บทความแปล Five simple steps to invest like Buffet
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 26, 2007 12:28 pm
สรุปสั้นๆ ได้ดีครับ จาก morningstar.com ครับ
บทความโดยพอล ลาร์สัน ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์หุ้นของ morning star และบรรณาธิการของ Morningstar StockInvestor ที่พูดถึงหลักการลงทุนในแนวของวอร์เรน บุฟเฟต์ ฉบับย่อครับ
มันเหลือเชื่อที่ว่าความง่ายของนโยบายการลงทุนในแนวของวอร์เรน บุฟเฟต์แต่กระนั้นก็มีคนน้อยคนนักที่จะทำตามได้อย่างประสพความสำเร็จ ข่าวดีก็คือความสามารถที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนแบบบุฟเฟต์นั้นมีอยู่ทั่วไป และคนที่มีสติปัญญาทั่วไปสามารถทำได้ ถ้ามีทัศนคติและการมุ่งเน้นที่ถูกต้อง
ผมได้กลั่นเอาแนวคิดของบุฟฟต์และชาร์ลี มังเกอร์คู่หูของเขาได้ให้ไว้ในหลายๆ ปีเป็น 5 ขั้นตอนง่ายๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามจะทำเพื่อจัดการพอร์ตโฟลิโอในรูปแบบ กระต่ายกับเต่า ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมทางความคิดของบริการจดหมายข่าวของ Morningstar StockInvestor
1. อย่าซื้อหุ้นให้ซื้อธุรกิจ
แวดวงข่าวสารทางการเงินและนักลงทุนมือใหม่มักจะเทียบการลงทุนกับการซื้อขายหุ้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อลงทุนในหุ้นคือมันไม่ใช่แค่แผ่นกระดาษใบเล็กๆ ที่มีการซื้อขาย แต่มันเป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าของในธุรกิจ
ผมเชื่อมั่นว่ามันจะมีส่วนช่วยอย่างไม่น่าเชื่อที่จะคิดเหมือนเจ้าของธุรกิจ (ไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นชั่วคราว) เมื่อพิจารณาถึงหุ้นที่กำลังซื้อ นี่เป็นแนวคิดง่ายๆ ที่จะช่วยอย่างมากในการเลือกหุ้นและการประเมินมูลค่าหุ้น
2. เน้นที่บริษัทที่มี ป้อมที่คูคลองป้องกัน ทางเศรษฐกิจ (economic moat)
บริษัทที่มีกระแสเงินสดที่ได้รับการป้องกันเป็นอย่างดีจากการแข่งขันจะมีข้อได้เปรียบอย่างมากในกรณีที่เศรษฐกิจตกต่ำ และยังสามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงของกิจการเหนือค่าเฉลี่ยในระยะยาว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าเวลาเป็นพวกเราหากเราลงทุนในบริษัทพวกนี้
บริษัทต่างๆที่ผมได้เข้าซื้อในพอร์ทโฟลิโอแบบ กระต่ายกับเต่า ต่างมี ป้อมค่ายคูคลอง นี้ เช่นบริษัทอาจเป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำ (เช่น Walmart หรือ Vulcan Material) หรือได้ผลประโยชน์จากต้นทุนที่สูงของ switching cost ของลูกค้า (เช่น Bank of America) หรือมีสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนเช่น ลิขสิทธิ์หรือยี่ห้อ (เช่น Wrigley) บริษัทเหล่านี้จะยังคงให้กระแสเงินสดที่เหนือกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อพิจารณาถึงสถานะของบริษัท
3. ใช้มูลค่าที่แท้จริงเป็นเครื่องวัด
มูลค่าของธุรกิจคือมูลค่าของเงินสดที่ธุรกิจสร้างขึ้นให้กับผู้เป็นเจ้าของในอนาคต เมื่อหักส่วนลดเป็นเวลาปัจจุบัน ด้วยเหตุเนื่องจากหุ้นเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของในส่วนได้ส่วนเสียของธุรกิจ มันเลยสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่งที่จะประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้วิธีวิเคราะห์แบบ discount cash-flow ลืมเรื่องของโมเมนตัมของการซื้อขายและกราฟราคาและ แรงกระตุ้นในการซื้อขาย (แปลมาจาก Trading catalysts เป็นตัวกระตุ้นทีทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับงบดุลหรือกำไรขาดทุน โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดเกี่ยวกับหุ้นนั้นๆ) มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจที่คุณซื้อจะเป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญที่สุด การประเมินค่าของหุ้นโดยวิธีอื่นๆ (อย่างที่ชาร์ลี มังเกอร์จะพูด) เป็นเรื่องของคนโง่
4. จะต้องมีระดับของความปลอดภัยเสมอ
การประเมินมูลค่าที่แท้จริงมันจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดในอนาคต และเนื่องจากอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องซื้อด้วยราคาที่ลดแล้วเพื่อชดเชยในความไม่แน่นอนนั้น ซื้อหุ้นโดยไม่มี margin of safety เหมือนกับขับรถโดยไม่มียางอะไหล่ ถ้าคุณทำอย่างนั้นสักพัก ในที่สุดสิ่งที่เลวร้ายก็จะเกิดขึ้น
5. คิดอย่างอิสระ และ อดทน
เราเป็นมนุษย์ซึ่งภายในลึกๆ จะรู้สึกปลอดภัยเมื่อไปตามกระแสของคนส่วนมาก ในขณะเดียวกันเราทุกคนต้องการความพึงพอใจอย่างรวดเร็ว แต่นี่อาจเป็นอันตรายเมื่อใช้กับการลงทุน เราต้องเรียนรู้ในการป้องกันข้อเสียของเราในข้อนี้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุน ต้องโลภในตอนที่ทุกคนกลัวและกลัวในตอนที่ทุกคนโลภ เป็นหนึ่งในคำแนะนำที่ดีที่สุดที่บุฟเฟต์เคยให้ไว้
บทความโดยพอล ลาร์สัน ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์หุ้นของ morning star และบรรณาธิการของ Morningstar StockInvestor ที่พูดถึงหลักการลงทุนในแนวของวอร์เรน บุฟเฟต์ ฉบับย่อครับ
มันเหลือเชื่อที่ว่าความง่ายของนโยบายการลงทุนในแนวของวอร์เรน บุฟเฟต์แต่กระนั้นก็มีคนน้อยคนนักที่จะทำตามได้อย่างประสพความสำเร็จ ข่าวดีก็คือความสามารถที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนแบบบุฟเฟต์นั้นมีอยู่ทั่วไป และคนที่มีสติปัญญาทั่วไปสามารถทำได้ ถ้ามีทัศนคติและการมุ่งเน้นที่ถูกต้อง
ผมได้กลั่นเอาแนวคิดของบุฟฟต์และชาร์ลี มังเกอร์คู่หูของเขาได้ให้ไว้ในหลายๆ ปีเป็น 5 ขั้นตอนง่ายๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามจะทำเพื่อจัดการพอร์ตโฟลิโอในรูปแบบ กระต่ายกับเต่า ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมทางความคิดของบริการจดหมายข่าวของ Morningstar StockInvestor
1. อย่าซื้อหุ้นให้ซื้อธุรกิจ
แวดวงข่าวสารทางการเงินและนักลงทุนมือใหม่มักจะเทียบการลงทุนกับการซื้อขายหุ้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อลงทุนในหุ้นคือมันไม่ใช่แค่แผ่นกระดาษใบเล็กๆ ที่มีการซื้อขาย แต่มันเป็นการแสดงถึงความเป็นเจ้าของในธุรกิจ
ผมเชื่อมั่นว่ามันจะมีส่วนช่วยอย่างไม่น่าเชื่อที่จะคิดเหมือนเจ้าของธุรกิจ (ไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นชั่วคราว) เมื่อพิจารณาถึงหุ้นที่กำลังซื้อ นี่เป็นแนวคิดง่ายๆ ที่จะช่วยอย่างมากในการเลือกหุ้นและการประเมินมูลค่าหุ้น
2. เน้นที่บริษัทที่มี ป้อมที่คูคลองป้องกัน ทางเศรษฐกิจ (economic moat)
บริษัทที่มีกระแสเงินสดที่ได้รับการป้องกันเป็นอย่างดีจากการแข่งขันจะมีข้อได้เปรียบอย่างมากในกรณีที่เศรษฐกิจตกต่ำ และยังสามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงของกิจการเหนือค่าเฉลี่ยในระยะยาว หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าเวลาเป็นพวกเราหากเราลงทุนในบริษัทพวกนี้
บริษัทต่างๆที่ผมได้เข้าซื้อในพอร์ทโฟลิโอแบบ กระต่ายกับเต่า ต่างมี ป้อมค่ายคูคลอง นี้ เช่นบริษัทอาจเป็นผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำ (เช่น Walmart หรือ Vulcan Material) หรือได้ผลประโยชน์จากต้นทุนที่สูงของ switching cost ของลูกค้า (เช่น Bank of America) หรือมีสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนเช่น ลิขสิทธิ์หรือยี่ห้อ (เช่น Wrigley) บริษัทเหล่านี้จะยังคงให้กระแสเงินสดที่เหนือกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อพิจารณาถึงสถานะของบริษัท
3. ใช้มูลค่าที่แท้จริงเป็นเครื่องวัด
มูลค่าของธุรกิจคือมูลค่าของเงินสดที่ธุรกิจสร้างขึ้นให้กับผู้เป็นเจ้าของในอนาคต เมื่อหักส่วนลดเป็นเวลาปัจจุบัน ด้วยเหตุเนื่องจากหุ้นเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของในส่วนได้ส่วนเสียของธุรกิจ มันเลยสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่งที่จะประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้วิธีวิเคราะห์แบบ discount cash-flow ลืมเรื่องของโมเมนตัมของการซื้อขายและกราฟราคาและ แรงกระตุ้นในการซื้อขาย (แปลมาจาก Trading catalysts เป็นตัวกระตุ้นทีทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับงบดุลหรือกำไรขาดทุน โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดเกี่ยวกับหุ้นนั้นๆ) มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจที่คุณซื้อจะเป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญที่สุด การประเมินค่าของหุ้นโดยวิธีอื่นๆ (อย่างที่ชาร์ลี มังเกอร์จะพูด) เป็นเรื่องของคนโง่
4. จะต้องมีระดับของความปลอดภัยเสมอ
การประเมินมูลค่าที่แท้จริงมันจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดในอนาคต และเนื่องจากอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องซื้อด้วยราคาที่ลดแล้วเพื่อชดเชยในความไม่แน่นอนนั้น ซื้อหุ้นโดยไม่มี margin of safety เหมือนกับขับรถโดยไม่มียางอะไหล่ ถ้าคุณทำอย่างนั้นสักพัก ในที่สุดสิ่งที่เลวร้ายก็จะเกิดขึ้น
5. คิดอย่างอิสระ และ อดทน
เราเป็นมนุษย์ซึ่งภายในลึกๆ จะรู้สึกปลอดภัยเมื่อไปตามกระแสของคนส่วนมาก ในขณะเดียวกันเราทุกคนต้องการความพึงพอใจอย่างรวดเร็ว แต่นี่อาจเป็นอันตรายเมื่อใช้กับการลงทุน เราต้องเรียนรู้ในการป้องกันข้อเสียของเราในข้อนี้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุน ต้องโลภในตอนที่ทุกคนกลัวและกลัวในตอนที่ทุกคนโลภ เป็นหนึ่งในคำแนะนำที่ดีที่สุดที่บุฟเฟต์เคยให้ไว้