หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 4:14 pm
โดย กาย
เนื่องจากท่านทั้ง 3 เป็นผู้ อาวุโส มีประสบการณ์สูงและมีจิตใจดี ให้คำแนะนำแก่ นักลงทุน หน้าใหม่ทุกท่านรวมทั้งผมด้วย แต่ส่วนใหญ่ ผมจะอ่านแต่ไม่ค่อยได้ Post เท่าไหร่ ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำจากท่านทั้ง 3 เกี่ยวกับ หุ้น ATC กับ PLE หน่อยว่าควรเข้าไปรับได้ไหม โดยส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะใกล้จุดต่ำสุด ตอนนี้แล้ว แต่ไม่แน่ใจในพื้นฐาน และอนาคตของธุรกิจในระยะยาว คือผมต้องการซื่อลงทุนแต่เงินมีจำักัด เลยอยากให้ท่านช่วยชี้แนะด้วย ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ปล.ผมหาบทวิเคราะห์ล่าสุด ของทั้ง 2 ตัว ที่ settrade แล้ว ไม่มี ผมจะหาได้ที่ไหนในเวปอีกครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 5:23 pm
โดย กาย
ขอถามเพิ่มครับ เห็นว่าคุณ Mr.WOW มาบอกว่า EPS ปีนี้จะ 8-9 บาท ประมาณการออกมาอย่างไรครับ ถึงได้ 8-9 บาท
ผมเห็นกำไรรวม ไตรมาส 3/46 3.31 บาทเอง ขอบพระคุณครับ
กาย
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 5:25 pm
โดย กาย
ขอถามเพิ่มครับ เห็นว่าคุณ Mr.WOW มาบอกว่า EPS ของ ATC ปีนี้จะ 8-9 บาท ประมาณการออกมาอย่างไรครับ ถึงได้ 8-9 บาท ผมเห็นกำไรรวม ไตรมาส 3/46 3.31 บาทเอง และตัว ATC กับ NPC ทำธุรกิจต่างกันมากไหมครับ
ขอบพระคุณครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 6:01 pm
โดย Jeng
เปรียบเทียบปี 2546 กับปี 2545 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี
2546 เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2545 โดยปี 2546 มีกำไรสุทธิ 4,004 ล้านบาท เพิ่ม
ขึ้น 4,211 ล้านบาทจากผลขาดทุนสุทธิในปี 2545 จำนวน 207 ล้านบาท และมี
EBITDA จำนวน 5,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2545 ที่มี EBITDA 1,744 ล้านบาท
โดยเพิ่มขึ้น 3,717 ล้านบาทหรือร้อยละ 213 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เดี๋ยวคืนนี้มาตอบใหม่ ต้องรีบไปธุระ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 9:50 pm
โดย ลูกอิสาน
ผลประกอบการย้อนหลัง 4 ไตรมาส ATC ทำได้ 2870 ล้านบาท
ณ.ราคาปัจจุบัน 59.5 คิดเป็นพีอีได้ 19.93 เท่า
แต่ผลประกอบการประมาณอีก 2 ปีข้างหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากราคา ผลิตภัณฑ์หลัก เบนซีน และพาราไซลีน ยังคงสูงต่อเนื่อง
ในขณะที่ supply ยังจำกัดใน 1- 2 ปีข้างหน้า
อีกทั้งมีการ debottom nect phase II ซึ่งจะรันได้เดือนกุมภาที่จะถึง
รวมทั้งมีการมีโครงการทำ down steam ในอนาคตข้างหน้า
จากผลบวกดังกล่าว ให้กำไรที่ทำได้ปีนี้ เพิ่มขึ้น 2 เท่าของปีที่แล้ว
จะได้พีอีเท่ากับ 10 เท่า
หากเป็นผมคงยังไม่ซื้่อครับ เพราะคิดว่ายังมีตัวอื่นที่ดีกว่าครับ
แต่ยังคงติดตามครับ หากราคาน่าสนใจกว่านี้ อาจจะซื้อครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 10:01 pm
โดย ลูกอิสาน
ปัจจัยอื่นที่น่าสนใจคือ
ผู้ถือหุ้นใหญ่ บ้านปู ปีที่ผ่านมาได้มีการขายหุ้นออกมาประมาณ 3 %
และเดาเอาว่าปีนี้น่าจะขายออกมาอีก ทำให้หุ้นที่อยู่ในมือรายย่อยมากขึ้น
โอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นอีก ค่อนข้างยาก แต่ก็ยังมีผู้ถือหุ้นใหญ่บางรายที่เข้าเก็บหุ้นตลอด คือ ปูนซีเมนต์ไทย ซึ่งไม่มีโรงงานประเภทอโรเมติกส์
ยังมีขาดทุนสะสม และมีหนี้จำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงมีนโยบาย
จ่ายปันผลแค่ 20 % ของกำไรที่ำทำไ้ด้ คาดว่าจะจ่ายงวดปีนี้ รับเงินปี 48
หากโรงงานใหม่ๆ ที่กำลังสร้างก่อสร้างแล้วเสร็จอีก 2 ปีข้างหน้า อาจจะำำทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ลดลง กำไรอาจจะลดลงมาก แต่คงจะไม่ขาดทุน แต่ข้อได้เปรียบของ ATC คือสามารถขายในประเทศที่ได้ กำไรสูงกว่าการส่งออก เพราะมีโรงงาน PTA ที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของ ATC เกิดขึ้นในประเทศไทย หลายโครงการใหญ่
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 30, 2004 10:12 pm
โดย ลูกอิสาน
ผลิตภัณฑ์หลักของ ATC สารอโรเมติกส์ ได้แก่ พาราไซลีน และเบนซีน ซึ่งเป็นสารที่สายโซ่คาร์บอนเป็นวงกลมเชื่อมกัน แต่ส่วนของ NPC จะเป็นสารโอเลฟิน ซึ่งมีวงแหวนคาร์บอนไม่เป็นวงกลม (อาจจะจำผิดนะครับ เพราะแทบจะคือคุณครูไปหมดแล้ว
)
ข้อเด่นของ NPC เมื่อเปรียบเทียบกับ ATC คือ ปันผลสูงกว่า หนี้น้อยกว่า พีอีต่ำกว่า
แต่ข้อด้อยคือ มีคู่แข่งเกิดขึ้นมากเช่น TOC และระยองโอเลฟินส์ ทำให้ต้องระบายสินค้าโดยทำโครงการ down steam นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าคุณชุมพล CEO ปูนใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะก่อสร้าง olefin cracker อีกหนึ่งโรง กำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านตัน ครับ
ข้อมูลที่ผมเรียนคุณ กาย เป็นข้อมูลที่ผมได้จากงานวิจัยโบรกเกอร์ การติดตามข่าวสาร และข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้นครับ คุณกาย สามารถศึกษาและเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้เท่าเทียมกับนักลงทุนอื่นๆ ครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 10:42 am
โดย ลูกอิสาน
เพิ่งไปดูงบการเงินงวด 1 ปี
กำไรก่อนรายการพิเศษประมาณ 3900 ล้านบาท
ได้พีอีที่ 15 เท่า
หากปีนี้ให้กำไรเพิ่มอีก 2 พันล้าน เป็น 6000 ล้าน
หรือกำไรไตรมาสละ 1500 ล้าน
จะได้พีอีที่ 10 เท่า
ดูแล้วเริ่มน่าสนใจครับ
ตราบใดที่ราคาขายผลิตภัณฑ์หลัก ยังคงสูงต่อเนื่องนะครับ
ส่วน PLE ผมไม่ได้ติดตามครับ
เคยมีการเก็งกำไร และมีผู้บริหารขายหุ้นออกมาหรือเปล่าครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 3:30 pm
โดย Jeng
นี่แหละคนรู้จริง งั้นผมไม่ต้องตอบแล้ว เพราะตอบมาก็คงให้ข้อมูลละเอียดเท่ากับคุณลูกอีสานไม่ได้
อิอิ
สถานการณ์ของ ATC มีแนวโน้มดี แต่จังหวะ short sell ตอนนี้ ทำให้ราคามันอาจจะลง โดยเฉพาะบ้านปูขายออกมา สงสัยเอาเงินไปจ่ายค่า Egcomp ละเปล่า
คืองี้ ราคา ATC ที่เราจะเข้าซื้อนี่ ถ้าเราซื้อ ที่ PE 6 เราต้องรอซื้อที่ราคาเท่าไร ถามคุณกายครับ
แล้วเราก็เตรียมไปขายที่ PE 12
อย่างไรก็ตามคงถือยาวหลายปีไม่ได้ เพราะปี 49 จะมีผลิตภัณแนวนี้ออกมาแข่งกันอีกเยอะเลย
เอากำไร 100 % ก็น่าจะพอ
แต่ถ้ามันไม่ลงมาที่ PE 6 ผมว่าก็ดู PSL ไว้ก็ดีนะ ตอนนี้มันลงมาที่ PE 6 แล้ว คือ มันลงมาแถวๆ 36 แล้วครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 7:49 pm
โดย Blueblood
เพิ่งเข้ามาอ่านครับ ตกใจมากๆ ที่โดนโพสท์ถึงขนาดนี้ !!!
ขอแก้ข่าวก่อน ผมไม่ใช่ผู้มีประสบการณ์มากนะครับ ผมเล่นหุ้นมา 2-3 ปีเองครับ ยังต้องเรียนรู้อีกมาก
อย่าเอาผมไปเทียบกับพี่ๆท่านอื่นๆในนี้เลยครับ มันคนละรุ่น (อายุ
อิ อิ ล้อเล่นครับ)
ป.ล. เรื่องหุ้นคงไม่ต้องตอบแล้วมั๊งครับ...
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 11:55 pm
โดย กายย
ขอบพระคุณมากๆเลยครับ ผมเองเพิ่งลงทุนได้แค่ 3 เดือน ยัง งูๆปลาๆ อยู่เลยครับ ผมถามท่านทั้ง 3 เพิ่มนะครับ
ผมคิดว่าสถานนะตอนนี้ ตัวที่น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก เท่าที่ผมมองดู (ด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม) น่าจะเป็น PSL กับ ATC น่าเข้าเก็บมาก คิดว่าภายในปีนี้ น่าจะได้ Upside gain เกิน 100 % ภายในปีนี้ เพราะมีปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกมากมาย มีป้อมปราการอย่างดีในระยะ 1-2 ปีนี้ คิดว่าถือลงทุนระยะกลางได้
ที่ผ่านมา 3 เดือน ผมเล่นหุ้นแบบมวยวัด Port ผมเลยขาดทุนอยู่ 10 % จาก TPI ซึ่งท่าน ลูกฮีสานและอีกหลายๆท่านได้เคยวิจารณ์ Port ผมมาแล้ว ผมเลยคิดว่า จะโยกเงินมาจะลงทุน 2 ตัวนี้ จะดีไหมครับ
อีก 2 ตัว ที่ผมสนใจคือ SPL กับ SPSU ไม่ทราบว่า 2 ตัวนี้เหมาะกับการถืิอระยะกลาง-ยาว (1-2ปี) ลงทุน ปลอดภัยไหมครับ เห็นราคาลงมามาก เลยอยากขอคำแนะนำว่าผมคิดถูกไหมครับ หรือถ้ามีตัวอื่นที่ดีให้ผลตอบแทนดีกว่านี้และปลอดภัยกว่านี้ จักขอบพระคุณมากเลยครับ
กายย
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 03, 2004 12:16 am
โดย บุคคลทั่วไป
เรียนถามคุณ Jeng เพิ่มเติมว่า
ที่แนวความคิดที่ว่าซื้อหุ้นที่ ที่การคาดการณ์ EPS ปี 47 (ตัดรายการพิเศษออก) ที่ PE 6 แล้วไปขาย ปี 48 ที่ PE 12 กำไร 100 %
งงครับ ช่วยยกตัวอย่างแบบง่ายๆที่เข้ากับสถนะการณ์ให้เห็นชัดๆ ได้ไหมครับ
ขอบพระคุณครับ
กาย
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 04, 2004 1:02 pm
โดย Blueblood
พี่เจ๋งคงหมายความอย่างนี้ครับ
สมมติมีหุ้นตัวนึงกำไรต่อหุ้นแบบตัดรายการพิเศษออกปี 47 คาดการณ์เท่ากับ 6 บาทต่อหุ้น
ถ้าราคาปัจจุบัน 36 บาท ซึ่งคิด p/e ปี 47 คือ 36/6 = 6 ถือว่าน่าลงทุนตามความหมายของพี่เจ๋ง
ถ้าต่อมาราคาตัวนี้ขึ้นเป็น 72 บาท ซึ่งคิด p/e ปี 47 คือ 72/6=12 บาท ถือว่าเป็นเวลาขายครับ
ป.ล. ขอแย่งพี่เจ๋งตอบคงไม่ว่านะครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 04, 2004 1:14 pm
โดย Jeng
ตอบคุณกาย เรื่อง SPL ผมว่าน่าซื้อครับ เพราะคาดว่าจะปันผล 2.75 และคาดว่าจะกำไรปี 47 เท่ากับ 4.17 ซึ่งยอดสินเชื่อรถโตกว่าปี 46 ถึง 35 % และคาดว่า ปี 48 จะโตกว่าปี 47 ถึง 25 % ทำให้คาดว่าจะกำไรปี 48 เท่ากับ 4.7 และจะสามารถปันผลได้ 3.25
ตอนนี้ SPL กำลังออกหุ้นกู้ 4000 ล้านบาทเพื่อขยายงาน หนี้ที่เกิดขึ้นของ SPL เป็นสินค้า เพราเอาหนี้มาปล่อยกู้ โดยมีรถยนต์ค้ำประกัน
SPL มี NPL ประมาณ 4 %
เรื่องวอแร้นไม่ต้องห่วงเพราะต้องแปลงที่ 35 บาท
ราคาปัจจุบันก็ประมาณ 36 บาท
บทวิเคราะห์ให้ PE 12 คู 4.17 เท่ากับ 56 ปลายปี
สรุปก็น่าซื้อครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 13, 2004 5:19 pm
โดย กาย
ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ ขอถามเพิ่มนะครับ
1.PE fully Diluted คืออะไรครับ เข้าใจว่าคือเจือจางเต็มๆ ใช่ PE ที่แท้จริงในอนาคตถ้ามี Warrant แปลงเข้ามารวมกับหุ้นสามัญทั้งหมดหรือเปล่า เดาเอา
2.ราคาเป้าหมายส่วนใหญ่ที่ Broker วิเคราะห์ออกมานี่ ส่วนใหญ่เค้ามักจะคิดรวม Warrant ที่มีและจะมีการแปลงเข้ามาในอนาคตเข้ามาด้วยหรือเปล่า เช่น Spali-W
3.เราจะดูว่า W ของบริษัทนี้แปลงที่ราคาเท่าไร เมื่อไร ที่เวปไหนมุมไหนง่ายครับ
4.ทุกท่านคง Trade ผ่าน Net เหมือนกัน ผมงงตรง Percent Buy & Sell ที่แสดงรายการที่ Match รายนาทีว่าเคาะไปกี่หุ้น งงตอนใกล้ตอนปิดตลาด ดังตัวอย่าง หุ้น M.K วันที่ 13-2-47
16:39:41 B 1,620,000 4.82
16:29:52 B 9,200 4.84
16:29:52 B 800 4.84
16:29:51 B 10,000 4.84
16:29:49 B 4,200 4.84
16:29:49 B 10,000 4.84
16:29:49 B 50,000 4.84
เข้าใจว่าก็ปิดตลาด 16.30 น ไม้สุดท้าย 9200 หุ้น 4.84 บาท
แต่ไอ้ตอน 16.39 น นีี่มาจากการสุ่มเลือกเวลาปิด ถามว่า เป็นรายการเคาะซื้อของ คนๆเดียวใช่หรือไม่ ที่ซื้อ 1.6 ล้านหุ้นที่ 4.82 ตรงนี้บอกอะไรเราเป็น นัยๆบ้างครับ
ขอบพระคุณครับ
ปล.ผมของ Email ของทุกท่านจะได้ไหมครับ
เรียนถามท่าน Jeng ,ลูกฮีสาน, Blueblood
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 15, 2004 9:49 am
โดย ลูกอิสาน
1.PE fully Diluted คืออะไรครับ เข้าใจว่าคือเจือจางเต็มๆ ใช่ PE ที่แท้จริงในอนาคตถ้ามี Warrant แปลงเข้ามารวมกับหุ้นสามัญทั้งหมดหรือเปล่า เดาเอา
2.ราคาเป้าหมายส่วนใหญ่ที่ Broker วิเคราะห์ออกมานี่ ส่วนใหญ่เค้ามักจะคิดรวม Warrant ที่มีและจะมีการแปลงเข้ามาในอนาคตเข้ามาด้วยหรือเปล่า เช่น Spali-W
3.เราจะดูว่า W ของบริษัทนี้แปลงที่ราคาเท่าไร เมื่อไร ที่เวปไหนมุมไหนง่ายครับ
4.ทุกท่านคง Trade ผ่าน Net เหมือนกัน ผมงงตรง Percent Buy & Sell ที่แสดงรายการที่ Match รายนาทีว่าเคาะไปกี่หุ้น งงตอนใกล้ตอนปิดตลาด ดังตัวอย่าง หุ้น M.K วันที่ 13-2-47
16:39:41 B 1,620,000 4.82
16:29:52 B 9,200 4.84
16:29:52 B 800 4.84
16:29:51 B 10,000 4.84
16:29:49 B 4,200 4.84
16:29:49 B 10,000 4.84
16:29:49 B 50,000 4.84
เข้าใจว่าก็ปิดตลาด 16.30 น ไม้สุดท้าย 9200 หุ้น 4.84 บาท
แต่ไอ้ตอน 16.39 น นีี่มาจากการสุ่มเลือกเวลาปิด ถามว่า เป็นรายการเคาะซื้อของ คนๆเดียวใช่หรือไม่ ที่ซื้อ 1.6 ล้านหุ้นที่ 4.82 ตรงนี้บอกอะไรเราเป็น นัยๆบ้างครับ
1.ถูกต้องครับคุณ กาย
2.ราคาเป้าหมายที่โบรคคาดการณ์ ควรจะคำนึงรวมวอแรนต์ที่จะแปลงด้วยครับ แต่โบรคบางรายก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ อาจจะโดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ผมคิดว่าเราควรยึดหลักอนุรักษ์นิยม โดยคิดพีอี ที่รวม วอแรนต์ไปด้วย เว้นแต่วอแรนต์บางตัว มีระยะเวลาการแปลงนานมากๆ ผลกระทบอาจจะน้อย
3.ดูข้อมูลวอแรนต์ได้ที่โบรคเกอร์ เช่น Asset zmico หรือดูในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจก็ได้ครับ
4.ราคาที่ 4.82 เรียกว่าราคาช่วง call market ครับ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนปรับพอร์ท หรือซื้อขายเป็นครั้งสุดท้าย โดยราคาที่เกิดขึ้นเป็นราคาที่ bid และ offer มา match กันครับ จำนวนที่ซื้อขายกันก็เป็นผลรวมของ ิbid-offer ของนักลงทุนหลายๆ ท่าน คงไม่ได้เป็นของนักลงทุนรายเดียว เว้นแต่จะมีคนเสนอซื้อ-ขายคนเดียว หรือเสนอราคาที่สูง-ต่ำมากๆ ทำให้เกิดรายการซื้อขายที่ราคานั้น หากถามว่าเป็นสัญญานอะไรหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจครับ เพราะปัจจุบันมีการ manipulated ราคากันมากครับ