ผมอยากให้พี่ๆน้องๆได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยทั่วกันครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 31, 2004 6:30 am
ผมอยากให้ทุกคนอ่านโดยทั่วกันครับ
ผมลอกมาแต่ข้อความที่คุณ Sugus โพสท์มานะครับ จาก link นี้ครับ
http://www.bbznet.com/scripts/view.php? ... rt=ASC&c=1
ที่ทิงเขียวระงมกันหมด บาดเจ็บสาหัส หลายคนโพสต์ล้างพอร์ต เล่นหุ้นวินาทีนี้มันทำให้ความสุขหายไปหมด แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้หล่ะ คิดกันบ้างไหม
ที่หุ้นตกตอนนี้ คิดกันบ้างไหมว่าเพราะอะไร หลายคนตอบปักษ์ใต้ หลายคนตอบโรคไก่ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะโรคไก่มากกว่า
ลองคิดดูสิว่าทำไมหุ้นจึงตก ทำไมซีพีเอฟขึ้นได้ จีเอฟพีที มันก็ขึ้น มันใช่โรคไก่ไหมที่ทำให้หุ้นตก แล้วหุ้นไก่เหล่านี้ทำไมสวนทาง
หลายคนตอบว่า เพราะหุ้นไก่มันตกมามากแล้วมันจึงเด้งกลับ แต่ความจริงคือ ทั้ง cpf และ gfpt มันตกหนักๆ จากกราฟ คือมีโดดลงมาวันที่ 23 มกราคม ทั้งสองตัว โดยที่โวลู่มมันมากขึ้นถึงสิบเท่าใน cpf และ ยี่สิบเท่าใน gfpt
คิดกันบ้างไหมว่าพวกมืออ่อน ขายทิ้งกันหมดในวันนั้น ปล่อยให้เจ้ามือยิ้มแย้ม ช้อนซื้อกันจ้าละหวั่น
เจ้ามือในที่นี้ มีทั้งพวกเจ้าของบริษัท พวกกองทุน และพวกต่างชาติ คุณลองคิดดูสิ ปัญหาไก่นี่ มันเกิดมาเยอะแยะแล้วกับประเทศต่างๆ ประเทศไทยเราเพียงแต่ไม่เคยเจอปัญหานี้มาก่อน ก็เท่านั้นเอง
ลองคิดดูว่าอีกห้าปีในอนาคต ลูกคุณเกิดมา ไม่มีไก่ ไม่มีไข่ไก่ให้กิน มันจะเป็นไปได้เหรอครับ ลองคิดดูให้ดีว่ามันจะถึงขั้นนั้นกันเหรอ
หุ้นไก่ทั้งสองตัว ราคาตกลงมาประมาณ 20-25% ทั้งสองจัดเป็นหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งผมไม่เถียง แต่ตอนนี้ข่าวร้ายก็คือข่าวไก่ หุ้นทั้งสองมันเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม คือวันที่ดัชนียังอยู่เกิน 750 จุด แต่ทำไม ณ วันนี้ วันที่หุ้นไก่ทั้งสองยังบวกอยู่ ยังเขียวอยู่
ทำไมเจ้าดัชนีด้วนของเรา มาโผล่ต่ำกว่า 700 ได้
หลายท่านคงไม่รู้จักคำว่าชอร์ตเซลส์ ซึ่งนักลงทุนซึ่งมีประสบการณ์มากหน่อย หรือเคยซื้อขายหลักทรัพย์ต่างชาติเช่น nasdaq, dow jones คงเข้าใจหลักการนี้ หลักการชอร์ตเซลส์นี้ มีเพื่อให้นักลงทุนที่เก็งว่าราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลง ทำการยืม
หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์เพื่อขายออกไปก่อน แล้วเมื่อราคาหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลง จึงเข้าไปทำการช้อนซื้อ เพื่อส่งคืนหลักทรัพย์ให้กับบริษัทหลักทรัพย์ต่อไป
ผมก็เคยมีประสบการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศมาก่อน พอจะเห็นประโยชน์ของชอร์ตเซลส์อยู่บ้าง แต่โทษของมันก็มีไม่น้อย
ต่างชาติอย่างเช่น อเมริกา อนุญาตให้นักลงทุนทุกระดับทำชอร์ตเซลส์ได้ ทีนี้ก็นอกจากจะแบ่งนักลงทุนแบบบ้านเราเป็น Value investor กับ Value Speculator แล้ว ที่นู่นจึงแบ่งนักลงทุนเป็นพวก Long กับพวก Short
พวก Long ก็ลงทุนโดยหวังให้หุ้นขึ้น พยายามเอาข่าวดีๆ เกี่ยวกับหุ้นมาบอก โดยหวังว่าหุ้นมันควรจะขึ้นไปเป็นพลุแตก พวก Short เค้าก็ลงทุนโดยหวังว่าหุ้นมันจะราคาตก ยิ่งตกมาก ยิ่งกำไรมาก แต่ถ้าหุ้นขึ้นบางทีเค้าก็แทบโดดออกกันไม่ทัน ทีนี้ก็
พยายามหาข่าวร้ายมาประโคม โดยดูจากอารมณ์ของตลาดโดยรวม แล้วพยายามเล่นตรงจุดนี้ ให้คนเกิด panic เพื่อขายหุ้นออกมา
ตอนแรก ผมคิดว่าประเทศไทยของเราไม่มีการทำชอร์ตเซลส์ แต่ที่ไหนได้ ไทยเรากลับอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันทำชอร์ตเซลส์ได้ ซึ่งรวมไปถึงนักลงทุนต่างชาติซึ่งก็สามารถทำชอร์ตเซลส์ได้ด้วย
ลองคิดกันไหมว่าที่ประกาศกันทุกวันว่าต่างชาติ กองทุน และรายย่อย ซื้อขายกันอยู่ทุกวัน แล้วต่างชาติกะกองทุนเค้าขายยัน ขายกันทุกวันนี่ เค้าขายอะไรกัน ทำไมมีให้ขายกันเยอะนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้ ต่างชาติ กะกองทุน ไม่รู้ไปขนจากไหนมาขาย คุณว่าคนพวกนี้ เมื่อเทียบกับคุณ ใครมีความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุนสูงกว่ากัน คุณว่าใครมีข่าววงในมากกว่ากัน คุณว่าใครมีความพร้อมทางการเงินมากกว่ากันในการที่จะดัมพ์ราคา
ให้ต่ำลง หรือปั่นหุ้นให้สูงขึ้น
ดูจากวันนี้ก็ได้ ถ้ายอดรวมแล้ว ต่างชาติยังขายอยู่ และกองทุนยังขายอยู่ มันก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของนักลงทุนอย่างเราๆ แสดงว่าเรายังต้องเป็นเหยื่อของพวกเอารัดเอาเปรียบพวกนี้ต่อไป
ตามที่ผมกล่าวข้างต้น หุ้นไก่ทั้งสองคือ cpf กะ gfpt ราคาเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมแล้ว ขณะที่ดัชนีมันร่วงปรู๊ดมาถึงต่ำกว่า 700 ณ วันนี้ คุณว่ามันจะลงไปถึงไหน
ตามหลักการชอร์ตเซลส์แล้ว มันลงได้ต่ำสุดคือเข้าใกล้ศูนย์ แล้วพวกคุณจะยอมย่อยยับไปกับมัน โดยการขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้ง อย่างที่ทำอยู่กันเพื่ออะไรครับ
ถ้าความต้องการของคุณ คือทำให้หุ้นมันราคาถูกลง เพื่อให้คนไทยด้อยโอกาส ได้เข้าซื้อหุ้นราคาถูกๆ ผมก็ยินดีกับความคิดนี้ เพราะอย่างน้อยถือเป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าคิดแต่ขายทิ้งเพราะว่ามันตก ยิ่งขายมากขึ้นมากขึ้น แล้วหุ้นมันจะวิ่งขึ้นได้
เหรอครับ
ตอนนี้ อาจจะพูดได้ว่าสาเหตุที่หุ้นตก ไม่ใช่เพราะโรคหวัดไก่แล้ว แต่เป็นปัญหาจากการทำชอร์ตเซลส์เป็นหลัก แล้วก็ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ มีการสร้างภาพ ปกปิดข่าวต่างๆ แล้วก็ปัญหาหลักๆ คือพวกเรานักลงทุนพานิคกันเอง ขายทิ้ง
ขายขว้างกันเอง ทำแบบนี้ ยิ่งเข้าทางพวกต่างชาติ กับนักลงทุน พวกนั้นจะยิ่งได้ ขายชอร์ตเซลส์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ถึงตอนนั้นเศรษฐกิจไทยเรา ตลาดจะร่วงไปถึงไหนแล้ว
ตามที่หลายท่านบอกว่า หุ้นไก่ขึ้นสวนตลาด เพราะราคาได้ตกลงมากแล้ว แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ดี จะพบว่า หุ้นอีกหลายๆตัว ราคาก็ตกมากเหมือนกัน หรือมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นหุ้นพื้นฐานดี หรือดีกว่า
หลักการชอร์ตเซลส์ คือ จะดูอารมณ์ของตลาด ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในมือ แต่สามารถยืมจากโบรกได้ เพื่อขายไปก่อน ทีนี้พวกต่างชาติและกองทุนก็จะดูว่าตอนนี้เหมาะจะทำชอร์ตหรือยัง โดยจะเริ่มให้ข่าว แล้วก็ทำการชอร์ต ควบคู่ไปกับการให้ข่าวไปเรื่อย ทีนี้
ข่าวร้ายสารพัดก็ดูเหมือนจะวิ่งออกมาเองโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะข่าว บุชกับอิรัก ข่าวก่อการร้ายต่างๆ ข่าวเสี่ยโอ๊คจะขายหุ้นทหารไทย ข่าวไอทีวีไม่ได้ค่าสัมปทาน เป็นต้น ลองคิดดูสิครับ ถ้าข่าวลือต่างๆ เหล่านี้ แค่นี้ ยังทำให้หุ้นตกได้ขนาดนี้ แล้วถ้าข่าวจริงที่
มีมูลมากกว่านี้ออกมา คนจะไม่พากันขายทิ้งกันหมดเลยหรือ
การทำชอร์ตเซลส์จะไม่จบครับ เหมือนกับพวกคุณ เวลาซื้อหุ้นแล้ว ราคาพุ่งขึ้น ขึ้นเอา ขึ้นเอา เคยคิดไหมว่าจะขายเมื่อไหร่ บางคนมีวินัย เช่น พอปิดวันแรกต่ำกว่าราคาของวันก่อนหน้าให้ขายทันที หรือบางคนก็มีเทคนิคดีดีแบบอื่น หรือดูเมื่อตลาดเริ่มปรับตัว
แต่การชอร์ตเซลส์ เค้าจะไม่หยุด ถ้าเห็นว่าอารมณ์ของตลาดยังไปต่อได้ แต่ในทางลบนะครับ ลองถามพวกคุณดูเองว่า ณ เวลานี้ คุณว่าหุ้นมันน่าจะตกต่อ หรือน่าจะกลับขึ้นมาได้แล้ว
คนทำชอร์ตเซลส์ จะให้ข่าวลบออกมาเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นข่าวลือ ไม่มีมูลแม้แต่น้อย ยิ่งบางครั้งโชคดี ข่าวร้ายมาให้ใช้ถึงที่ เค้าก็จะยิ่งได้ใจ กระพือข่าวกันอุตลุต ข่าวไก่นี่ก็เหมือนกัน ข่าวลือหรือป่าวที่ว่าร้ายจริงๆ ก็ยังไม่ออกมา แต่ผมได้ยินมามากพอสมควร ทั้ง
เรื่องกินไก่สุกแล้วยังติดโรค หรือข่าวโรคไก่ในราชสำนัก เป็นต้น
ทีนี้เค้าจะหยุดทำชอร์ตเซลส์กันก็ต่อเมื่อเห็นว่าตลาดหมดทางลบกันแล้ว มีแต่จะขึ้น เพราะอะไรทราบมั๊ยครับ
เพราะยามที่ตลาดวิ่งกลับ พวกนี้ถ้าไม่ไว ช้อนซื้อไม่ทัน เค้าก็จะขาดทุนมหาศาลได้ แต่ไทยเราก็ได้สร้างมาตรการมาเพื่อปกป้องพวกนี้อยู่แล้วโดยการตั้งกำแพง ceiling กับ floor ที่ 30% ซึ่งทำให้พวกนี้ได้ใจมากขึ้น จริงอยู่การเล่นหุ้นทางบวกได้กำไรง่าย
แต่การเล่นทางลบ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เป็นใจแบบนี้ กลับทำกำไรให้มากกว่าอย่างเทียบไม่ติด
มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่ถึงกับฆ่าตัวตาย เพราะชอร์ตหุ้นแล้วไม่สามารถซื้อกลับได้ เนื่องจากราคาขึ้นสูงเกินไป เรื่องนี้เกิดขึ้นในอเมริกา เพราะหุ้นไม่มีกำแพงมากั้น บางตัวเคยขึ้นถึง 700-1000% ในหนึ่งวัน เมื่อเกิดข่าวดีขึ้นมา หรือตกลงเกือบ 100%
ใน 1 วัน
แต่ในกรณีตลาดหุ้นบ้านเรา คนไทย ประชาชนเต็มขั้นอย่างพวกเรา กลับตกเป็นเบี้ยล่าง ของคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนในชาติเดียวกัน ที่เอารัดเอาเปรียบเราอยู่ตลอดเวลา
การทำชอร์ตเซลส์จะจบลง ทั้งต่างชาติ และกองทุน จะเริ่มกลับมาซื้อ ก็ต่อเมื่อ พวกนั้นเห็นว่า ตลาดเชิงลบกำลังจะสิ้นสุดลง ฉนั้นในสภาวการณ์ปัจจุบัน แทนที่จะขายขายขาย อยากให้คุณคุณ ลองทำในทางกลับกัน คือเปลี่ยนเป็นถือ ถือ ถือ ไม่ซื้อเพิ่มไม่ว่า แต่
อย่าเอาแต่ขาย ลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราถึงคิดที่จะลงทุนในหุ้นนั้นในตอนแรก แล้วตอนนี้พื้นฐานของหุ้นมันเปลี่ยนไปมากจริงหรือ ที่จะทำให้เราต้องขายขาดทุนมากขนาดนี้
ถ้าเราเอาแต่จะรอพึ่งรัฐบาลของพวกเรา พวกเราคงต้องรอจนเหงือกแห้ง หรือไม่ก็คงต้องตายก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ รัฐบาลซึ่งมาจากประชาชน ใช้เงินภาษีที่พวกเราทุกคนให้ เพื่อประโยชน์ของตน เพื่อปากท้องของพวกพ้อง ทำทุกอย่างเอาหน้า เล่น
พรรคเล่นพวก สร้างภาพ จอมปลอม ฯลฯ
ถ้ายังจะขาย ขาย ขายกันต่อไป อีกนานครับ กว่าจะทำให้พวกชอร์ตเซลส์เลิกชอร์ต และทำให้ตลาดกลับขึ้นมาใหม่ได้ ในเวลานี้ ทุกคนควรทำสติให้มั่น ถามตัวเองว่า ถ้าเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็น สามารถเก็บหุ้นไว้ รอเวลาสักระยะหนึ่ง อาจจะสามเดือน ครึ่งปี
หรือหนึ่งปี ถือหุ้นที่ลงทุนไว้ หรือในกรณีที่แย่จริง อาจจะใช้เวลาหลายปี แต่อย่างที่ดูดูกัน ตอนนี้ ไม่มีปัจจัยร้ายอื่นๆ ภาพรวมยังห่างจากสภาพฟองสบู่อีกมาก ตลาดน่าจะกลับมาได้ ถ้าเลิกขายทิ้งขว้างกัน ถ้าเราพร้อมใจกันบังคับให้พวกเจ้ามือ ทั้งต่างชาติและ
ในไทย รีบเข้ามาช้อนได้เมื่อไหร่ เราก็จะไม่ขาดทุนกันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
ยังไงก็ขอบคุณครับ สำหรับความคิดเห็นที่หลายๆท่านได้กรุณาแสดงไว้ แต่อยากให้ดูนะครับว่า ข้อมูลนั้น เป็นข้อมูลของคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อย ยุคนี้เป็นยุคของกระแสครับ คนหมู่มากมักจะนำไปตามแนวทางต่างๆ ถึงแม้อาจจะเป็นทางที่ไม่ถูกต้องก็ตาม
หรือถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่ ไม่มีพื้นฐาน ก็อาจจะตัดสินใจขาย เพื่อไปซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาถูกอยู่ หรือตกลงมาให้รับไป
ซึ่งจริงๆแล้ว ณ เวลานี้ ปรกติเป็นเวลาที่หุ้นโดยรวมควรมีราคาสูงขึ้น เพื่อรับผลประกอบการ และการปันผลซึ่งจะมีขึ้นในกลางเดือนหน้า ถ้าเงินคุณเย็นจริง เก็บอีกสิบห้าวันไม่เกินครับ คุณจะได้ประโยชน์มากมายจากการรอคอยของคุณ มากกว่าที่จะด่วนขาย
ทิ้งทุกอย่างในตอนนี้
อย่างที่บอกครับ การขึ้นลงของหุ้นที่ไม่มีมูล จะเป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คุณๆ ซึ่งถึงแม้จะมีความรู้แบบนักวิเคราะห์จะคาดคิดกันทัน ฉนั้นถ้าพวกต่างชาติ และกองทุนเกิดเปลี่ยนใจกัน คุณอาจจะไม่ทันต่อการดีดกลับของหุ้นได้
ถ้าพวกคุณพร้อมใจกัน ไม่ขาย ไม่ขาย ไม่ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ข่าวดีจะประกาศออกมาสำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ผมเชื่อว่าต่างชาติกับกองทุน จะต้องรีบกลับมาซื้อ และทำให้ตลาดหุ้นเรากลับมาที่สร้างความหวัง และ
ความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนอีกครั้งนึง
ยังไงก็ขอจบการเขียนไว้ตรงนี้นะครับ ขอบคุณที่ช่วยอ่านดู ผมมีประสบการณ์เคยซื้อหุ้นดอทคอม ที่ราคา $20 รอดูจนมันเหลือ $0.00001 ก่อนจะหลุดจากตลาดไปมาแล้ว หมดไปเป็นล้าน แต่เทียบกับตอนนี้ หุ้นที่ผมถืออยู่ พื้นฐานมันต่างกันเยอะ
สมัยก่อน ผมเคยซื้อหุ้นแล้วมัน ลดพาร์ reverse split คือทำให้หุ้นเหลือน้อยลง ทำให้ผมขาดทุนไปเยอะ ผมเห็นว่าหุ้นตัวนั้นพื้นฐานดี ผมจึงเก็บมันไว้ตั้งแต่ปี 2000 พึ่งขายไปปีที่แล้ว ปรากฎว่าหลังจาก reverse split แล้ว หุ้นขึ้นจาก $1.5 มาที่ $80 ซึ่ง
เป็นเรื่องจริง ฉะนั้นที่พวกคุณเจอๆกันตอนนี้ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด
ตอนนี้พอร์ตของผมเองก็ลดลงพอๆกับเจ้าหุ้นไก่ทั้งสอง ถ้ายังไงก็เก็บหุ้นปันผลไว้นะครับ พวกนี้ไม่แย่นักหรอกครับ สำหรับในระยะเวลาอีกไม่ไกลข้างหน้า
โชคดีเป็นของทุกท่าน เลิกเครียดเถอะครับ สุขสันต์วันหยุดคร๊าบบบบ
--------------------------------------------------------------------------------
Wvix
ถ้าอ่านจากข้อความ ทั้งหมด เห็นชัดๆเลยครับ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบที่สุดครับ
ในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนของรายใหญ่ๆ (ซึ่งอาจเป็นทั้งต่างชาติ, รายใหญ่ๆก็ได้) ไม่มากแต่ถ้าเทียบสัดส่วนเม็ดเงินกับตลาดหุ้นแล้วเม็ดเงินต่อหัวของพวกนี้เยอะ
ทำให้มีอิทธิพลง่ายต่อการผลักดันราคาหุ้น และคนพวกนี้รวมตัวกันติด มีข่าวสารที่ไวกว่ารายย่อยมาก และพวกนี้ก็คือพวกที่คอยผลักดันราคาหุ้นให้เคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตามใจ
และก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินที่ร้ายกาจอย่าง Short Sell อยู่ และไอ้เครื่องมืออันนี้นี่แหละที่ทำให้รายย่อยอย่างเราเสียเปรียบสุดๆ
ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ๆ ผมซึ้งแล้วครับ ทั้งๆที่ผมเล่นหุ้น Style VI ผมยังขาดทุนเละ (ทางบัญชี)
และหุ้นที่ผมถืออยู่ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าราคามันไม่ได้สะท้อนตามผลประกอบการ ทั้งๆที่ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยแย่ลงเลย
ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงชั่วขณะ พอขึ้นไปได้ ไม่ทันได้ขาย ราคาก็กลับตกลงไปหนักและหนักกว่าเก่าอีก เหมือนผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักมาก
และไอ้ข่าวที่คนเค้าแตกตื่นกันอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผลประกอบการหุ้นของผมเลยสักนิด
ผมสรุปเลยว่า ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับเจ้ามือคนทำราคาครับ ถ้าเป็นหุ้นใหญ่หน่อยก็อาจมีทั้งสถาบันและต่างชาติ
และรายย่อยไม่ค่อยมีความรู้ด้านปัจจัยพื้นฐาน เล่นเก็งกำไรกัน ตามข่าวตามเทคนิคกันไปวันๆ รอให้รายใหญ่ลากไปทางโน้นทีทางนี้ที
สังเกตุได้ตามเว็ปบอร์ด และวิทยุคลื่นเกี่ยวกับหุ้น
ผมคิดว่า ต่อไป ผมจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว แล้วถ้าถอนทุนคืนได้จากตลาดทุนหมดผมจะไปแล้วครับ ตลาดหุ้นแบบนี้ตามตรรกะของผมแล้วผมไม่เอาด้วยแล้วครับ
พวกคุณคิดดูอยู่ๆ ฟ้านึกจะผ่าก็ผ่าขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้ ใครจะรับได้ครับ (ผมรับไม่ได้ครับ)
ลองไปอ่านที่ link ด้วยก็ดีครับเพราะจะได้ทั้งเนื้อทั้งน้ำครับ
ผมลอกมาแต่ข้อความที่คุณ Sugus โพสท์มานะครับ จาก link นี้ครับ
http://www.bbznet.com/scripts/view.php? ... rt=ASC&c=1
ที่ทิงเขียวระงมกันหมด บาดเจ็บสาหัส หลายคนโพสต์ล้างพอร์ต เล่นหุ้นวินาทีนี้มันทำให้ความสุขหายไปหมด แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้หล่ะ คิดกันบ้างไหม
ที่หุ้นตกตอนนี้ คิดกันบ้างไหมว่าเพราะอะไร หลายคนตอบปักษ์ใต้ หลายคนตอบโรคไก่ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะโรคไก่มากกว่า
ลองคิดดูสิว่าทำไมหุ้นจึงตก ทำไมซีพีเอฟขึ้นได้ จีเอฟพีที มันก็ขึ้น มันใช่โรคไก่ไหมที่ทำให้หุ้นตก แล้วหุ้นไก่เหล่านี้ทำไมสวนทาง
หลายคนตอบว่า เพราะหุ้นไก่มันตกมามากแล้วมันจึงเด้งกลับ แต่ความจริงคือ ทั้ง cpf และ gfpt มันตกหนักๆ จากกราฟ คือมีโดดลงมาวันที่ 23 มกราคม ทั้งสองตัว โดยที่โวลู่มมันมากขึ้นถึงสิบเท่าใน cpf และ ยี่สิบเท่าใน gfpt
คิดกันบ้างไหมว่าพวกมืออ่อน ขายทิ้งกันหมดในวันนั้น ปล่อยให้เจ้ามือยิ้มแย้ม ช้อนซื้อกันจ้าละหวั่น
เจ้ามือในที่นี้ มีทั้งพวกเจ้าของบริษัท พวกกองทุน และพวกต่างชาติ คุณลองคิดดูสิ ปัญหาไก่นี่ มันเกิดมาเยอะแยะแล้วกับประเทศต่างๆ ประเทศไทยเราเพียงแต่ไม่เคยเจอปัญหานี้มาก่อน ก็เท่านั้นเอง
ลองคิดดูว่าอีกห้าปีในอนาคต ลูกคุณเกิดมา ไม่มีไก่ ไม่มีไข่ไก่ให้กิน มันจะเป็นไปได้เหรอครับ ลองคิดดูให้ดีว่ามันจะถึงขั้นนั้นกันเหรอ
หุ้นไก่ทั้งสองตัว ราคาตกลงมาประมาณ 20-25% ทั้งสองจัดเป็นหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งผมไม่เถียง แต่ตอนนี้ข่าวร้ายก็คือข่าวไก่ หุ้นทั้งสองมันเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม คือวันที่ดัชนียังอยู่เกิน 750 จุด แต่ทำไม ณ วันนี้ วันที่หุ้นไก่ทั้งสองยังบวกอยู่ ยังเขียวอยู่
ทำไมเจ้าดัชนีด้วนของเรา มาโผล่ต่ำกว่า 700 ได้
หลายท่านคงไม่รู้จักคำว่าชอร์ตเซลส์ ซึ่งนักลงทุนซึ่งมีประสบการณ์มากหน่อย หรือเคยซื้อขายหลักทรัพย์ต่างชาติเช่น nasdaq, dow jones คงเข้าใจหลักการนี้ หลักการชอร์ตเซลส์นี้ มีเพื่อให้นักลงทุนที่เก็งว่าราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลง ทำการยืม
หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์เพื่อขายออกไปก่อน แล้วเมื่อราคาหลักทรัพย์ได้ปรับตัวลดลง จึงเข้าไปทำการช้อนซื้อ เพื่อส่งคืนหลักทรัพย์ให้กับบริษัทหลักทรัพย์ต่อไป
ผมก็เคยมีประสบการณ์ซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศมาก่อน พอจะเห็นประโยชน์ของชอร์ตเซลส์อยู่บ้าง แต่โทษของมันก็มีไม่น้อย
ต่างชาติอย่างเช่น อเมริกา อนุญาตให้นักลงทุนทุกระดับทำชอร์ตเซลส์ได้ ทีนี้ก็นอกจากจะแบ่งนักลงทุนแบบบ้านเราเป็น Value investor กับ Value Speculator แล้ว ที่นู่นจึงแบ่งนักลงทุนเป็นพวก Long กับพวก Short
พวก Long ก็ลงทุนโดยหวังให้หุ้นขึ้น พยายามเอาข่าวดีๆ เกี่ยวกับหุ้นมาบอก โดยหวังว่าหุ้นมันควรจะขึ้นไปเป็นพลุแตก พวก Short เค้าก็ลงทุนโดยหวังว่าหุ้นมันจะราคาตก ยิ่งตกมาก ยิ่งกำไรมาก แต่ถ้าหุ้นขึ้นบางทีเค้าก็แทบโดดออกกันไม่ทัน ทีนี้ก็
พยายามหาข่าวร้ายมาประโคม โดยดูจากอารมณ์ของตลาดโดยรวม แล้วพยายามเล่นตรงจุดนี้ ให้คนเกิด panic เพื่อขายหุ้นออกมา
ตอนแรก ผมคิดว่าประเทศไทยของเราไม่มีการทำชอร์ตเซลส์ แต่ที่ไหนได้ ไทยเรากลับอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันทำชอร์ตเซลส์ได้ ซึ่งรวมไปถึงนักลงทุนต่างชาติซึ่งก็สามารถทำชอร์ตเซลส์ได้ด้วย
ลองคิดกันไหมว่าที่ประกาศกันทุกวันว่าต่างชาติ กองทุน และรายย่อย ซื้อขายกันอยู่ทุกวัน แล้วต่างชาติกะกองทุนเค้าขายยัน ขายกันทุกวันนี่ เค้าขายอะไรกัน ทำไมมีให้ขายกันเยอะนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงนี้ ต่างชาติ กะกองทุน ไม่รู้ไปขนจากไหนมาขาย คุณว่าคนพวกนี้ เมื่อเทียบกับคุณ ใครมีความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุนสูงกว่ากัน คุณว่าใครมีข่าววงในมากกว่ากัน คุณว่าใครมีความพร้อมทางการเงินมากกว่ากันในการที่จะดัมพ์ราคา
ให้ต่ำลง หรือปั่นหุ้นให้สูงขึ้น
ดูจากวันนี้ก็ได้ ถ้ายอดรวมแล้ว ต่างชาติยังขายอยู่ และกองทุนยังขายอยู่ มันก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของนักลงทุนอย่างเราๆ แสดงว่าเรายังต้องเป็นเหยื่อของพวกเอารัดเอาเปรียบพวกนี้ต่อไป
ตามที่ผมกล่าวข้างต้น หุ้นไก่ทั้งสองคือ cpf กะ gfpt ราคาเลิกตกตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมแล้ว ขณะที่ดัชนีมันร่วงปรู๊ดมาถึงต่ำกว่า 700 ณ วันนี้ คุณว่ามันจะลงไปถึงไหน
ตามหลักการชอร์ตเซลส์แล้ว มันลงได้ต่ำสุดคือเข้าใกล้ศูนย์ แล้วพวกคุณจะยอมย่อยยับไปกับมัน โดยการขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้งขายทิ้ง อย่างที่ทำอยู่กันเพื่ออะไรครับ
ถ้าความต้องการของคุณ คือทำให้หุ้นมันราคาถูกลง เพื่อให้คนไทยด้อยโอกาส ได้เข้าซื้อหุ้นราคาถูกๆ ผมก็ยินดีกับความคิดนี้ เพราะอย่างน้อยถือเป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าคิดแต่ขายทิ้งเพราะว่ามันตก ยิ่งขายมากขึ้นมากขึ้น แล้วหุ้นมันจะวิ่งขึ้นได้
เหรอครับ
ตอนนี้ อาจจะพูดได้ว่าสาเหตุที่หุ้นตก ไม่ใช่เพราะโรคหวัดไก่แล้ว แต่เป็นปัญหาจากการทำชอร์ตเซลส์เป็นหลัก แล้วก็ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ มีการสร้างภาพ ปกปิดข่าวต่างๆ แล้วก็ปัญหาหลักๆ คือพวกเรานักลงทุนพานิคกันเอง ขายทิ้ง
ขายขว้างกันเอง ทำแบบนี้ ยิ่งเข้าทางพวกต่างชาติ กับนักลงทุน พวกนั้นจะยิ่งได้ ขายชอร์ตเซลส์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ถึงตอนนั้นเศรษฐกิจไทยเรา ตลาดจะร่วงไปถึงไหนแล้ว
ตามที่หลายท่านบอกว่า หุ้นไก่ขึ้นสวนตลาด เพราะราคาได้ตกลงมากแล้ว แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ดี จะพบว่า หุ้นอีกหลายๆตัว ราคาก็ตกมากเหมือนกัน หรือมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นหุ้นพื้นฐานดี หรือดีกว่า
หลักการชอร์ตเซลส์ คือ จะดูอารมณ์ของตลาด ไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในมือ แต่สามารถยืมจากโบรกได้ เพื่อขายไปก่อน ทีนี้พวกต่างชาติและกองทุนก็จะดูว่าตอนนี้เหมาะจะทำชอร์ตหรือยัง โดยจะเริ่มให้ข่าว แล้วก็ทำการชอร์ต ควบคู่ไปกับการให้ข่าวไปเรื่อย ทีนี้
ข่าวร้ายสารพัดก็ดูเหมือนจะวิ่งออกมาเองโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะข่าว บุชกับอิรัก ข่าวก่อการร้ายต่างๆ ข่าวเสี่ยโอ๊คจะขายหุ้นทหารไทย ข่าวไอทีวีไม่ได้ค่าสัมปทาน เป็นต้น ลองคิดดูสิครับ ถ้าข่าวลือต่างๆ เหล่านี้ แค่นี้ ยังทำให้หุ้นตกได้ขนาดนี้ แล้วถ้าข่าวจริงที่
มีมูลมากกว่านี้ออกมา คนจะไม่พากันขายทิ้งกันหมดเลยหรือ
การทำชอร์ตเซลส์จะไม่จบครับ เหมือนกับพวกคุณ เวลาซื้อหุ้นแล้ว ราคาพุ่งขึ้น ขึ้นเอา ขึ้นเอา เคยคิดไหมว่าจะขายเมื่อไหร่ บางคนมีวินัย เช่น พอปิดวันแรกต่ำกว่าราคาของวันก่อนหน้าให้ขายทันที หรือบางคนก็มีเทคนิคดีดีแบบอื่น หรือดูเมื่อตลาดเริ่มปรับตัว
แต่การชอร์ตเซลส์ เค้าจะไม่หยุด ถ้าเห็นว่าอารมณ์ของตลาดยังไปต่อได้ แต่ในทางลบนะครับ ลองถามพวกคุณดูเองว่า ณ เวลานี้ คุณว่าหุ้นมันน่าจะตกต่อ หรือน่าจะกลับขึ้นมาได้แล้ว
คนทำชอร์ตเซลส์ จะให้ข่าวลบออกมาเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นข่าวลือ ไม่มีมูลแม้แต่น้อย ยิ่งบางครั้งโชคดี ข่าวร้ายมาให้ใช้ถึงที่ เค้าก็จะยิ่งได้ใจ กระพือข่าวกันอุตลุต ข่าวไก่นี่ก็เหมือนกัน ข่าวลือหรือป่าวที่ว่าร้ายจริงๆ ก็ยังไม่ออกมา แต่ผมได้ยินมามากพอสมควร ทั้ง
เรื่องกินไก่สุกแล้วยังติดโรค หรือข่าวโรคไก่ในราชสำนัก เป็นต้น
ทีนี้เค้าจะหยุดทำชอร์ตเซลส์กันก็ต่อเมื่อเห็นว่าตลาดหมดทางลบกันแล้ว มีแต่จะขึ้น เพราะอะไรทราบมั๊ยครับ
เพราะยามที่ตลาดวิ่งกลับ พวกนี้ถ้าไม่ไว ช้อนซื้อไม่ทัน เค้าก็จะขาดทุนมหาศาลได้ แต่ไทยเราก็ได้สร้างมาตรการมาเพื่อปกป้องพวกนี้อยู่แล้วโดยการตั้งกำแพง ceiling กับ floor ที่ 30% ซึ่งทำให้พวกนี้ได้ใจมากขึ้น จริงอยู่การเล่นหุ้นทางบวกได้กำไรง่าย
แต่การเล่นทางลบ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เป็นใจแบบนี้ กลับทำกำไรให้มากกว่าอย่างเทียบไม่ติด
มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่ถึงกับฆ่าตัวตาย เพราะชอร์ตหุ้นแล้วไม่สามารถซื้อกลับได้ เนื่องจากราคาขึ้นสูงเกินไป เรื่องนี้เกิดขึ้นในอเมริกา เพราะหุ้นไม่มีกำแพงมากั้น บางตัวเคยขึ้นถึง 700-1000% ในหนึ่งวัน เมื่อเกิดข่าวดีขึ้นมา หรือตกลงเกือบ 100%
ใน 1 วัน
แต่ในกรณีตลาดหุ้นบ้านเรา คนไทย ประชาชนเต็มขั้นอย่างพวกเรา กลับตกเป็นเบี้ยล่าง ของคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนในชาติเดียวกัน ที่เอารัดเอาเปรียบเราอยู่ตลอดเวลา
การทำชอร์ตเซลส์จะจบลง ทั้งต่างชาติ และกองทุน จะเริ่มกลับมาซื้อ ก็ต่อเมื่อ พวกนั้นเห็นว่า ตลาดเชิงลบกำลังจะสิ้นสุดลง ฉนั้นในสภาวการณ์ปัจจุบัน แทนที่จะขายขายขาย อยากให้คุณคุณ ลองทำในทางกลับกัน คือเปลี่ยนเป็นถือ ถือ ถือ ไม่ซื้อเพิ่มไม่ว่า แต่
อย่าเอาแต่ขาย ลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราถึงคิดที่จะลงทุนในหุ้นนั้นในตอนแรก แล้วตอนนี้พื้นฐานของหุ้นมันเปลี่ยนไปมากจริงหรือ ที่จะทำให้เราต้องขายขาดทุนมากขนาดนี้
ถ้าเราเอาแต่จะรอพึ่งรัฐบาลของพวกเรา พวกเราคงต้องรอจนเหงือกแห้ง หรือไม่ก็คงต้องตายก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ รัฐบาลซึ่งมาจากประชาชน ใช้เงินภาษีที่พวกเราทุกคนให้ เพื่อประโยชน์ของตน เพื่อปากท้องของพวกพ้อง ทำทุกอย่างเอาหน้า เล่น
พรรคเล่นพวก สร้างภาพ จอมปลอม ฯลฯ
ถ้ายังจะขาย ขาย ขายกันต่อไป อีกนานครับ กว่าจะทำให้พวกชอร์ตเซลส์เลิกชอร์ต และทำให้ตลาดกลับขึ้นมาใหม่ได้ ในเวลานี้ ทุกคนควรทำสติให้มั่น ถามตัวเองว่า ถ้าเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็น สามารถเก็บหุ้นไว้ รอเวลาสักระยะหนึ่ง อาจจะสามเดือน ครึ่งปี
หรือหนึ่งปี ถือหุ้นที่ลงทุนไว้ หรือในกรณีที่แย่จริง อาจจะใช้เวลาหลายปี แต่อย่างที่ดูดูกัน ตอนนี้ ไม่มีปัจจัยร้ายอื่นๆ ภาพรวมยังห่างจากสภาพฟองสบู่อีกมาก ตลาดน่าจะกลับมาได้ ถ้าเลิกขายทิ้งขว้างกัน ถ้าเราพร้อมใจกันบังคับให้พวกเจ้ามือ ทั้งต่างชาติและ
ในไทย รีบเข้ามาช้อนได้เมื่อไหร่ เราก็จะไม่ขาดทุนกันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
ยังไงก็ขอบคุณครับ สำหรับความคิดเห็นที่หลายๆท่านได้กรุณาแสดงไว้ แต่อยากให้ดูนะครับว่า ข้อมูลนั้น เป็นข้อมูลของคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อย ยุคนี้เป็นยุคของกระแสครับ คนหมู่มากมักจะนำไปตามแนวทางต่างๆ ถึงแม้อาจจะเป็นทางที่ไม่ถูกต้องก็ตาม
หรือถ้าคิดว่าหุ้นที่ถืออยู่ ไม่มีพื้นฐาน ก็อาจจะตัดสินใจขาย เพื่อไปซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่ราคาถูกอยู่ หรือตกลงมาให้รับไป
ซึ่งจริงๆแล้ว ณ เวลานี้ ปรกติเป็นเวลาที่หุ้นโดยรวมควรมีราคาสูงขึ้น เพื่อรับผลประกอบการ และการปันผลซึ่งจะมีขึ้นในกลางเดือนหน้า ถ้าเงินคุณเย็นจริง เก็บอีกสิบห้าวันไม่เกินครับ คุณจะได้ประโยชน์มากมายจากการรอคอยของคุณ มากกว่าที่จะด่วนขาย
ทิ้งทุกอย่างในตอนนี้
อย่างที่บอกครับ การขึ้นลงของหุ้นที่ไม่มีมูล จะเป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าที่คุณๆ ซึ่งถึงแม้จะมีความรู้แบบนักวิเคราะห์จะคาดคิดกันทัน ฉนั้นถ้าพวกต่างชาติ และกองทุนเกิดเปลี่ยนใจกัน คุณอาจจะไม่ทันต่อการดีดกลับของหุ้นได้
ถ้าพวกคุณพร้อมใจกัน ไม่ขาย ไม่ขาย ไม่ขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ข่าวดีจะประกาศออกมาสำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ผมเชื่อว่าต่างชาติกับกองทุน จะต้องรีบกลับมาซื้อ และทำให้ตลาดหุ้นเรากลับมาที่สร้างความหวัง และ
ความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนอีกครั้งนึง
ยังไงก็ขอจบการเขียนไว้ตรงนี้นะครับ ขอบคุณที่ช่วยอ่านดู ผมมีประสบการณ์เคยซื้อหุ้นดอทคอม ที่ราคา $20 รอดูจนมันเหลือ $0.00001 ก่อนจะหลุดจากตลาดไปมาแล้ว หมดไปเป็นล้าน แต่เทียบกับตอนนี้ หุ้นที่ผมถืออยู่ พื้นฐานมันต่างกันเยอะ
สมัยก่อน ผมเคยซื้อหุ้นแล้วมัน ลดพาร์ reverse split คือทำให้หุ้นเหลือน้อยลง ทำให้ผมขาดทุนไปเยอะ ผมเห็นว่าหุ้นตัวนั้นพื้นฐานดี ผมจึงเก็บมันไว้ตั้งแต่ปี 2000 พึ่งขายไปปีที่แล้ว ปรากฎว่าหลังจาก reverse split แล้ว หุ้นขึ้นจาก $1.5 มาที่ $80 ซึ่ง
เป็นเรื่องจริง ฉะนั้นที่พวกคุณเจอๆกันตอนนี้ อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิด
ตอนนี้พอร์ตของผมเองก็ลดลงพอๆกับเจ้าหุ้นไก่ทั้งสอง ถ้ายังไงก็เก็บหุ้นปันผลไว้นะครับ พวกนี้ไม่แย่นักหรอกครับ สำหรับในระยะเวลาอีกไม่ไกลข้างหน้า
โชคดีเป็นของทุกท่าน เลิกเครียดเถอะครับ สุขสันต์วันหยุดคร๊าบบบบ
--------------------------------------------------------------------------------
Wvix
ถ้าอ่านจากข้อความ ทั้งหมด เห็นชัดๆเลยครับ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบที่สุดครับ
ในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนของรายใหญ่ๆ (ซึ่งอาจเป็นทั้งต่างชาติ, รายใหญ่ๆก็ได้) ไม่มากแต่ถ้าเทียบสัดส่วนเม็ดเงินกับตลาดหุ้นแล้วเม็ดเงินต่อหัวของพวกนี้เยอะ
ทำให้มีอิทธิพลง่ายต่อการผลักดันราคาหุ้น และคนพวกนี้รวมตัวกันติด มีข่าวสารที่ไวกว่ารายย่อยมาก และพวกนี้ก็คือพวกที่คอยผลักดันราคาหุ้นให้เคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตามใจ
และก็ยังมีเครื่องมือทางการเงินที่ร้ายกาจอย่าง Short Sell อยู่ และไอ้เครื่องมืออันนี้นี่แหละที่ทำให้รายย่อยอย่างเราเสียเปรียบสุดๆ
ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ช่วงกลางปี จนถึงตอนนี้ๆ ผมซึ้งแล้วครับ ทั้งๆที่ผมเล่นหุ้น Style VI ผมยังขาดทุนเละ (ทางบัญชี)
และหุ้นที่ผมถืออยู่ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าราคามันไม่ได้สะท้อนตามผลประกอบการ ทั้งๆที่ผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยแย่ลงเลย
ราคาหุ้นอาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงชั่วขณะ พอขึ้นไปได้ ไม่ทันได้ขาย ราคาก็กลับตกลงไปหนักและหนักกว่าเก่าอีก เหมือนผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักมาก
และไอ้ข่าวที่คนเค้าแตกตื่นกันอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับผลประกอบการหุ้นของผมเลยสักนิด
ผมสรุปเลยว่า ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับเจ้ามือคนทำราคาครับ ถ้าเป็นหุ้นใหญ่หน่อยก็อาจมีทั้งสถาบันและต่างชาติ
และรายย่อยไม่ค่อยมีความรู้ด้านปัจจัยพื้นฐาน เล่นเก็งกำไรกัน ตามข่าวตามเทคนิคกันไปวันๆ รอให้รายใหญ่ลากไปทางโน้นทีทางนี้ที
สังเกตุได้ตามเว็ปบอร์ด และวิทยุคลื่นเกี่ยวกับหุ้น
ผมคิดว่า ต่อไป ผมจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้ว แล้วถ้าถอนทุนคืนได้จากตลาดทุนหมดผมจะไปแล้วครับ ตลาดหุ้นแบบนี้ตามตรรกะของผมแล้วผมไม่เอาด้วยแล้วครับ
พวกคุณคิดดูอยู่ๆ ฟ้านึกจะผ่าก็ผ่าขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้ ใครจะรับได้ครับ (ผมรับไม่ได้ครับ)
ลองไปอ่านที่ link ด้วยก็ดีครับเพราะจะได้ทั้งเนื้อทั้งน้ำครับ