หน้า 1 จากทั้งหมด 1
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 2:18 am
โดย gnomeller
จากหนังสือการลงทุนหลายๆเล่มที่ได้อ่านมา รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond ล่าสุดดึ่งซื้อมาอ่านผมพึ่งอ่านจบบทที่3ครับ
จากที่เข้าใจคือการคิดหามูลค่า 3 อย่างมาเป็นข้อมูลตัดสินใจคือ
1.มูลค่าสินทรัพย ( ผมยังไม่เข้าใจว่า คำว่าสินทรัพย์ จริงๆแล้วคืออะไร )
2. มูลค่าศักยภาพการทำกำไร
3. มูลค่าการเติบโต
หนังสือแนะนำว่าให้นำเอามูลค่าของ 1 กับ 2 มาเป็นตัวหลักในการตัดสินใจ
ในหนังสือแนะนำว่าให้ใส่ใจกับมูลค่าการเติบโตมาอันดับสุดท้าย
ตอนนี้ผมอ่านหนังสือมาก็หลายเล่ม ในเวลาหนึ่งปีกว่าๆ ได้เข้าใจเกียวกับการซื้อหุ้นโดยปราศจากความเสี่ยงว่าเป็นยังไง เข้าใจในเรือ่งมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต ต้นทุนของเงินทุน และหลายๆอย่างที่หนังสือแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้สอนผม
สิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนเน้นมูลค่า ที่ผมไม่เคยเข้าใจคือ
สูตรคณิตศาสตรในการหามูลค่าของ กระแสเงินสด
สูตรคณิตศาสตรในการหามูลค่าของ สินทรัพย
สูตรคณิตศาสตรในการหามูลค่าของ ศักยภาพทางกำไร EPV
สูตรคณิตศาสตรในการหามูลค่าของ การเติบโต
สูตรคณิตศาสตรในการหา P/E ratio
หรือสูตรต่างๆ อันเป็นที่มาที่ไปสำคัญซึ่งจะได้มาด้วยข้อมูล ในการนำมาวิเคราห์ผลตอบแทน
เพราะจากแนวคิดที่ผมได้มาผมได้แต่นั่งอ่านงบการเงินคร่าวๆ ตามที่ผมเข้าใจเปรียบเทียบกับปีก่อนๆ คือตอนนี้ผมพอที่จะเลือกธุรกิจที่น่าลงทุนในแบบที่ผมต้องการได้แล้ว แต่ผมยังไม่สามารถกำหนด MOS ได้เลย ดังนั้นผมจึงหลงเข้าไปลงทุน ในกิจการที่มีราคาในกระดานเกินมูลค่าไปหลายต่อหลายตัว
หลายๆท่านอาจจะงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าผมจะบอกว่า "ผมสอบตกวิชาเลขมาตลอดตั้งแต่ผมจำความได้ ตั้งแต่ผมเกิด" คงจะพอทำให้นึกออกว่าผม ไร้ความสามารถทางคณิตศาสตรขนาดไหน ผมคิดว่ายังไงซะคณิตศาสตรมันเป้นการ วัด ชั่ง ตวง , บวก ลบ คูณ หาร ที่มีสูตรที่ตายตัว และถ้าทำออกมาถูกต้อง คำตอบที่ได้ก็จะตายตัว
ผมจึงอยากจะ รบกวนทานๆในที่นี้ว่า หากไม่ลำบากจนเกินไป ผมจะขอรบกวนให้พี่ๆบอกสูตรคณิตศาสตรในการคิด คำนวฯหาค่าแต่ละตัวด้วยเถอะครับ ผมคิดว่ามันน่าจะมีเป็น"สูตร" ตายตัวมาเลยในการคิด
ผมพยายามทำและใช้ความพยายามของตัวเองแล้ว แม้กระทั่งการทำตามหนังสือ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง ของคุณ สุมาอี้ ผมก็ทำตามได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น
ตอนนี้อาวุธในตัวผมที่ใช้ในการลงทุนมีเพียงแค่ ความเชียวชาญในการตลาด และการคาดเดาผลที่จะได้รับจากแผนการตลาดเท่านั้น
แต่ยังขาดความสามารถในการหยั่งรู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน จึงทำให้ แม้ผมจะเลือกลงทุนในกิจการที่ทำกำไรมากขึ้นมาได้จริง แต่ผมไม่อาจที่จะล่วงรู้ถึงส่วนกันความปลอดภัยของเงินลงทุนได้เลย ดังนั้นเงินลงทุนของผมจึงยังมีความเสี่ยงอยู่มาก
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 2:21 am
โดย gnomeller
ด้วยความเคารพ ผมด้อยความสามารถทางด้านคณิตศาสตรจริงๆ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 4:16 am
โดย stocksindorm
ตรงข้ามกับผมเลย ผมพอเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลข แต่เรื่องการตลาด และมองบิสเนสโมเดลนี่ จุดอ่อนผมเลย กำลังหัดๆอยู่เหมือนกัน อยากมีอาวุธแบบคุณgnomeller บ้าง[/code]
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 9:50 am
โดย krisy
เข้ามาติดตามค่ะ หัวข้อน่าสนใจมาก
โดยส่วนตัว เราวัดมูลค่าหุ้นแบบง่ายๆเอามากๆ เพราะถ้าทำสิ่งที่ยากและไม่เข้าใจ จะไม่มั่นใจว่า สิ่งที่หามาได้ถูกหรือไม่ ประกอบกับตอนเรียน อาจารย์ล้างสมองมานิดๆ forecast ก็คือ forecast หมายถึง มันไม่มีทางถูกหรอก ยิ่งไกล ยิ่งผิดได้ง่าย เราเลยไม่เคยมองอะไรที่มันเกิน 1-2 ปีไปมากๆ (ผิดแนว VI ไปสักหน่อย)
เนื่องจาก MOS ก็ลอกชาวบ้านมาตลอดว่าควรเป็นเท่านั้นเท่านี้ เลยไม่เคยได้ซื้อลงทุน เนื่องจากราคาแพงกว่าที่คิดได้ตลอด เลยรอ รอ รอ ราคาที่ไม่เคยได้เห็น
ถ้าท่านใดที่หา intrinsic value ได้ใกล้เคียง เข้ามาให้ความรู้มือใหม่ ก็ขอบคุณมากนะคะ
ปล. เราว่าที่ตลาดหุ้น ไม่มีสูตรตายตัว คาดเดาไม่ได้ มันเป็นเสน่ห์ แต่ที่คุณบอก ก็เห็นด้วยว่า มันทำให้เงินเก็บของเราเสี่ยงเหลือเกิน
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 1:43 pm
โดย uth
เป้นกระทู้ที่ดีครับ ผมก็มีปัญหาเรื่อง MOS และ P/E G เช่นเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมา การเข้าซื้อก็ดูจากผลงานในอดีตเกือบทั้งหมด แล้วคาดการณ์ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ปัญหาก็คือ ไม่มีใครที่รู้อนาคตที่บอกเราได้จริง ได้แต่คอยติดตามข่าวของบริษัท ฯ ที่ถืออยู่ บางข่าวก็หลุดไป บางทีก็เป็นข่าวลือ พอมีพวกพี่ ๆ ถามว่าซื้อราคาไหน พอบอกราคา ก็ว่า แพงไป ควรมี MOS มากกว่านี้ เลยเป็นปัญหาที่อยากจะขอศึกษาด้วย ถ้ามีผู้รู้ท่านใด ช่วยบอกวิธีการ แนวคิด ผมว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนสำหรับพวกเราที่เป็นมือใหม่ได้ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 4:36 pm
โดย gnomeller
เป็นคนไม่เก่งคณิตศาสตรมากๆ
อย่างเช่น ค่า PV ที่หนังสือบอกว่า PV=$1 x (1/1+R)ยกกำลัง T
แค่นี้ผมก็งงแล้ว ไม่เข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นมันหมายความว่าอะไรหรือจะให้เราทำอะไร
ถ้าเกิดว่าพี่ๆนักลงทุนคนไหนใจบุญ จะช่วยเขียนสูตรและอธิบายวิธีการคิดด้วยจะดีมาก
เช่น ให้เอา $1 ไปคูณอะไร และ $1 คืออะไร มีที่มายังไง และค่าาไหนที่เราจะต้องเปลี่ยน หรือจะให้ดีมากๆยิ่งขึ้นเลยเนี่ย แถมตาราง excel ให้ด้วยจะเป็นประคุณอย่างสูง. . .
ถ้าผมสามารถคิดสูตรเหล่านี้ได้ ก็จะเข้าถึงการลงทุนโดยไม่มีความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 7:07 pm
โดย cryptonian_man
[quote="gnomeller"]เป็นคนไม่เก่งคณิตศาสตรมากๆ
อย่างเช่น ค่า PV ที่หนังสือบอกว่า PV=$1 x (1/1+R)ยกกำลัง T
แค่นี้ผมก็งงแล้ว ไม่เข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นมันหมายความว่าอะไรหรือจะให้เราทำอะไร
ถ้าเกิดว่าพี่ๆนักลงทุนคนไหนใจบุญ จะช่วยเขียนสูตรและอธิบายวิธีการคิดด้วยจะดีมาก
เช่น ให้เอา $1 ไปคูณอะไร และ $1 คืออะไร มีที่มายังไง และค่าาไหนที่เราจะต้องเปลี่ยน หรือจะให้ดีมากๆยิ่งขึ้นเลยเนี่ย แถมตาราง excel ให้ด้วยจะเป็นประคุณอย่างสูง. . .
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 7:35 pm
โดย stocksindorm
[quote]เป็นคนไม่เก่งคณิตศาสตรมากๆ
อย่างเช่น ค่า PV ที่หนังสือบอกว่า PV=$1 x (1/1+R)ยกกำลัง T
แค่นี้ผมก็งงแล้ว ไม่เข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นมันหมายความว่าอะไรหรือจะให้เราทำอะไร
ถ้าเกิดว่าพี่ๆนักลงทุนคนไหนใจบุญ จะช่วยเขียนสูตรและอธิบายวิธีการคิดด้วยจะดีมาก
เช่น ให้เอา $1 ไปคูณอะไร และ $1 คืออะไร มีที่มายังไง และค่าาไหนที่เราจะต้องเปลี่ยน หรือจะให้ดีมากๆยิ่งขึ้นเลยเนี่ย แถมตาราง excel ให้ด้วยจะเป็นประคุณอย่างสูง. . .
:=ขออนุญาติอธิบายนะครับ
PV=$1 x (1/1+R)^T โดย
pv=เงินปัจจุบัน
$1=เงินในอนาคตในปีที่T
R=อัตราดอกเบี้ย
T=ปีที่ต้องการหา
ง่ายคือสมุมติคุณ gnomeller มีเงิน500บาท ปัจจุบันดอกร้อยละ3 ถ้าฝากธนาคาร2ปี จะมีเงินเท่าไหร่(ดอกเบี้ยทบต้นนะ)
เอาแบบไม่รู้สูตรเลยก็จะได้ว่า
เงินปีแรก(1$)=(500+500*0.03)ถูกมั้ยครับ
(เงินต้น+ดอกเบี้ยที่ได้)
ต่อมาปีที่2(2$)ก็จะมีเงิน =(500+500*0.03)+[(500+500*0.03)*0.03
=(เงินปีแรก) +(ดอกเบี้ยที่ได้)
ถ้าผมดึงตัวร่วมเพื่อจัดรูปสมการใหม่ ได้ว่า
2$=(500+500*0.03)(1+0.03) ถูกมั้ยครับ
ดึงตัวร่วม500อีกครั้งหนึ่งก็จะได้ว่า
2$(เงินในปีที่2)=500(1+0.03)(1+0.03)
2$(เงินในปีที่2)=500(1+0.03)^2 แค่นี้ก็รู้แล้วเงินในปีที่2เป็นเท่าไหร่
ถ้าผมใส่ตัวแปลไว้ในสมการแทน วันหลังพอดอกเบี้ยเพิ่มผมจะได้ไม่ต้องคำนวณใหม่ แทน
500=pv(เงินปัจจุบัน)
0.03=R(อัตราดอกเบี้ย)
2=T(จำนวนปีที่หา)
ในสมการ 2$(เงินในปีที่2)=500(1+0.03)(1+0.03)
จะได้ว่า $=pv(1+R)^T
ย้ายข้างสมการได้ pv=$* (1/1+R)^T ถูกมั้ยครับ
เห็นมั้ยว่ามันไม่ต้องจำสูตรอะไรหรอกครับ ต่อไปพอเงินต้นเปลี่ย จำนวนปีเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยน ก็ไม่ต้องคำนวนใหม่ แต่แทนค่าในสูตรได้เลย
มันก็คือสูตรที่เอาไว้ใช้หา เงินอนาคต หรือ รู้เงินอนาคตแต่มาดิสเคาท์หาเงินปัจจุบันนั้นเอง(DCF ซึ่Rก็คือ WACCนั้นเอง)
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 7:37 pm
โดย gnomeller
จริงๆผมไม่ได้เก่งอะไรในการมองธุรกิจได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนั้นนะครับ
เพียงแต่ว่า ในการใช้วิธีนี้มันไม่ทำให้ผมขาดทุนก็จริง แต่หลังจากที่ผมอ่านหนังสือ From Graham to Buffett and Beyond ทำให้ผมตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าการลงทุนมีความเสี่ยง เราก็ควรจะได้ ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยในการที่เข้าไปยอมรับความเสี่ยงนั้นๆ และเมื่อรวมกับผลตอบแทนในกิจการ ก็ยิ่งจะทำให้ทำกำไรจากการลงทุนได้มาก
แต่นั่งลงทุนหลายๆคนอย่างเช่น Buffett เองก็จะลงทุนในหุ้นที่ "ไม่มีความเสี่ยง" ที่การลงทุนของพวกเค้าไม่มีความเสี่ยงเพราะว่า เค้าได้มีเกราะป้องกันเอาไว้หนาปึ๊ก!
ยิ่งอ่านก็ยิ่งทำให้เห้นว่า การเดาอนาคต เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุด ในการลงทุน ( แม้ว่าส่วนใหญ่ผมจะเดาถูกก็ตาม ) แต่ผมไม่เคยได้ผลตอบแทนเพิ่มจากความเสี่ยงที่ผมต้องเจอ ผมได้แค่เพียงผลกำไรจากการลงทุนโดยปกติ. . . จึงทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า ถ้าผมจะยอมรับความเสี่ยง ผมควรจะได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ หรือถ้าผมจะไม่ยอมรับมัน ผมก็ต้องมีเกราะกำบังที่หนาแน่นกว่านี้
หลังจากอ่านหนังสือหลายๆเล่ม (ยิ่งอ่านยิ่งถล่ำลึก) ทำให้เห้นว่าการคาดการณ์อนาคตนั้น เป็นสิ่งไม่ควรนำมาใช้กับการลงทุนบ่อยนัก (การลงทุนของผมตอนนี้ 90% คือการคาดเดาอนาคต)
หรืออย่างน้อยก็น่าจะให้ความสำคัญกับมันสัก 40% และอีก 60% เป็นคุณค่าของกิจการ ผมแค่เด็กเมื่อวานซืน ผมไม่ใช่สุดยอดนักการตลาด และผมเชื่อว่าต่อให้เก่งมาจากไหน
เทียบกับปั่นแปะ
ใครกันเล่าที่จะทายได้ถูกเสมอไปว่า จะออกหัว หรือออกก้อย
เหรียญ ยังมีสั้น และในสันของมันยังมีรอยบากอีกมากมาย
แม้กระทั้งรอยบากเล๊กในสันข้างขอบของมัน ก็ส่งผลกระทบกับผลได้ ว่าจะออกเป็นหัวหรือเป็นก้อย และยังมีตัวแปรอื่นๆเช่น สภาพื้นผิว หรือ แม้กระทั่งลมที่พัด
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 1:47 am
โดย plamuek76
ตามมาอ่านครับ เรื่องตัวเลขผมก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกันพอได้บ้างนิดหน่อย เน้นเดาอนาคตเป็นส่วนใหญ่ เหมือนคุณgnomellerครับ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 2:03 pm
โดย por_jai
8) เห็นถามมาเรื่อง PV
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 2:53 pm
โดย stocksindorm
ขอบคุณครับ(วิธีที่ผมเขียนยาวเหยียด เป็นแค่วิธีการพิสูตร สูตรทางคณิตศาตร์เฉยๆครับ เพื่อให้รู้ที่มาที่ไป จริงๆเวลาคิดก็ใช้เครื่องคิดเลขนี่แหละ)
วิธีพี่พอใจ ง่ายกว่าที่จะมาประมาณการกระแสเงินสดมากเลย ใช้ได้จริงด้วย อยากได้ผลตอบแทนกี่%ก็เปลี่ยนค่าRเอาเอง ขอบคุณมากครับสำหรับแนวทาง (เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ)
:D :D
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 3:02 pm
โดย stocksindorm
แสดงว่าเราต้องรู้ธรรมชาติของหุ้นตัวนั้นว่าp/eน่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ใช้มั้ยครับ
แล้วก็คงใช้กับหุ้นวัฏจักรที่รอบสั้นๆหรือรอบไม่แน่นอน ไม่ได้
ไม่รู้ผมเข้าใจถูกเปล่า
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 12:51 am
โดย por_jai
stocksindorm เขียน:แสดงว่าเราต้องรู้ธรรมชาติของหุ้นตัวนั้นว่าp/eน่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ใช้มั้ยครับ
แล้วก็คงใช้กับหุ้นวัฏจักรที่รอบสั้นๆหรือรอบไม่แน่นอน ไม่ได้
ไม่รู้ผมเข้าใจถูกเปล่า
จากตัวอย่าง จะเห็นว่าใช้กับหุ้นวัฏจักรไม่ได้ครับ
หุ้นวัฏจักรต้องพี่แผ่วเบาครับ เก่งเหลือหลาย
เป็นเรื่องของการที่ต้องรู้รอบของมันจริงๆ ต้องใช้จินตนาการมากกว่านี้เยอะ
ส่วนว่าหุ้นตัวไหนพีอีเท่าไร ก็ค่อยๆศึกษาก็จะพอรู้
ที่เห็นๆก็คือ
พอเราถือตัวไหน เราก็มักจะbias ให้พีอีมันสูงหน่อย
จะได้ดูมีค่าหน่อย
แต่ถ้าคนอื่นถือ เราไม่มี เราก็มักจะให้พีอีเป็นfair value
เป็นซะอย่างนี้ ประจำ
พี่stock ขึ้นไปอ่านกระทู้ของพี่ IH (มือล่องหน)ที่ผมว่าหรือยัง
อ่านแล้วจะชอบและเข้าใจ DCF ขึ้นอีกเยอะ......
ตามลิ๊งนี้ไปนะ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=24502
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 12:56 am
โดย por_jai
stocksindorm เขียน:
วิธีพี่พอใจ
ฮ่า...ไม่ใช่วิธีของผม
เป็นวิธีของ buffetใน the new buffettologyที่พี่เวบแปลให้อ่าน
พี่เจ๋งนำมาสอนให้ผมทราบอีกทอดหนึ่ง
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 04, 2008 5:38 pm
โดย gnomeller
ขอสรุปสถารณการณ์หน่อยนะครับ
PV= ราคาปัจจุบัน
FV= ราคาอนาคต
Period=ปีที่คาดหวัง
Payment= ??? คืออะไรครับ เงินปันผลหรือเปล่า ???
Rate= ????? อัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยๆก็เทียบกับอัตรเงินฝากธนาคารที่จะได้จากจำนวนปีที่คาดหวัง ถ้าเราเอาเงินนั้นไปฝากธนาตาร????
Type=มีการจ่ายเงินที่ปลายงวดหรือต้นงวด มันหมายถึงอะไรครับ ???
การคิดแบบนี้คือ ถ้าเทียบกับดอกเบี้ยธนาคาร 0.75% แล้วเราคิดออกมาแล้ว PV มันสูงกว่าราคาปัจุบันแสดงว่า ราคาปัจจุบันนี่ยังถูกอยู่เรายังซื้อได้ถูก อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ
ยังไม่เข้าใจตรง Rate มากนั้นว่าคิดจากการเติบโตของเงินโดยเราควรจะอ้างที่กี่ % ดี
ถ้าผมอ้างอิงจาก Rate ของ เงินฝากก็คือ 0.75% ซึ่งถ้าเราคิดจากตรงนี้เราจะได้ผลตอบแทนน้อยมาก การลงทุนน่าจะมีการคิด Rate ที่ใช้ % สูงขึ้นหรือเปล่า ?
และการคำนวญเอา FV มาตั้งเพื่อให้หาค่า PV ได้ เราจะหา FVมากจากไหน มีสูตรอะไรในการคิดหาค่า FV ในแบบที่มันควรจะเป็นหรือเปล่าครับ เพราะถ้าจะให้เราเอานึกคิดเอาเอง มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดพี่ๆช่วยชี้แนะด้วยครับ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 05, 2008 12:03 am
โดย poppo
FV = PV(1+R)^T
FV = ราคาหรือกำไร หรือ ส่วนของผู้ถือหุ้นในอนาคต
PV = ราคาหรือกำไร หรือส่วนของผู้ถือหุ้นในปัจจุบัน
R = อัตราการเติบโตเฉลี่ยในช่วงเวลาที่เราต้องการ ส่วนใหญ่ผมใช้ 5 ปี สำหรับหุ้นที่มีโอกาสโตในระยะสั้นๆ และ สิบปี สำหรับหุ้นที่มีโอกาสโตในระยะยาว
T = time frame ที่ต้องการ
เสร็จแล้วเราก็ลองคำนวณดูว่าอีก 5-10 ปี กำไรหรือส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นเท่าไหร่ แล้วเราก็ดูอดีตว่าหุ้นนี้ trade ที่ pe ,pb ประมาณเท่าไหร่ เราก็จะได้ราคาในอนาคตออกมา
แล้วเอาราคามาคิดย้อนกลับกับสูตรนี้อีกที ส่วนผลตอบแทนที่คุณต้องการก็คือค่า R แล้วคุณก็จะได้ราคาที่ควรซื้อ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 05, 2008 7:51 pm
โดย gnomeller
คิด PE ยังไงครับ :lol:
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2008 9:59 pm
โดย pegaxus
PE คืออัตราส่วนราคาหุ้นปัจจุบัน หารด้วย กำไรปีล่าสุด
PE บ่งบอกถึงความถูกแพงของหุ้น ซึ่งควรเปรียบเทียบกับ PE ของตลาด หากหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีการเติบโตสูง PE ก็มักจะสูงกว่า PE ตลาด อย่างกลุ่มโมเดิร์นเทรด กลุ่มโรงพยาบาล เป็นต้น อย่างไรก็ดีค่า PE เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เราต้องดู และควรดูหลังจากเราศึกษาตัวธุรกิจมาอย่างอย่างดีแล้ว
ว่าไปแล้วเรื่องตัวเลข อัตราส่วนต่างๆ เป็นปัจจัยเชิงตัวเลขซึ่งสำคัญน้อยกว่า ปัจจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งได้แก่ ความรู้ความเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าและบริการ ความสามารถการแข่งขัน การบริหารต้นทุน ลักษณะลูกค้า ผู้บริหาร ฯลฯ
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2008 10:55 pm
โดย gnomeller
poppo เขียน:FV = PV(1+R)^T
เสร็จแล้วเราก็ลองคำนวณดูว่าอีก 5-10 ปี กำไรหรือส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นเท่าไหร่ แล้วเราก็ดูอดีตว่าหุ้นนี้ trade ที่ pe ,pb ประมาณเท่าไหร่
จะทราบได้ยังไงว่า อีก 5 ปีข้างหน้า กำไรส่วนผู้ถือหุ้นจะเป็นเท่าไหร่ ???
มีวิธีคิดยังไง ??
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2008 11:37 am
โดย krisy
ก็น่าจะต้องทำประมาณการ กำไรในอนาคต โดยดูจากผลการทำงานในอดีต ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานในอนาคต ว่าอีก 5ปี กิจการน่าจะโตแค่ไหน
เหมือนเดาๆเอาโดยอิงสมมติฐานและควรจะ conservative หน่อย โดยใช้
- ปรับลดประมาณการกำไรลดสักนิด เผื่อไว้ก่อนว่าเราอาจคิดผิด
- เอาราคาที่คิดได้เผื่อ Margin of safety อีกที
คิดแบบนี้ทีไร ไม่เคยได้ซื้อตัวที่ชอบเลย สงสัย conservative ไป หรือไม่ก็คิดผิดวิธี
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 11, 2008 5:13 pm
โดย gnomeller
แวะมาบอกว่าปวดหัวมาก ยังทำไม่ได้เลย สมองจะระเบิดแล้ว :x
จากหลายเล่ม รวมถึง From Graham to Buffett and Beyond
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 12, 2008 11:33 am
โดย ลูกอิสาน
[quote="gnomeller"]แวะมาบอกว่าปวดหัวมาก ยังทำไม่ได้เลย สมองจะระเบิดแล้ว