Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ท่าน ๆ ทั้งหลาย คิดว่า อย่างไหนคุ้มกว่าครับ
ตอนนี้ ผมยังไม่ได้ซื้อ ltf เลย
ผมโดนภาษี ที่ 30 เปอเซ้น
ถ้าผมซื้อ 1 แสน บาท ก็ลดภาษี ได้เลย 30000 บาท
คิดเป็น 30 เปอเซ้น แต่ ระยะ เวลาที่ติดใน ltf ก็จะ อยู่ที่ 3ปี 6เดือนเร็วสุด
ถึงจะขายหน่วยลงทุน ltf ออกมาได้
ส่วนผลตอบแทน ของ ltf นั้น ไม่รู้ว่าเท่าไรน่ะครับ(มันมีขาดทุนไหมครับ)

หรือผมจะไม่ลงทุน ltf แล้วก็ซื้อหุ้นเพิ่มดีครับ
ผมก็ลงทุน แบบ vi ตอนนี้ผลงาน port ก็ได้กำไร 10 เปอเซ้น

เลือกอย่างไหนดีครับ
แล้ว ต้องลงทุนในหุ้นให้ได้กำไรสักกี่เปอเซ้น ถึงจะคุ้มกว่า ltf ครับ
เพราะผมก็กะ ได้ประมาณ 15 เปอเซ้น ไม่รู้จะไหวหรือเปล่าครับ

เป็นผลเลือกหุ้นดีกว่านะ

อืมแล้วแต่คนชอบนะผมว่า

ถ้าถนัดหุ้น  เลือกหุ้นน่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่า  แต่เพดานเสียภาษีของคุณสูงเหลือเกิน 30%  คงไม่อยากเอาเครดิตภาษีจากเงินปันผลไปคิดรวม เพราะไม่คุ้มแน่   แต่ LTF ได้เครดิตภาษีแน่นอน  แต่ผลตอบแทนกองทุนรวมผมว่าสู้เราบริหารพอร์ตเองไม่ได้หรอกครับ  เว้นกรณีต่างชาติเข้าซื้อ Big Cap แบบถล่มทลาย

จากประสบการณ์ ของผม ผมเสียRate 30%เช่นกัน
ลงทุน LTF และ RMF เต็มเพดาน LTF จะได้กำไร
5-8% ต่อปี (แต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะขาดทุนหรือเปล่า)
ส่วน RMF ได้เท่าๆกับเงินฝากประจำ (แต่ไม่ขาดทุนแน่
เพราะเป็นพันธบัตรรัฐบาล)  
  เป็นการกระจายความเสี่ยงไม่กล้าเอาเงินไปลงในหุ้นหมด
เพราะฝีมือไม่เก่งกล้า  แต่ก็แบ่งเงินเก็บ 1/3 ทุกเดือนไปลงใน
หุ้น

8)  แหะ แหะ ตามความเห็นผม ในกรณีของคุณ
1 รายได้จากงานประจำสูง ทำให้เสียภาษีในอัตราสูงถึง 30%(อยากเสียมั่งจัง :lol: )
2 LTF ลงทุนใน หุ้นระยะยาว น่าจะให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า SET
3 คุณลงทุนเองอยู่แล้ว ได้ผลตอบแทนประมาณ 10%++

ผมว่า น่าจะซื้อ LTF ให้เต็มสิทธิ์เลยครับ เพราะ
1 ได้ประโยชน์ด้านภาษีทันที 30% จากก้อนที่ซื้อ
2 พอครบกำหนดขายคืน น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีพอสมควร

แล้วแต่จะพิจรณานะครับ เพราะนี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมครับ

คุณ sonofabom สนใจไปกับผมมั้ยครับ  

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=29795

ส่วนตัวถ้า ผมเสียภาษีถึง 30% ผมซื้อ LTF เต็มเพดานเลยคับ

แต่ตอนนี้ เสียแค่ 10% เลย ยังไม่ซื้อ ไว้ 20% ผมก้ซื้อแล้วล่ะคับ


อยากเสียมั่งจัง 30%  :D

สมมติว่า ให้ ltf ได้กำไร 8 เปอเซ้นต่อปี ทบต้น
ลงไป 1 แสนบาท 3.5 ปี มันจะเป็น 131000 บาท
เครดิตภาษี คืน 30 เปอเซ้น ก็ เป็น 30000 หมื่นบาท
จะได้เงิน มา 161000 บาท ระยะ เวลา 3.5 ปี
คิดเป้นผลตอบแทบทบต้น คือเกือบ 15 เปอเซ้นต่อปี

ถ้าผม ลงทุนในหุ้นแล้ว มันได้กำไรมากกว่า 15 เปอเซ้นต่อปี ก็ถือว่าคุ้ม

หมายเหตุ ผมไม่รุ้ว่า ltf มันจะกำไรเท่าไรน่ะครับ เลยให้ 8 เปอเซ้นเยอะไปเปล่า หรือน้อยไปครับ
อีกอย่างถ้าฝากนานกว่านี้ ก็จะไม่ถึง 15 เปอเซ้นล่ะครับ

สมมติว่า ให้ ltf ได้กำไร 8 เปอเซ้นต่อปี ทบต้น
ลงไป 1 แสนบาท 3.5 ปี มันจะเป็น 131000 บาท
เครดิตภาษี คืน 30 เปอเซ้น ก็ เป็น 30000 หมื่นบาท
จะได้เงิน มา 161000 บาท ระยะ เวลา 3.5 ปี
คิดเป้นผลตอบแทบทบต้น คือเกือบ 15 เปอเซ้นต่อปี

ถ้า LTF ให้กำไร 8 เปอเซ็นต์ต่อปี ทบต้น ลงทุนไป 1 แสนบาท 3.5 ปี มันจะเป็น 131000 บาท แต่เงินต้นที่ลงทุนจริง = 100000-30000 (ที่เครดิตได้) = 70000
ผลตอนแทน = 131000 - 70000 = 61000 ก็ตกเกือบ 20 % ทบต้นน่ะครับ

LTF ต้องแล้วแต่ว่าผู้บริหารกองทุนเก่งหรือเปล่า
ก็ควรจะได้ 5-8% ต่อปี( แต่ไม่ใช่ทบต้นครับ คือ
พอขายคืนก็เอาจำนวนปีหาร) โดยไม่รวม 30000 บาทที่
เราได้หักภาษีในปีแรก

ถ้าเป็นผมเสีย 30 ผมซื้อเต็มที่ ตามที่จะซื้อไหวครับ แบ่งเงินมาส่วนหนึ่งให้ไม่เดือนร้อน
ไม่เกินโควต้า ไม่คิดมากกว่ามันจะกำไรปีละเท่าไหร่
เพราะมันได้คืนมาตั้งแต่ตอนซื้อแล้วนิครับ
ยังไงก็กำไรอยู่แล้ว เป็นการกระจายความเสี่ยงไปด้วยครับ

ลอง ค้นดูสิครับ เขามีพูดเรื่องนี้กันบ่อยๆ กระทู้ด้านล่างของพี่หมอก็พูดไว้ครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=29795

ภาษี 30% สมควรลง LTF RMF มากๆครับ ถ้ากังวลสงสัยว่าควรจะลงเป็นสัดส่วนเท่าไรเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นโดยตรง  ผมแนะนำว่าให้เริ่มซื้อ LTF และ RMF ในระดับที่สบายใจก่อน แล้วเริ่มทำบันทึกอัตราผลตอบแทน โดยพิจารณาส่วนลดหย่อนภาษีที่ได้รับด้วย  ลงทุนทุกปีผ่านไปเรื่อยๆ ก็มาดูเปรียบเทียบกัน น่าที่จะได้คำตอบได้ครับ มีข้อต้องระวังคือ จะเปรียบเทียบอย่างยุติธรรม ต้องให้เวลาผ่านไปพอสมควรครับ  ไม่อย่างนั้น LTF RMF จะได้เปรียบมากเกินไปจากส่วนลดหย่อนภาษีในปีที่ซื้อ

โอวเยี่ยมมากครับ ผมก็ลืมคิดไป

ถ้าผู้บริหาร กะหลั่ว ได้แค่ 4 เปอเซ้นต่อปี มากกว่าเงินฝากนิดนึง
3.5 ปี ก็เท่ากับ 14 เปอเซ้น ก็จะเป็น 114000 - 70000 เป็นกำไร
44000 บาท
44000 บาทลงทุน 70000 บาท คิดเป็นทบต้นก็ได้ 15 เปอเซ้นต่อปี
ถือว่าเยี่ยมเลยครับ เป็นการลดความเสี่ยงไปในตัวด้วย
แบบนี้ น่าสนใจครับ ยังพอมีเวลาซื้อได้ถึงสิ้นปีแหนะ
ขอบคุณมากครับ

หมายเหตุ ลง 100000 บาท ได้คืน 3 หมื่นบาท เท่ากับ ลง 70000 บาท
              แต่มูลค่าของ ltf ยังอยู่ที่ 100000 แสนบาทน่ะครับ

อีกนิดครับ
คือแบบนี้ ถ้าเรา ถือ ltf เกิน 3.5 ปี ไป ยิ่งนานขึ้น เรื่อย ๆ
แล้ว ltf ทำได้ แค่ 4 - 8 เปอเซ้น ต่อปี
อัตราผลตอบแทนที่ได้ จะ ลดลงไปเรื่อย ๆ
เนื่องจากหลัก  ๆ มันมาจากเครดิตภาษีซ่ะเยอะ
แนวคิดของผมคือว่า

เมื่อครบ 3.5 ปี ผมก็ขาย แล้วก็เอา เงินที่ขายไปนั้น
กลับเข้ามาซื้อใหม่ ก็จะได้ลดเครดิษภาษี อีกรอบ
โดยที่ผมไม่ต้องรบกวนเงินเดือนเลย
ถ้าผมซื้อปี ล่ะแสน ก็จะใช้ เงินลงทุนหมุนเวียน 4แสนบาท
ปีถัดไปจาก 3.5 ปี ผมขายหน่วยลงทุน ที่ถึงอายุขายได้
แล้วก็เอาเงินมาซื้อลงทุนใหม่ครับ
ผมก็จะได้เครดิตภาษีคืนทุกปี โดยยังคง รักษาผลตอบแทนได้ที่ 15 เปอเซ้นต่อเนื่อง

แต่ไม่ทราบว่า มันมี กฏระเบียบ ข้อบังคับอะไรอีกหรือเปล่าครับ
แล้ว ltf มันจะปิด ไม่ให้เปิด แล้ว หรืออะไรน่ะครับ พอดีผมไม่ได้ตามข่าว

sonofabom เขียน: เมื่อครบ 3.5 ปี ผมก็ขาย แล้วก็เอา เงินที่ขายไปนั้น
กลับเข้ามาซื้อใหม่ ก็จะได้ลดเครดิษภาษี อีกรอบ
โดยที่ผมไม่ต้องรบกวนเงินเดือนเลย
ถ้าผมซื้อปี ล่ะแสน ก็จะใช้ เงินลงทุนหมุนเวียน 4แสนบาท
ปีถัดไปจาก 3.5 ปี ผมขายหน่วยลงทุน ที่ถึงอายุขายได้
แล้วก็เอาเงินมาซื้อลงทุนใหม่ครับ
ผมก็จะได้เครดิตภาษีคืนทุกปี โดยยังคง รักษาผลตอบแทนได้ที่ 15 เปอเซ้นต่อเนื่อง

อันนี้เล็งกันอยู่เหมือนกันครับ  ปีหน้าผมจะเริ่มทำแล้วครับ  แต่ได้ยินว่า การลดหย่อนภาษีของ LTF อาจจะไม่คงอยู่ตลอดไปครับ ไม่ทราบว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้ารัฐบาลเลิกให้เมื่อไหร่ ก็คงทำ Roll Over ไม่ได้ประโยชน์

แต่ไม่ทราบว่า มันมี กฏระเบียบ ข้อบังคับอะไรอีกหรือเปล่าครับ
แล้ว ltf มันจะปิด ไม่ให้เปิด แล้ว หรืออะไรน่ะครับ พอดีผมไม่ได้ตามข่าว

ณ ปัจจุบันนี้ จะไม่สามารถเปิดกองทุน LTF ได้ใหม่อีกแล้ว
ส่วนกองทุนเก่าที่เปิดดำเนินการอยู่นี้ จะสามารถใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ถึงปี 2559 ครับ

ส่วนจะขยายเวลาจนเลยปี 2559 ไปหรือไม่ ก็คงต้องแล้วแต่การตัดสินใจของผู้มีอำนาจ ณเวลานั้นครับ

ในความเป็นจริง ก็ไม่ต้องถือจนถึง 3 ปีครึ่ง เนื่องจากการซื้อทำได้ตลอดเวลา
ส่วนการขายแต่ละกองทุน 1 ปี ขายได้ 2 ครั้ง
ถ้าคุณsonafabom ไปซื้อเดือนธันวา แต่ไปขายช่วงต้นปี ก็เท่ากับถือ LTF อยู่ 3 ปีนิดๆ

ถามว่าคุ้มมั้ย ถ้าเสียภาษีอัตราอย่างคุณ sonafabom นี่ผมว่าคุ้มนะ

ลองค้นดูกระทู้เก่าๆเพิ่มเติมก็ได้ครับ เคยมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เป็นประโยชน์มากทีเดียว  

nanakorn เขียน:

อันนี้เล็งกันอยู่เหมือนกันครับ

CopyWriter เขียน:

อันนี้เล็งกันอยู่เหมือนกันครับ

ยังไงก็คุ้มครับ LTF/RMF ซื้อเต็มแล้ว เหมือนการลงทุนที่เขาการันตีผลให้ที่ 30% ก่อนเลย ถ้าระยะยาวก็ควรจะได้ตาม SET ถือเป็นโบนัส

ยิ่งถ้าซื้อแบบดูจังหวะ เหมือนซื้อหุ้น จะยิ่งทำผลตอบแทนได้มากขึ้น

เทคนิคอีกอย่างสำหรับ RMF ที่คนทั่วไปอาจนึกไม่ถึงคือ RMF แม้จะในบล.เดียวกัน แต่มีหลายกอง แต่ละกองอาจมีนโยบายลงทุนไม่เหมือนกัน บางกองลงทุนหุ้น บางกองตราสารหนี้

มีเพื่อนผมหลายคน ลง RMF แล้วสับเปลี่ยนกองไปมาระหว่างหุ้นกับตราสารหนี้ ตามภาวะตลาด ได้ผลตอบแทนไม่แพ้ลงทุนหุ้นเองเลยครับ

คนเรามักจะเข้าข้างตัวเองว่ามีฝีมือกว่าคนอื่น
ลงทุน 100 ลดให้ 30% ยังไม่ซื้ออีกเหรอครับ

ผมว่าการซื้อ LTF ก็คล้ายๆกับหลัก Value Investing นะครับ คือ ซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือ มี Margin of Safety สูงๆ

แต่มีข้อจำกัดคือเราไม่สามารถเลือกซื้อหุ้นที่คิดได้เอง
แต่เราสามารถดูจากพอร์ตกองทุนLTFได้ ว่ากองไหน มีหุ้นที่เราสนใจหรือคิดว่ากำลังจะซื้อเป็นส่วนใหญ่ เราก็เลือกซื้อกองนั้นครับ

สมมุติว่า ณ ราคาน้ำมันในปัจจุบัน มูลค่าที่แท้จริงของPTTEPคือ154บาท แต่ราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 147บาท

สงสัยต้องไปหาเงินมาซื้อเพิ่มซะแล้วครับ

sonofabom เขียน:ท่าน ๆ ทั้งหลาย คิดว่า อย่างไหนคุ้มกว่าครับ
ตอนนี้ ผมยังไม่ได้ซื้อ ltf เลย
ผมโดนภาษี ที่ 30 เปอเซ้น
ถ้าผมซื้อ 1 แสน บาท ก็ลดภาษี ได้เลย 30000 บาท
คิดเป็น 30 เปอเซ้น แต่ ระยะ เวลาที่ติดใน ltf ก็จะ อยู่ที่ 3ปี 6เดือนเร็วสุด
ถึงจะขายหน่วยลงทุน ltf ออกมาได้
ส่วนผลตอบแทน ของ ltf นั้น ไม่รู้ว่าเท่าไรน่ะครับ(มันมีขาดทุนไหมครับ)

หรือผมจะไม่ลงทุน ltf แล้วก็ซื้อหุ้นเพิ่มดีครับ
ผมก็ลงทุน แบบ vi ตอนนี้ผลงาน port ก็ได้กำไร 10 เปอเซ้น

เลือกอย่างไหนดีครับ
แล้ว ต้องลงทุนในหุ้นให้ได้กำไรสักกี่เปอเซ้น ถึงจะคุ้มกว่า ltf ครับ
เพราะผมก็กะ ได้ประมาณ 15 เปอเซ้น ไม่รู้จะไหวหรือเปล่าครับ

คือจะบอกว่า ก่อนคำนวนผลตอบแทน ลอง Key ข้อมูล ลงใน โปรแกรมคำนวนภาษีดูก่อนนะครับ ว่าได้ลดหย่อนโดยประมาณ เท่าไร แล้วค่อยนำมาตัดสินใจ (อีกครั้ง)

อ้อ แล้วก็อย่าลืมประมาณการหรือใส่เงินปันผลที่ได้รับ ด้วยนะครับ

อยากสอบถามค่ะ ถ้าคนที่ไม่มีรายได้จากทางอื่น มีแต่ลงทุนหุ้นอย่างเดียว   รอเงินปันผลประจำปี กับการเครดิตภาษี

กรณีแบบนี้นี่  ถือว่าเสียภาษี ฐานกี่ % คะ  และเหมาะที่จะแบ่งเงินไปลงทุน LTF/RMF  หรือเปล่าคะ

ขอบคุณค่ะ

[quote="peaceful"]อยากสอบถามค่ะ ถ้าคนที่ไม่มีรายได้จากทางอื่น มีแต่ลงทุนหุ้นอย่างเดียว

ขอบคุณมากค่ะคุณ kao  แต่รบกวนถามเพิ่มเติมค่ะ  แล้วฐานภาษี กี่ % จึงจะคุ้มค่ากับการซื้อคะ

และเวลาคำนวณเขาคำนวณกันแบบไหนเหรอคะ
ขอบคุณค่ะ

[quote="peaceful"]ขอบคุณมากค่ะคุณ kao

ปีหน้าจะได้สิทธิขาย LTF เป็นปีแรกแล้วครับ  :lol:
แต่ไม่รู้ว่าจะแบ่งขายอย่างไร ?

- ขายตามจำนวนเงินที่ซื้อมา หรือ
- ขายตามจำนวนหน่วยที่ซื้อมา

รอฟังคำแนะนำอยู่นะครับ
ขอบคุณครับ

[quote="TWT"]ปีหน้าจะได้สิทธิขาย LTF เป็นปีแรกแล้วครับ