หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 6:30 am
โดย Wvix
ผมอยากให้ทุกคนอ่านโดยทั่วกันครับ

ผมลอกมาแต่ข้อความที่คุณ Sugus โพสท์มานะครับ จาก link นี้ครับ

http://www.bbznet.com/scripts/view.php? ... rt=ASC&c=1

ที่ทิงเขียวระงมกันหมด บาดเจ็บสาหัส หลายคนโพสต์ล้างพอร์ต เล่นหุ้นวินาทีนี้มันทำให้ความสุขหายไปหมด แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้หล่ะ คิดกันบ้างไหม

ที่หุ้นตกตอนนี้ คิดกันบ้างไหมว่าเพราะอะไร หลายคนตอบปักษ์ใต้ หลายคนตอบโรคไก่ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะโรคไก่มากกว่า

ลองคิดดูสิว่าทำไมหุ้นจึงตก ทำไมซีพีเอฟขึ้นได้ จีเอฟพีที มันก็ขึ้น มันใช่โรคไก่ไหมที่ทำให้หุ้นตก แล้วหุ้นไก่เหล่านี้ทำไมสวนทาง

หลายคนตอบว่า เพราะหุ้นไก่มันตกมามากแล้วมันจึงเด้งกลับ แต่ความจริงคือ ทั้ง cpf และ gfpt มันตกหนักๆ จากกราฟ คือมีโดดลงมาวันที่ 23 มกราคม ทั้งสองตัว โดยที่โวลู่มมันมากขึ้นถึงสิบเท่าใน cpf และ ยี่สิบเท่าใน gfpt

คิดกันบ้างไหมว่าพวกมืออ่อน ขายทิ้งกันหมดในวันนั้น ปล่อยให้เจ้ามือยิ้มแย้ม ช้อนซื้อกันจ้าละหวั่น

เจ้ามือในที่นี้ มีทั้งพวกเจ้าของบริษัท พวกกองทุน และพวกต่างชาติ คุณลองคิดดูสิ ปัญหาไก่นี่ มันเกิดมาเยอะแยะแล้วกับประเทศต่างๆ ประเทศไทยเราเพียงแต่ไม่เคยเจอปัญหานี้มาก่อน ก็เท่านั้นเอง

ลองคิดดูว่าอีกห้าปีในอนาคต ลูกคุณเกิดมา ไม่มีไก่ ไม่มีไข่ไก่ให้กิน มันจะเป็นไปได้เหรอครับ ลองคิดดูให้ดีว่ามันจะถึงขั้นนั้นกันเหรอ

หุ้นไก่ทั้งสองตัว ราคาตกลงมาประมาณ 20-25% ทั้งสองจัดเป็นหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งผมไม่เถียง แต่ตอนนี้ข่าวร้ายก็คือข่าวไก่ หุ้นทั้งสองมันเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม คือวันที่ดัชนียังอยู่เกิน 750 จุด แต่ทำไม ณ วันนี้ วันที่หุ้นไก่ทั้งสองยังบวกอยู่ ยังเขียวอยู่

ทำไมเจ้าดัชนีด้วนของเรา มาโผล่ต่ำกว่า 700 ได้

หลายท่านคงไม่รู้จักคำว่าชอร์ตเซลส์ ซึ่งนักลงทุนซึ่งมีประสบการณ์มากหน่อย หรือเคยซื้อขายหลักทรัพย์ต่างชาติเช่น nasdaq, dow jones คงเข้าใจหลักการนี้ หลักการชอร์ตเซลส์นี้ มีเพื่อให้นักลงทุนที่เก็งว่าราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลง ทำการยืม

หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์เพื่อขายออกไปก่อน แล้วเมื่อราคาหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลง จึงเข้าไปทำการช้อนซื้อ เพื่อส่งคืนหลักทรัพย์ให้กับบริษัทหลักทรัพย์ต่อไป

ผมก็เคยมีประสบการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศมาก่อน พอจะเห็นประโยชน์ของชอร์ตเซลส์อยู่บ้าง แต่โทษของมันก็มีไม่น้อย

ต่างชาติอย่างเช่น อเมริกา อนุญาตให้นักลงทุนทุกระดับทำชอร์ตเซลส์ได้ ทีนี้ก็นอกจากจะแบ่งนักลงทุนแบบบ้านเราเป็น Value investor กับ Value Speculator แล้ว ที่นู่นจึงแบ่งนักลงทุนเป็นพวก Long กับพวก Short

พวก Long ก็ลงทุนโดยหวังให้หุ้นขึ้น พยายามเอาข่าวดีๆ เกี่ยวกับหุ้นมาบอก โดยหวังว่าหุ้นมันควรจะขึ้นไปเป็นพลุแตก พวก Short เค้าก็ลงทุนโดยหวังว่าหุ้นมันจะราคาตก ยิ่งตกมาก ยิ่งกำไรมาก แต่ถ้าหุ้นขึ้นบางทีเค้าก็แทบโดดออกกันไม่ทัน ทีนี้ก็

พยายามหาข่าวร้ายมาประโคม โดยดูจากอารมณ์ของตลาดโดยรวม แล้วพยายามเล่นตรงจุดนี้ ให้คนเกิด panic เพื่อขายหุ้นออกมา

ตอนแรก ผมคิดว่าประเทศไทยของเราไม่มีการทำชอร์ตเซลส์ แต่ที่ไหนได้ ไทยเรากลับอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันทำชอร์ตเซลส์ได้ ซึ่งรวมไปถึงนักลงทุนต่างชาติซึ่งก็สามารถทำชอร์ตเซลส์ได้ด้วย

ลองคิดกันไหมว่าที่ประกาศกันทุกวันว่าต่างชาติ กองทุน และรายย่อย ซื้อขายกันอยู่ทุกวัน แล้วต่างชาติกะกองทุนเค้าขายยัน ขายกันทุกวันนี่ เค้าขายอะไรกัน ทำไมมีให้ขายกันเยอะนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้ ต่างชาติ กะกองทุน ไม่รู้ไปขนจากไหนมาขาย คุณว่าคนพวกนี้ เมื่อเทียบกับคุณ ใครมีความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุนสูงกว่ากัน คุณว่าใครมีข่าววงในมากกว่ากัน คุณว่าใครมีความพร้อมทางการเงินมากกว่ากันในการที่จะดัมพ์ราคา

ให้ต่ำลง หรือปั่นหุ้นให้สูงขึ้น

ดูจากวันนี้ก็ได้ ถ้ายอดรวมแล้ว ต่างชาติยังขายอยู่ และกองทุนยังขายอยู่ มันก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของนักลงทุนอย่างเราๆ แสดงว่าเรายังต้องเป็นเหยื่อของพวกเอารัดเอาเปรียบพวกนี้ต่อไป

ตามที่ผมกล่าวข้างต้น หุ้นไก่ทั้งสองคือ cpf กะ gfpt ราคาเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมแล้ว ขณะที่ดัชนีมันร่วงปรู๊ดมาถึงต่ำกว่า 700 ณ วันนี้ คุณว่ามันจะลงไปถึงไหน

ตามหลักการชอร์ตเซลส์แล้ว มันลงได้ต่ำสุดคือเข้าใกล้ศูนย์ แล้วพวกคุณจะยอมย่อยยับไปกับมัน โดยการขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้ง อย่างที่ทำอยู่กันเพื่ออะไรครับ

ถ้าความต้องการของคุณ คือทำให้หุ้นมันราคาถูกลง เพื่อให้คนไทยด้อยโอกาส ได้เข้าซื้อหุ้นราคาถูกๆ ผมก็ยินดีกับความคิดนี้ เพราะอย่างน้อยถือเป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าคิดแต่ขายทิ้งเพราะว่ามันตก ยิ่งขายมากขึ้นมากขึ้น แล้วหุ้นมันจะวิ่งขึ้นได้

เหรอครับ

ตอนนี้ อาจจะพูดได้ว่าสาเหตุที่หุ้นตก ไม่ใช่เพราะโรคหวัดไก่แล้ว แต่เป็นปัญหาจากการทำชอร์ตเซลส์เป็นหลัก แล้วก็ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ มีการสร้างภาพ ปกปิดข่าวต่างๆ แล้วก็ปัญหาหลักๆ คือพวกเรานักลงทุนพานิคกันเอง ขายทิ้ง

ขายขว้างกันเอง ทำแบบนี้ ยิ่งเข้าทางพวกต่างชาติ กับนักลงทุน พวกนั้นจะยิ่งได้ ขายชอร์ตเซลส์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ถึงตอนนั้นเศรษฐกิจไทยเรา ตลาดจะร่วงไปถึงไหนแล้ว

ตามที่หลายท่านบอกว่า หุ้นไก่ขึ้นสวนตลาด เพราะราคาได้ตกลงมากแล้ว แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ดี จะพบว่า หุ้นอีกหลายๆตัว ราคาก็ตกมากเหมือนกัน หรือมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นหุ้นพื้นฐานดี หรือดีกว่า

หลักการชอร์ตเซลส์ คือ จะดูอารมณ์ของตลาด ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในมือ แต่สามารถยืมจากโบรกได้ เพื่อขายไปก่อน ทีนี้พวกต่างชาติและกองทุนก็จะดูว่าตอนนี้เหมาะจะทำชอร์ตหรือยัง โดยจะเริ่มให้ข่าว แล้วก็ทำการชอร์ต ควบคู่ไปกับการให้ข่าวไปเรื่อย ทีนี้

ข่าวร้ายสารพัดก็ดูเหมือนจะวิ่งออกมาเองโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะข่าว บุชกับอิรัก ข่าวก่อการร้ายต่างๆ ข่าวเสี่ยโอ๊คจะขายหุ้นทหารไทย ข่าวไอทีวีไม่ได้ค่าสัมปทาน เป็นต้น ลองคิดดูสิครับ ถ้าข่าวลือต่างๆ เหล่านี้ แค่นี้ ยังทำให้หุ้นตกได้ขนาดนี้ แล้วถ้าข่าวจริงที่

มีมูลมากกว่านี้ออกมา คนจะไม่พากันขายทิ้งกันหมดเลยหรือ

การทำชอร์ตเซลส์จะไม่จบครับ เหมือนกับพวกคุณ เวลาซื้อหุ้นแล้ว ราคาพุ่งขึ้น ขึ้นเอา ขึ้นเอา เคยคิดไหมว่าจะขายเมื่อไหร่ บางคนมีวินัย เช่น พอปิดวันแรกต่ำกว่าราคาของวันก่อนหน้าให้ขายทันที หรือบางคนก็มีเทคนิคดีดีแบบอื่น หรือดูเมื่อตลาดเริ่มปรับตัว

แต่การชอร์ตเซลส์ เค้าจะไม่หยุด ถ้าเห็นว่าอารมณ์ของตลาดยังไปต่อได้ แต่ในทางลบนะครับ ลองถามพวกคุณดูเองว่า ณ เวลานี้ คุณว่าหุ้นมันน่าจะตกต่อ หรือน่าจะกลับขึ้นมาได้แล้ว

คนทำชอร์ตเซลส์ จะให้ข่าวลบออกมาเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นข่าวลือ ไม่มีมูลแม้แต่น้อย ยิ่งบางครั้งโชคดี ข่าวร้ายมาให้ใช้ถึงที่ เค้าก็จะยิ่งได้ใจ กระพือข่าวกันอุตลุต ข่าวไก่นี่ก็เหมือนกัน ข่าวลือหรือป่าวที่ว่าร้ายจริงๆ ก็ยังไม่ออกมา แต่ผมได้ยินมามากพอสมควร ทั้ง

เรื่องกินไก่สุกแล้วยังติดโรค หรือข่าวโรคไก่ในราชสำนัก เป็นต้น

ทีนี้เค้าจะหยุดทำชอร์ตเซลส์กันก็ต่อเมื่อเห็นว่าตลาดหมดทางลบกันแล้ว มีแต่จะขึ้น เพราะอะไรทราบมั๊ยครับ

เพราะยามที่ตลาดวิ่งกลับ พวกนี้ถ้าไม่ไว ช้อนซื้อไม่ทัน เค้าก็จะขาดทุนมหาศาลได้ แต่ไทยเราก็ได้สร้างมาตรการมาเพื่อปกป้องพวกนี้อยู่แล้วโดยการตั้งกำแพง ceiling กับ floor ที่ 30% ซึ่งทำให้พวกนี้ได้ใจมากขึ้น จริงอยู่การเล่นหุ้นทางบวกได้กำไรง่าย

แต่การเล่นทางลบ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เป็นใจแบบนี้ กลับทำกำไรให้มากกว่าอย่างเทียบไม่ติด

มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่ถึงกับฆ่าตัวตาย เพราะชอร์ตหุ้นแล้วไม่สามารถซื้อกลับได้ เนื่องจากราคาขึ้นสูงเกินไป เรื่องนี้เกิดขึ้นในอเมริกา เพราะหุ้นไม่มีกำแพงมากั้น บางตัวเคยขึ้นถึง 700-1000% ในหนึ่งวัน เมื่อเกิดข่าวดีขึ้นมา หรือตกลงเกือบ 100%

ใน 1 วัน

แต่ในกรณีตลาดหุ้นบ้านเรา คนไทย ประชาชนเต็มขั้นอย่างพวกเรา กลับตกเป็นเบี้ยล่าง ของคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนในชาติเดียวกัน ที่เอารัดเอาเปรียบเราอยู่ตลอดเวลา

การทำชอร์ตเซลส์จะจบลง ทั้งต่างชาติ และกองทุน จะเริ่มกลับมาซื้อ ก็ต่อเมื่อ พวกนั้นเห็นว่า ตลาดเชิงลบกำลังจะสิ้นสุดลง ฉนั้นในสภาวการณ์ปัจจุบัน แทนที่จะขายขายขาย อยากให้คุณคุณ ลองทำในทางกลับกัน คือเปลี่ยนเป็นถือ ถือ ถือ ไม่ซื้อเพิ่มไม่ว่า แต่

อย่าเอาแต่ขาย ลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราถึงคิดที่จะลงทุนในหุ้นนั้นในตอนแรก แล้วตอนนี้พื้นฐานของหุ้นมันเปลี่ยนไปมากจริงหรือ ที่จะทำให้เราต้องขายขาดทุนมากขนาดนี้

ถ้าเราเอาแต่จะรอพึ่งรัฐบาลของพวกเรา พวกเราคงต้องรอจนเหงือกแห้ง หรือไม่ก็คงต้องตายก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ รัฐบาลซึ่งมาจากประชาชน ใช้เงินภาษีที่พวกเราทุกคนให้ เพื่อประโยชน์ของตน เพื่อปากท้องของพวกพ้อง ทำทุกอย่างเอาหน้า เล่น

พรรคเล่นพวก สร้างภาพ จอมปลอม ฯลฯ

ถ้ายังจะขาย ขาย ขายกันต่อไป อีกนานครับ กว่าจะทำให้พวกชอร์ตเซลส์เลิกชอร์ต และทำให้ตลาดกลับขึ้นมาใหม่ได้ ในเวลานี้ ทุกคนควรทำสติให้มั่น ถามตัวเองว่า ถ้าเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็น สามารถเก็บหุ้นไว้ รอเวลาสักระยะหนึ่ง อาจจะสามเดือน ครึ่งปี

หรือหนึ่งปี ถือหุ้นที่ลงทุนไว้ หรือในกรณีที่แย่จริง อาจจะใช้เวลาหลายปี แต่อย่างที่ดูดูกัน ตอนนี้ ไม่มีปัจจัยร้ายอื่นๆ ภาพรวมยังห่างจากสภาพฟองสบู่อีกมาก ตลาดน่าจะกลับมาได้ ถ้าเลิกขายทิ้งขว้างกัน ถ้าเราพร้อมใจกันบังคับให้พวกเจ้ามือ ทั้งต่างชาติและ

ในไทย รีบเข้ามาช้อนได้เมื่อไหร่ เราก็จะไม่ขาดทุนกันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่

ยังไงก็ขอบคุณครับ สำหรับความคิดเห็นที่หลายๆท่านได้กรุณาแสดงไว้ แต่อยากให้ดูนะครับว่า ข้อมูลนั้น เป็นข้อมูลของคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อย ยุคนี้เป็นยุคของกระแสครับ คนหมู่มากมักจะนำไปตามแนวทางต่างๆ ถึงแม้อาจจะเป็นทางที่ไม่ถูกต้องก็ตาม

หรือถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่ ไม่มีพื้นฐาน ก็อาจจะตัดสินใจขาย เพื่อไปซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาถูกอยู่ หรือตกลงมาให้รับไป

ซึ่งจริงๆแล้ว ณ เวลานี้ ปรกติเป็นเวลาที่หุ้นโดยรวมควรมีราคาสูงขึ้น เพื่อรับผลประกอบการ และการปันผลซึ่งจะมีขึ้นในกลางเดือนหน้า ถ้าเงินคุณเย็นจริง เก็บอีกสิบห้าวันไม่เกินครับ คุณจะได้ประโยชน์มากมายจากการรอคอยของคุณ มากกว่าที่จะด่วนขาย

ทิ้งทุกอย่างในตอนนี้

อย่างที่บอกครับ การขึ้นลงของหุ้นที่ไม่มีมูล จะเป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คุณๆ ซึ่งถึงแม้จะมีความรู้แบบนักวิเคราะห์จะคาดคิดกันทัน ฉนั้นถ้าพวกต่างชาติ และกองทุนเกิดเปลี่ยนใจกัน คุณอาจจะไม่ทันต่อการดีดกลับของหุ้นได้

ถ้าพวกคุณพร้อมใจกัน ไม่ขาย ไม่ขาย ไม่ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ข่าวดีจะประกาศออกมาสำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ผมเชื่อว่าต่างชาติกับกองทุน จะต้องรีบกลับมาซื้อ และทำให้ตลาดหุ้นเรากลับมาที่สร้างความหวัง และ

ความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนอีกครั้งนึง

ยังไงก็ขอจบการเขียนไว้ตรงนี้นะครับ ขอบคุณที่ช่วยอ่านดู ผมมีประสบการณ์เคยซื้อหุ้นดอทคอม ที่ราคา $20 รอดูจนมันเหลือ $0.00001 ก่อนจะหลุดจากตลาดไปมาแล้ว หมดไปเป็นล้าน แต่เทียบกับตอนนี้ หุ้นที่ผมถืออยู่ พื้นฐานมันต่างกันเยอะ

สมัยก่อน ผมเคยซื้อหุ้นแล้วมัน ลดพาร์ reverse split คือทำให้หุ้นเหลือน้อยลง ทำให้ผมขาดทุนไปเยอะ ผมเห็นว่าหุ้นตัวนั้นพื้นฐานดี ผมจึงเก็บมันไว้ตั้งแต่ปี 2000 พึ่งขายไปปีที่แล้ว ปรากฎว่าหลังจาก reverse split แล้ว หุ้นขึ้นจาก $1.5 มาที่ $80 ซึ่ง

เป็นเรื่องจริง ฉะนั้นที่พวกคุณเจอๆกันตอนนี้ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด

ตอนนี้พอร์ตของผมเองก็ลดลงพอๆกับเจ้าหุ้นไก่ทั้งสอง ถ้ายังไงก็เก็บหุ้นปันผลไว้นะครับ พวกนี้ไม่แย่นักหรอกครับ สำหรับในระยะเวลาอีกไม่ไกลข้างหน้า

โชคดีเป็นของทุกท่าน เลิกเครียดเถอะครับ สุขสันต์วันหยุดคร๊าบบบบ
--------------------------------------------------------------------------------
Wvix
ถ้าอ่านจากข้อความ ทั้งหมด เห็นชัดๆเลยครับ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบที่สุดครับ
ในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนของรายใหญ่ๆ (ซึ่งอาจเป็นทั้งต่างชาติ, รายใหญ่ๆก็ได้) ไม่มากแต่ถ้าเทียบสัดส่วนเม็ดเงินกับตลาดหุ้นแล้วเม็ดเงินต่อหัวของพวกนี้เยอะ
ทำให้มีอิทธิพลง่ายต่อการผลักดันราคาหุ้น และคนพวกนี้รวมตัวกันติด มีข่าวสารที่ไวกว่ารายย่อยมาก และพวกนี้ก็คือพวกที่คอยผลักดันราคาหุ้นให้เคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตามใจ
และก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินที่ร้ายกาจอย่าง Short Sell อยู่ และไอ้เครื่องมืออันนี้นี่แหละที่ทำให้รายย่อยอย่างเราเสียเปรียบสุดๆ
ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ๆ ผมซึ้งแล้วครับ ทั้งๆที่ผมเล่นหุ้น Style VI ผมยังขาดทุนเละ (ทางบัญชี)
และหุ้นที่ผมถืออยู่ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าราคามันไม่ได้สะท้อนตามผลประกอบการ ทั้งๆที่ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยแย่ลงเลย
ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงชั่วขณะ พอขึ้นไปได้ ไม่ทันได้ขาย ราคาก็กลับตกลงไปหนักและหนักกว่าเก่าอีก เหมือนผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักมาก
และไอ้ข่าวที่คนเค้าแตกตื่นกันอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผลประกอบการหุ้นของผมเลยสักนิด
ผมสรุปเลยว่า ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับเจ้ามือคนทำราคาครับ ถ้าเป็นหุ้นใหญ่หน่อยก็อาจมีทั้งสถาบันและต่างชาติ
และรายย่อยไม่ค่อยมีความรู้ด้านปัจจัยพื้นฐาน เล่นเก็งกำไรกัน ตามข่าวตามเทคนิคกันไปวันๆ รอให้รายใหญ่ลากไปทางโน้นทีทางนี้ที
สังเกตุได้ตามเว็ปบอร์ด และวิทยุคลื่นเกี่ยวกับหุ้น
ผมคิดว่า ต่อไป ผมจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว แล้วถ้าถอนทุนคืนได้จากตลาดทุนหมดผมจะไปแล้วครับ ตลาดหุ้นแบบนี้ตามตรรกะของผมแล้วผมไม่เอาด้วยแล้วครับ
พวกคุณคิดดูอยู่ๆ ฟ้านึกจะผ่าก็ผ่าขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้ ใครจะรับได้ครับ (ผมรับไม่ได้ครับ)
ลองไปอ่านที่ link ด้วยก็ดีครับเพราะจะได้ทั้งเนื้อทั้งน้ำครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 7:30 am
โดย บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมากครับ

แปลกเช่นที่คุณว่ามาครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 12:05 pm
โดย คัดท้าย
อันนี้ถ้าไปถาม ท่านพี่ดัชนีไทย ที่ taladhoon.com อาจได้อีกคำตอบนึงนะครับ อิอิ

เพราะแกว่า Short Sell ไม่ร้ายเท่า SET ที่ถ่วงน้ำหนักผิด ทำให้การทำดัชนีนั้นสามารถทำร้ายนักลงทุนได้ ผมก็เห็นด้วยส่วนหนึ่งนะ :lol:

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 1:06 pm
โดย Solo
จริงคือเท็จ เท็จคือจริง

ลากขึ้นเพื่อขายทำกำไรสูงสุง

ทุบลงเพื่อรับของถูกถูก ไว้ เพื่อขายสูงสูงในภายหลัง

นี่ละครับตลาดหุ้น

ผู้ที่มั่นใจในหุ้นนั้นนั้น ต่ำต่ำ อย่าลืมซื้อเพิ่มนะครับ

ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 3:23 pm
โดย Jeng
อ่านมาตั้งนาน ผมว่าเจ้าของกระทู้ มีออกความเห็นได้ดี ถูกต้อง ตรงประเด็น

แต่บทสรุปว่าจะเลิกเล่นผมว่าแปลกนะ

เพราะตลาดหุ้นก็เป็นแบบนี้

และที่เจ้าของกระทู้เจอที่เมริกา มันก็หนักกว่านี้ไม่ใช่หรือ

ทำอย่างกับว่าเมืองไทย หนักกว่าอเมริกา

ผมว่าหุ้นโดน short ดีแล้วครับ มันเป็นโอกาสให้ผมกลับมาเล่นแนว VI แต่ผมว่ามันยังลงน้อยไป

สมัยก่อน ปีกว่าๆ ที่แล้ว ยังมีราคาที่ต่ำกว่า ปัจจุบันให้เห็นมากมาย ตอนนี้จะว่าถูกก็ไม่เชิง มีแค่บางตัวเท่านั้นที่ราคาเริ่มที่จะพอรับได้

ขอบคุณที่โพสกระทู้เตือนใจนี้ครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 8:05 pm
โดย Mon money
ยังเป็นVIที่ยังใจไม่มั่นคงพอครับ เห็นเกมส์การทำกำไรทั้งลากขึ้นและทุบลงยังหวั่นไหว ผมมองว่าลากขึ้นเกินมูลค่าก้นบุหรี่หมดผมก็คาย ทุบลงมาเหมื่อนต่อบุหรี่ใหม่ให้ผม ผมก็สูบต่อ สนุกออก ลองดูซิ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 8:16 pm
โดย champ
[quote="Mon money"]ยังเป็นVIที่ยังใจไม่มั่นคงพอครับ เห็นเกมส์การทำกำไรทั้งลากขึ้นและทุบลงยังหวั่นไหว ผมมองว่าลากขึ้นเกินมูลค่าก้นบุหรี่หมดผมก็คาย ทุบลงมาเหมื่อนต่อบุหรี่ใหม่ให้ผม ผมก็สูบต่อ สนุกออก ลองดูซิ[/quote]

คุณ Mon money ครับ
ผมรบกวนหน่อยสิครับผมอยากทราบเรื่องที่ว่า
ขึ้นเกินมูลค่านี่ดูอย่างไรครับ
ผมว่าผมดูไม่เป็นเลยครับ
เลยไม่ได้คายของเลยครับ
ดูไปดูมาผมยังงงๆตัวเองเลยครับ
ผมไม่ได้ขายอะไรมานานแล้วเนี่ย
ผมกำลังคิดว่าผมดูว่าเกินมูลค่าไม่เป็นเลยครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 10:12 pm
โดย chatchai
การที่คนคิดว่ากำลังลงทนแบบ VI แล้วจะไม่ขาดทนอย่างที่คณ Wvix กำลังบ่นอย่ในกระท้นี้ ผมว่าน่าจะเข้าใจผิด

การลงทนแบบ VI นั้นคืออะไรครับ

การลงทนแบบ VI คือการที่เราเชื่อว่าราคาห้นของแต่ละบริษัทน่าจะสะท้อนผลการประกอบการและฐานะของแต่ละบริษัทในระยะยาว โดยราคาของห้นนั้นก็จะสะท้อนจากอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการที่เราเป็นผ้ถือห้น

แต่ระยะเวลาอันสั้นนั้นราคาของห้นแต่ละบริษัทอาจจะแกว่งขึ้นลงมากกว่าราคาตามพื้นฐานก็เป็นได้ ตามแต่ Mr.Market

ที่นี้นักลงทนหน้าใหม่บางคนคิดอยากลงทนแบบ VI ด้วยการเลือกบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีในอดีต และคิดว่าจะถือลงทนในระยะยาว แล้วน่าจะไม่ขาดทน

ผมว่าผิด ทำไมหรือครับ เพราะว่าการคิดเท่านั้นไม่เพียงพอครับ การลงทนในบริษัทที่ดีต้องลงทนในราคาที่เหมาะสมด้วยครับ ไม่ใช่ว่าบริษัทนี้มีผลประกอบที่ดีมาโดยตลอด แล้วจะซื้อได้ทกราคา P/E 20 เท่าก็ยังซื้อ

อีกทั้งบางขณะถึงแม้เราจะซื้อบริษัทที่ดี ราคาที่ต่ำแล้ว Mr.Market ก็ยังลดราคาลงอีกก็ได้ครับ ไม่เห็นแปลก ห้นหลายบริษัทที่ Buffett ซื้อก็ยังมีราคาที่ลดลงต่ำกว่าต้นทนเป็นปีๆเลยครับ

การที่เราลงทนแบบ VI นั้นคือเราคำนวณอัตราผลตอบแทนที่เราหวังว่าจะได้จากผลการดำเนินงานไม่ใช่หรือครับ ดังนั้นถ้าผลการดำเนินงานเป็นอย่างที่เราคาด อัตราผลตอบแทนก็น่าจะได้เท่าที่เราคำนวณไว้ไม่ใช่หรือครับ นอกจากเราคำนวณผิด ราคาตลาดตกลงก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของเราเลยครับ

ส่วนการ Short Sell ตามกระท้ที่ลอกมานั้น ทกครั้งที่ห้นตกก็มักจะเกิดการหาเหตผลต่างๆนานาเพื่อที่จะโทษคนอื่นครับ ผ้เขียนกระท้มีข้อมลการ Short Sell ของต่างชาติหรือกองทนหรือครับ หรือพอห้นตกก็ว่าคิดเอาเอง การ Short Sell นั้นผมเข้าใจว่าคงจะทำการ Short ได้จำกัดนะครับ เพราะมีการ Limit จำนวนห้นที่จะ Short

การ Short นั้นมีความเสี่ยงมากกว่าการ Long เยอะนะครับ
เพราะการ Long นั้น เราจะขาดทนได้อย่างมากสดก็คือจำนวนเงินที่เราซื้อห้น คือมีการ Lmit Loss
แต่การ Short นั้นไม่มีการ Limit Loss นะครับ เช่นถ้าเราขายห้น A ไปที่ 5 บาท แล้วราคามันขึ้นไม่หยด เราจะขาดทนมหาศาลเลยครับ เรียกว่า Unlimit Loss เลยครับ

การลงทนแบบ VI ที่แท้จริงย่อมร้ตัวว่ากำลังลงทนอะไรอย่ ไม่กระวนกระวายใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ

การที่อย่ๆ ฟ้าก็ผ่าบ่อยๆ ทำให้ผมจึงต้องลงทนแบบ VI งัยครับ เวลาฟ้าผ่าจะได้ไม่ต้องวิ่งไปหลบฝนเหมือนชาวเก็งกำไรทั้งหลายครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 10:59 pm
โดย Mon money
การดูมูลค่าว่าเกินไปหรือยังนั้นในกระทู้คุณวิบูลย์เขียนไว้มากครับ สำหรับคุณแชมป์ถ้าถือหุ้นดีๆที่ถือได้ตลอดก็ไม่ต้องขาย สำหรับผมก็มีหุ้นอย่างนั้นหลายบริษัท

ส่วนหุ้นแบบก้นบุหรี่ที่ผมคายเข้าคายออกนี่ ผมมองP/Eในอนาคตล่วงหน้าปีสองปี แค่ก็หมูบ่อยๆอย่างASSETนี่หมูตัวโตเลยทีเดียว แต่ก็100%ที่ได้มา

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 11:00 pm
โดย champ
ขอบคุณครับ คุณ Mon

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 11:56 pm
โดย Sin
ผมว่าเขาไม่มีทางเลิกหรอกครับ ตราบใดที่ความโลภยังอยู่คู่กับมนุษย์ เพียงแต่เขาจะควบคุมมันได้มากแค่ไหนเท่านั้นเอง

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 01, 2004 9:29 pm
โดย VIB007
ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ๆ ผมซึ้งแล้วครับ ทั้งๆที่ผมเล่นหุ้น Style VI ผมยังขาดทุนเละ (ทางบัญชี)
และหุ้นที่ผมถืออยู่ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าราคามันไม่ได้สะท้อนตามผลประกอบการ ทั้งๆที่ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยแย่ลงเลย
ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงชั่วขณะ พอขึ้นไปได้ ไม่ทันได้ขาย ราคาก็กลับตกลงไปหนักและหนักกว่าเก่าอีก เหมือนผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักมาก
และไอ้ข่าวที่คนเค้าแตกตื่นกันอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผลประกอบการหุ้นของผมเลยสักนิด
ผมสรุปเลยว่า ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับเจ้ามือคนทำราคาครับ ถ้าเป็นหุ้นใหญ่หน่อยก็อาจมีทั้งสถาบันและต่างชาติ
และรายย่อยไม่ค่อยมีความรู้ด้านปัจจัยพื้นฐาน เล่นเก็งกำไรกัน ตามข่าวตามเทคนิคกันไปวันๆ รอให้รายใหญ่ลากไปทางโน้นทีทางนี้ที
สังเกตุได้ตามเว็ปบอร์ด และวิทยุคลื่นเกี่ยวกับหุ้น
ผมคิดว่า ต่อไป ผมจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว แล้วถ้าถอนทุนคืนได้จากตลาดทุนหมดผมจะไปแล้วครับ ตลาดหุ้นแบบนี้ตามตรรกะของผมแล้วผมไม่เอาด้วยแล้วครับ
พวกคุณคิดดูอยู่ๆ ฟ้านึกจะผ่าก็ผ่าขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้ ใครจะรับได้ครับ (ผมรับไม่ได้ครับ)
ในฐานะคุณWvix เคยเข้ากระทู้ตระแกรงร่อน
ผมขอเสนอความคิดหน่อยแล้วกัน
ลงทุนแค่ครึ่งปีแล้วขาดทุน แค่นี้ก็ท้อแล้วเหรอครับ

ผมว่ายิ่งชาวบ้านเขาขายหุ้นดีๆให้เราถูกๆก็ยิ่งดีซะอีกครับ
ลองกลับไปคิดใหม่ว่า เราซื้อหุ้นตัวนั้นไปทำไม
ถ้าถือเพียงเพื่อรอขายด้วยราคาที่สูงกว่าในเวลาไม่กี่เดือน
ผมว่าคงเข้าใจผิดกันแล้ว
ถ้าเราคิดว่าในอนาคตบริษัทนั้นยังคงมีผลประกอบการที่ดี
ก็ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่า ราคาลดลงแล้วเราลงทุนผิด

ใจเย็นๆ ลองกลับไปคิดใหม่
ศึกษาหาความรู้เยอะๆ แล้วจะเข้าใจเองครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 01, 2004 10:04 pm
โดย Boring Stock lover
ปกติเวลาลงทุนในหุ้น ผมไม่ค่อยกลัวเวลาลงทุนผิดราคา แต่กลัวลงทุนผิดบริษัท

ไม่ได้หมายความว่าผมซื้อทุกราคานะครับ ก่อนซื้อก็รอบ้าง แต่ซื้อผิดราคา แก้ง่าย เช่น ซื้อเฉลี่ย หรือ รอ เพราะเดี๋ยวราคามันก็กลับมาเอง เมื่อผลดำเนินงานมันดีขึ้น แต่ซื้อผิดบริษัท ตอนท้ายก็ขาดทุนยับ ไม่ว่าจะเป็นเพราะตัดใจขายทิ้ง หรือ เจ้าของตัดใจล้มละลายก่อน

ก็เพื่อเป็นกำลังใจ Buffet ก็เคยซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกไปมากมาย

จริงๆแล้วช่วงนี้ ลองหาเวลาไปอ่านหนังสือการลงทุนเพิ่มซิครับ ก็อาจจะช่วยให้เรารู้จุดอ่อนอยู่ตรงไหน

แต่จริงๆ การลงทุนทางตรงในตลาดหุ้นนั้น ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนนะครับ เราสามารถลงทุนผ่านกองทุน แล้วใช้เวลาเราไปหามูลค่าเพิ่มทางอื่นดีกว่า

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 01, 2004 10:59 pm
โดย Wvix
ขอบคุณพี่วิบูลย์ครับ ผมไม่ได้สูญเสียความศรัทธาในการลงทุนแนว VI แต่อย่างใดครับกลับกันครับผมรักเคารพทั้งหลักการนี้และพวกพี่ทุกๆคนครับ ผมเชื่อครับว่าการลงทุนแนว VI มันช่วยสร้างสรร ทำให้คนเจริญ ทำให้กิจการมีธรรมาภิบาล ทำให้ตลาดทุนพัฒนาขึ้นอย่างยั่งยืนครับ เพี่ยงแต่ตอนนี้ผมขาดศรัทธาในระบบครับ

จริงๆแล้วแทนที่กติกาตรงนี้เป็นเรื่องดีแต่ผมกลับคิดว่ากติกาตรงนึ้มันทำให้เป้าหมายของVIที่วางแผนไว้บรรลุผลช้ามากกว่าครับ
ถ้ามีคน Short Sell ลงมาทำให้ตลาดหุ้น Panic หุ้นดีหุ้นเน่าก็พร้อมใจกันลง ประกอบกับโดนทุบราคาตามน้ำอีก
(หุ้นตัวไหนที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ดีหน่อยราคาหุ้นก็คงลงไม่มาก)เป้าหมายที่เราคิดไว้มันก็ช้าขึ้นไปอีกจริงไหมครับ

แล้วที่ว่าเป็นโอกาส คนเราที่ไหนจะมีเงินมาช้อนซื้อหุ้นราคาถูกๆได้ตลอดล่ะครับ แล้วคนที่ซื้อหุ้นไปแล้วแล้วไม่มีเงินมาช้อนหุ้นอีกล่ะครับ

และการที่หุ้นมันลงด้วยการทำให้ตลาดมัน Panic เช่นนั้น มันก็ลงไปเกือบทั้งตลาดนั่นล่ะครับ
ถ้าหุ้นตัวไหนไม่ลงก็ต้องถูกกดดันให้ลงหรือขึ้นได้ช้าขึ้นอยู่แล้วเพราะ PE โดยเฉลี่ยมันลดลง

สรุปมันก็เหมือนกับเราแทบต้องมาเริ่มนับ 1 กันใหม่ทั้งหมดอยู่ดีนั่นล่ะครับ เผลอๆถอยหลังติดลบอีก
ผมว่าตราบใดที่ยังคงกฏกติกาที่ยังไม่เหมาะสมกับตลาดหุ้นไทยเช่นนี้
การที่เราจะบรรลุวัตถุประสงค์ของการลงทุนมันก็คงจะยากขึ้นไปอีกนั่นล่ะครับ

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้่ผมก็เข้าใจนะครับว่าวิธีการของ VI ไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่ลงทุนจริงๆหรือแบบก้นบุหรีก็ตาม น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วตามที่พวกพี่ๆรู้กันอยู่ครับ

ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ
ผมว่านักลงทุนไทยเล่นกันเป็นเกมส์จับกระต่ายครับมีคน(คนสร้างราคา)เอาอาหารเศษอาหารมาล่อแล้วกระต่าย(นักลงทุนแมงเม่า)ก็กระโดดเข้าไปกินถ้าหนีไวก็ได้กินเศษอาหารมากบ้างน้อยบ้าง แต่ถ้าหนีไม่ทันก็โดนเชือดเลยครับ

ส่วนVI เหมือนชาวสวนปลูกผักครับ ขยันปลูกด้วยความขยันแต่บางทีก็อาจมีอันธพาลมาทำลายแปลงปลูกผักให้เสียหายครับกว่าจะได้กินก็เหนื่อยเหมือนกัน
Jeng เขียน: อ่านมาตั้งนาน ผมว่าเจ้าของกระทู้ มีออกความเห็นได้ดี ถูกต้อง ตรงประเด็น

แต่บทสรุปว่าจะเลิกเล่นผมว่าแปลกนะ

เพราะตลาดหุ้นก็เป็นแบบนี้

และที่เจ้าของกระทู้เจอที่เมริกา มันก็หนักกว่านี้ไม่ใช่หรือ

ทำอย่างกับว่าเมืองไทย หนักกว่าอเมริกา
* พี่เจ๋ง ผมไม่เคยเล่นหุ้นที่ อเมริกานะครับ กรุณาอ่านดีๆหน่อยครับ
chatchai เขียน: การ Short นั้นมีความเสี่ยงมากกว่าการ Long เยอะนะครับ
เพราะการ Long นั้น เราจะขาดทนได้อย่างมากสดก็คือจำนวนเงินที่เราซื้อห้น คือมีการ Lmit Loss
แต่การ Short นั้นไม่มีการ Limit Loss นะครับ เช่นถ้าเราขายห้น A ไปที่ 5 บาท แล้วราคามันขึ้นไม่หยด เราจะขาดทนมหาศาลเลยครับ เรียกว่า Unlimit Loss เลยครับ
* Short Sell ที่ประเทศไทยเหมือนมีเพดานกลายๆในวันอยู่นะครับพี่ฉัตรชัยเพราะประเทศไทยตั้ง Ceiling กับ Floor ไว้ที่ 30%
chatchai เขียน: บางขณะถึงแม้เราจะซื้อบริษัทที่ดี ราคาที่ต่ำแล้ว Mr.Market ก็ยังลดราคาลงอีกก็ได้ครับ ไม่เห็นแปลก ห้นหลายบริษัทที่ Buffett ซื้อก็ยังมีราคาที่ลดลงต่ำกว่าต้นทนเป็นปีๆเลยครับ

การที่เราลงทนแบบ VI นั้นคือเราคำนวณอัตราผลตอบแทนที่เราหวังว่าจะได้จากผลการดำเนินงานไม่ใช่หรือครับ ดังนั้นถ้าผลการดำเนินงานเป็นอย่างที่เราคาด อัตราผลตอบแทนก็น่าจะได้เท่าที่เราคำนวณไว้ไม่ใช่หรือครับ นอกจากเราคำนวณผิด ราคาตลาดตกลงก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนของเราเลยครับ
จากข้อความนี้พี่ฉัตรชัย พี่วิบูลย์ เฮียมนและ VI หลายคนในที่นี้ที่เป็น VIตัวจริงบอกอยู่เสมอครับ และมันก็ทำให้ผมรู้สีกดีขึ้นเยอะครับ และผมก็รอพิสูจน์อยู่ครับพี่ Chatchai

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 01, 2004 11:29 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ๆ ผมซึ้งแล้วครับ ทั้งๆที่ผมเล่นหุ้น Style VI ผมยังขาดทุนเละ (ทางบัญชี) 
และหุ้นที่ผมถืออยู่ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าราคามันไม่ได้สะท้อนตามผลประกอบการ ทั้งๆที่ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยแย่ลงเลย 
ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงชั่วขณะ พอขึ้นไปได้ ไม่ทันได้ขาย ราคาก็กลับตกลงไปหนักและหนักกว่าเก่าอีก เหมือนผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักมาก 
ใจเย็นๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ

:D :D :D

ทดสอบ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 12:37 am
โดย BirdZ
test

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 6:07 am
โดย บุคคลทั่วไป
กลต. กับตลาดหลักทรัพย์ควรเข้าควบคุมการทำชอร์ตเซลของนักลงทุนต่างประเทศ โดยวัตถุประสงค์ของการทำชอร์ตเซลคือ การควบคุมไม่ให้หุ้นขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน แต่ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาตินำการชอร์ตเซล ร่วมกับการปั่นหุ้นมาเพื่อทุบหุ้นและปั่นหุ้นพร้อมกัน และทำให้หุ้นผันผวน ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และทำให้ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แทนที่จะมีความเสี่ยงลดลง
ใน 3-4 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำชอร์ตเซลผ่านกองทุนต่างประเทศและในประเทศ แต่สภาวะเศรษฐกิจดีทำให้นักลงทุนกลุ่มนั้นขาดทุนเป็นพันล้านบาท ตอนนี้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้ทำเช่นเดิม และอาศัยภาวะไข้หวัดนกและการก่อการร้ายภาคใต้ โดยทำมาเกือบ 1 เดือนแล้ว โดยผ่านกองทุนต่างประเทศและกองทุนของไทยที่เป็นลูกครึ่ง
เห็นว่า รายย่อยเสียหายมากจากการที่กลต. และตลาดหลักทรัพย์ควบคุมการซื้อขายของรายย่อย แต่ไม่มีควบคุมการทำชอร์ตเซลของกองทุนต่างประเทศและกองทุนไทยที่บริษัทต่างชาติดูแล ซึ่งมีไม่ความเท่าเทียมและทำให้คนในชาติเสียหาย แต่คนต่างชาติได้ประโยชน์
เห็นว่า การขึ้นของหุ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน นั้นไม่เหมาะสม การควบคุมการเก็งกำไรหุ้นก็ถูกต้อง การลดลงอย่างรุนแรงของหุ้นจากการทำชอร์ตเซล ทำให้หุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ยิ่งไม่เหมาะสม เพราะทำให้นักลงทุนขาดทุนหมด และหุ้นจะผันผวนมาก คือลงแรง ขึ้นแรง
ควรมีกฎระเบียบควบคุมการทำชอร์ตเซลของนักลงทุนต่างชาติได้แล้ว เช่น
1. การควบคุมปริมาณและราคาขายในการทำการชอร์ตเซล ไม่ให้กระทบต่อราคาหุ้น คือ นักลงทุนสามารถทำชอร์ตเซลได้ถ้าการทำชอร์ตเซลเป็นการขายที่ทำให้หุ้นไม่ตกเพราะการชอร์ตเซล เช่นต้องไม่ขายชอร์ตเซลต่ำกว่าราคาปิดวันก่อน ปริมาณขายไม่กระทบราคาหุ้น เพราะปัจจุบันมีการขายทุบหุ้นชัดๆ ในแต่ละวัน ควรให้ทำชอร์ตเซลไม่เกินกี่หุ้น และให้ทำชอร์ตเซลในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งได้ไม่เกินกี่วันทำการ
2. ควบคุมความเสี่ยงของนักลงทุนที่ทำการชอร์ตเซล คืออนุญาตให้การทำการชอร์ตเซลของหุ้นบางตัว โดยที่นักลงทุนจะต้องมีหุ้นในพอร์ตการลงทุนมากกว่าหุ้นที่ทำการชอร์ตเซลร้อยละ 80-90 เพื่อให้การทำชอร์ตเซลกระทบหุ้นปั่นเท่านั้น ปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติที่ทำชอร์ตเซลมีการทำชอร์ตอย่างเดียว แต่ไม่มีการทำ Long เลย ซึ่งเป็นความเสี่ยงมาก และเป็นการ Speculate ไม่ใช้การลงทุน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้หุ้นที่เกินพื้นฐานปรับตัวลดลง แต่หุ้นที่ไม่เกินปัจจัยพื้นฐานไม่ปรับตัวลดลง และหุ้นจะมีเสถียรภาพมาก
3. กองทุนไทยและต่างชาติที่ลงทุนในไทยควรส่งรายงานการทำซอร์ตเซลทุกสัปดาห์ทั้งยอดรวมและสะสมให้ กลต. และควรมีการเปิดเผยให้รายย่อยรู้ด้วย
กลต. ควรดูแลกองทุนไทยที่ต่างชาติดูแลให้มาก เพราะการทำชอร์ตเซลจะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนเสียหายมาก แต่บริษัทที่บริหารกองทุนได้กำไร และอยากบอกว่า นักลงทุนต่างชาติรายใดที่จะทุบหุ้นไทยให้คนไทยเสียหายและชาติเสียหาย จะได้รับบทเรียนมากกว่าเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา และอยากให้รายย่อยช่วยกันไม่ขายหุ้น และนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวจะต้องซื้อหุ้นคืนในราคาที่สูงมาก โดยเชื่อว่าในเดือนกุมภาพันธ์นี้อาจเห็นหุ้นขึ้นวันละ 30 จุด เพราะกลุ่มที่ชอร์ตเซลนี้มีปริมาณขายสะสมหลายหมื่นล้านบาทแล้วจากการทำสัญญาต่อสะสมมาเรื่อยๆ ซึ่งต้องกลับมาซื้อคืนจำนวนมาก และปีนี้หุ้นจะไปเกิน 1000 จุดแน่นอน เพราะเงินปันผลจากหุ้นจะเข้ามาเกิน 50,000 ล้านบาทในปีนี้ รวมถึงรายได้อื่นและเงินออมอื่นที่เข้ามาในหุ้นอีกมาก
และอยากให้ กลต.และตลาดหลักทรัพย์มีกฎเพื่อคุ้มครองรายย่อย ซึ่งเป็นคนไทย ถ้ารายย่อยรวย ประเทศไทยก็รวย แต่ต่างชาติรวย ประเทศไทยไม่ร

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 6:10 am
โดย purin
เอามาจากเวป ผู้จัดการ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 11:06 am
โดย chatchai
การที่เราจะป้องกันรายใหญ่ หรือต่างชาติมาปั่นห้น ทบห้น ในระยะยาวก็คือให้นักลงทนรายย่อยคนไทยลงทนแบบ VI ครับ

ทกวันนี้คนที่จิตใจหวั่นไหว ก็คือนักเก็งกำไรซึ่งจะผกพันกับราคาในกระดาน รายใหญ่หรือต่างชาติก็อาศัยจดนี้มาทำการปั่นหรือทบราคาในกระดานให้นักเก็งกำไรหวั่นไหว รวมถึงพวกนักวิเคราะห์ที่ออกรายการวิทย โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ด้วย

แต่ถ้านักลงทน ลงทนโดยยึดผลประกอบการเป็นหลัก ยึดถือการคำนวณตัวเลขต่างๆมากกว่าจิตใจ และข่าวลือ ไม่ว่าใครจะปั่นห้นเน่าๆทั้งหลายให้ราคาพ่งสงขึ้นไปเท่าไร ก็ไม่มีคนไปไล่ต่อ หรือว่าทบห้นดีๆลงเท่าไรก็ไม่มีคนตกใจแห่ขายตาม มีแต่คนช้อนซื้อ นานเข้าพฤติกรรมเหล่านี้ก็ต้องเลิกครับ

พวกรายใหญ่หรือต่างชาติที่ชอบปั่นห้นเน่า ผมว่าถึงแม้หลายครั้งพวกเขาจะได้กำไรมากมาย แต่ผมว่าถ้ายังเลิกพฤติกรรมเหล่านั้น ซักวันก็ต้องถึงคราวซวยหมดตัวได้เหมือนกันครับ เพราะการลงทนในตลาดหลักทรัพย์มักจะเกิดเหตการณ์ข่าวร้ายที่ไม่ได้ระวังตัวอย่เสมอ เช่น ซัดดัมบกคเวต ถ้าพวกเขาเหล่านี้ไล่ราคาบริษัทเน่าทั้งหลาย ถึงเวลาเกิดเหตการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ก็ออกไม่ทันละครับ หมดตัวได้ง่ายๆ กำไรมาเท่าไรก็คืนหมดครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 11:06 pm
โดย นักดูดาว
พี่ฉัตรชัย ผมไม่สงสารรายใหญ่หรือต่างชาติแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าพวกนั้นจะหมดตัวง่ายๆหรอกครับ รายใหญ่ตัวจริงเค้าไม่ลงทุนในหุ้นทั้งหมดหรอก กำไรมาเค้าก็เอาไปทำกิจการอื่นๆ ที่ดิน บริษัท หรือแม้แต่ซื้อหุ้น VI ดีๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

รายย่อยก็ยังเป็นรายย่อย ปริมาณเงินโดยรวมมาก แต่ไม่มี focus ไร้ทิศทางการลงทุน วันนี้หุ้นตก ใครๆก็ถามหาปันผล วันไหนหุ้นขึ้น หุ้นปันผลที่เคยเก็บไว้โดนเทขายกระหน่ำทุกที ... ผมไม่อยากให้ใครๆ มาเป็น VI เฉพาะเวลาหุ้นตกเลยครับ เห็นกี่คนๆ ว่าจะ VS + VI แต่ก็เป็นกันได้ไม่นานหรอก SET ขึ้นก็ทิ้งหุ้นปันผลกันแล้ว

ทางที่ดี ใครชอบอะไรก็เล่นหุ้นอย่างนั้นละกันนะ บัฟเฟตว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว ที่ว่าห้องแสดงบัลเล่ต์ก็ดี ห้องแสดงเพลงร้อคก็ดี แต่อย่าติดป้ายสลับห้องก็แล้วกัน เดี๋ยวคนจะเข้าผิด

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 11:18 pm
โดย ปรัชญา
นักดูดาว เขียน:พี่ฉัตรชัย ผมไม่สงสารรายใหญ่หรือต่างชาติแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าพวกนั้นจะหมดตัวง่ายๆหรอกครับ รายใหญ่ตัวจริงเค้าไม่ลงทุนในหุ้นทั้งหมดหรอก กำไรมาเค้าก็เอาไปทำกิจการอื่นๆ ที่ดิน บริษัท หรือแม้แต่ซื้อหุ้น VI ดีๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

รายย่อยก็ยังเป็นรายย่อย ปริมาณเงินโดยรวมมาก แต่ไม่มี focus ไร้ทิศทางการลงทุน วันนี้หุ้นตก ใครๆก็ถามหาปันผล วันไหนหุ้นขึ้น หุ้นปันผลที่เคยเก็บไว้โดนเทขายกระหน่ำทุกที ... ผมไม่อยากให้ใครๆ มาเป็น VI เฉพาะเวลาหุ้นตกเลยครับ เห็นกี่คนๆ ว่าจะ VS + VI แต่ก็เป็นกันได้ไม่นานหรอก SET ขึ้นก็ทิ้งหุ้นปันผลกันแล้ว

ทางที่ดี ใครชอบอะไรก็เล่นหุ้นอย่างนั้นละกันนะ บัฟเฟตว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว ที่ว่าห้องแสดงบัลเล่ต์ก็ดี ห้องแสดงเพลงร้อคก็ดี แต่อย่าติดป้ายสลับห้องก็แล้วกัน เดี๋ยวคนจะเข้าผิด
จริงอย่างคุณนักดูดาว ว่าล่ะครับ
นักลงทุนที่จะไปได้ดี ก็ต้องมีครบ
มีเงิน มีบ้านพร้อมที่ดิน มีเงินฝาก มีวินัย มีวิสัยทัศน์ มีอื่นๆอีก
ถ้ามีแต่หุ้นนี่เสี่ยงเกินไปครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2004 11:52 pm
โดย Mon money
จะว่าไปแล้วหุ้นตกระเนระนาดอย่างนี้บริษัทของผมที่มีอยู่มันมีกำไรดีขึ้นมากกว่าปีที่แล้วทุกบริษัท ถ้ามองทะลุกันจริงๆ ผมมีกำไรงามนะนี่

ตลาดหุ้นทั่วทั้งโลกถูกควบคุมด้วยความกลัวและความโลภ คุณควบคุมความกลัวของคุณในขณะนี้ได้หรือยัง ทำให้ได้นะครับ แล้วอย่าลืมเตรียมควบคุมความโลภในอนาคตเอาไว้ด้วยละ รู้จักพอจะมีสูขครับ(แต่ผมแค้นเจ้าสมบัติมากเลย....ไม่ได้โลภนะครับ แต่แค้นมัน)

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 03, 2004 6:50 am
โดย Wvix
Jeng เขียน:ใจเย็นๆครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :D :D :D
ขอบคุณพี่เจ๋ง ตอนนี้ผมก็ไม่ดูราคาหุ้นอยู่แล้วครับ ก็เลยไม่เครียดครับ
ตอนนี้กำลังศึกษาเพี่มขึ้นเยอะๆตามที่เฮียวิบูลย์บอกอยู่ครับ

ขอบคุณ putin ด้วยครับ ที่นำมา post ให้

เห็นด้วยกับข้อความที่พี่ฉัตรชัยเขียนด้วยครับ

ตอนนี้ผมว่าเฮียมนกับเฮียวิบูลย์ของผมมีความสุขที่สุดในเว็ปเลยครับ
เห็นแกนั่งอมยิ้มเก็บหุ้นราคาถูกอยู่ อิจฉาคนมีกระสุนเยอะจัง

มีคนเอาไปแปะให้ด้วยครับที่ Pantip Sinthorn
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48810.html

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 03, 2004 12:56 pm
โดย VIB007
ตอนนี้กระสุนเริ่มร่อยหรอแล้วละครับ
มันก็ยังตกลงมาอีก
สงสัยต้องหยุดดูแล้วละครับ
ถ้ากระสุนหมดรังเพลิงจริงๆ

หุ้นพื้นฐานด้อยก็คายออกมาหมดแล้ว
เหลือแต่ตัวดีๆทั้งนั้น
ทิ้งกันไม่ลง


โชคดีทุกท่านครับ

ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 04, 2004 11:11 am
โดย Mon money
ตอนนี้คนที่กังวลใจมากที่สุดคือแม่ของผมครับ แม่ผมไม่ได้ลงทุนด้วยแต่นั่งดูตัววิ่งและฟังข่าวทุกวัน เป็นห่วงผมมากเลยครับ แต่แกสงสัยว่าทำไมผมจึงคึกนักคึกหนาในเวลาที่น่ากลัวเช่นนี้ ผมบอกแม่ว่าผมเป็นคนไม่กลัวผี ถึงแม้ผีจะมีจริงก็ตาม แต่มักมาขอส่วนบุญซึ่งผมยินดีแผ่ส่วนบุญให้ ถ้ามาร้ายก็คงทำอะไรผมได้ไม่มากหรอกเพราะผมเป็นคนดวงแข็งวันเดือนปีเกิดส่งเสริมกันหมด ฉนั้นเวลาอย่างนี้คือเวลาของผมเป็นแน่แท้ นานๆจะมีซักทีคุณ ซัดให้เต็มทีเลย