรือว่าคนแค่ panic ทิ้งขายกันไปเอง บวกกับ low liquidity และ ตลาดลงหนักครับ ขอบคุณครับ
วันที่ 10 สิงหาคม 2550
เรื่อง ชี้แจงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึก
เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงถึงผล
กระทบจากนโยบายบัญชีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ดังนี้
บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมใน
งบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนในไตรมาสที่ 2/2550 และงวด 6 เดือน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 44 โดย
บริษัทฯ ได้ทำการปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้เงินลงทุนในบริษัทย่อยและ
บริษัทร่วมที่แสดงอยู่ในงบการเงินเฉพาะกิจการนั้นบันทึกโดยใช้วิธีราคาทุนเดิม (Historical Cost)
เป็นราคาทุนเริ่มต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวทำให้กำไร(ขาดทุน)สุทธิในงบการเงินเฉพาะ
กิจการไม่เท่ากับกำไร(ขาดทุน)สุทธิในงบการเงินรวม โดยงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30
มิถุนายน 2550 งบการเงินรวมมีขาดทุนสุทธิ 64.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 122.91 ล้านบาทตาม
ลำดับ แต่งบการเงินเฉพาะกิจการมีขาดทุนสุทธิ 56.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.35 ล้านบาทตาม
ลำดับ และบริษัทฯขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีดังกล่าว ทำให้งบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงวดสาม
เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 12 ล้านบาท (0.44 บาทต่อหุ้น) (2549 :
เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท (3.36 บาทต่อหุ้น)) และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันเดียวกันลดลง 113 ล้านบาท
(4.14 บาทต่อหุ้น) (2549 : เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท (0.76 บาทต่อหุ้น)) ทั้งนี้เนื่องจากงบการเงินเฉพาะ
กิจการไม่ได้รวมรายการส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย
2.ผลกระทบต่อรายการอื่นในงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30
มิถุนายน 2550 ได้แก่เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมและกำไรสะสมที่แสดงไว้ในงบดุลลดลง
จำนวนเงิน 171.63 ล้านบาทและ 96.80 ล้านบาทตามลำดับ ทั้งนี้ผลสะสมของการเปลี่ยนแปลงหลัก
การบัญชีนี้ได้แสดงไว้ใน " ผลสะสมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและ
บริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ " ในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะ
กิจการ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้อง
กับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการ
จัดทำงบการเงินรวมและปัจจัยพื้นฐานการทำธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด
แต่ในกรณีของ TRUBB ที่เปลี่ยนแปลงการบัญชีอย่างข้างล่างนี้มี่ความหมายยังไงบ้างครับ อยากทราบว่าคนเทหุ้นตัวนี้ลงมาหลังประกาศงบเพราะ Q2 ติดลบอย่างเดียว หรือว่าเพราะความหมายแย่ๆที่แอบแฝงกับ article ข้างล่างนี้ด้วยครับ ว่ามีอะไรแย่จากการรับรู้โดยทุนหรือเปล่าครับ หรือว่าคนแค่ panic ทิ้งขายกันไปเอง บวกกับ low liquidity และ ตลาดลงหนักครับ ขอบคุณครับ
วันที่ 10 สิงหาคม 2550
เรื่อง ชี้แจงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึก
เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงถึงผล
กระทบจากนโยบายบัญชีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ดังนี้
บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมใน
งบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนในไตรมาสที่ 2/2550 และงวด 6 เดือน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 44 โดย
บริษัทฯ ได้ทำการปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้เงินลงทุนในบริษัทย่อยและ
บริษัทร่วมที่แสดงอยู่ในงบการเงินเฉพาะกิจการนั้นบันทึกโดยใช้วิธีราคาทุนเดิม (Historical Cost)
เป็นราคาทุนเริ่มต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวทำให้กำไร(ขาดทุน)สุทธิในงบการเงินเฉพาะ
กิจการไม่เท่ากับกำไร(ขาดทุน)สุทธิในงบการเงินรวม โดยงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30
มิถุนายน 2550 งบการเงินรวมมีขาดทุนสุทธิ 64.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 122.91 ล้านบาทตาม
ลำดับ แต่งบการเงินเฉพาะกิจการมีขาดทุนสุทธิ 56.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.35 ล้านบาทตาม
ลำดับ และบริษัทฯขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีดังกล่าว ทำให้งบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงวดสาม
เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 12 ล้านบาท (0.44 บาทต่อหุ้น) (2549 :
เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท (3.36 บาทต่อหุ้น)) และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันเดียวกันลดลง 113 ล้านบาท
(4.14 บาทต่อหุ้น) (2549 : เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท (0.76 บาทต่อหุ้น)) ทั้งนี้เนื่องจากงบการเงินเฉพาะ
กิจการไม่ได้รวมรายการส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย
2.ผลกระทบต่อรายการอื่นในงบการเงินเฉพาะกิจการสำหรับงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30
มิถุนายน 2550 ได้แก่เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมและกำไรสะสมที่แสดงไว้ในงบดุลลดลง
จำนวนเงิน 171.63 ล้านบาทและ 96.80 ล้านบาทตามลำดับ ทั้งนี้ผลสะสมของการเปลี่ยนแปลงหลัก
การบัญชีนี้ได้แสดงไว้ใน " ผลสะสมจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและ
บริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ " ในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะ
กิจการ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้อง
กับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการ
จัดทำงบการเงินรวมและปัจจัยพื้นฐานการทำธุรกิจของบริษัทฯแต่อย่างใด