สงสัยในความใจเย็น
-
- Verified User
- โพสต์: 75
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 1
อาจจะเป็นคำถามที่แปลกๆสักหน่อยนะครับ แต่ผมคิดว่าพี่ๆหลายคนในนี้คงมีคำตอบให้ผมแน่ๆ
คือผมสังเกตุมาระยะหนึ่งแล้วน่ะครับ ว่าดูจากข้อความที่พี่ๆหลายคนมาโพสต์ในนี้ แสดงออกถึงว่าเป็นคนใจเย็นอย่างมาก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ VI ก็ได้
ผมมีความคิดแปลกๆซักหน่อยอย่างหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนคติ ก็เหมือนกับการลงทุนกับตัวเอง โดยมีการกระทำฝึกฝนเป็นทุนที่ลงลงไป แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ยั่งยืนกับตัวเรา ตราบที่คนเรายังมีลมหายใจอยู่
คำถามที่ผมสงสัยจริงๆก็คือ ความใจเย็นนี้เกิดจากอะไร เกิดจากมุมมองต่อสิ่งรอบข้างซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่สามารถสั่งสมได้ หรือเกิดจากประสบการณ์ในการลงทุนเป็นเวลานานหรือปล่าว ถ้าเป็นในกรณีหลัง สงสัยจริงๆครับว่า ทำได้ยังไง
คำถามอาจจะแปลกๆสักหน่อยนะครับ
คือผมสังเกตุมาระยะหนึ่งแล้วน่ะครับ ว่าดูจากข้อความที่พี่ๆหลายคนมาโพสต์ในนี้ แสดงออกถึงว่าเป็นคนใจเย็นอย่างมาก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ VI ก็ได้
ผมมีความคิดแปลกๆซักหน่อยอย่างหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนคติ ก็เหมือนกับการลงทุนกับตัวเอง โดยมีการกระทำฝึกฝนเป็นทุนที่ลงลงไป แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ยั่งยืนกับตัวเรา ตราบที่คนเรายังมีลมหายใจอยู่
คำถามที่ผมสงสัยจริงๆก็คือ ความใจเย็นนี้เกิดจากอะไร เกิดจากมุมมองต่อสิ่งรอบข้างซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่สามารถสั่งสมได้ หรือเกิดจากประสบการณ์ในการลงทุนเป็นเวลานานหรือปล่าว ถ้าเป็นในกรณีหลัง สงสัยจริงๆครับว่า ทำได้ยังไง
คำถามอาจจะแปลกๆสักหน่อยนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 5
เกิดจากประสบการณ์ และหลักคิดในการลงทุนครับ
ที่ว่าจากประสบการณ์เนื่องจากแรกๆก็เล่นแบบเก็งกำไร ซื้อหุ้นตามข่าวลือ เล่นหุ้นตามกราฟ ฟังนักวิเคราะห์ทั้งหลาย แต่พอผ่านไปเราก็เริ่มรู้สึกได้ว่าผลตอบแทนนั้นไม่แน่นอน ชีวิตในการลงทุนตื่นเต้นดี แต่ไม่มีความสุข จึงเริ่มเข้าใจหลักการลงทุนที่แท้จริงครับ
หลักการลงทุนของผมก็คือว่า การที่เราซื้อหุ้นของบริษัทนั้นก็เปรียบเสมือนกับการที่เราร่วมทุนกับเจ้าของกิจการเดิม ดังนั้นผลตอบแทนการทำธุรกิจย่อมต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีๆครับ จึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมา บางธุรกิจคุณต้องยอมขาดทุนเป็นระยะเวลาพอสมควรในการเริ่มต้น ถ้าจะสร้างโรงงานก็ต้องเสียเวลาสร้างโรงงานเป็นเวลาหลายเดือนหรือถึงเป็นปีกว่าจะสร้างโรงงานเสร็จ แล้วกว่าจะทดลองผลิต เริ่มหาลูกค้า กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ผมคิดอย่างนี้ผมก็เลยรอได้ครับ
เราไม่ได้เล่นพนันนี่ครับ ถึงต้องรู้ผลเร็วๆ จริงไหมครับ
ที่ว่าจากประสบการณ์เนื่องจากแรกๆก็เล่นแบบเก็งกำไร ซื้อหุ้นตามข่าวลือ เล่นหุ้นตามกราฟ ฟังนักวิเคราะห์ทั้งหลาย แต่พอผ่านไปเราก็เริ่มรู้สึกได้ว่าผลตอบแทนนั้นไม่แน่นอน ชีวิตในการลงทุนตื่นเต้นดี แต่ไม่มีความสุข จึงเริ่มเข้าใจหลักการลงทุนที่แท้จริงครับ
หลักการลงทุนของผมก็คือว่า การที่เราซื้อหุ้นของบริษัทนั้นก็เปรียบเสมือนกับการที่เราร่วมทุนกับเจ้าของกิจการเดิม ดังนั้นผลตอบแทนการทำธุรกิจย่อมต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีๆครับ จึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมา บางธุรกิจคุณต้องยอมขาดทุนเป็นระยะเวลาพอสมควรในการเริ่มต้น ถ้าจะสร้างโรงงานก็ต้องเสียเวลาสร้างโรงงานเป็นเวลาหลายเดือนหรือถึงเป็นปีกว่าจะสร้างโรงงานเสร็จ แล้วกว่าจะทดลองผลิต เริ่มหาลูกค้า กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ผมคิดอย่างนี้ผมก็เลยรอได้ครับ
เราไม่ได้เล่นพนันนี่ครับ ถึงต้องรู้ผลเร็วๆ จริงไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 6
เห็นด้วยกับพี่เจ๋ง
ใครที่เจ็บแล้วไม่จำสิครับแปลก
แปลกหนักเข้าไปอีกเมื่อเราพบคนแปลก ๆ แบบนี่เต็มตลาดไปหมด :lol:
ใครที่เจ็บแล้วไม่จำสิครับแปลก
แปลกหนักเข้าไปอีกเมื่อเราพบคนแปลก ๆ แบบนี่เต็มตลาดไปหมด :lol:
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
-
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 7
เกิดจากความรู้ และ ความฉลาดทางอารมณ์greenday เขียน:อาจจะเป็นคำถามที่แปลกๆสักหน่อยนะครับ แต่ผมคิดว่าพี่ๆหลายคนในนี้คงมีคำตอบให้ผมแน่ๆ
คือผมสังเกตุมาระยะหนึ่งแล้วน่ะครับ ว่าดูจากข้อความที่พี่ๆหลายคนมาโพสต์ในนี้ แสดงออกถึงว่าเป็นคนใจเย็นอย่างมาก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของ VI ก็ได้
ผมมีความคิดแปลกๆซักหน่อยอย่างหนึ่งว่า การเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศนคติ ก็เหมือนกับการลงทุนกับตัวเอง โดยมีการกระทำฝึกฝนเป็นทุนที่ลงลงไป แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ยั่งยืนกับตัวเรา ตราบที่คนเรายังมีลมหายใจอยู่
คำถามที่ผมสงสัยจริงๆก็คือ ความใจเย็นนี้เกิดจากอะไร เกิดจากมุมมองต่อสิ่งรอบข้างซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่สามารถสั่งสมได้ หรือเกิดจากประสบการณ์ในการลงทุนเป็นเวลานานหรือปล่าว ถ้าเป็นในกรณีหลัง สงสัยจริงๆครับว่า ทำได้ยังไง
คำถามอาจจะแปลกๆสักหน่อยนะครับ
ลองยืนอยู่นอกกรอบและมองเข้ามายังสิ่งที่เราสนใจ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ค่อยๆ คิดอย่างมีเหตุผล มีจิตใจที่เป็นกลาง เปิดกว้างรับฟังความคิดของผู้อื่น ฯลฯ
ปล. ผมพยายามที่จะแยกระหว่าง นักลงทุน กับ ผู้ประกอบการ ว่าแตกต่างกันเช่นไร ? แต่ผมขอยืนอยู่ฝั่งนักลงทุนครับ
ผิดตก ยกเว้น
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 9
เกิดจาก...ความมั่นใจ
และรู้ว่าหุ้นที่เราถือทำธุรกิจอะไร
ข่าวที่ปล่อยออกมาทั้งทางดีและไม่ดี เราต้องทำคามเข้าใจ
จุดประสงค์ที่ลงทุนในหุ้นตัวนั้น ต้องการอะไร
ถ้าลงทุนหุ้นปันผล และผลประกอบการทำให้มั่นใจก็ไม่ต้องตกใจกับสภาวะตลาด
ถ้าลงทุนในหุ้นเก็ง ก็ต้องดูจิตวิทยามาวลชน ดูดัชนี ดูข่าวที่เข้ามากระทบ ดูเทคนิเคิลประกอบการตัดสินใจ
ผมคิดว่าตัวเราต้องเข้าใจหุ้นที่เราถือครับ
และก็เชื่อว่า...หุ้นมีอยู่2ทางคือขึ้นกับลง
มันลงวันนี้ พรุ่งนี้นักวิเคราะห์ ก็พยายามหาแพะมาจนได้
ข่าวการพบไข้หวัดนก นักลงทุนซื้อคืนช๊อตครบแล้วเลยหันมาขาย
เขาพนันดัชนีที่เท่านั้นเท่านี้
(ก็อาชีพมันสอนให้พูดอย่างนี้นี่หว่า
ขืนหาแพะไม่ได้
โยนอะไรใส่ใครไม่ได้
ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดและความเป็นจริง
ถ้าไม่พูดเดี๋ยวตกงาน โว๊ย......)
แล้วก็เอากราฟมาพูดนำทางต่อไปว่า..............
ตอนนี้แนวต้านอยู่ที่......จุด
แนวรับอยู่ที่....จุด
ถ้าหลุดแนวรับตรงนี้ก็จะมีแนวรับต่อไปที่...จุด
สุดท้าย ไม่เคยพูดยอมรับผิดว่า...เออท่านผู้ชมที่เคารพรับผมต้อง
ขอกราบขออภัยที่ทำนายผิด
ท่านเล่นหุ้นตามผมบอกแล้วเสียเงินเชิญโทรมาด่าได้เลยครับ
มันเป็นแบบนี้ตลอดมา และจะเป็นตลอดไป
ตราบใดที่ยังมีรายการให้เขาแสดงความคิดเห็น
อาชีพที่หากินบนความโลภของผู้อื่น
แต่....ที่สำคัญกว่าที่พวกเราคิด
กองทุนวายุภักดิ์เขาไม่ได้เข้ามาไล่ซื้อหุ้น
รัฐบาลตั้งไว้เพื่อเข้ามาพยุงหุ้น หนังสือชี้ชวนถ้ามีเก้บไว้แล้วค้นหาดูข้อมูลว่า...ผิดกับการชี้ชวนหรือเปล่า ฝากไว้เป็นข้อคิดด้วยครับ
และรู้ว่าหุ้นที่เราถือทำธุรกิจอะไร
ข่าวที่ปล่อยออกมาทั้งทางดีและไม่ดี เราต้องทำคามเข้าใจ
จุดประสงค์ที่ลงทุนในหุ้นตัวนั้น ต้องการอะไร
ถ้าลงทุนหุ้นปันผล และผลประกอบการทำให้มั่นใจก็ไม่ต้องตกใจกับสภาวะตลาด
ถ้าลงทุนในหุ้นเก็ง ก็ต้องดูจิตวิทยามาวลชน ดูดัชนี ดูข่าวที่เข้ามากระทบ ดูเทคนิเคิลประกอบการตัดสินใจ
ผมคิดว่าตัวเราต้องเข้าใจหุ้นที่เราถือครับ
และก็เชื่อว่า...หุ้นมีอยู่2ทางคือขึ้นกับลง
มันลงวันนี้ พรุ่งนี้นักวิเคราะห์ ก็พยายามหาแพะมาจนได้
ข่าวการพบไข้หวัดนก นักลงทุนซื้อคืนช๊อตครบแล้วเลยหันมาขาย
เขาพนันดัชนีที่เท่านั้นเท่านี้
(ก็อาชีพมันสอนให้พูดอย่างนี้นี่หว่า
ขืนหาแพะไม่ได้
โยนอะไรใส่ใครไม่ได้
ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดและความเป็นจริง
ถ้าไม่พูดเดี๋ยวตกงาน โว๊ย......)
แล้วก็เอากราฟมาพูดนำทางต่อไปว่า..............
ตอนนี้แนวต้านอยู่ที่......จุด
แนวรับอยู่ที่....จุด
ถ้าหลุดแนวรับตรงนี้ก็จะมีแนวรับต่อไปที่...จุด
สุดท้าย ไม่เคยพูดยอมรับผิดว่า...เออท่านผู้ชมที่เคารพรับผมต้อง
ขอกราบขออภัยที่ทำนายผิด
ท่านเล่นหุ้นตามผมบอกแล้วเสียเงินเชิญโทรมาด่าได้เลยครับ
มันเป็นแบบนี้ตลอดมา และจะเป็นตลอดไป
ตราบใดที่ยังมีรายการให้เขาแสดงความคิดเห็น
อาชีพที่หากินบนความโลภของผู้อื่น
แต่....ที่สำคัญกว่าที่พวกเราคิด
กองทุนวายุภักดิ์เขาไม่ได้เข้ามาไล่ซื้อหุ้น
รัฐบาลตั้งไว้เพื่อเข้ามาพยุงหุ้น หนังสือชี้ชวนถ้ามีเก้บไว้แล้วค้นหาดูข้อมูลว่า...ผิดกับการชี้ชวนหรือเปล่า ฝากไว้เป็นข้อคิดด้วยครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 10
โดยนิสัยแล้วผมเป็นคนใจร้อน แต่สำหรับการลงทุนแล้วผมค่อนข้างเย็น ศึกษาธุรกิจให้เข้าใจให้มากที่สุดแล้วลงมือ อีกอย่างผมไม่สนใจตลาด ไม่เคยมีแนวรับและแนวต้านในใจ
อย่างTT&Tที่ลงไป ประเมินแล้วว่ามี Value เหลืออีกมากจากการได้ลดค่าสัมปทานจึงซื้อ เวลาและราคารายวันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมซื้อหรือขาย คนอื่นอาจnetไปหลายครั้งแต่ผมยังไม่ได้ขายออกเลยตั้งแต่ซื้อมา
SYNTEC ที่เก็บอยู่ ก็มองอนาคตแล้วน่าจะดีมากๆ งานในมือมาก ทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า และงบประมาณรัฐปีละ 2.2 แสนล้านน่าจะผลักดันกำไรได้มากขึ้น แต่ประเมินว่าความเสี่ยงสูงจึงทยอยรับเมื่อราคาลงแรงๆ ขึ้นไม่ซื้อ ลงน้อยนั่งดู ลงมากจริงๆจึงเก็บ
หลายคนอาจบอกว่าPE & PB สูง แต่ผมเคยพูดเสมอว่า เจ้าตัววัดสองตัวนี้มันไม่ค่อยบอกอะไรถึงอนาคตซักเท่าไร ผมมองอนาคตมากกว่าครับ
อย่างTT&Tที่ลงไป ประเมินแล้วว่ามี Value เหลืออีกมากจากการได้ลดค่าสัมปทานจึงซื้อ เวลาและราคารายวันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ผมซื้อหรือขาย คนอื่นอาจnetไปหลายครั้งแต่ผมยังไม่ได้ขายออกเลยตั้งแต่ซื้อมา
SYNTEC ที่เก็บอยู่ ก็มองอนาคตแล้วน่าจะดีมากๆ งานในมือมาก ทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า และงบประมาณรัฐปีละ 2.2 แสนล้านน่าจะผลักดันกำไรได้มากขึ้น แต่ประเมินว่าความเสี่ยงสูงจึงทยอยรับเมื่อราคาลงแรงๆ ขึ้นไม่ซื้อ ลงน้อยนั่งดู ลงมากจริงๆจึงเก็บ
หลายคนอาจบอกว่าPE & PB สูง แต่ผมเคยพูดเสมอว่า เจ้าตัววัดสองตัวนี้มันไม่ค่อยบอกอะไรถึงอนาคตซักเท่าไร ผมมองอนาคตมากกว่าครับ
- +++
- Verified User
- โพสต์: 199
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 11
เดี๋ยวตอนที่ลงไปถึงซัก 580 แล้วมาโพสอีกที
จะทราบได้ครับ ว่าใครใจเย็นจริงๆ
อิอิ....
ฮาๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้สิ ตอนนี้ ผมมองลงแล้วง่ะ อิอิ แต่ยังเต็มพอร์ต เหมือนเดิม
ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนครับ .... อิอิ...
...."เวลา" คือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด...
- MacroArt
- Verified User
- โพสต์: 265
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 12
ใจเย็นเพราะมันคือเงินเราน่ะครับ จะเอามาเผาเล่นไม่ได้ ก่อนซื้อก็เลย
ต้องศึกษาจนแน่ใจจริงๆ
ต้องศึกษาจนแน่ใจจริงๆ
-
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 13
เกิดจาก...ความมั่นใจ....เเละมองอนาคตยาวๆครับ 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 14
ในมุมมองของผม เกิดจากการลงทุนด้วย "เหตุผล" มากกว่าลงทุนด้วย "อารมณ์" นะครับ
คบกับ มร.มาร์เก็ต ให้ผิวเผินก็พอครับ อย่าไปตามคำชักชวนของแกมากนักนะครับ
คบกับ มร.มาร์เก็ต ให้ผิวเผินก็พอครับ อย่าไปตามคำชักชวนของแกมากนักนะครับ
- BOONPARUEY
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 19
... ก็เพราะตั้งใจเป็นหุ้นส่วนกับกิจการที่เราซื้อหุ้น ....
... ทำให้ไม่ค่อยตื่นเต้นไปกับ ดัชนีหุ้น ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ....
... สิ่งที่ทำในขณะที่หุ้นขึ้น หรือ ลง คือ ตรวจดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ...
... ถ้าพื้นฐานธุรกิจยังปกติดี ก็ไม่ต้องไปเต้นตลาด ดัชนีตลาด ...
... ปล่อยให้พวกแมงเม่า บินเร่า ๆ ไปเข้าทางพวกแมงมุม....
... ส่วนเราก็คงให้กำลังใจทุก ๆ คน เหล่านั้น และ ก็สอนใจตนเองจากเหตุการณืนั้น ๆ ...
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... ทำให้ไม่ค่อยตื่นเต้นไปกับ ดัชนีหุ้น ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ....
... สิ่งที่ทำในขณะที่หุ้นขึ้น หรือ ลง คือ ตรวจดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ...
... ถ้าพื้นฐานธุรกิจยังปกติดี ก็ไม่ต้องไปเต้นตลาด ดัชนีตลาด ...
... ปล่อยให้พวกแมงเม่า บินเร่า ๆ ไปเข้าทางพวกแมงมุม....
... ส่วนเราก็คงให้กำลังใจทุก ๆ คน เหล่านั้น และ ก็สอนใจตนเองจากเหตุการณืนั้น ๆ ...
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
- pavilion
- Verified User
- โพสต์: 1726
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 20
ส่วนหนึ่งก็เกิดจากประสบการณ์ อย่างเวลาเมื่อก่อนผมซื้อหุ้นผมใจร้อน ซื้อเร็วเกินไป(ดอย) ไม่วิเคราะห์ดูให้ดีก่อน บางทีก็ขายเร็วเกินไป(หมู) ผมก็จะเห็นโทษของความใจร้อน ครั้งหน้าผมก็ไม่กล้าทำอีก ประสบการณ์เกิดจากการทำซ้ำ จนวันนี้ก่อนลงทุนทุกครั้งผมก็จะคิดให้รอบคอบก่อนเป็นคนใจเย็นไป บางครั้งก็กลายเป็นไม่ได้ซื้อซะอย่างงั้น :)
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 22
ความใจเย็นเกิดมาจากการฝึกฝนครับ
เหมือนที่ ดร. เคยกล่าวไว้ว่า Practices make Permanent ครับ
พอฝึกฝนบ่อยๆ เข้า มันเลยเป็นความเคยชิน
เคยชินกับการเห็นราคาหุ้นไหลลงเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
เคยชินกับการเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
ตั้งสติให้ดีครับ เมื่ออยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นที่ที่ประกอบไปด้วยคนที่ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่
ทบต้นทบดอกทุกปี เพิ่มเงินลงทุนขึ้นเรื่อยๆ กับหุ้นที่เราเลือกอย่างดีแล้ว ทุกอย่างที่หวังไว้อยู่ไม่ไกลหรอกครับ :8) ...
เหมือนที่ ดร. เคยกล่าวไว้ว่า Practices make Permanent ครับ
พอฝึกฝนบ่อยๆ เข้า มันเลยเป็นความเคยชิน
เคยชินกับการเห็นราคาหุ้นไหลลงเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
เคยชินกับการเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
ตั้งสติให้ดีครับ เมื่ออยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นที่ที่ประกอบไปด้วยคนที่ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่
ทบต้นทบดอกทุกปี เพิ่มเงินลงทุนขึ้นเรื่อยๆ กับหุ้นที่เราเลือกอย่างดีแล้ว ทุกอย่างที่หวังไว้อยู่ไม่ไกลหรอกครับ :8) ...
- holidaytours
- Verified User
- โพสต์: 349
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 24
ความใจเย็นของผมมาจาก
การเรียนรู้จากความผิดพลาดครับในการลงทุนของตัวเองคับ
ตอนแรกผมก็ตั้งใจลทุนแบบ วีไอนะคับ
แต่ด้วยจิตใจที่ไม่หนักแน่นพอ บวกกับความเป็นมือใหม่หัดขับด้วย
สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนเล่นแบบเก็งกำไร
ก็หลงทาง ช่วงนั้นก็รู้สึกว่าการลงทุนไม่ใช่ในแบบของตัวเองถนัด
แต่ต้องการลองเพราะด้วยความเป็นมือใหม่ ก็อยากจะลองคับ
จะได้รู้ว่าเรา เป็นนักเล่นหุ้นแบบไหนกันแน่
จนสุดท้าย ความคิดจึงตกตะกอนค้นหาตัวเองเจอ
ว่าสายเลือดเรามันวีไอพันธุ์แท้เลย
อย่าได้ไปทำอะไรที่ไม่ถนัดอีก อิอิ...
ตอนที่หุ้นลงผมก็ถือมันอยู่ ไม่ได้ขายออกมาเลย
ตอนที่หุ้นลงก็เครียด แต่ไม่ได้เครียดที่เราขาดทุนทางบัญชี
แต่เครียดที่ไม่มีเงินซื้อ ก็บ่นกับพ่ออยู่บ่อย ๆ อิอิ
หลังจากนั้นผมก็เริ่มมองหางานประจำทำแล้ว
เพื่อจะได้มีเงินซื้อหุ้น
แต่สุดท้ายก็มาทำเว็บของตัวเองซึ่งก็พบว่าเหมาะกับตัวเองมากกว่า
เพราะเท่าที่ผมคำนวนไว้คือ เว็บนี้ถ้าผมทำไปเรื่อย ๆ
ผมก็สามารถมีอิสรภาพทางการเงินกับเว็บเหล่านี้ได้
ถ้าไม่มีเหตุการพลิกผันรุนแรนมาก ๆ
แต่ว่าก็ต้องใช้เวลา ความเพียร และความทุ่มเทในการทำงานพอสมควร
กว่าจะถึงวันนั้น คงต้องเหนื่อยอีกมาก แต่ก็ชอบและสนุกกับมันนะคับ...
ตอนที่หุ้นนขึ้นผมก็มีการปรับพอร์ตบ้าง เพราะตอนที่ผมซื้อหุ้นตัวนี้
ตอนนั้นไม่มีหุ้นอื่นที่ชอบในราคาที่ถูกใจเลย
ก็มีตัวนี้ตัวเดียวที่อยู่ในราคาไม่แพง ก็เลยซื้อแค่ตัวเดียว
อย่าง เช่น tr ตอนนั้นก็แพงมาก ขึ้นไปประมาณ 60- 70 บาท
แต่ตอนนี้ tr ก็ราคาลดลงมามาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะปรับพอร์ตบ้างครับ
ความใจเย็นของผมมาจากความผิดพลาด
ผมเป็นนึงคนที่ทำผิดพลาดมาตลอดชีวิต
และชีวิตผม ก็คงอยู่กับความผิดพลาดไปทั้งชีวิต
แต่ความผิดพลาดเหล่านั้น ก็ทำให้ผมมีวันนี้
วันที่ผมเข้าใจถึงการลงทุนของตัวเอง
เข้าใจว่าผมเกิดมาเพื่ออะไร เป็นอะไร และจะทำอะไรต่อไป...
สุดท้ายอยากบอกเป็นข้อคิดเวลาเจอปัญหา ต่าง ๆ นะครับ
ไม่ว่าปัญหาอะไร จะมากมายหรือหนักหนาแค่ไหน
ให้อดทน ความอดทนสามารถฝนทั่งให้เป็นเข็มได้ครับ ...
:D :D
การเรียนรู้จากความผิดพลาดครับในการลงทุนของตัวเองคับ
ตอนแรกผมก็ตั้งใจลทุนแบบ วีไอนะคับ
แต่ด้วยจิตใจที่ไม่หนักแน่นพอ บวกกับความเป็นมือใหม่หัดขับด้วย
สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนเล่นแบบเก็งกำไร
ก็หลงทาง ช่วงนั้นก็รู้สึกว่าการลงทุนไม่ใช่ในแบบของตัวเองถนัด
แต่ต้องการลองเพราะด้วยความเป็นมือใหม่ ก็อยากจะลองคับ
จะได้รู้ว่าเรา เป็นนักเล่นหุ้นแบบไหนกันแน่
จนสุดท้าย ความคิดจึงตกตะกอนค้นหาตัวเองเจอ
ว่าสายเลือดเรามันวีไอพันธุ์แท้เลย
อย่าได้ไปทำอะไรที่ไม่ถนัดอีก อิอิ...
ตอนที่หุ้นลงผมก็ถือมันอยู่ ไม่ได้ขายออกมาเลย
ตอนที่หุ้นลงก็เครียด แต่ไม่ได้เครียดที่เราขาดทุนทางบัญชี
แต่เครียดที่ไม่มีเงินซื้อ ก็บ่นกับพ่ออยู่บ่อย ๆ อิอิ
หลังจากนั้นผมก็เริ่มมองหางานประจำทำแล้ว
เพื่อจะได้มีเงินซื้อหุ้น
แต่สุดท้ายก็มาทำเว็บของตัวเองซึ่งก็พบว่าเหมาะกับตัวเองมากกว่า
เพราะเท่าที่ผมคำนวนไว้คือ เว็บนี้ถ้าผมทำไปเรื่อย ๆ
ผมก็สามารถมีอิสรภาพทางการเงินกับเว็บเหล่านี้ได้
ถ้าไม่มีเหตุการพลิกผันรุนแรนมาก ๆ
แต่ว่าก็ต้องใช้เวลา ความเพียร และความทุ่มเทในการทำงานพอสมควร
กว่าจะถึงวันนั้น คงต้องเหนื่อยอีกมาก แต่ก็ชอบและสนุกกับมันนะคับ...
ตอนที่หุ้นนขึ้นผมก็มีการปรับพอร์ตบ้าง เพราะตอนที่ผมซื้อหุ้นตัวนี้
ตอนนั้นไม่มีหุ้นอื่นที่ชอบในราคาที่ถูกใจเลย
ก็มีตัวนี้ตัวเดียวที่อยู่ในราคาไม่แพง ก็เลยซื้อแค่ตัวเดียว
อย่าง เช่น tr ตอนนั้นก็แพงมาก ขึ้นไปประมาณ 60- 70 บาท
แต่ตอนนี้ tr ก็ราคาลดลงมามาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะปรับพอร์ตบ้างครับ
ความใจเย็นของผมมาจากความผิดพลาด
ผมเป็นนึงคนที่ทำผิดพลาดมาตลอดชีวิต
และชีวิตผม ก็คงอยู่กับความผิดพลาดไปทั้งชีวิต
แต่ความผิดพลาดเหล่านั้น ก็ทำให้ผมมีวันนี้
วันที่ผมเข้าใจถึงการลงทุนของตัวเอง
เข้าใจว่าผมเกิดมาเพื่ออะไร เป็นอะไร และจะทำอะไรต่อไป...
สุดท้ายอยากบอกเป็นข้อคิดเวลาเจอปัญหา ต่าง ๆ นะครับ
ไม่ว่าปัญหาอะไร จะมากมายหรือหนักหนาแค่ไหน
ให้อดทน ความอดทนสามารถฝนทั่งให้เป็นเข็มได้ครับ ...
:D :D
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 26
เกินจากงานยุ่ง จนไม่มีเวลาดูครับ
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 27
ทำไมต้องใจร้อนหล่ะครับ
....
เหมือนคุณทำกิจการตัวเอง จะเปิดวันเดียวประสบความสำเร็จ เลยหรือครับ
บนโลกนี้มีธุรกิจที่เปิดกิจการวันเดียว ยอดขายหลักล้านเลยไหมครับ
กิจการนะครับ ไม่ใช่เรือด่วนเจ้าพระยา รถเฟอรารี่ หรือ เครื่องบินเจ๊ืท
เชื่อผม คิดว่าดีแล้ว เปิดหนังดู รอราคาในใจมาก้ขาย แค่นั้น จบ
....
เหมือนคุณทำกิจการตัวเอง จะเปิดวันเดียวประสบความสำเร็จ เลยหรือครับ
บนโลกนี้มีธุรกิจที่เปิดกิจการวันเดียว ยอดขายหลักล้านเลยไหมครับ
กิจการนะครับ ไม่ใช่เรือด่วนเจ้าพระยา รถเฟอรารี่ หรือ เครื่องบินเจ๊ืท
เชื่อผม คิดว่าดีแล้ว เปิดหนังดู รอราคาในใจมาก้ขาย แค่นั้น จบ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 28
ขอขอบคุณคุณgreenday มากสำหรับวิชาการเทรดที่สอนให้กับนักลงทุนนะคับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยในความใจเย็น
โพสต์ที่ 30
พี่โจ๊ก(สุมาอี้) เขียนไว้ในหนังสือ 85 idea การลงทุน ว่า
ราคาหุ้นจะกระตุ้นให้เราใช้อารมณ์มากขึ้น ใช้สติน้อยลง
ผมคิดว่า ถ้าเราลดการสนใจราคาหุ้น(ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ติดตามมากที่สุด ง่ายที่สุด และคนพูดถึงมากที่สุด)
เราก็จะใช้อารมณ์ลดลง และสติในการลงทุนของเราก็จะดีขึ้นครับ
สุดท้ายแล้ว การกำหนดระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน เช่น 1 นาที (ผมล้อเล่นนะ ^^)
1 สัปดาห์ 1 ปี หรือเป็น life time investor ฯลฯ จะทำให้เรารู้ระยะเวลาการลงทุนของเราครับ
การรักษาระยะห่างจากตลาดหุ้นให้เหมาะสม
การไม่เข้าไปดู web board หุ้น
การคุยกับเพื่อนๆ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้น
จริงๆสิ่งเหล่านี้ สามารถทำให้เราลงทุนได้ดีขึ้นนะครับ(ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ)
และหลายครั้ง idea การลงทุนดีๆ เกิดจากเราทำสิ่งที่มนุษย์คนอื่นๆเค้าทำกัน
สังเกตพฤติกรรมคนปกติ เดินทางออกไปข้างนอกบ้าง
ดีกว่าหมกตัวอยู่ในห้องนะครับ
สุดท้าย การลงทุนเป็นศิลปะ เราลงทุนอย่้างไรที่เหมาะกับเรา
ค่อยๆปรับเปลี่ยน ค่อยๆแก้ไข
และค่อยๆสนุกกับการลงทุนนะครับผม
ราคาหุ้นจะกระตุ้นให้เราใช้อารมณ์มากขึ้น ใช้สติน้อยลง
ผมคิดว่า ถ้าเราลดการสนใจราคาหุ้น(ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ติดตามมากที่สุด ง่ายที่สุด และคนพูดถึงมากที่สุด)
เราก็จะใช้อารมณ์ลดลง และสติในการลงทุนของเราก็จะดีขึ้นครับ
สุดท้ายแล้ว การกำหนดระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน เช่น 1 นาที (ผมล้อเล่นนะ ^^)
1 สัปดาห์ 1 ปี หรือเป็น life time investor ฯลฯ จะทำให้เรารู้ระยะเวลาการลงทุนของเราครับ
การรักษาระยะห่างจากตลาดหุ้นให้เหมาะสม
การไม่เข้าไปดู web board หุ้น
การคุยกับเพื่อนๆ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้น
จริงๆสิ่งเหล่านี้ สามารถทำให้เราลงทุนได้ดีขึ้นนะครับ(ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ)
และหลายครั้ง idea การลงทุนดีๆ เกิดจากเราทำสิ่งที่มนุษย์คนอื่นๆเค้าทำกัน
สังเกตพฤติกรรมคนปกติ เดินทางออกไปข้างนอกบ้าง
ดีกว่าหมกตัวอยู่ในห้องนะครับ
สุดท้าย การลงทุนเป็นศิลปะ เราลงทุนอย่้างไรที่เหมาะกับเรา
ค่อยๆปรับเปลี่ยน ค่อยๆแก้ไข
และค่อยๆสนุกกับการลงทุนนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ