ผถห.PTTหนาว! ศาลฯพิจารณาคดีแปรรูปนัดแรก30 พ.ย.นี้
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 21, 2007 11:11 pm
ผถห.PTTหนาว! ศาลฯพิจารณาคดีแปรรูปนัดแรก30 พ.ย.นี้
ลุ้นศาลฯ พิจารณาคดีแปรรูป ปตท.นัดแรก 30 พ.ย.นี้ ด้าน บริษัทแจงแค่นัดสืบพยาน หลังให้ส่งพยานเอกสารมาประกอบการพิจารณา ส่วน วงการโบรกเกอร์ คาด ราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากข่าวแน่ แต่เชื่อ ปตท. ไม่ถูกถอดออกจากตลาดฯ ระยะสั้น แนะนำชะลอลงทุนดูความชัดเจน แต่ระยะยาวยังมั่นใจ พื้นฐานหุ้นแกร่ง ทยอยสะสมได้
หลังจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและองค์กรเครือข่าย ยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีคำพิพากษายกเลิกและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดอำนาจสิทธิและประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนไขเวลาการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 เนื่องจากมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า พ.ร.ฎ.ทั้งสองฉบับเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ซึ่งทำให้เกิดการผูกขาดธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยบริษัทเอกชน อีกทั้งยังขาดกลไกการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนในฐานะผู้บริโภคโดยรวม อีกทั้งยังระบุว่าการแปรรูปดังกล่าวทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียอำนาจการควบคุมและต่อรองในกิจการ ปตท. ไปอย่างถาวร
ทั้งนี้คดีดังกล่าวศาลปกครองฯ ได้ประทับรับฟ้องไปเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2549 จนส่งผลให้ราคาหุ้น ปตท. รูดหนักในช่วงก่อนหน้านั้น เพราะกังวลว่าหุ้นอาจจะโดนถอดถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์จริง และกระทบต่อมูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคปได้ โดย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปตท. มีมาร์เก็ตแคปจำนวน 1, 030,529.70 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อมองจากมูลค่ามาร์เก็ตแคปจำนวนมหาศาลนี้ จึงทำให้นักลงทุนต่างประเทศเป็นห่วงว่าหากตลาดหุ้นไทยสูญเสียหุ้นหลักอย่าง ปตท.ไปแล้วอาจจะทำให้ตลาดฯ ไร้เสน่ห์ และหมดความน่าสนใจในการลงทุนไปทันที เช่นเดียวกับผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ วานนี้ ( 14 พ.ย.) ว่าศาลปกครองระบุว่า จะมีการนัดพิจารณาคดีการแปรรูป ปตท. เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 9.30 น. อีกทั้งการพิจารณาคดีครั้งนี้ ตุลาการซึ่งไม่ใช่เจ้าของสำนวนจะมีการแถลงความเห็นส่วนตนในคดีดังกล่าวด้วย แต่ความเห็นดังกล่าวไม่มีผลต่อการตัดสินคดีของตุลาการเจ้าของสำนวน โดยเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวระบุว่า ในวันแถลงการณ์ดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายโจทย์และจำเลยสามารถยื่นเรื่องขอปิดคดีได้ และกระบวนการหลังจากนั้นคาดว่าองค์คณะศาลปกครองสูงสุดจะใช้ระยะเวลาการพิจารณาตัดสิน ภายใน 1 เดือน หรือประมาณวันที่ 23 ธันวาคมนี้ น่าจะได้ข้อสรุปของคดีดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามแม้วันแรกของการพิจารณาคดี อาจจะยังไม่มีผลต่อ ปตท. ทันที เพราะยังไม่มีการตัดสินว่าจะถอดถอน ปตท. หรือไม่ อย่างไร แต่เชื่อว่าผลทางกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนคงมีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อมองจากข่าวดังกล่าวแล้วแม้ระยะสั้น ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่วันที่มีการพิจารณาคดี คือวันที่ 30 พ.ย. ตลอดไปจนถึงวันที่คาดว่าจะมีการสรุปคดี ซึ่งน่าจะจบได้ภายในปีนี้ ราคาหุ้นปตท. PTT ก็คงจะเคลื่อนไหวรับข่าวด้วยกัน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ผู้ถือหุ้นปตท. ที่ติดตามข่าวดังกล่าวมาอย่างใกล้ชิดนั้น ต่างก็ต้องลุ้นระทึกกับผลที่จะออกมากันทั้งนั้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจคดีนี้มาตลอดกว่า 1 ปี หลังจากศาลฯประทับรับฟ้องไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่อาจเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะออกมาอย่างไรจากข่าวดังกล่าว
บริษัท ปตท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่แปรรูปโดยใช้ พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ฝ่ายบริหารที่จะล้มเลิก พรบ.จัดตั้งรัฐวิสาหกิจได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ปตท.นำหุ้นเข้ากระจายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนตุลาคม 2544 และก็กลายเป็นหุ้นประวัติศาสตร์ที่ถูกจองหมดภายในเวลาเพียง 1 นาทีเศษๆ จากราคา IPO ที่ 35 บาท/หุ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2544 จนปัจจุบันราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 350 บาท/หุ้น หรือ 10 เท่าของราคา IPO อีกทั้ง ปตท. ในวันนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และส่งเงินปันผลและภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาลได้กว่า 2 แสนล้านบาท ในระหว่างปี 2545-2549 และคาดการณ์ว่าในปี 2550-2554 จะส่งเงินปันผลและภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาล อีกกว่า 300,000 ล้านบาท
เพราะฉะนั้นนอกจากจะเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจประวัติศาสตร์แล้ว ปตท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของเม็ดเงินที่นำส่งคลังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคดีของ ปตท.ตอนนี้ก็ได้รับ การจับตามองมากมายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ยิ่งประเด็นที่เกรงว่าผลสรุปของเรื่องนี้อาจจะออกมาเหมือนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เกือบจะได้กระจายหุ้นในตลาดฯแล้ว แต่ก็กลายเป็นหมันไปซะก่อน เพียงแต่ว่า กฟผ. และ ปตท. จะต่างกันตรงที่ว่า ฝ่ายแรกยังไม่ได้เข้า แต่ฝ่ายหลังเข้าไปเทรดแล้ว และก็มีอายุอยู่ในตลาดฯ มากว่า 6 ปีแล้ว ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับ กฟผ.
อย่างไรก็ตามคำสั่งของศาล ถือเป็นที่สุดของการตัดสิน บริษัท หรือแม้แต่หน่วยงานและองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว จะไม่สามารถชี้นำคำสั่งศาลฯหรือกาพิจารณาของศาลฯได้ เพียงแต่บริษัท ปตท.นั้นก็คงคาดหวังว่าผลของคำแถลงการณ์ของศาลฯ จะมีทิศทางที่เป็นบวกต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกราย ในขณะที่ฝ่ายยื่นฟ้องก็คงคาดหวังว่าคำแถลงการณ์ของศาลจะออกตามที่พวกเขาหวังไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นประเด็นดังกล่าว จึงเป็นจุดที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ
ทั้งนี้ราคาหุ้น PTT เมื่อวานนี้ ปิดที่ 350 บาท ลดลง 16 บาท หรือ 4.37% มูลค่าการซื้อขาย 2,996.99 ล้านบาท
* ปตท. เผยวันนี้ สืบพยานนัดแรก
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.ปตท.(PTT) ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดได้ส่งหนังสือแจ้งมายังบริษัทว่าในวันที่ 30 พ.ย.นี้ศาลฯ นัดสืบพยานนัดแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ให้ทั้งสองฝ่ายส่งพยานเอกสารประกอบการพิจารณา
* โบรกฯ รับข่าวกระทบจิตวิทยาลงทุน-ให้ชะลอลงทุน
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีความคิดเห็นต่อกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดนัดแถลงคดี PTT ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่า ศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร แต่ในแง่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ยอมรับว่าปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาหุ้น PTT ให้ย้ำอยู่กับที่ โดยส่วนตัวมองว่า ในกรณีที่ PTT ชนะคดีความน่าจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น เพราะความกังวลลดลง แต่หากศาลฯ พิจารณาให้ PTT พ้นจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลท. ย่อมส่งผลเชิงลบกับราคาหุ้น และจะเกิดความกังวลต่างๆตามมาอีกมาก โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือ ราคาหุ้นที่หน่วยงานของรัฐจะตั้งโต๊ะรับซื้อคืนที่เท่าไหร่
" ตอนนี้มีความสับสนเล็กน้อยว่าวันที่ 30 พ.ย.นี้ ศาลฯ จะนัดแถลงคดีคือให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมานั่งคุย แก่ต่างกัน หรือตุลาการนัดแถลงคดี หากเป็นกรณีหลังจะเป็นแถลงการความคิดเห็นของตุลาการส่วนใหญ่ว่าเป็นอย่างไร"แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากกรณีการพิจารณาคดีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แนะนำให้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนหุ้น PTT เพื่อรอดูผลคำตัดสิน
*เกียรตินาคิน เชื่อ ราคาหุ้น PTT อาจโดนแรงขายรับข่าว แนะทยอยสะสม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า กรณีที่ศาลปกครองสูงสุด นัดพิจารณาคดีการแปรรูป PTT ครั้งแรกในวันนี้ ว่า อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้น ปตท. ในระยะสั้นๆ เนื่องจากเป็นปัจจัยลบที่กดดันจิตวิทยาการลงทุนและอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนที่หวั่นเกรงความเสี่ยงที่เกิดจากการตัดสินของศาล มีแรงเทขายทำกำไรออกมาฉุดให้ราคาหุ้นร่วงลง
" ในส่วนของผลการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ถือเป็นประเด็นที่ไม่อาจแสดงความคิดเห็นในเชิงก้าวก่ายได้ แต่อาจมองได้ในแง่ที่ว่าโอกาสของกรณีที่ ปตท.จะถูกตัดสินให้ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯคงเป็นไปได้น้อย เพราะหุ้น PTT ถือว่ามีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ และภาพรวมตลาดฯอย่างมาก รวมทั้ง PTT เป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย โดยมีสัดส่วนมาร์เก็ตแคปถึง 1 ใน 10 ส่วนของตลาด" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ศักยภาพทางธุรกิจที่เข้มแข็งของ ปตท.นั้น มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย จึงเชื่อว่าทางความคิดเห็นของภาคส่วนตลาดหุ้นคงไม่ต้องการให้ปตท.ออกจากตลาดฯเนื่องจากจะทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติลดน้อยถอยลงรวมถึงส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าศาลปกครองจะตัดสินไปบนพื้นฐานตัวบทกฏหมายและข้อเท็จจริงแห่งคดีเพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับในประเด็นกล่าวหาที่ว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ปตท.เป็นผู้ผูกขาดรายเดียวของประเทศในการดำเนินการธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ หรือสิทธิประโยชน์ในฐานะรัฐวิสาหกิจ มองว่าลักษณะการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเป็นรูปแบบการผูกขาดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โดยจะมีผู้แข่งขันได้น้อยรายเนื่องจากต้นทุนสูงมากและต้องมีกำไรมากพอที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม หรือ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่ใช่กรณีที่ปตท.จะได้เปรียบจากการเป็นรัฐวิสาหกิจแต่เป็นแง่ของบริษัทที่จะต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่า อีกทั้งปตท.ไม่ได้ผูกขาดการทำธุรกิจสิ้นเชิงเพราะหากบริษัทอื่นจะเข้ามาลงทุน ก็สามารถเข้ามาวางท่อก๊าซเพื่อแข่งขันกับ ปตท.ได้ ดังจะเห็นได้ว่ามีท่อก๊าซของบริษัทเอกชนอื่นเข้ามาร่วมประมูลแข่งขันเช่นกัน แต่ทั้งนี้ผลการประมูลก็ต้องเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่วางไว้
ทั้งนี้หากคดีดังกล่าวผ่านพ้นไปด้วยดีก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนและผลักดันให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT ปรับเพิ่มขึ้นได้แรง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคงไม่ปรับประมาณการเนื่องจากประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการคำนวณมูลค่าพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัท
กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นแนะนำให้นักลงทุนเริ่มเข้าทยอยสะสมหุ้นPTT ไว้บางส่วนเนื่องจากราคาปรับลงมาค่อนข้างมากพอสมควร โดยขณะนี้มีอัพไซด์เหลือ 25% จากราคาเหมาะสมปี 2551 ที่ 456 บาทส่วนระยะกลางและระยะยาวแนะนำซื้อลงทุนเนื่องจากประเมินแนวโน้มธุรกิจพลังงานของบริษัทจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
*SCIBS เชื่อระยะยาวหุ้น PTT ยังดี พื้นฐานแกร่ง
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ระหว่างที่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อจิทวิทยาการลงทุนในระยะสั้นต่อนักลงทุนในหุ้นของกลุ่ม PTT บ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหุ้นกลุ่ม PTT ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม PTT ยังค่อนข้างดี อีกทั้ง เชื่อว่าพื้นฐานของบริษัทดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มที่ผลของคำแถลงคดีเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของศาลปกครอง จะไม่เพิกถอนหุ้นในกลุ่มบริษัทออกจากตลาดหุ้นไทย เพราะเชื่อว่าน่าจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก ประกอบกับยังมีปัจจัยหลายอย่างกดดันให้การออกจากตลาดหุ้นทำได้ยาก โดยส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในกระบวนการที่จะนำทั้งกลุ่มบริษัทปตท. ออกจากตลาดฯ และหากศาลปกครองเพิกถอน ปตท. ออกจากตลาดฯ ก็อาจจทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติลดลง
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนระยะสั้นรอให้ตลาดฯ ลดความผันผวน ส่วนนักลงทุนระยะยาวและนักลงทุนระยะกลางทยอยซื้อสะสมได้ เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นคงจะปรับตัวลดลงในกรอบที่จำกัด และมีโอกาสดีดกลับ แต่ในระยสั้นนี้อาจจะน่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างจนถึงสิ้นปีนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปช้อนซื้อ
ลุ้นศาลฯ พิจารณาคดีแปรรูป ปตท.นัดแรก 30 พ.ย.นี้ ด้าน บริษัทแจงแค่นัดสืบพยาน หลังให้ส่งพยานเอกสารมาประกอบการพิจารณา ส่วน วงการโบรกเกอร์ คาด ราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากข่าวแน่ แต่เชื่อ ปตท. ไม่ถูกถอดออกจากตลาดฯ ระยะสั้น แนะนำชะลอลงทุนดูความชัดเจน แต่ระยะยาวยังมั่นใจ พื้นฐานหุ้นแกร่ง ทยอยสะสมได้
หลังจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและองค์กรเครือข่าย ยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีคำพิพากษายกเลิกและเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดอำนาจสิทธิและประโยชน์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และ พ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนไขเวลาการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 เนื่องจากมีข้อเท็จจริงปรากฏว่า พ.ร.ฎ.ทั้งสองฉบับเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ซึ่งทำให้เกิดการผูกขาดธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติโดยบริษัทเอกชน อีกทั้งยังขาดกลไกการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนในฐานะผู้บริโภคโดยรวม อีกทั้งยังระบุว่าการแปรรูปดังกล่าวทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียอำนาจการควบคุมและต่อรองในกิจการ ปตท. ไปอย่างถาวร
ทั้งนี้คดีดังกล่าวศาลปกครองฯ ได้ประทับรับฟ้องไปเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2549 จนส่งผลให้ราคาหุ้น ปตท. รูดหนักในช่วงก่อนหน้านั้น เพราะกังวลว่าหุ้นอาจจะโดนถอดถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์จริง และกระทบต่อมูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคปได้ โดย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปตท. มีมาร์เก็ตแคปจำนวน 1, 030,529.70 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อมองจากมูลค่ามาร์เก็ตแคปจำนวนมหาศาลนี้ จึงทำให้นักลงทุนต่างประเทศเป็นห่วงว่าหากตลาดหุ้นไทยสูญเสียหุ้นหลักอย่าง ปตท.ไปแล้วอาจจะทำให้ตลาดฯ ไร้เสน่ห์ และหมดความน่าสนใจในการลงทุนไปทันที เช่นเดียวกับผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นเมื่อมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ วานนี้ ( 14 พ.ย.) ว่าศาลปกครองระบุว่า จะมีการนัดพิจารณาคดีการแปรรูป ปตท. เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.นี้ เวลา 9.30 น. อีกทั้งการพิจารณาคดีครั้งนี้ ตุลาการซึ่งไม่ใช่เจ้าของสำนวนจะมีการแถลงความเห็นส่วนตนในคดีดังกล่าวด้วย แต่ความเห็นดังกล่าวไม่มีผลต่อการตัดสินคดีของตุลาการเจ้าของสำนวน โดยเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวระบุว่า ในวันแถลงการณ์ดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายโจทย์และจำเลยสามารถยื่นเรื่องขอปิดคดีได้ และกระบวนการหลังจากนั้นคาดว่าองค์คณะศาลปกครองสูงสุดจะใช้ระยะเวลาการพิจารณาตัดสิน ภายใน 1 เดือน หรือประมาณวันที่ 23 ธันวาคมนี้ น่าจะได้ข้อสรุปของคดีดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามแม้วันแรกของการพิจารณาคดี อาจจะยังไม่มีผลต่อ ปตท. ทันที เพราะยังไม่มีการตัดสินว่าจะถอดถอน ปตท. หรือไม่ อย่างไร แต่เชื่อว่าผลทางกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนคงมีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเมื่อมองจากข่าวดังกล่าวแล้วแม้ระยะสั้น ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่วันที่มีการพิจารณาคดี คือวันที่ 30 พ.ย. ตลอดไปจนถึงวันที่คาดว่าจะมีการสรุปคดี ซึ่งน่าจะจบได้ภายในปีนี้ ราคาหุ้นปตท. PTT ก็คงจะเคลื่อนไหวรับข่าวด้วยกัน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ ผู้ถือหุ้นปตท. ที่ติดตามข่าวดังกล่าวมาอย่างใกล้ชิดนั้น ต่างก็ต้องลุ้นระทึกกับผลที่จะออกมากันทั้งนั้น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจคดีนี้มาตลอดกว่า 1 ปี หลังจากศาลฯประทับรับฟ้องไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นที่อาจเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ เพราะไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะออกมาอย่างไรจากข่าวดังกล่าว
บริษัท ปตท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่แปรรูปโดยใช้ พรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่ฝ่ายบริหารที่จะล้มเลิก พรบ.จัดตั้งรัฐวิสาหกิจได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ปตท.นำหุ้นเข้ากระจายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนตุลาคม 2544 และก็กลายเป็นหุ้นประวัติศาสตร์ที่ถูกจองหมดภายในเวลาเพียง 1 นาทีเศษๆ จากราคา IPO ที่ 35 บาท/หุ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2544 จนปัจจุบันราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 350 บาท/หุ้น หรือ 10 เท่าของราคา IPO อีกทั้ง ปตท. ในวันนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และส่งเงินปันผลและภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาลได้กว่า 2 แสนล้านบาท ในระหว่างปี 2545-2549 และคาดการณ์ว่าในปี 2550-2554 จะส่งเงินปันผลและภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาล อีกกว่า 300,000 ล้านบาท
เพราะฉะนั้นนอกจากจะเป็นหุ้นรัฐวิสาหกิจประวัติศาสตร์แล้ว ปตท. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของเม็ดเงินที่นำส่งคลังอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคดีของ ปตท.ตอนนี้ก็ได้รับ การจับตามองมากมายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ยิ่งประเด็นที่เกรงว่าผลสรุปของเรื่องนี้อาจจะออกมาเหมือนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เกือบจะได้กระจายหุ้นในตลาดฯแล้ว แต่ก็กลายเป็นหมันไปซะก่อน เพียงแต่ว่า กฟผ. และ ปตท. จะต่างกันตรงที่ว่า ฝ่ายแรกยังไม่ได้เข้า แต่ฝ่ายหลังเข้าไปเทรดแล้ว และก็มีอายุอยู่ในตลาดฯ มากว่า 6 ปีแล้ว ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่าหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับ กฟผ.
อย่างไรก็ตามคำสั่งของศาล ถือเป็นที่สุดของการตัดสิน บริษัท หรือแม้แต่หน่วยงานและองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว จะไม่สามารถชี้นำคำสั่งศาลฯหรือกาพิจารณาของศาลฯได้ เพียงแต่บริษัท ปตท.นั้นก็คงคาดหวังว่าผลของคำแถลงการณ์ของศาลฯ จะมีทิศทางที่เป็นบวกต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกราย ในขณะที่ฝ่ายยื่นฟ้องก็คงคาดหวังว่าคำแถลงการณ์ของศาลจะออกตามที่พวกเขาหวังไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นประเด็นดังกล่าว จึงเป็นจุดที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ
ทั้งนี้ราคาหุ้น PTT เมื่อวานนี้ ปิดที่ 350 บาท ลดลง 16 บาท หรือ 4.37% มูลค่าการซื้อขาย 2,996.99 ล้านบาท
* ปตท. เผยวันนี้ สืบพยานนัดแรก
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ.ปตท.(PTT) ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดได้ส่งหนังสือแจ้งมายังบริษัทว่าในวันที่ 30 พ.ย.นี้ศาลฯ นัดสืบพยานนัดแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ให้ทั้งสองฝ่ายส่งพยานเอกสารประกอบการพิจารณา
* โบรกฯ รับข่าวกระทบจิตวิทยาลงทุน-ให้ชะลอลงทุน
แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีความคิดเห็นต่อกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดนัดแถลงคดี PTT ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ว่า ศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร แต่ในแง่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ยอมรับว่าปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาหุ้น PTT ให้ย้ำอยู่กับที่ โดยส่วนตัวมองว่า ในกรณีที่ PTT ชนะคดีความน่าจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น เพราะความกังวลลดลง แต่หากศาลฯ พิจารณาให้ PTT พ้นจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลท. ย่อมส่งผลเชิงลบกับราคาหุ้น และจะเกิดความกังวลต่างๆตามมาอีกมาก โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือ ราคาหุ้นที่หน่วยงานของรัฐจะตั้งโต๊ะรับซื้อคืนที่เท่าไหร่
" ตอนนี้มีความสับสนเล็กน้อยว่าวันที่ 30 พ.ย.นี้ ศาลฯ จะนัดแถลงคดีคือให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมานั่งคุย แก่ต่างกัน หรือตุลาการนัดแถลงคดี หากเป็นกรณีหลังจะเป็นแถลงการความคิดเห็นของตุลาการส่วนใหญ่ว่าเป็นอย่างไร"แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากกรณีการพิจารณาคดีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แนะนำให้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนหุ้น PTT เพื่อรอดูผลคำตัดสิน
*เกียรตินาคิน เชื่อ ราคาหุ้น PTT อาจโดนแรงขายรับข่าว แนะทยอยสะสม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า กรณีที่ศาลปกครองสูงสุด นัดพิจารณาคดีการแปรรูป PTT ครั้งแรกในวันนี้ ว่า อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้น ปตท. ในระยะสั้นๆ เนื่องจากเป็นปัจจัยลบที่กดดันจิตวิทยาการลงทุนและอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนที่หวั่นเกรงความเสี่ยงที่เกิดจากการตัดสินของศาล มีแรงเทขายทำกำไรออกมาฉุดให้ราคาหุ้นร่วงลง
" ในส่วนของผลการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ถือเป็นประเด็นที่ไม่อาจแสดงความคิดเห็นในเชิงก้าวก่ายได้ แต่อาจมองได้ในแง่ที่ว่าโอกาสของกรณีที่ ปตท.จะถูกตัดสินให้ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯคงเป็นไปได้น้อย เพราะหุ้น PTT ถือว่ามีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ และภาพรวมตลาดฯอย่างมาก รวมทั้ง PTT เป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย โดยมีสัดส่วนมาร์เก็ตแคปถึง 1 ใน 10 ส่วนของตลาด" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ศักยภาพทางธุรกิจที่เข้มแข็งของ ปตท.นั้น มีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย จึงเชื่อว่าทางความคิดเห็นของภาคส่วนตลาดหุ้นคงไม่ต้องการให้ปตท.ออกจากตลาดฯเนื่องจากจะทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติลดน้อยถอยลงรวมถึงส่งผลให้มูลค่ารวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าศาลปกครองจะตัดสินไปบนพื้นฐานตัวบทกฏหมายและข้อเท็จจริงแห่งคดีเพื่อก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับในประเด็นกล่าวหาที่ว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ปตท.เป็นผู้ผูกขาดรายเดียวของประเทศในการดำเนินการธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ หรือสิทธิประโยชน์ในฐานะรัฐวิสาหกิจ มองว่าลักษณะการดำเนินธุรกิจดังกล่าวเป็นรูปแบบการผูกขาดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว โดยจะมีผู้แข่งขันได้น้อยรายเนื่องจากต้นทุนสูงมากและต้องมีกำไรมากพอที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม หรือ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่ใช่กรณีที่ปตท.จะได้เปรียบจากการเป็นรัฐวิสาหกิจแต่เป็นแง่ของบริษัทที่จะต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการมากกว่า อีกทั้งปตท.ไม่ได้ผูกขาดการทำธุรกิจสิ้นเชิงเพราะหากบริษัทอื่นจะเข้ามาลงทุน ก็สามารถเข้ามาวางท่อก๊าซเพื่อแข่งขันกับ ปตท.ได้ ดังจะเห็นได้ว่ามีท่อก๊าซของบริษัทเอกชนอื่นเข้ามาร่วมประมูลแข่งขันเช่นกัน แต่ทั้งนี้ผลการประมูลก็ต้องเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่วางไว้
ทั้งนี้หากคดีดังกล่าวผ่านพ้นไปด้วยดีก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนและผลักดันให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น PTT ปรับเพิ่มขึ้นได้แรง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคงไม่ปรับประมาณการเนื่องจากประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการคำนวณมูลค่าพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัท
กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นแนะนำให้นักลงทุนเริ่มเข้าทยอยสะสมหุ้นPTT ไว้บางส่วนเนื่องจากราคาปรับลงมาค่อนข้างมากพอสมควร โดยขณะนี้มีอัพไซด์เหลือ 25% จากราคาเหมาะสมปี 2551 ที่ 456 บาทส่วนระยะกลางและระยะยาวแนะนำซื้อลงทุนเนื่องจากประเมินแนวโน้มธุรกิจพลังงานของบริษัทจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
*SCIBS เชื่อระยะยาวหุ้น PTT ยังดี พื้นฐานแกร่ง
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ระหว่างที่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อจิทวิทยาการลงทุนในระยะสั้นต่อนักลงทุนในหุ้นของกลุ่ม PTT บ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหุ้นกลุ่ม PTT ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม PTT ยังค่อนข้างดี อีกทั้ง เชื่อว่าพื้นฐานของบริษัทดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มที่ผลของคำแถลงคดีเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของศาลปกครอง จะไม่เพิกถอนหุ้นในกลุ่มบริษัทออกจากตลาดหุ้นไทย เพราะเชื่อว่าน่าจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างยุ่งยาก ประกอบกับยังมีปัจจัยหลายอย่างกดดันให้การออกจากตลาดหุ้นทำได้ยาก โดยส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในกระบวนการที่จะนำทั้งกลุ่มบริษัทปตท. ออกจากตลาดฯ และหากศาลปกครองเพิกถอน ปตท. ออกจากตลาดฯ ก็อาจจทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติลดลง
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนระยะสั้นรอให้ตลาดฯ ลดความผันผวน ส่วนนักลงทุนระยะยาวและนักลงทุนระยะกลางทยอยซื้อสะสมได้ เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นคงจะปรับตัวลดลงในกรอบที่จำกัด และมีโอกาสดีดกลับ แต่ในระยสั้นนี้อาจจะน่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างจนถึงสิ้นปีนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปช้อนซื้อ
ไปหาเสื้อกันหนาวมาใส่ซะ จะได้ไม่สะทกสะท้านไปกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย (ยังอยู่เต็มพอร์ตเหมือนเดิม) 
