หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
โพสต์ที่ 2
http://www.google.co.th/search?hl=th&q= ... meta=lr%3D
ฤาไม่ก็
http://en.wikipedia.org/w/index.php?tit ... ext=Search
ตามนั้นเลยคับ
ฤาไม่ก็
http://en.wikipedia.org/w/index.php?tit ... ext=Search
ตามนั้นเลยคับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 1
หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
โพสต์ที่ 5
Michael E Porter's Five Forces เป็นหลักการประเมินธุรกิจรูปแบบหนึ่งครับ
โดยหลักการนี้จะแบ่งการประเมิน 5 ทิศทางหรือ 5 ข้อคือ
1. ประเมินความสามารถของคู่แข่ง
ก็ต้องดูว่าคู่แข่งมีความสามารถแค่ไหน โดยอาจวิเคราะห์จาก SWOT ของคู่แข่งเทียบกับธุรกิจของตน
2. ความยากง่ายของเจ้าใหม่ที่จะเข้าตลาด
อุตสาหกรรมนี้รายใหม่เข้าได้ยากง่ายเพียงไร หากธุรกิจต้องใช้เงินลงทุนสูงมากๆ และมีข้อกำหนดหลายอย่างจะทำให้เป็นการยากที่รายใหม่จะเกิดขึ้น
3. อำนาจการต่อรองของ supplier
supplier มีอำนาจต่อรองมากน้อยเพียงไร ยิ่งบริษัทเราใหญ่มากเท่าไรอำนาจการต่อรองของ supplier ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ยิ่ง supplier มีการแข่งขันกันสูง supplier ยิ่งมีอำนาจต่อรองน้อย
4. Buyer power
ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองมากเพียงไร หากเป็นธุรกิจที่พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่จะทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจมากกว่าบริษัท ทำให้การขึ้นราคาสินค้าเป็นไปได้ยาก
5. สินค้าทดแทน
สินค้านี้มีสินค้าทดแทนได้มากน้อยเพียงไร และในอนาคตมีแนวโน้มจะมีสินค้าทดแทนหรือไม่ รวมถึงสินค้าในกลุ่มอื่นที่ไม่เคยขายแข่งในตลาดเดียวกัน เช่น กล้องถ่ายรูปที่จะถูกแทนที่ด้วยโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพได้ ถึงแม้จะไม่สามารถแทนที่กันได้โดยสมบูรณ์แต่ก็เป็นคู่แข่งที่แย่งส่วนแบ่งตลาดกล้องถ่ายรูปได้มากทีเดียว
ผิดพลาดประการใด พี่ๆผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ
โดยหลักการนี้จะแบ่งการประเมิน 5 ทิศทางหรือ 5 ข้อคือ
1. ประเมินความสามารถของคู่แข่ง
ก็ต้องดูว่าคู่แข่งมีความสามารถแค่ไหน โดยอาจวิเคราะห์จาก SWOT ของคู่แข่งเทียบกับธุรกิจของตน
2. ความยากง่ายของเจ้าใหม่ที่จะเข้าตลาด
อุตสาหกรรมนี้รายใหม่เข้าได้ยากง่ายเพียงไร หากธุรกิจต้องใช้เงินลงทุนสูงมากๆ และมีข้อกำหนดหลายอย่างจะทำให้เป็นการยากที่รายใหม่จะเกิดขึ้น
3. อำนาจการต่อรองของ supplier
supplier มีอำนาจต่อรองมากน้อยเพียงไร ยิ่งบริษัทเราใหญ่มากเท่าไรอำนาจการต่อรองของ supplier ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ยิ่ง supplier มีการแข่งขันกันสูง supplier ยิ่งมีอำนาจต่อรองน้อย
4. Buyer power
ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองมากเพียงไร หากเป็นธุรกิจที่พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่จะทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจมากกว่าบริษัท ทำให้การขึ้นราคาสินค้าเป็นไปได้ยาก
5. สินค้าทดแทน
สินค้านี้มีสินค้าทดแทนได้มากน้อยเพียงไร และในอนาคตมีแนวโน้มจะมีสินค้าทดแทนหรือไม่ รวมถึงสินค้าในกลุ่มอื่นที่ไม่เคยขายแข่งในตลาดเดียวกัน เช่น กล้องถ่ายรูปที่จะถูกแทนที่ด้วยโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพได้ ถึงแม้จะไม่สามารถแทนที่กันได้โดยสมบูรณ์แต่ก็เป็นคู่แข่งที่แย่งส่วนแบ่งตลาดกล้องถ่ายรูปได้มากทีเดียว
ผิดพลาดประการใด พี่ๆผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ
สติมา ปัญญาเกิด
- MacroArt
- Verified User
- โพสต์: 265
- ผู้ติดตาม: 0
หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
โพสต์ที่ 7
เอาไว้ใช้วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน่ะครับ ตัวอย่างเช่น บางอุตสาหกรรมที่มี supplier น้อยรายจึงมีอำนาจต่อรองสูง ส่วนลูกค้าก็ใหญ่ยักษ์ อำนาจต่อรองสูงเช่นกัน ขณะที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมมีจำนวนมาก ขนาดของผู้เล่นแต่ละคนเทียบกับ supplier กับลูกค้าไม่ติด แบบนี้ถ้าลองวาดภาพออกมาก็จะเหมือนอุตสาหกรรมนี้ถูก supplier และลูกค้าทำแซนด์วิชตลอด supplier จะขอตั้งราคาสูง ส่วนลูกค้าก็จะคอยกดราคา ธุรกิจในอุตสาหกรรมก็จะมี margin แคบมาก จะอยู่รอดได้ก็ต้องบริหารต้นทุนให้ต่ำ หรือไม่ก็ฉีกตัวเองให้แตกต่างจากคู่แข่งให้ได้
ปัจจัยด้านการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ เอาไว้ดูว่าอุตสาหกรรมนี้มีคูคลองป้องกันข้าศึกดีแค่ไหน ถ้าน้ำลึก คู่แข่งเข้ายาก แบบนี้คนที่อยู่ข้างในก็สบายหน่อย แต่ถ้าไม่มีคูคลองป้องกันเลย ใครอยากเข้ามาแข่งก็เข้ามาได้ง่ายๆ คนที่อยู่ด้านในเหนื่อยหนักครับ นอกจากต้องรับแรงแซนด์วิชจาก supplier และลูกค้าแล้ว ยังต้องมาสู้รบกับข้าศึกใหม่ๆ อีก
หรืออย่างปัจจัยด้านสินค้าทดแทนก็เอาไว้ดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมในอนาคต เพราะบางทีผู้บริหารมองแต่การเอาชนะคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยที่มองข้ามการเข้ามาของอุตสาหกรรมอื่น อย่างเช่นอุตสาหกรรมกล้องฟิล์มที่ถูกทดแทนด้วยกล้องดิจิตอล
ปัจจัยด้านการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ เอาไว้ดูว่าอุตสาหกรรมนี้มีคูคลองป้องกันข้าศึกดีแค่ไหน ถ้าน้ำลึก คู่แข่งเข้ายาก แบบนี้คนที่อยู่ข้างในก็สบายหน่อย แต่ถ้าไม่มีคูคลองป้องกันเลย ใครอยากเข้ามาแข่งก็เข้ามาได้ง่ายๆ คนที่อยู่ด้านในเหนื่อยหนักครับ นอกจากต้องรับแรงแซนด์วิชจาก supplier และลูกค้าแล้ว ยังต้องมาสู้รบกับข้าศึกใหม่ๆ อีก
หรืออย่างปัจจัยด้านสินค้าทดแทนก็เอาไว้ดูว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมในอนาคต เพราะบางทีผู้บริหารมองแต่การเอาชนะคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยที่มองข้ามการเข้ามาของอุตสาหกรรมอื่น อย่างเช่นอุตสาหกรรมกล้องฟิล์มที่ถูกทดแทนด้วยกล้องดิจิตอล
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
โพสต์ที่ 10
[quote="Capo"]http://www.google.co.th/search?hl=th&q= ... meta=lr%3D
ฤาไม่ก็
http://en.wikipedia.org/w/index.php?tit ... ext=Search
ตามนั้นเลยคับ
ฤาไม่ก็
http://en.wikipedia.org/w/index.php?tit ... ext=Search
ตามนั้นเลยคับ
ความสามารถในการทำกำไรในพอร์ทการลงทุน
........ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนเท่านั้น
ข้อมูลมีเหมือนๆกัน แต่วิธีคิดและการตัดสินใจต่างกัน
........ขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนเท่านั้น
ข้อมูลมีเหมือนๆกัน แต่วิธีคิดและการตัดสินใจต่างกัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
หลัก Five Force ของ Porter คืออะไร
โพสต์ที่ 11
ลอง search ดูในร้อยคนร้อยหุ้นสิครับ
มีพี่ๆใจดีๆ วิเคราะห์ไว้ให้ดูตั้งหลายตัวครับ
ไว้เป็นตัวอย่าง จะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
มีพี่ๆใจดีๆ วิเคราะห์ไว้ให้ดูตั้งหลายตัวครับ
ไว้เป็นตัวอย่าง จะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์