หน้า 1 จากทั้งหมด 2

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:12 pm
โดย แผ่วเบา
การฝึกปรือนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับปุถุชนที่ไม่ได้เกิดมามี พรสวรรค์ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด  
อันที่จริงผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อนักในเรื่องพรสวรรค์ เพราะเป็นสิ่งที่พบได้น้อยเหลือเกิน อาจจะมีอยู่จริงแต่ก็พบได้น้อย  
คนที่ประสบผลสำเร็จส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เติบโตขึ้นมาจาก พรแสวง  เกือบทั้งสิ้น
(แม้พี่ลูกอิสานเองก็ไม่ใช่ บุญสวรรค์  แต่เป็น บุญแสวง ต่างหาก)

การฝึกปรือจึงเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้และเป็นสิ่งที่ควรแสวงหายิ่งกว่าพรสวรรค์เสียอีก

แต่การฝึกปรือที่หนักๆก็ไม่ใช่สิ่งที่รับประกันได้ถึงความสำเร็จ  
หากการฝึกปรือนั้นๆทำไปโดยผิดหลักการ  
ซึ่งจะเข้าทำนอง ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความพยายามก็อยู่ที่นั่น

ความพยายามจะอยู่คู่กับความสำเร็จก็ต่อเมื่อ  ความพยายามนั้นทำได้ตรงเป้าหมาย  
และต้องเป็น เป้าจริง ไม่ใช่ เป้าหลอก

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:14 pm
โดย แผ่วเบา
หลายเรื่องหลายราวในชีวิตเราอาจจะเคยประสบกับ เป้าหลอก โดยไม่รู้ตัว  
เราก็เลยไม่ประสบความสำเร็จที่ตั้งใจไว้สักทีและอาจจะสงสัยอยู่ครามครันว่า  

เอ......ทำไม่ไม่เป็นอย่างที่คิด
เอ......ทำไมเป็นอย่างนั้นไปได้
เอ......หรือดวงเราจะไม่เหมาะกับเรื่องนี้
เอ.......หรือเราไม่มีวาสนา
เอ.......หรือเทวดากลั่นแกล้ง
เอ.......หรือ .......ฯลฯ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:16 pm
โดย แผ่วเบา
เรื่องหุ้นก็เช่นเดียวกัน  หลายๆท่านประสบความสำเร็จ
แต่อีกหลายๆท่านยังไม่สำเร็จเสียทีทั้งๆที่ได้ทุ่มเทเต็มที่แล้ว
(แน่นอนว่า บางท่านอาจจะยังไม่เต็มที่ เป็นแค่เต็มทีก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไร)

ถ้าลองมองย้อนหาสาเหตุ จริงๆแล้วอาจจะเป็นเพราะการกำหนดยุทธวิธีที่ผิดพลาดก็ได้  
คือกำหนดเป้าหมายผิดไป  ไปกำหนดเอา เป้าหลอก เป็นเป้าหมายเสียนี่

คำว่า เป้าหลอก นั้นหมายถึง ภาพลวงตาที่ดูเร้าใจและน่าจะใช่เป้าหมายจริงๆ  
แต่กลับไม่ใช่เป้าจริงๆเพราะทำให้เราสับสนและหลอกตาเรา


ส่วน เป้าจริง ต่างหากแม้จะไม่เร้าใจเท่า  
แต่มีความแน่นอนในการพิสูจน์มากกว่าและเป็นแก่นมากกว่า
จับต้องได้มากกว่า
พัฒนาต่อยอดได้ง่ายกว่าและยิ่งพัฒนาก็ยิ่งประสบผลสำเร็จ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:19 pm
โดย แผ่วเบา
ยกตัวอย่างง่ายๆ  
ถ้าผู้หญิงฝึกแต่งหน้าโดยเงาใช้สะท้อนจากลำธาร  
แบบนี้เรียกว่าฝึกกับเป้าหลอก  
เพราะลำธารซึ่งมีน้ำไหลตลอดเวลานั้นแม้จะดูเร้าใจแต่ก็มีความแปรปรวนสูง  
การเขียนคิ้วแต่งหน้าทาแก้มที่ถูกฝึกปรือมาจนเขียนได้โค้งดุจคันศร
แต่เมื่อเจอเงาสะท้อนที่บิดเบี้ยวจากลำธารย่อมสร้างความลังเลใจให้กับผู้เขียน  
แล้วอาจจะพาลไปแก้ไขฝีมือเดิมที่ทำไว้ดีแล้วอีกด้วย  

ผลลัพธ์(product)ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งล้วนมีผลสะท้อนกลับ(feedback)มาที่กระบวนการ(process)

การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองนั้นเกิดขึ้นในช่วงนี้เอง
ถ้าผลลัพธ์ไม่เที่ยงตรงและมีความแปรปรวนสูง  
การสะท้อนกลับย่อมบิดเบี้ยวไปด้วย
และเมื่อเป็นแบบนี้บ่อยๆ  
เราจะพัฒนาตัวเราเองได้อย่างไร

มีกี่ครั้งที่เราวิเคราะห์หุ้นไว้ดีแล้วแต่เมื่อราคาหุ้นไม่เป็นไปตามคาด  
เราก็พาลมาปรับกระบวนการวิเคราะห์ใหม่  
เราละทิ้งหลักการที่ถูกต้องไปมากน้อยเพียงใดแล้วเพียงเพื่อปรับความคิดเราปรับหลักการเราให้เข้ากับราคาหุ้น

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:21 pm
โดย แผ่วเบา
แน่นอนว่าราคาหุ้นนั้นสำคัญกับเรามาก
เพราะเป็นตัวเลขที่จะกำหนดผลกำไรว่าเราได้มากน้อยเท่าไหร่
หรือขาดทุนย่อยยับเพียงใด  
จึงไม่แปลกเลยที่เราจะให้ความสำคัญกับราคาหุ้นเป็นอันดับหนึ่ง  

หลายๆท่านอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้หรือไม่  
ปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างไร
ขอเพียงหุ้นขึ้นและเราได้กำไรก็เพียงพอแล้วจะสนใจเรื่องอื่นไปทำไม

แต่ถ้าเรายึดถือราคาหุ้นเป็นหลักโอกาสที่เราจะไล่ล่าคว้าเงา
และทำให้เราไม่ได้หลักการที่ถูกต้องจะมีอยู่สูงมาก  
ราคาหุ้นนั้นในระยะสั้นมีความแปรปรวนยิ่งกว่าเงาจากลำธารเสียอีก  

เราเคยเห็นคนที่ประสบผลสำเร็จในการแต่งหน้าตัวเองโดยการฝึกปรือจากลำธารกี่คน  

แน่นอนว่าน้อยยิ่งกว่าน้อย

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:23 pm
โดย แผ่วเบา
เงาจากลำธารนั้นจึงเป็นเป้าหลอก

เช่นเดียวกับการฝึกความกล้าอย่างที่พี่สามัญชนพูดไว้  
ความกล้าเป็นเป้าหลอกยิ่งฝึกยิ่งกลัวก็มีบ่อยไป  
การหามูลค่าของหุ้นจึงเป็นเป้าจริงที่ควรหมั่นฝีกปรือ  
และเมื่อฝึกสำเร็จบ่อยๆ  ความกล้าก็มาเอง
อันที่จริงความกล้า ณ.เวลานั้นไม่ค่อยจำเป็นเสียด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกับการฝึกสมาธิ
การต้องการเห็นนิมิตกลายเป็นเป้าหลอก  
ยิ่งอยากเห็นยิ่งไม่ได้เห็น  
การรวมสติอยู่ที่เดียวนานๆต่างหากที่เป็นเป้าจริง  
และเมื่อสมาธิกล้าแข็งพอ นิมิตก็จะมาเองตามธรรมชาติ

การคาดเดาราคาหุ้นก็เป็นเป้าหลอก  
ยิ่งหมกมุ่นเพียงใดเราก็ยิ่งห่างไกลจากความสำเร็จเพียงนั้น  
การคาดเดาผลประกอบการต่างหากที่เป็นเป้าจริง  
และเมื่อคาดเดาถูกบ่อยๆราคาหุ้นก็มาเองเช่นกัน

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:24 pm
โดย แผ่วเบา
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อสอนตัวเอง
เพราะผมมีประสบการณ์เรื่องการทุ่มเทอย่างยาวนาน
และทำงานหนักแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่
เรียกว่าอยู่ในวังวน ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น บ่อยๆ


แต่เมื่อได้ตั้งสติขึ้นใหม่และวิเคราะห์วิจัยตามหลักการวิทยาศาสตร์ก็เลยได้ความรู้ดังที่สรุปมานี้แหละครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:39 pm
โดย por_jai
8) ชอบพี่เป้า สายัณต์ สัญญาครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:40 pm
โดย ...
ขอบคุณพี่แผ่วเบาสำหรับบทความดีๆครับ  :D
แผ่วเบา เขียน:การคาดเดาราคาหุ้นก็เป็นเป้าหลอก  
ยิ่งหมกมุ่นเพียงใดเราก็ยิ่งห่างไกลจากความสำเร็จเพียงนั้น  
การคาดเดาผลประกอบการต่างหากที่เป็นเป้าจริง  
และเมื่อคาดเดาถูกบ่อยๆราคาหุ้นก็มาเองเช่นกัน
อ่านไปเหมือนมีใครเอามะเหงกมาเขกหัวก็ไม่รู้  :oops:

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 2:50 pm
โดย แผ่วเบา
บางทีในเท็จยังมีจริง
ในจริงก็ยังมีเท็จ

ผลประกอบการระยะสั้นๆ 1-3 ปี
ก็อาจเป็นเป้าหลอกได้เช่นกัน

ขอบคุณพี่สามจุดครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 8:28 pm
โดย dino
8)   :cool:  :cool:  :cool:

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 9:21 pm
โดย chatchai
แผ่วเบา เขียน:บางทีในเท็จยังมีจริง
ในจริงก็ยังมีเท็จ

ผลประกอบการระยะสั้นๆ 1-3 ปี
ก็อาจเป็นเป้าหลอกได้เช่นกัน
นานขนาด 1 - 3 ปี

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 9:48 pm
โดย cryptonian_man
ขอบคุณบทความดีๆ ครับ

จะได้เอาไว้เตือนตัวเอง ว่าควรให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าราคาที่วิ่งไปมา


แต่จะว่าไปส่วนใหญ่เขาคิดว่าระยะสั้นคือ 1-2 วัน ระยะยาวคือ1-2 อาทิตย์อ่ะดิครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 2:58 am
โดย Pn3um0n1a
นับถือพี่แผ่วครับ  :bow:

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 3:11 pm
โดย naris
ชอบครับ,,,,,ชอบ :D

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 4:35 pm
โดย funza
ขอบคุณครับ ขอเก็บไว้เตือนใจ ยามไหวหวั่น เมื่อเห็นเป้าหลอก 8)

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 10:01 pm
โดย Khunchat
เตือนใจเราได้ดีจริงๆๆ คมมากครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 21, 2007 10:10 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เงาจากลำธารนั้นจึงเป็นเป้าหลอก 

เช่นเดียวกับการฝึกความกล้าอย่างที่พี่สามัญชนพูดไว้   
ความกล้าเป็นเป้าหลอกยิ่งฝึกยิ่งกลัวก็มีบ่อยไป   
การหามูลค่าของหุ้นจึงเป็นเป้าจริงที่ควรหมั่นฝีกปรือ   
และเมื่อฝึกสำเร็จบ่อยๆ  ความกล้าก็มาเอง 
อันที่จริงความกล้า ณ.เวลานั้นไม่ค่อยจำเป็นเสียด้วยซ้ำ 
เห็นด้วยกะบทความนี้ครับ ขอเสริมว่า

สำหรับผมแล้ว เป้าจริงคือ สำหรับไม่ใช่แค่มูลค่าที่แท้จริง

แต่เป็น ราที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงด้วยครับ

หุ้นหลายตัว ราคาไม่เคยขึ้นไปกว่ามูลค่าที่แท้จริง อย่างยาวนานมาก ผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะว่า มีหุ้นอีกไม่น้อยที่ราคาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงอย่างรวดเร็ว

ทำไมต้องไปจมปลักกับหุ้น ที่ดี ราคาถูก แล้วไม่เคยขึ้นเลย แล้วก็มาท่องๆ ว่า เดี่ยวก็ขึ้น ปลอบใจตัวเอง เป็นเป้าจริง หรือเป้าหลอกครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:43 am
โดย แผ่วเบา
มีพี่หมอท่านหนึ่งโทรมาถามผมว่า

เขาลองย้อนดูราคา ums เมื่อตอน 20 บาทสักสามสี่เดือนก่อน
แล้วถามผมว่า
มันต้องมีอะไรสักอย่าง
ที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดแบบนี้
และถ้าเราหาสาเหตุนั้นเจอ
เราก็สามารถนำไปใช้กับหุ้นตัวอื่นๆได้อีก

ผมตอบไปว่า
ผมเคยคิดแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อหลายปีที่แล้ว

ตอนนั้นผมเอาหุ้นที่ขึ้นสูงสุด 20 อันดับแรกของปีมาศึกษาวิจัย
ซึ่งล้วนแต่ขึ้นเกินหนึ่งเด้งเกือบทั้งนั้น
และก็ฝันหวานว่า

ถ้าผมหา "ปัจจัยร่วม"เจอ
ซึ่งหมายถึงปัจจัยที่มีลักษณะคล้ายๆกันทั้ง 20 ตัว
อาจจะเป็นอะไรก็ได้
แต่เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพล
สามารถผลักดันราคาขึ้นไปได้เป็นเด้งๆ
และผมสรุปปัจจัยร่วมตัวนั้นออกมาเป็นข้อๆได้
ผมก็จะสามารถพยากรณ์ต่อไปในอนาคตได้
ว่าตัวไหนจะเป็นหุ้นเด็ดตัวต่อไป

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:44 am
โดย แผ่วเบา
ผมวางแผนไว้ว่า  เมื่อเจอแล้วก็จะยังไม่ผลีผลาม
แต่จะใช้ปัจจัยตัวที่ว่านั้น
ศึกษาย้อนหลังไปอีกหลายๆปี
สำหรับหุ้นตัวที่ขึ้นมาเป็นเด้งๆ
เพื่อพิสูจน์ให้จะแจ้งให้ได้ว่า
ปัจจัยตัวที่ว่านั้น
ใช้ได้ผลจริงๆ

ผลการทดลอง
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะสรุป
เพราะว่ามีทั้งส่วนที่เป็นก้อนและเป็นลม
ก้อนคือสิ่งที่จับต้องได้
ลมคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้และพิสูจน์ไม่ได้

มีทั้งหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นมา  และเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด
และไม่มีสาระอะไรที่จะใช้เป็นมาตรฐานเพื่อการพยากรณ์อะไรได้เลย
(หรืออาจจะเป็นเพราะผมหาปัจจัยร่วมไม่ได้)
และราคาก็รูดมหาราชในไม่กี่เดือนต่อมา
และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า
คนปั่นจะปั่นตัวไหนในอนาคต
และถ้าเขาปั่นจริง เขาจะปั่นต่อหรือจะเลิกปั่น
ก็คาดเดาไม่ได้อีกนั่นแหละ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:45 am
โดย แผ่วเบา
แต่ก็มีหุ้นหลายตัวที่ขึ้นมาด้วยพื้นฐานจริงๆ
กลุ่มนี้จะแยกเป็นสองส่วนแบบหยาบๆ
1. ส่วนที่พอคาดเดาได้บ้าง
ซึ่งปัจจัยที่เรียกว่า แนวโน้มธุรกิจ
จะเป็นตัวสำคัญที่ใช้พยากรณ์

คือมีแนวโน้มธุรกิจค่อนข้างชัดเจนว่า
กำไรของบริษัทในอนาคตจะโตแน่ๆ
ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม
เช่น มีงานรออยู่ข้างหน้าแน่นอน
ประมูลงานได้
ยอดลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กระแสสังคมหนุนส่ง
คู่แข่งสู้ไม่ได้
ราคาวัตถุดิบถูกลงเห็นๆ
ฯลฯ
กลุ่มนี้ก็สามารถทำกำไรได้เป็นเด้งๆ

อ้อ........อย่าลืมว่าผมเอาหุ้นที่ได้กำไรเป็นเด้งๆแล้วมาศึกษา
ดังนั้นจึงอาจจะเกิดอคติจากการคัดเลือกตั้งแต่ต้น
วิธีพิสูจน์ก็ต้องใช้ปัจจัยเหล่านี้ไปจับหุ้นตัวอื่นๆในตลาดทุกตัว
และดูว่าตัวที่มีปัจจัยเหล่านี้
ราคาหุ้นขึ้นมาเป็นเด้งๆทุกตัวหรือไม่ ด้วยนะครับ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:45 am
โดย แผ่วเบา
2.ส่วนที่คาดเดาได้ยาก ซึ่งไม่รวมหุ้นปั่น(ที่ไม่มีปัจจัยร่วมที่เป็นบวกอะไรกับเขาเลย)
คือเป็นหุ้นที่ราคาขึ้นมาด้วยพื้นฐานเหมือนกัน
แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะคาดเดาได้ถูก
เข้าทำนอง high risk high return
คือถ้าเรากล้าเสี่ยงมาก
เราก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงๆ  
แต่ถ้าผิด ความกล้าของเราก็จะทำให้เราขาดทุนยับ
ซึ่งกลุ่มนี้เราไม่ต้องการ
ที่เราต้องการคือ low  risk  high return ต่างหาก
ซึ่งผมเชื่อว่า low  risk  high return มีอยู่จริง

โดยสรุป
ผมตอบคำถามของพี่หมอไปอย่างนี้
ว่าถ้าเราตั้งต้นที่ราคาหุ้น
เราจะเจอคำตอบซึ่งหลากหลาย
มีทั้งหุ้นที่ดีจริงตามพื้นฐาน และหุ้นที่ถูกปั่นขึ้นมา
อันตรายอยู่ตรงที่ว่า
ถ้าเราแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นหุ้นปั่น
จะเกิดอะไรขึ้น

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:46 am
โดย แผ่วเบา
เพราะเราจะได้ ปัจจัยร่วม ที่เป็นคุณสมบัติของหุ้นปั่น
เช่น ต้องมีรายใหญ่เริ่มเก็บของ
ผลประกอบการไม่จำเป็นต้องดี
ผู้บริหารให้ท้ายโดยหลับตาข้างหนึ่งและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง
ยิ่งผู้บริหารมีประวัติเป็นสีเทาๆยิ่งดี
เพราะมี เชื้อ ให้อยู่แล้วสำหรับการปั่น  เป็นต้น

ซึ่ง ปัจจัยร่วม เหล่านี้   สามารถผลักดันราคาหุ้นให้ขึ้นไปเป็นเด้งๆได้
และเมื่อเรามุ่งไปในทางนี้
เราก็จะเริ่มรู้ลึกมากขึ้นว่า
หุ้นตัวไหนจะมีคุณสมบัติเหล่านี้
เราจะเริ่มรู้ว่านักลงทุนกลุ่มไหนที่ชอบปั่นหุ้น
และเราจะหาวิธีติดตามเขาอย่างใกล้ชิด
เราจะเกาะติดข่าววงใน
โดยเฉพาะข่าวที่ว่าใครจะลากตัวไหนไปเท่าไหร่

ทั้งหมดนี้คือการต่อยอดซึ่งใช้เวลาใช้เงินทองเพื่อการนี้ไปไม่น้อย
และเมื่อทำได้จริง
ก็ไม่ได้รับรองว่า เราจะได้กำไรเป็นเด้งๆ
เพราะตัวเราเองก็ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไรกับคนปั่น
ทำไมเขาถึงจะต้องซื่อสัตย์กับเรา
ทำไมเขาถึงจะต้องบอกเรา
เราเป็นแมงเม่าในสายตาเขาต่างหาก

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:48 am
โดย แผ่วเบา
และสุดท้ายเราก็ขาดทุนยับ
และสุดท้ายเราก็เสียเวลาอันมีค่าไปไม่ใช่น้อย
และสุดท้ายเราก็เสียเงินทองที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบไปหมด
ทั้งๆที่ได้ทุ่มเทการฝึกปรือแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เราก็มานั่งคิดว่า

ก็ไหนบอกว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น
ทำไมเราถึงเจอแต่
ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความพยายามก็อยู่ที่นั่น อีกแล้วล่ะ

เรี่ยวแรงของเรา
ถ้าเราใช้ผิดที่ผิดทาง
ก็เหมือนกับการ "ตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำ" ซึ่งไม่วีไอเลย

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 11:32 am
โดย ก้อนหิน
ชอบกระทู้แบบนี้จังครับ

เอาอีกๆๆๆๆๆ   :D

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 12:29 pm
โดย แผ่วเบา
ได้เลยครับพี่ก้อนหิน  เดี๋ยวจัดให้

ราคาหุ้นนั้นมีหลายสำนักนำมาเป็น "อันดับหนึ่ง"
และต่อยอดเป็นวิชา Technical Analysis
ซึ่งอยู่ภายใต้สมมติฐาน
ตลาดมีประสิทธิภาพ
เขาบอกว่า

ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์พื้นฐานกิจการให้เมื่อยตุ้ม
ปัจจัยทุกอย่าง
ล้วนสะท้อนมาที่ "ราคาหุ้น" หมดแล้ว
การทำกำไรมากๆจากตลาดหุ้นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
ถ้าอยากได้กำไรมากๆ
คุณต้องยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
เรียกว่า high risk high return
โดยการเลือกหุ้นที่มีค่าเบต้ามากๆ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 12:30 pm
โดย กระทิงแดง
เยี่ยมครับ...:cool:  :cool:  :cool:
รวบรวมไว้เป็นบทความ อีกหนึ่งอันได้เลยนะเนี่ยะ

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 12:30 pm
โดย แผ่วเบา
แนวคิดนี้มีคนเชื่อกันเยอะ
เพราะง่ายในการปฏิบัติ
สนุกสนานในการเล่น
และที่สำคัญตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่า
สามารถเล่นได้ทุกวัน
ทีวีมีเรื่องมาออกอากาศได้ทุกวัน
นักวิเคราะห์มีเรื่องมาแนะนำได้ทุกวัน

ภายหลังไม่ได้แค่เล่นรายวันแล้ว
แต่พัฒนาต่อยอดจนเล่นได้รายนาทีก็มี

และเมื่อคนเชื่อกันเยอะๆ
ก็เป็นตัวสำคัญที่ทำให้แนวคิดนี้กลายเป็นจริงขึ้นมา
บอกว่าตัวนั้นจะขึ้นก็ขึ้นจริงๆ
เพราะคนเชื่อ
เมื่อเป็นจริงบ่อยๆ
คนก็เชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อยิ่งเชื่อก็ยิ่งเป็นจริง

เช่นเดียวกับบอกว่าตัวนี้จะลง
คนก็แห่ขาย
เมื่อแห่ขายหุ้นก็ลงจริงๆ
แม้หลายๆคนจะบอกว่า
หุ้นตัวนี้ไม่ลงหรอก  เพราะพื้นฐานดี
ข่าวร้ายที่มากระทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวนี้เลย
แต่เชื่อไหมว่าคนที่บอกอย่างนั้น

ก็ผสมโรงขายไปด้วย

เขาบอกเหตุผลว่า
เมื่อคนเชื่อเยอะๆว่าจะลง  คนอื่นก็จะขาย
แล้วหุ้นก็จะลงจริงๆ
ดังนั้นจึงต้องชิงลงมือก่อน  
บางคนก็ขายไปก่อนโดยให้เหตุผลว่า
"ขอยิงก่อนแล้วค่อยถามเหตุผล" ก็มี

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 12:31 pm
โดย แผ่วเบา
ความเชื่อจึงมีส่วนในการกำหนดผลลัพธ์
จะเห็นได้ว่า วิธีนี้มีอำนาจอยู่ในตัวเองและเสริมกันเอง
รับเอง ชงเอง ตบเอง  ครบถ้วนกระบวนความในตัวเอง

แต่เมื่อตั้งสติตรึกตรองดูใหม่
ก็จะเห็นได้ว่า

นักเล่นหุ้นแนววีไอนั้น  มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
จะถึง 1% หรือเปล่าก็ไม่รู้  นับทั่วโลกเลยนะครับ
แต่แนวที่ไม่ใช่วีไอนั้นเยอะจริงๆ
แนว TA น่าจะมากถึง 90% ของทั้งโลกนะครับ

และเมื่อเหตุเป็นแบบนี้
เราควรจะคาดเดาถึงผลได้ว่า
นักเล่นหุ้นที่รวยติดอันดับโลก
(ไม่รวมคนรวยจากวิธีอื่นนะครับ  เอาเฉพาะคนเล่นหุ้นเท่านั้น)

100 คนแรกที่รวยที่สุด น่าจะเป็นแนว TA อย่างน้อยๆก็ 90 +คน
และวีไอน่าจะเกาะกลุ่มสักหนึ่งคน

แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เพราะผมนึกชื่อนัก TA ที่รวยติดอันดับโลกไม่ออกเลยสักคนเดียว
ไม่ต้องมากถึง 90 คนเลยนะนั่น
แต่กลับมีแนววีไอติดตั้งหลายคน

หมั่นฝึกปรือกับเป้าจริง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 12:31 pm
โดย แผ่วเบา
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

ถามว่า

product แบบนี้ (การนับคนรวย)
เป็นเป้าจริงในการวิเคราะห์หรือเป็นเป้าหลอกกันแน่

ผมเชื่อว่าเป็นเป้าจริงเพราะผ่านการพิสูจน์มาหลายสิบปีแล้วในอดีต
และก็จะเป็นทำนองเดียวกันนี้ในอนาคต