PTTฉลุย-โบรกฯเสียวเจอสั่งแยกท่อก๊าซ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 9:21 am
PTTฉลุย-โบรกฯเสียวเจอสั่งแยกท่อก๊าซ
PTT ยันแก้ปัญหาที่ถูกกล่าวหาหมดแล้ว โดยเฉพาะการใช้อำนาจเกินรัฐ ด้านโบรกฯ
ชี้ข่าวพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานเกิด ทำให้นักลงทุนคลายกังวล แต่มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการแยก
ท่อก๊าซ หวั่นต้องตั้งบริษัทใหม่ ทำให้สูญรายได้ แนะนักลงทุนให้ติดตามประเด็นนี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวยืนยันว่าตอนนี้ได้แก้ไข
ปัญหาความกังวลในประเด็นต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการใช้อำนาจของบริษัทเกิน
อำนาจรัฐ ก่อนหน้านี้เคยยืนยันแล้วว่าที่ผ่านมาไม่เคยใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อหาผลประโยชน์แต่
อย่างใด
ส่วนล่าสุดพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานที่ใกล้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันรอ
เพียงการลงพระปรมาภิไธยเท่านั้นก็จะมีผลบังคับใช้ได้ทันที จะทำให้อำนาจการเวนคืน การรอน
สิทธิเพื่อสร้างสายส่งไฟฟ้าของ กฟผ.และการรอนสิทธิในการสร้างท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงอำนาจ
ในการกำหนดอัตราค่าผ่านท่อของบริษัท อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการ
พลังงาน 7 ท่าน ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานของบริษัทโปร่งใสมากขึ้น
สำหรับประเด็นความกังวลที่เหลือตอนนี้มีเพียงการฟ้องร้องเท่านั้น ซึ่งศาลปกครองได้
นัดฟังคำพิจารณาเบื้องต้นในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะมีการตัดสินก่อนวันที่ 23 ธ.ค.50 คือ
ราวกลางเดือนหน้า ทั้งนี้เชื่อว่าหากประเด็นการฟ้องร้องหลักศาลพิจารณาออกมาในทางบวกจะทำ
ให้ ประเด็นย่อยที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนภายหลังการแปรรูปของบริษัทจบลงเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้ประเด็นสำคัญ
ของ PTT เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งประเด็นแรกคือ พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานจะมีผล
บังคับใช้ ซึ่งจะดึงอำนาจในเรื่องการเวนคืน การรอนสิทธิเพื่อสร้างสายส่งไฟฟ้าของกฟผ.และการ
รอนสิทธิในการสร้างท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงอำนาจในการกำหนดอัตราค่าผ่านท่อให้มาอยู่ภาย
ใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 7 ท่าน
โดยล่าสุด สนช. เห็นชอบร่างแล้ว และจะผ่านไปสู่ขั้นตอนการรอลงพระปรมาภิไธยและ
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยคณะรัฐมนตรีจะมีการแต่งตั้ง
คณะกรรมการสรรหา 9 คน ขึ้นมาทำหน้าที่ในการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 7
คน ต่อไป น่าจะเป็นข่าวด้านบวกให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับอำนาจของ PTT ได้บ้าง
ประเด็นที่สอง คือ การฟ้องร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในประเด็นที่ PTT เป็นผู้มีอำนาจใน
เรื่องกิจการก๊าซ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การกำกับดูแลกิจการพลังงานมีความ
โปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น และประเด็นที่สาม ซึ่งเกี่ยวโยงกับประเด็นก๊าซคือการแยกธุรกิจท่อ
ส่งก๊าซออกมานั้น เบื้องต้นทางผู้บริหาร PTT ได้ยืนยันแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ และคาดว่าจะ
กระทบต่อมูลค่าหุ้นไม่มากนัก เนื่องจาก PTT ถือหุ้น 100% ทั้งนี้การที่จะดำเนินการจัดตั้งบริษัท
ใหม่นั้น อาจต้องรอดูความชัดเจนของคำสั่งศาลว่าจะตัดสินอย่างไร หากพิจารณาให้ PTT ต้อง
แยกธุรกิจก๊าซ
สำหรับประเด็นอื่นๆ เช่น การแปรรูป PTT มีผลประโยชน์ทับซ้อน และการจัดตั้งบริษัท
ใหม่เพื่อดูแลธุรกิจท่อส่งก๊าซ เรื่องนี้จะขึ้นกับศาลฯตัดสิน แต่ยังไม่รู้ว่า ถ้าศาลฯให้แยกท่อก๊าซ
ออกมาตั้งบริษัทใหม่ ใครจะถือหุ้นใหญ่ ประเด็นนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่จะกระทบต่อการรับรู้รายได้
ของ ปตท. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์คงแนะนำ ซื้อ PTT มูลค่าเหมาะสมปี 2550 ที่ 395
บาท
ประเด็นความกังวลสำคัญเกี่ยวกับการฟ้องร้องของมูลนิธิผู้บริโภคที่กรณีเลวร้ายที่สุด
อาจทำให้ PTT ต้องมีการพิจารณาถูกถอดถอนออกจากตลาด ซึ่งเราเห็นว่าความคืบหน้าเชิงบวก
ในประเด็นดังกล่าวจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในการลงทุนในหุ้น PTT ซึ่งจะลดแรงกดดัน
เชิงลบต่อราคาหุ้นและทำให้ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปัจจุบันได้
มากขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากรณีเลวร้ายที่สุดจะไม่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์ กล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า หลักสำคัญของการ
ใช้พ.ร.บ.กิจการพลังงานคือเพื่อให้การดำเนินงานของ PTT มีความโปร่งใสขึ้น ซึ่งชี้ชัดเจนว่าต่อ
ไปนี้กระทรวงพลังงานจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์) 7
ท่านเข้ามากำกับดูแลกิจการทุกด้านทั้งการวางสายส่ง ท่อก๊าซ การรอนสิทธิการสร้างท่อก๊าซ และ
ค่าผ่านท่อ เป็นต้น ทั้งนี้หากพ.ร.บ.กิจการพลังงานประกาศใช้จริงอาจจะเป็นหนึ่งในการพิจารณา
ของศาลปกครองที่อาจจะคลายความกังวลเกี่ยวกับอำนาจของ PTT
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดกล่าวแสดงความคิดเห็นเบื้องต้นในวันที่ 30 ธ.ค.นี้มี
ผลออกมาทางบวก และท้ายที่สุดศาลตัดสินชี้ขาดด้านบวกแก่ PTT ราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้น ที่
456 บาท แต่กรณีที่เลื่อนการพิจารณาตัดสินคดี เดิมคาดพิจารณากลางเดือนธ.ค.ออกไป อาจต้อง
ดูผลกระทบต่อราคาหุ้นอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่คำตัดสินของศาลออกมาด้านลบ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้น
แน่นอน เนื่องจาก PTT มีมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ถึง 16% ของตลาดหุ้นรวม
ประกอบกับหากคลังจำเป็นต้องซื้อหุ้นคืนอาจต้องใช้เม็ดเงินสูงกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนกรณีที่
ศาลพิจารณาคดีออกมาทางบวกแต่ PTT ต้องกลับไปแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆให้ถูกต้องนั้น อาจ
ต้องกลับมาดูว่าหลังการแก้ไขปัญหาย่อยต่างๆจะเป็นผลดีต่อ PTT หรือไม่ หาก PTT เสียเปรียบ
จะส่งผลลบต่อราคาหุ้น PTT แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้น PTT สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้น PTT
อาจรอจังหวะซื้อลงทุนหลังการพิจารณาในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ดีกว่า ส่วนนักลงทุนที่ถือลงทุน PTT
อาจถือเพื่อรอดูสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ทางด้านปัจจัยพื้นฐานของ PTT ถือว่ายังสามารถเติบโตใน
อนาคตได้ ราคาเป้าหมาย 456 บาท
ที่มา : น.ส.พ. กระแสหุ้น
PTT ยันแก้ปัญหาที่ถูกกล่าวหาหมดแล้ว โดยเฉพาะการใช้อำนาจเกินรัฐ ด้านโบรกฯ
ชี้ข่าวพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานเกิด ทำให้นักลงทุนคลายกังวล แต่มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการแยก
ท่อก๊าซ หวั่นต้องตั้งบริษัทใหม่ ทำให้สูญรายได้ แนะนักลงทุนให้ติดตามประเด็นนี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวยืนยันว่าตอนนี้ได้แก้ไข
ปัญหาความกังวลในประเด็นต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการใช้อำนาจของบริษัทเกิน
อำนาจรัฐ ก่อนหน้านี้เคยยืนยันแล้วว่าที่ผ่านมาไม่เคยใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อหาผลประโยชน์แต่
อย่างใด
ส่วนล่าสุดพ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานที่ใกล้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ปัจจุบันรอ
เพียงการลงพระปรมาภิไธยเท่านั้นก็จะมีผลบังคับใช้ได้ทันที จะทำให้อำนาจการเวนคืน การรอน
สิทธิเพื่อสร้างสายส่งไฟฟ้าของ กฟผ.และการรอนสิทธิในการสร้างท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงอำนาจ
ในการกำหนดอัตราค่าผ่านท่อของบริษัท อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการ
พลังงาน 7 ท่าน ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานของบริษัทโปร่งใสมากขึ้น
สำหรับประเด็นความกังวลที่เหลือตอนนี้มีเพียงการฟ้องร้องเท่านั้น ซึ่งศาลปกครองได้
นัดฟังคำพิจารณาเบื้องต้นในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะมีการตัดสินก่อนวันที่ 23 ธ.ค.50 คือ
ราวกลางเดือนหน้า ทั้งนี้เชื่อว่าหากประเด็นการฟ้องร้องหลักศาลพิจารณาออกมาในทางบวกจะทำ
ให้ ประเด็นย่อยที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนภายหลังการแปรรูปของบริษัทจบลงเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้ประเด็นสำคัญ
ของ PTT เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งประเด็นแรกคือ พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงานจะมีผล
บังคับใช้ ซึ่งจะดึงอำนาจในเรื่องการเวนคืน การรอนสิทธิเพื่อสร้างสายส่งไฟฟ้าของกฟผ.และการ
รอนสิทธิในการสร้างท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงอำนาจในการกำหนดอัตราค่าผ่านท่อให้มาอยู่ภาย
ใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 7 ท่าน
โดยล่าสุด สนช. เห็นชอบร่างแล้ว และจะผ่านไปสู่ขั้นตอนการรอลงพระปรมาภิไธยและ
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยคณะรัฐมนตรีจะมีการแต่งตั้ง
คณะกรรมการสรรหา 9 คน ขึ้นมาทำหน้าที่ในการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน 7
คน ต่อไป น่าจะเป็นข่าวด้านบวกให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับอำนาจของ PTT ได้บ้าง
ประเด็นที่สอง คือ การฟ้องร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในประเด็นที่ PTT เป็นผู้มีอำนาจใน
เรื่องกิจการก๊าซ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การกำกับดูแลกิจการพลังงานมีความ
โปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น และประเด็นที่สาม ซึ่งเกี่ยวโยงกับประเด็นก๊าซคือการแยกธุรกิจท่อ
ส่งก๊าซออกมานั้น เบื้องต้นทางผู้บริหาร PTT ได้ยืนยันแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ และคาดว่าจะ
กระทบต่อมูลค่าหุ้นไม่มากนัก เนื่องจาก PTT ถือหุ้น 100% ทั้งนี้การที่จะดำเนินการจัดตั้งบริษัท
ใหม่นั้น อาจต้องรอดูความชัดเจนของคำสั่งศาลว่าจะตัดสินอย่างไร หากพิจารณาให้ PTT ต้อง
แยกธุรกิจก๊าซ
สำหรับประเด็นอื่นๆ เช่น การแปรรูป PTT มีผลประโยชน์ทับซ้อน และการจัดตั้งบริษัท
ใหม่เพื่อดูแลธุรกิจท่อส่งก๊าซ เรื่องนี้จะขึ้นกับศาลฯตัดสิน แต่ยังไม่รู้ว่า ถ้าศาลฯให้แยกท่อก๊าซ
ออกมาตั้งบริษัทใหม่ ใครจะถือหุ้นใหญ่ ประเด็นนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่จะกระทบต่อการรับรู้รายได้
ของ ปตท. อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์คงแนะนำ ซื้อ PTT มูลค่าเหมาะสมปี 2550 ที่ 395
บาท
ประเด็นความกังวลสำคัญเกี่ยวกับการฟ้องร้องของมูลนิธิผู้บริโภคที่กรณีเลวร้ายที่สุด
อาจทำให้ PTT ต้องมีการพิจารณาถูกถอดถอนออกจากตลาด ซึ่งเราเห็นว่าความคืบหน้าเชิงบวก
ในประเด็นดังกล่าวจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในการลงทุนในหุ้น PTT ซึ่งจะลดแรงกดดัน
เชิงลบต่อราคาหุ้นและทำให้ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยพื้นฐานซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปัจจุบันได้
มากขึ้น ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากรณีเลวร้ายที่สุดจะไม่เกิดขึ้น นักวิเคราะห์ กล่าว
ขณะที่นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า หลักสำคัญของการ
ใช้พ.ร.บ.กิจการพลังงานคือเพื่อให้การดำเนินงานของ PTT มีความโปร่งใสขึ้น ซึ่งชี้ชัดเจนว่าต่อ
ไปนี้กระทรวงพลังงานจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์) 7
ท่านเข้ามากำกับดูแลกิจการทุกด้านทั้งการวางสายส่ง ท่อก๊าซ การรอนสิทธิการสร้างท่อก๊าซ และ
ค่าผ่านท่อ เป็นต้น ทั้งนี้หากพ.ร.บ.กิจการพลังงานประกาศใช้จริงอาจจะเป็นหนึ่งในการพิจารณา
ของศาลปกครองที่อาจจะคลายความกังวลเกี่ยวกับอำนาจของ PTT
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดกล่าวแสดงความคิดเห็นเบื้องต้นในวันที่ 30 ธ.ค.นี้มี
ผลออกมาทางบวก และท้ายที่สุดศาลตัดสินชี้ขาดด้านบวกแก่ PTT ราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้น ที่
456 บาท แต่กรณีที่เลื่อนการพิจารณาตัดสินคดี เดิมคาดพิจารณากลางเดือนธ.ค.ออกไป อาจต้อง
ดูผลกระทบต่อราคาหุ้นอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่คำตัดสินของศาลออกมาด้านลบ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้น
แน่นอน เนื่องจาก PTT มีมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ถึง 16% ของตลาดหุ้นรวม
ประกอบกับหากคลังจำเป็นต้องซื้อหุ้นคืนอาจต้องใช้เม็ดเงินสูงกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนกรณีที่
ศาลพิจารณาคดีออกมาทางบวกแต่ PTT ต้องกลับไปแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆให้ถูกต้องนั้น อาจ
ต้องกลับมาดูว่าหลังการแก้ไขปัญหาย่อยต่างๆจะเป็นผลดีต่อ PTT หรือไม่ หาก PTT เสียเปรียบ
จะส่งผลลบต่อราคาหุ้น PTT แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้น PTT สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้น PTT
อาจรอจังหวะซื้อลงทุนหลังการพิจารณาในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ดีกว่า ส่วนนักลงทุนที่ถือลงทุน PTT
อาจถือเพื่อรอดูสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ทางด้านปัจจัยพื้นฐานของ PTT ถือว่ายังสามารถเติบโตใน
อนาคตได้ ราคาเป้าหมาย 456 บาท
ที่มา : น.ส.พ. กระแสหุ้น