Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

บริษัทรับเหมาก่อสร้าง
มี รายได้เพิ่ม แต่ กำไรสุทธิ ลดลง

มี backlog เหลือเยอะ

แต่ว่าปัญหาคือ
ดูงบมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมากๆ

เกิดจากอะไรได้บ้างครับ ดีหรือไม่ดี

พอดีไม่มีความรู้งานนี้เลยครับ  :oops:

ขอบคุณครับ

จะว่าไปสินค้าคงเหลือเพิ่มมากกว่ารายได้ ผมไม่ชอบเท่าไหร่
แต่ถ้าคิดว่าสินค้าขายได้ชัวร์
มูลค่าสินค้าไม่ลดลง
ก็รอดูอีกซักไตรมาสสองไตรมาสแล้วกัน

nanchan เขียน:จะว่าไปสินค้าคงเหลือเพิ่มมากกว่ารายได้ ผมไม่ชอบเท่าไหร่
แต่ถ้าคิดว่าสินค้าขายได้ชัวร์
มูลค่าสินค้าไม่ลดลง
ก็รอดูอีกซักไตรมาสสองไตรมาสแล้วกัน

ถ้าเป็นบริษัทรรับเหมา

สินค้าคงเหลือที่เพิ่ม เพราะ บริษัท เอาดอกเบื้ยจ่าย ไปเพิ่มในส่วนนี้
แต่สินค้าคงเหลือจริงๆ เพิ่มไม่มาก...

ขอความรู้พี่นันครับ  :?

[quote="Pn3um0n1a"]บริษัทรับเหมาก่อสร้าง
มี รายได้เพิ่ม แต่ กำไรสุทธิ ลดลง

มี backlog เหลือเยอะ

แต่ว่าปัญหาคือ
ดูงบมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมากๆ

เกิดจากอะไรได้บ้างครับ ดีหรือไม่ดี

พอดีไม่มีความรู้งานนี้เลยครับ

ถ้าเป็นรับเหมาต้องดูวิธีรับรู้รายได้ครับ
มีหลายแบบ

ถ้าเป็น project completion estimate หรืออะไรประมาณนี้
ไม่ควรมีเยอะ เพราะว่ามันรวมอยู่ในประมาณรายได้แล้ว

แต่ถ้าเป็นแบบ รับเหมาทำ อุปกรณ์ บางที่รับรู้รายได้ครับ เดียวตอนส่งของครับ
อย่างนี้เป็นไปได้ที่บริษัทกำลังจะ มีรายได้เติบโตใน q ต่อไป ถ้าลูกค้าจ่าย

ปล. อันนี้ผมจำได้คร่าวๆครับ

สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น ต้องมาเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ด้วยครับ ว่าสอดคล้องกันหรือเปล่า

1. ถ้ายอดขาย ลด สินค้าคงคลัง เพิ่ม อาจเป็นเพราะมีสินค้าด้อยคุณภาพ และไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ อาจจะต้องทำการตัดเป็นสินค้าหมดสภาพภายหลัง เหมือนกรณีของ SAWANG

2. ถ้ายอดขาย เพิ่ม สินค้าคงคลัง เพิ่ม อันนี้ก็ยังสอดคล้องกัน แต่ก็ต้องดูเรื่องลูกหนี้ด้วย ว่าเป็นเพราะปล่อยหนี้มากหรือเปล่า

ทางที่ดีโทรถามเลยครับ จะได้หายสงสัย... :lol:  :lol:  :lol:

บริษัทรับเหมาก่อสร้าง
มี รายได้เพิ่ม แต่ กำไรสุทธิ ลดลง

มี backlog เหลือเยอะ

แต่ว่าปัญหาคือ
ดูงบมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมากๆ

เกิดจากอะไรได้บ้างครับ ดีหรือไม่ดี

จริงๆแล้วต้องดูครับว่าเป็นธุรกิจอะไร ถ้าเป็นธุรกิจที่เป็นประเภท Trading หรือ ผลิตแล้วขาย  รายได้หลักมาจากการขายสินค้า ดังนั้น Inventory Turnover หรืออัตราการหมุนของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญครับ โดยเฉพาะ Consumer Products อัตราการหมุนโดยทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 7- 30 วันเพื่อให้มีสินค้ารองรับยอดสั่งซื้อขณะเดียวกันต้องบริหารพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าเป็นลักษณะ Just-In -Time และ Supply Chain ครับ การรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นตอนส่งสินค้าครับ.

แต่ถ้าเป็นธุรกิจรับเหมาหรือ Project Contract การรับรู้รายได้จะเป็นการประเมินตามอัตราส่วนความสำเร็จของงานครับ (อันนี้คร่าวๆนะครับ) ดังนั้น และสินค้าคงเหลือส่วนมากเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มี่อายุค่อนข้างยาว ไม่เหมือน Consumer Products ดังนั้นการที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นควรดูว่า Backlog และ/หรือ Projects ที่รอปิดอยู่ว่าเหมาะสมกับปริฒาณสินค้าคงเหลือหรือไม่ครับ
อันนี้คร่าวๆนะครับในรายละเอียดอาจมีมากกว่านี้

ขอแจมด้วยคนนะครับ สำหรับบริษัทรับเหมาแล้วจากประสบการณ์ตรงเนี่ย สินค้าคงเหลือที่เพิ่มมากขึ้นไม่น่าจะใช่ปัญหาเลยครับ เพราะในบางครั้งการกักตุนสินค้าที่ส่วนใหญ่เป็น ไม้แบบ เหล็กเส้น ปูน ต่างๆ ไม่มีวันบุบสลายและเสื่อมสภาพไปเหมือนสินค้าคงคลังของบริษัทประเภทอื่นๆครับ แล้วในบางครั้งมีการกักตุนสินค้าคงไว้มากเพราะ พวก Salesman ของ Supplier มากระซิบข้างๆหูให้ผู้รับเหมาฟังว่า พี่ๆ อีกปลายปีนี้ราคาเหล็กจะขึ้นแล้วนะ(ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อถือได้พอควร) ดังนั้นการกักตุนสินค้าคงคลังเอาไว้ก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายเพราะเป็นการลดต้นทุนไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งคุ้มค่ากับ working Capital ที่ไปจมอยู่กับกองสินค้านั้นๆครับ ส่วนเรื่องจะไปเปลืองพื้นที่เก็บสินค้านั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกเพราะโดยปกติแล้วบริษัทรับเหมาใหญ่ๆมักจะมี stockyard ทีกว้างใหญ่ไพศาล(ซึ่งในเวลาปกติใช้เป็นสนามเตะบอลของพวกคนงานที่ประจำอยู่ใน stockyard)

นี่เป็นความเห็นจากผู้รับเหมาเก่านะครับ ส่วนด้านการวิเคระห์เชิงธุรกิจแล้วจริงๆเป็นอย่างไร โปรดชี้แนะด้วยนะครับ

ต้องดูนโยบายการสั่งสินค้าของบริษัทด้วยครับ (และ/นอกเหนือจาก ดู Backlog ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ควรสัมพันธ์กัน)
ผมขอตอบโดยเอาบริษัทรับเหมาก็สร้างที่ผมรู้จักเป็นบรรทัดฐานแล้วกัน (กบในกะลาครับ  :lol: )
บริษัท (ผม  :lol: ) มีนโยบายสั่งสินค้าเมื่อรับงาน แสดงว่าเมื่อมีสินค้าคงคลังสูงขึ้น (ซึ่งรวมทั้งหมด ตั้งแต่วัตถุดิบ สินค้าที่อยู่ระหว่างการผลิต รวมไปถึง สินค้าที่ผลิตแล้วแต่รอการส่งมอบ) ก็แปลว่าได้รับงานมากขึ้น ซึ่งผมจะไปดูใน Backlog ซึ่งมักจะตรงกัน
ส่วนบริษัทนี้มีปัญหาเรื่องรายได้เพิ่ม และกำไรลดเช่นกัน เพราะเจอปัญหาเรื่องค่าเงิน ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่า ค่าเงินจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กำไรก็ลดลงในปริมาณที่ผมพอรับได้ (กำไรยังใช้ได้อยู่)

เอ ไม่ทราบเราคุยกันเรื่องบริษัทไหนครับ  :lol:

ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนข้างบนครับ ช่วยได้มากเลย

Raphin Phraiwal เขียน:ส่วนบริษัทนี้มีปัญหาเรื่องรายได้เพิ่ม และกำไรลดเช่นกัน เพราะเจอปัญหาเรื่องค่าเงิน :

ผมยังสงสัยอยู่ครับ

บริษัทนี้ ส่วนมากรายได้ก็เป็นเงินบาท ไม่น่าเกี่ยวกะ ค่าเงิน

ยังสงสัยอยู่ว่าทำไม กำไรลดได้

มีใครพอมี ความเห็นเรื่องนี้มั้ยครับ ว่าเป็นไปได้จากอะไรบ้าง

เพราะเรื่องวัสดุ เท่าที่ทราบ บริษัทนี้จะมีต้นทุนที่ค่อนข้างคงที่ และมีการ stock เก็บ ในช่วงที่ราคาขึ้น อย่างช่วงนี้เป็นต้นอ่ะครับ

ผมยังสงสัยอยู่ครับ

บริษัทนี้ ส่วนมากรายได้ก็เป็นเงินบาท ไม่น่าเกี่ยวกะ ค่าเงิน

ยังสงสัยอยู่ว่าทำไม กำไรลดได้


แนะนำให้ไปดูรายละเอียดในงบการเงินครับ การที่รายได้เพิ่มแล้วกำไรลดลง ให้ลองดูว่า
1) Gross Profit ลดลงหรือไม่ ถ้าลดลงก็แสดงว่าต้นทุนขายเพิ่มขึ้น
2) ถ้าไม่ใช่ Gross Profit หรือ COGS ตามข้อ 1) ก็ให้ดู Selling & Admin expenses ครับว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่
ตัวแปรที่ทำให้กำไรลดลงก็คือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงต้นทุนทางการเงิน(ดอกเบี้ย) ด้วยครับ สิ่งสำคัญควรดูรายละเอียด ว่ามีรายจ่ายใดที่มันเพิ่มมากหรือเป็นรายการพิเศษหรือไม่ ตรงนี้มีส่วนอย่างมากทำให้กระทบผลกำไรครับ

energizer เขียน:ขอแจมด้วยคนนะครับ สำหรับบริษัทรับเหมาแล้วจากประสบการณ์ตรงเนี่ย สินค้าคงเหลือที่เพิ่มมากขึ้นไม่น่าจะใช่ปัญหาเลยครับ เพราะในบางครั้งการกักตุนสินค้าที่ส่วนใหญ่เป็น ไม้แบบ เหล็กเส้น ปูน ต่างๆ ไม่มีวันบุบสลายและเสื่อมสภาพไปเหมือนสินค้าคงคลังของบริษัทประเภทอื่นๆครับ แล้วในบางครั้งมีการกักตุนสินค้าคงไว้มากเพราะ พวก Salesman ของ Supplier มากระซิบข้างๆหูให้ผู้รับเหมาฟังว่า พี่ๆ อีกปลายปีนี้ราคาเหล็กจะขึ้นแล้วนะ(ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อถือได้พอควร) ดังนั้นการกักตุนสินค้าคงคลังเอาไว้ก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายเพราะเป็นการลดต้นทุนไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งคุ้มค่ากับ working Capital ที่ไปจมอยู่กับกองสินค้านั้นๆครับ ส่วนเรื่องจะไปเปลืองพื้นที่เก็บสินค้านั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกเพราะโดยปกติแล้วบริษัทรับเหมาใหญ่ๆมักจะมี stockyard ทีกว้างใหญ่ไพศาล(ซึ่งในเวลาปกติใช้เป็นสนามเตะบอลของพวกคนงานที่ประจำอยู่ใน stockyard)

นี่เป็นความเห็นจากผู้รับเหมาเก่านะครับ ส่วนด้านการวิเคระห์เชิงธุรกิจแล้วจริงๆเป็นอย่างไร โปรดชี้แนะด้วยนะครับ

ตรงนี้ขอแย้งครับ ผมคิดว่าสินค้าคงเหลือทุกชนิดจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาครับ ไม้แบบ แพ้ ปลวก เหล็กเส้น และปูนซีเมนต์ แพ้ความชื้น ดังนั้นการที่มีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมาก อาจต้องแลกกับความสูญเสียในการเสื่อมสภาพของตัวสินค้าเอง รวมถึงต้นทุนการเก็บรักษาที่ตามมา กับ ผลต่างราคาที่จะปรับเพิ่มว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ใช่กรณีที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้นมากผมคิดว่า ได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

sattaya เขียน: ตรงนี้ขอแย้งครับ ผมคิดว่าสินค้าคงเหลือทุกชนิดจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาครับ ไม้แบบ แพ้ ปลวก เหล็กเส้น และปูนซีเมนต์ แพ้ความชื้น ดังนั้นการที่มีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมาก อาจต้องแลกกับความสูญเสียในการเสื่อมสภาพของตัวสินค้าเอง รวมถึงต้นทุนการเก็บรักษาที่ตามมา กับ ผลต่างราคาที่จะปรับเพิ่มว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ใช่กรณีที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวขึ้นมากผมคิดว่า ได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

ขอบคุณพี่ Sattaya ที่แย้งครับ แต่รับรองได้เลยครับว่าถ้าผู้รับเหมารายไหนเก็บวัสดุพวกนี้ให้เสียหายได้ ไอ้คนที่ดูแล Stockyard โดนตบกระโหลกแตกแน่ๆครับ เพราะวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่มีการจัดเก็บที่ดีครับ พวกปูนที่กลัวว่าจะชื้นเนี่ย ถ้าไม่วางมันไว้กับดินตากลมตากฝนมันก็ไม่ชื้นหรอกครับ ส่วนใหญ่เขาเก็บกันในโรงเรือนมีหลังคา มียกพื้นให้สูงจากดิน อากาศถ่ายเทได้สะดวกครับ ส่วนไม้แบบเนี่ยตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยเห็นปลวกกินเลยอะครับ กว่าจะพังก็ใช้เวียนแล้วเวียนอีกจนคุ้มค่าเลยอะครับ เหล็กเส้นนี่แค่ยกพื้นขึ้นมาจากดินแล้วเอาผ้าใบคลุมก็อยู่ได้นานเลยหละครับ