แฟนๆ ร้อง...ขอดิสก์เบรก..หยุดหุ้นขาลง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2008 2:16 am
แฟนๆ ร้อง...ขอดิสก์เบรก..หยุดหุ้นขาลง
ทีขึ้นแรงยังแจกป้ายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นได้
วงการร้องขอมาตรการติดดิสก์เบรกหุ้นขาลง เหตุทำนักลงทุนเสียหายไม่น้อยไปกว่าตอนหุ้นวิ่งขึ้นร้อนแรงแบบไร้เหตุผล ระบุที่ผ่านมาตลาดฯมีแต่ออกมาตรการสะกัดหุ้นที่เคลื่อนไหวร้อนแรงเกินกว่าเหตุ เนื่องจากกลัวว่านักลงทุนรายย่อยจะได้รับความเสียหาย แต่ในทางกลับกันไม่เคยมีมาตรการใดออกมาดูแลหุ้นในช่วงขาลง แนะควรออกมาตรการออกมารองรับบ้างเพื่อให้สมดุลกันทั้งขาขึ้นและขาลง ขณะที่ฝากเซียนหุ้นเสียงแตก บางสำนักแนะขึ้นป้าย SP หากหุ้นลงแรงเพื่อไม่ให้รายย่อยได้รับความเสียหาย ขณะที่บางโบรกฯมองต่างมุม ยันตลท.ไม่ต้องออกมาตรการมารองรับเพราะ ลนท.ได้รับกำไรช่วงขาขึ้นแล้ว ขาลงก็ปล่อยรับกรรมเอาเอง
ความผันผวนของดัชนีฯตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะด้วยความกังวลในปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ความกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐ หรือแม้กระทั่งการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จนนำไปสู่การเทขายเพื่อลดความเสี่ยงและปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทิศทางการลงทุนของนักลงทุนในประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของดัชนีฯและแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อความปลอดภัยของเงินในกระเป๋า
โดยที่ผ่านมาหากช่วงไหนหุ้นบิ๊กแคป หรือหุ้นขนาดใหญ่ถูกเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างรุนแรงจนส่งผลกดดันให้ดัชนีฯปรับตัวลดลง นักลงทุนในประเทศ หรือนักลงทุนทั่วไปก็จะหันกลับมาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับหุ้นขนาดเล็กเป็นหุ้นที่มีราคาไม่สูงนัก สามารถซื้อง่ายขายคล่อง ทำให้ความนิยมเล่นหุ้นประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และในทางกลับกันช่วงไหนที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดแรงเทขายในหุ้นขนาดเล็กและเข้าไปซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่แทน ทำให้บางครั้งราคาหุ้นได้เคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะขาขึ้น จนทำให้หุ้นหลายตัว โดยเฉพาะหุ้นเก็งกำไรมีการซื้อขายกระจุกตัวอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับดัชนีฯอย่างชัดเจน
ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพราะขาดปัจจัยที่ชัดเจนมารองรับดังกล่าว ทำให้มีหลายครั้งที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.ในฐานะผู้ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของการลงทุนในหลักทรัพย์ ได้ออกมาตรการออกมาสะกัดความร้อนแรงของราคาหุ้น โดนเฉพาะมาตรการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ต่อหลักทรัพย์ที่ถูกมองว่ามีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรุนแรงหรือมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวเป็นจำนวนมาก โดยให้เหตุผลว่าเพื่อไม่ให้นักลงทุนรายย่อยได้รับความเสียหายหากมีการทำราคาหุ้นจากนักลงทุนรายใหญ่
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่จากนักลงทุนต่างชาติออกมามากจนกดดันให้ดัชนีฯปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีหุ้นเก็งกำไรหลายตัวได้ถูกสั่งห้ามห้ามซื้อขายแบบ Net Settlement และ Margin Trading เพราะเคลื่อนไหวร้อนแรงจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS และใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญ บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS-W1 รวมทั้ง บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น หรือ LIVE และปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่มีการขึ้นเคลื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น ราคาถูกจะถูกกระทบให้ชะลอความร้อนแรงลงได้ระดับหนึ่ง และบางกรณีถึงขนาดราคาหุ้นร่วงลงมาติดฟลอร์ ไม่ว่าจะเป็นไปโดยธรรมชาติหลังถูกห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น หรือเป็นด้วยความจงใจของใครบางคนก็ตาม
จากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรงทำให้นักลงทุนไม่น้อยที่ได้รับความเสียหาย หรือบางครั้งอาจจะมากกว่าช่วงที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงด้วยซ้ำไป แต่ตลาดหลักทรัพย์กลับไม่มีมาตรการใดออกมารองรับกรณีที่ราคาหุ้นแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรงหลังจากขึ้นเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นแล้ว จึงทำให้หลายฝ่ายหันมามองว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่ตลาดหลักทรัพย์จะออกมามาตรการใดออกมาดูแลหุ้นในช่วงที่เป็นขาลงรุนแรงบ้างเพื่อให้สมดุลกับมาตรการที่ดูแลหุ้นที่ขึ้นแบบผิดปกติที่มีอยู่แล้ว คือ มาตรการห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น
- LIVE กรณีศึกษาที่สำคัญ
กรณีที่เห็นผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างชัดเจนวานนี้ (9 ม.ค.) ก็คือ ขายซื้อขายหลักทรัพย์ของ LIVE ที่ ตลท.ได้ออกคำสั่งห้ามซื้อขายแบบเน็ตฯ-มาร์จิ้น ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2550 ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2551 โดยพบว่าตั้งแต่ตลท.ออกคำสั่งดังกล่าว ราคาหุ้น LIVE ไม่ได้ลดความร้อนแรงลงเลย จะเห็นได้จากในวันที่ 27 ธ.ค.ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.80 บาท และหลังจากนั้นได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนขึ้นไปทำราคาสูงสุดทมี่ 2.60 บาท เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และจนมาถึงวันที่ 9 ม.ค.ราคาหุ้น LIVE ได้เคลื่อนไหวสุดผันผวนโดยราคาหุ้นเริ่มปรับลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เวลา 12.05 น.จากราคา ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2.26 บาท ได้ลดลงมาปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 1.96 บาท และหลังจากตลาดเปิดการซื้อขายภาคบ่ายราคาได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วจนลงมาติดฟลอร์ที่ 1.70 บาทเมื่อเวลา 14.35 น.ต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 15.25 น. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีข่าวลือออกมาหลายกระแส โดยหนึ่งในหลายกระแสนั้น คือ แรงขายของเจ๊สีฟ้า นักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวในเวลาต่อมา
- เจ๊สีฟ้า ยันไม่ได้เทขายหุ้น LIVE - งง!!ราคาร่วงติดฟลอร์
นางสีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา นักลงทุนรายใหญ่ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 5% ใน บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น LIVE ร่วงติดฟลอร์ ในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้เทขายหุ้นออกมา
'ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมหุ้นลงแรง จะว่าถูกฟอร์ซ เซลล์ ก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนนี้หุ้นยังห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นอยู่'
ทั้งนี้ ณ เวลาประมาณ 15.14 น. ราคาหุ้น LIVE อยู่ที่ 1.70 บาท ลดลง 0.72 บาท หรือ 29.75% มูลค่าการซื้อขาย 106.03 ล้านบาท
- คาดหุ้นร้อนเดี้ยงยกแผง ขาใหญ่วงเงินมาร์จิ้นเต็ม ระบุวอลุ่ม LIVE ปูดที่ฟาร์อีสท์
แหล่งข่าววงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า สาเหตุที่หุ้นเก็งกำไรปรับตัวลงแรงในการซื้อขายช่วงบ่ายของวันที่ 9 ม.ค. โดยเฉพาะหุ้น LIVE ที่ปรับตัวลดลงติดฟลอร์ เนื่องจากปัจจุบันวงเงินที่โบรกเกอร์ปล่อยมาร์จิ้นให้กับลูกค้าเต็มแล้ว ไม่สามารถที่จะให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหุ้นได้อีก ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ไม่สามารถไล่ราคาหุ้นเก็งกำไรได้
ทั้งนี้แม้ว่าหุ้นหลายตัวจะอยู่ระหว่างการห้ามซื้อขายแบบเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น แต่ในความเป็นจริง มีโบรกเกอร์บางแห่งที่ปล่อยเงินกู้หรือมาร์จิ้น ให้กับลูกค้าเป็นการภายใน ซึ่งเมื่อราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลงแรง ก็ถูกบังคับขาย (ฟอร์ซ เซลล์)
'ในส่วนของหุ้น LIVE มีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกฟอร์ซเซลล์ เนื่องจากมาร์จิ้นที่ให้กับหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 35% วานนี้หุ้นร่วงไป 5% และวันนี้ลงอีก 30% อาจมีการบังคับขายหุ้นออกมา โดยเท่าที่ทราบวอลุ่มขายส่วนใหญ่มาจาก บล.ฟาร์อีสท์' แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 15.22 น. ราคาหุ้น LIVE อยู่ที่ 1.70 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 29.75% มูลค่าการซื้อขาย 106.22 ล้านบาท BLISS อยู่ที่ 7 บาท ลดลง 1.60 บาท หรือ 18.61% มูลค่าการซื้อขาย 15.76 ล้านบาท BLISS-W1 อยู่ที่ 4.46 บาท ลดลง 1.59 บาท หรือ 26.28% มูลค่าการซื้อขาย 10.80 ล้านบาท IEC อยู่ที่ 1.20 บาท ลดลง 0.13 บาท หรือ 9.77% มูลค่าการซื้อขาย 84.84 ล้านบาท EMC อยู่ที่ 4.40 บาท ลดลง 0.42 บาท หรือ 8.30% มูลค่าการซื้อขาย 19.58 ล้านบาท และ EMC-W1 อยู่ที่ 3.30 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 10.81% มูลค่าการซื้อขาย 24.44 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีฯอยู่ที่ 812.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,393.73 ล้านบาท
- เซียนหุ้นฟันธงซ้ำ หุ้นเก็งกำไรถึงกาลอวสาน แนะหลีกเลี่ยง LIVE หลังรูดกว่า 29%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE ที่ปรับตัวลดลงค่อนมากกว่า 29% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวไปสูงมาก จึงทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมากดดันราคาหุ้น LIVE ให้ปรับตัวลดลงหนัก ทั้งนี้แนะนำ หลีกเลี่ยง
'คงจะหมดรอบที่หุ้นเก็งกำไรจะวิ่งได้อีก และจะสังเกตเห็นว่าหุ้นเก็งกำไรกับหุ้นใหญ่มักจะสวนทางกันเสมอ เวลานี้ก็มาถึงแล้ว 'นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น LIVE ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง น่าจะมาจากแรงขายทำกำไรล้วนๆ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อยข้างแรง โดยปรับเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากประมาณราคาที่ 0.30-0.40 บาท ทั้งนี้แนะนำ หลีกเลี่ยง
- 'ชัยพันธ์ พงศ์ธนากร' งง! ไม่ทราบเหตุ LIVE ร่วงเพราะขายผ่าน บล.ฟาร์อีสท์ หรือไม่ ชี้อาจเป็นแค่ข่าวลือ
นายชัยพันธ์ พงศ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟาร์อีสท์ เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่าวอลุ่มขายส่วนใหญ่ของ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE มาจาก บล.ฟาร์อีสท์ นั้น ยังไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อมูล ดังนั้นจึงคาดว่าน่าจะเป็นเพียงกระแสข่าวลือเท่านั้น
' ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ยังไม่มีข้อมูลว่าเรื่องที่ขายหุ้น LIVE ผ่าน โบรกฯ เราเป็นจริงหรือเปล่ายังไม่มีข้อมูลจริง ผมก็งงเหมือนกันว่าข่าวมันออกมาได้อย่างไรแต่ไม่รู้จริงๆ ว่าจริงไหม ' นายชัยพันธ์ กล่าว
- LIVE เล่นกลโชว์ดิ่งติดฟลอร์แล้วพลิกเป็นบวกแบบเย้ยฟ้า-ท้าดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ราคาหุ้น LIVE ลงมาเคลื่อนไหวในราคาฟลอร์อยู่ระยะหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีแรงซื้อเข้ามาไล่ราคาหุ้นจนราคาพลิกกลับขึ้นไปถึง 2.36 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยและปิดการซื้อขายที่ 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าการซื้อขาย 247.97 ลบ. ซึ่งถือว่าราคาหุ้นเคลื่อนไหวผันผวนเป็นอย่างมาก
- วงการฟันธง เป็นเพราะ LIVE ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะรับป้ายเน็ตฯ-มาร์จิ้นไปแล้ว
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจหลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวที่ผันผวนร้อนแรงของราคาหุ้น LIVE น่าจะเป็นเพราะคนที่เล่นไม่ต้องห่วงว่าจะเจอเครื่องหมายอะไรอีก เพราะตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถควบคุมราคาหุ้นได้ตามต้องการ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เรื่องนี้มองว่า ตลท.น่าจะมีมาตรการอะไรออกมารองรับบ้าง โดยเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นลงรุนแรง เพราะลำพังเพียงแค่กำหนดราคาฟลอร์อาจจะไม่เพียงพอ เพราะหากเป็นความจงใจทุบหุ้นนักลงทุนรายย่อยก็จะได้รับความเสียหายด้วยเช่นเดียวกัน
"เวลาขึ้นแรงก็มีมาตรการห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นออกมาได้ เวลาลงแรงก็ควรจะมีมาตรการรองรับด้วยเหมือนกันเพื่อความยุติธรรม เพราะมีนักลงทุนบางส่วนได้รับความเสียหายด้วย และประการสำคัญหุ้นที่ขึ้นป้ายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นแล้ว แต่ยังไม่ลดความร้อนแรงหรือลดควสามผันผวนลง ก็น่าจะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่มอีกเพื่อไม่ให้นักลงทุนรายย่อยได้รับความเสียหาย เพราะดูเหมือนเดี๋ยวนี้หุ้นเก็งกำไรจะดื้อยาไปแล้ว ไม่ค่อยสนใจเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นเท่าไหร่" แหล่งข่าวกล่าว
- เซียนหุ้นมองต่างมุม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยน่าจะขึ้นเครื่องหมาย SP หรือเครื่องหมายหยุดการซื้อขายชั่วคราว รวมถึงอาจจะออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อมาช่วยเหลือหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงและผิดปกติในช่วงระหว่างการซื้อขาย ซึ่งน่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยนักลงทุนรายย่อยได้เช่นกัน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นก็ตาม เพราะจะเห็นว่าวานนี้ ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาหุ้นเก็งกำไรหลายตัวปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก อาทิ LIVE ที่ปรับตัวลดลงกว่า 29% รวมถึงหุ้น BLISS และ BLISS-W1 ที่ปัจจุบันยังถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามซื้อขายแบบเน็ตเซ็ทเทิลเม้นและมาร์จิ้น
"ตลาดก็น่าจะขึ้น SP เพื่อหยุดการลงของหุ้นบ้าง ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหุ้นที่ลงค่อนข้างแรงในการซื้อขาย และวันนี้หุ้นเก็งกำไรหลายตัวก็ปรับตัวลดลงกันมามาก อาจจะเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นมาแรง เลยทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาในวันนี้" นักวิเคราะห์กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ในกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง ยังไม่เห็นว่า ตลท. ใช้มาตรการใดในการป้องกัน ซึ่งการขึ้นเครื่องหมาย SP นั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีบริษัทฯมีประเด็นข่าวที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมา ทำให้ต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราว ทั้งนี้ แนะว่า หากราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ควรมีการออกสัญลักษณ์เตือน ก่อนขึ้นเครื่องหมาย เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจ ก่อนการลงทุน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะออกมาตรการใดๆ เข้ามาช่วยชะลอหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงและผิดปกติในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน เพราะเมื่อกลับไปพิจาราณาถึงความเหมาะสมพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นส่วนใหญ่ มีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูง ซึ่งหุ้นบ้างตัวก็มีประเด็นในการเข้ามาเก็งกำไร อาทิ หุ้น LIVE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากราคา 0.50 บาท เป็น 2.50 บาท โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 500% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และเชื่อว่านักลงทุนน่าจะได้กำไรไปประมาณ 5 เท่าตัวแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมาจากการเข้ามาเก็งกำไรประเด็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผู้บริหารบริษัทภายใน จึงไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่ตลาดฯ จะออกมามาตรการใดเข้ามาช่วย
"ไม่ควรช่วย เพราะดูจาก LIVE ก็กำไรไปแล้วกว่า 5 เท่าตัว โดยขึ้นมาจาก 0.50 บาท จนถึง 2.50 บาท ขึ้นมาโดยประมาณ 500%ส่วน MLINK ก็ขึ้นมาจาก 1บาท มา 20 บาท ขึ้นมา 100% นักลงทุนคงได้กำไรกันไปแล้ว" นักวิเคราะห์กล่าว
ทีขึ้นแรงยังแจกป้ายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นได้
วงการร้องขอมาตรการติดดิสก์เบรกหุ้นขาลง เหตุทำนักลงทุนเสียหายไม่น้อยไปกว่าตอนหุ้นวิ่งขึ้นร้อนแรงแบบไร้เหตุผล ระบุที่ผ่านมาตลาดฯมีแต่ออกมาตรการสะกัดหุ้นที่เคลื่อนไหวร้อนแรงเกินกว่าเหตุ เนื่องจากกลัวว่านักลงทุนรายย่อยจะได้รับความเสียหาย แต่ในทางกลับกันไม่เคยมีมาตรการใดออกมาดูแลหุ้นในช่วงขาลง แนะควรออกมาตรการออกมารองรับบ้างเพื่อให้สมดุลกันทั้งขาขึ้นและขาลง ขณะที่ฝากเซียนหุ้นเสียงแตก บางสำนักแนะขึ้นป้าย SP หากหุ้นลงแรงเพื่อไม่ให้รายย่อยได้รับความเสียหาย ขณะที่บางโบรกฯมองต่างมุม ยันตลท.ไม่ต้องออกมาตรการมารองรับเพราะ ลนท.ได้รับกำไรช่วงขาขึ้นแล้ว ขาลงก็ปล่อยรับกรรมเอาเอง
ความผันผวนของดัชนีฯตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะด้วยความกังวลในปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ความกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐ หรือแม้กระทั่งการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จนนำไปสู่การเทขายเพื่อลดความเสี่ยงและปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทิศทางการลงทุนของนักลงทุนในประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของดัชนีฯและแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อความปลอดภัยของเงินในกระเป๋า
โดยที่ผ่านมาหากช่วงไหนหุ้นบิ๊กแคป หรือหุ้นขนาดใหญ่ถูกเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างรุนแรงจนส่งผลกดดันให้ดัชนีฯปรับตัวลดลง นักลงทุนในประเทศ หรือนักลงทุนทั่วไปก็จะหันกลับมาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากแรงเทขายหุ้นบิ๊กแคปของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับหุ้นขนาดเล็กเป็นหุ้นที่มีราคาไม่สูงนัก สามารถซื้อง่ายขายคล่อง ทำให้ความนิยมเล่นหุ้นประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และในทางกลับกันช่วงไหนที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดแรงเทขายในหุ้นขนาดเล็กและเข้าไปซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่แทน ทำให้บางครั้งราคาหุ้นได้เคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะขาขึ้น จนทำให้หุ้นหลายตัว โดยเฉพาะหุ้นเก็งกำไรมีการซื้อขายกระจุกตัวอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับดัชนีฯอย่างชัดเจน
ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพราะขาดปัจจัยที่ชัดเจนมารองรับดังกล่าว ทำให้มีหลายครั้งที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.ในฐานะผู้ควบคุมดูแลความเรียบร้อยของการลงทุนในหลักทรัพย์ ได้ออกมาตรการออกมาสะกัดความร้อนแรงของราคาหุ้น โดนเฉพาะมาตรการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ต่อหลักทรัพย์ที่ถูกมองว่ามีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรุนแรงหรือมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวเป็นจำนวนมาก โดยให้เหตุผลว่าเพื่อไม่ให้นักลงทุนรายย่อยได้รับความเสียหายหากมีการทำราคาหุ้นจากนักลงทุนรายใหญ่
ทั้งนี้ จะเห็นได้จากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่จากนักลงทุนต่างชาติออกมามากจนกดดันให้ดัชนีฯปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีหุ้นเก็งกำไรหลายตัวได้ถูกสั่งห้ามห้ามซื้อขายแบบ Net Settlement และ Margin Trading เพราะเคลื่อนไหวร้อนแรงจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น บมจ. อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS และใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญ บมจ.บลิส-เทล หรือ BLISS-W1 รวมทั้ง บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น หรือ LIVE และปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่มีการขึ้นเคลื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น ราคาถูกจะถูกกระทบให้ชะลอความร้อนแรงลงได้ระดับหนึ่ง และบางกรณีถึงขนาดราคาหุ้นร่วงลงมาติดฟลอร์ ไม่ว่าจะเป็นไปโดยธรรมชาติหลังถูกห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น หรือเป็นด้วยความจงใจของใครบางคนก็ตาม
จากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรงทำให้นักลงทุนไม่น้อยที่ได้รับความเสียหาย หรือบางครั้งอาจจะมากกว่าช่วงที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงด้วยซ้ำไป แต่ตลาดหลักทรัพย์กลับไม่มีมาตรการใดออกมารองรับกรณีที่ราคาหุ้นแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรงหลังจากขึ้นเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นแล้ว จึงทำให้หลายฝ่ายหันมามองว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่ตลาดหลักทรัพย์จะออกมามาตรการใดออกมาดูแลหุ้นในช่วงที่เป็นขาลงรุนแรงบ้างเพื่อให้สมดุลกับมาตรการที่ดูแลหุ้นที่ขึ้นแบบผิดปกติที่มีอยู่แล้ว คือ มาตรการห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้น
- LIVE กรณีศึกษาที่สำคัญ
กรณีที่เห็นผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างชัดเจนวานนี้ (9 ม.ค.) ก็คือ ขายซื้อขายหลักทรัพย์ของ LIVE ที่ ตลท.ได้ออกคำสั่งห้ามซื้อขายแบบเน็ตฯ-มาร์จิ้น ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2550 ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2551 โดยพบว่าตั้งแต่ตลท.ออกคำสั่งดังกล่าว ราคาหุ้น LIVE ไม่ได้ลดความร้อนแรงลงเลย จะเห็นได้จากในวันที่ 27 ธ.ค.ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.80 บาท และหลังจากนั้นได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนขึ้นไปทำราคาสูงสุดทมี่ 2.60 บาท เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และจนมาถึงวันที่ 9 ม.ค.ราคาหุ้น LIVE ได้เคลื่อนไหวสุดผันผวนโดยราคาหุ้นเริ่มปรับลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เวลา 12.05 น.จากราคา ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 2.26 บาท ได้ลดลงมาปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 1.96 บาท และหลังจากตลาดเปิดการซื้อขายภาคบ่ายราคาได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็วจนลงมาติดฟลอร์ที่ 1.70 บาทเมื่อเวลา 14.35 น.ต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 15.25 น. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีข่าวลือออกมาหลายกระแส โดยหนึ่งในหลายกระแสนั้น คือ แรงขายของเจ๊สีฟ้า นักลงทุนรายใหญ่ แต่ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวในเวลาต่อมา
- เจ๊สีฟ้า ยันไม่ได้เทขายหุ้น LIVE - งง!!ราคาร่วงติดฟลอร์
นางสีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา นักลงทุนรายใหญ่ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 5% ใน บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น LIVE ร่วงติดฟลอร์ ในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้เทขายหุ้นออกมา
'ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมหุ้นลงแรง จะว่าถูกฟอร์ซ เซลล์ ก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนนี้หุ้นยังห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นอยู่'
ทั้งนี้ ณ เวลาประมาณ 15.14 น. ราคาหุ้น LIVE อยู่ที่ 1.70 บาท ลดลง 0.72 บาท หรือ 29.75% มูลค่าการซื้อขาย 106.03 ล้านบาท
- คาดหุ้นร้อนเดี้ยงยกแผง ขาใหญ่วงเงินมาร์จิ้นเต็ม ระบุวอลุ่ม LIVE ปูดที่ฟาร์อีสท์
แหล่งข่าววงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า สาเหตุที่หุ้นเก็งกำไรปรับตัวลงแรงในการซื้อขายช่วงบ่ายของวันที่ 9 ม.ค. โดยเฉพาะหุ้น LIVE ที่ปรับตัวลดลงติดฟลอร์ เนื่องจากปัจจุบันวงเงินที่โบรกเกอร์ปล่อยมาร์จิ้นให้กับลูกค้าเต็มแล้ว ไม่สามารถที่จะให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหุ้นได้อีก ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ไม่สามารถไล่ราคาหุ้นเก็งกำไรได้
ทั้งนี้แม้ว่าหุ้นหลายตัวจะอยู่ระหว่างการห้ามซื้อขายแบบเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์และมาร์จิ้น แต่ในความเป็นจริง มีโบรกเกอร์บางแห่งที่ปล่อยเงินกู้หรือมาร์จิ้น ให้กับลูกค้าเป็นการภายใน ซึ่งเมื่อราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลงแรง ก็ถูกบังคับขาย (ฟอร์ซ เซลล์)
'ในส่วนของหุ้น LIVE มีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกฟอร์ซเซลล์ เนื่องจากมาร์จิ้นที่ให้กับหุ้นตัวนี้อยู่ที่ 35% วานนี้หุ้นร่วงไป 5% และวันนี้ลงอีก 30% อาจมีการบังคับขายหุ้นออกมา โดยเท่าที่ทราบวอลุ่มขายส่วนใหญ่มาจาก บล.ฟาร์อีสท์' แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 15.22 น. ราคาหุ้น LIVE อยู่ที่ 1.70 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 29.75% มูลค่าการซื้อขาย 106.22 ล้านบาท BLISS อยู่ที่ 7 บาท ลดลง 1.60 บาท หรือ 18.61% มูลค่าการซื้อขาย 15.76 ล้านบาท BLISS-W1 อยู่ที่ 4.46 บาท ลดลง 1.59 บาท หรือ 26.28% มูลค่าการซื้อขาย 10.80 ล้านบาท IEC อยู่ที่ 1.20 บาท ลดลง 0.13 บาท หรือ 9.77% มูลค่าการซื้อขาย 84.84 ล้านบาท EMC อยู่ที่ 4.40 บาท ลดลง 0.42 บาท หรือ 8.30% มูลค่าการซื้อขาย 19.58 ล้านบาท และ EMC-W1 อยู่ที่ 3.30 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 10.81% มูลค่าการซื้อขาย 24.44 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีฯอยู่ที่ 812.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,393.73 ล้านบาท
- เซียนหุ้นฟันธงซ้ำ หุ้นเก็งกำไรถึงกาลอวสาน แนะหลีกเลี่ยง LIVE หลังรูดกว่า 29%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE ที่ปรับตัวลดลงค่อนมากกว่า 29% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวไปสูงมาก จึงทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมากดดันราคาหุ้น LIVE ให้ปรับตัวลดลงหนัก ทั้งนี้แนะนำ หลีกเลี่ยง
'คงจะหมดรอบที่หุ้นเก็งกำไรจะวิ่งได้อีก และจะสังเกตเห็นว่าหุ้นเก็งกำไรกับหุ้นใหญ่มักจะสวนทางกันเสมอ เวลานี้ก็มาถึงแล้ว 'นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น LIVE ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง น่าจะมาจากแรงขายทำกำไรล้วนๆ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อยข้างแรง โดยปรับเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากประมาณราคาที่ 0.30-0.40 บาท ทั้งนี้แนะนำ หลีกเลี่ยง
- 'ชัยพันธ์ พงศ์ธนากร' งง! ไม่ทราบเหตุ LIVE ร่วงเพราะขายผ่าน บล.ฟาร์อีสท์ หรือไม่ ชี้อาจเป็นแค่ข่าวลือ
นายชัยพันธ์ พงศ์ธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟาร์อีสท์ เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่าวอลุ่มขายส่วนใหญ่ของ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE มาจาก บล.ฟาร์อีสท์ นั้น ยังไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อมูล ดังนั้นจึงคาดว่าน่าจะเป็นเพียงกระแสข่าวลือเท่านั้น
' ไม่ทราบว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ยังไม่มีข้อมูลว่าเรื่องที่ขายหุ้น LIVE ผ่าน โบรกฯ เราเป็นจริงหรือเปล่ายังไม่มีข้อมูลจริง ผมก็งงเหมือนกันว่าข่าวมันออกมาได้อย่างไรแต่ไม่รู้จริงๆ ว่าจริงไหม ' นายชัยพันธ์ กล่าว
- LIVE เล่นกลโชว์ดิ่งติดฟลอร์แล้วพลิกเป็นบวกแบบเย้ยฟ้า-ท้าดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ราคาหุ้น LIVE ลงมาเคลื่อนไหวในราคาฟลอร์อยู่ระยะหนึ่ง อยู่ๆ ก็มีแรงซื้อเข้ามาไล่ราคาหุ้นจนราคาพลิกกลับขึ้นไปถึง 2.36 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยและปิดการซื้อขายที่ 2.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าการซื้อขาย 247.97 ลบ. ซึ่งถือว่าราคาหุ้นเคลื่อนไหวผันผวนเป็นอย่างมาก
- วงการฟันธง เป็นเพราะ LIVE ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะรับป้ายเน็ตฯ-มาร์จิ้นไปแล้ว
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจหลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวที่ผันผวนร้อนแรงของราคาหุ้น LIVE น่าจะเป็นเพราะคนที่เล่นไม่ต้องห่วงว่าจะเจอเครื่องหมายอะไรอีก เพราะตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถควบคุมราคาหุ้นได้ตามต้องการ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เรื่องนี้มองว่า ตลท.น่าจะมีมาตรการอะไรออกมารองรับบ้าง โดยเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นลงรุนแรง เพราะลำพังเพียงแค่กำหนดราคาฟลอร์อาจจะไม่เพียงพอ เพราะหากเป็นความจงใจทุบหุ้นนักลงทุนรายย่อยก็จะได้รับความเสียหายด้วยเช่นเดียวกัน
"เวลาขึ้นแรงก็มีมาตรการห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นออกมาได้ เวลาลงแรงก็ควรจะมีมาตรการรองรับด้วยเหมือนกันเพื่อความยุติธรรม เพราะมีนักลงทุนบางส่วนได้รับความเสียหายด้วย และประการสำคัญหุ้นที่ขึ้นป้ายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นแล้ว แต่ยังไม่ลดความร้อนแรงหรือลดควสามผันผวนลง ก็น่าจะมีมาตรการอื่นออกมาเพิ่มอีกเพื่อไม่ให้นักลงทุนรายย่อยได้รับความเสียหาย เพราะดูเหมือนเดี๋ยวนี้หุ้นเก็งกำไรจะดื้อยาไปแล้ว ไม่ค่อยสนใจเครื่องหมายห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นเท่าไหร่" แหล่งข่าวกล่าว
- เซียนหุ้นมองต่างมุม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยน่าจะขึ้นเครื่องหมาย SP หรือเครื่องหมายหยุดการซื้อขายชั่วคราว รวมถึงอาจจะออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อมาช่วยเหลือหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงและผิดปกติในช่วงระหว่างการซื้อขาย ซึ่งน่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยนักลงทุนรายย่อยได้เช่นกัน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงห้ามเน็ตฯ-มาร์จิ้นก็ตาม เพราะจะเห็นว่าวานนี้ ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาหุ้นเก็งกำไรหลายตัวปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก อาทิ LIVE ที่ปรับตัวลดลงกว่า 29% รวมถึงหุ้น BLISS และ BLISS-W1 ที่ปัจจุบันยังถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามซื้อขายแบบเน็ตเซ็ทเทิลเม้นและมาร์จิ้น
"ตลาดก็น่าจะขึ้น SP เพื่อหยุดการลงของหุ้นบ้าง ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหุ้นที่ลงค่อนข้างแรงในการซื้อขาย และวันนี้หุ้นเก็งกำไรหลายตัวก็ปรับตัวลดลงกันมามาก อาจจะเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นมาแรง เลยทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาในวันนี้" นักวิเคราะห์กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ในกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง ยังไม่เห็นว่า ตลท. ใช้มาตรการใดในการป้องกัน ซึ่งการขึ้นเครื่องหมาย SP นั้น จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีบริษัทฯมีประเด็นข่าวที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมา ทำให้ต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราว ทั้งนี้ แนะว่า หากราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ควรมีการออกสัญลักษณ์เตือน ก่อนขึ้นเครื่องหมาย เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจ ก่อนการลงทุน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะออกมาตรการใดๆ เข้ามาช่วยชะลอหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรงและผิดปกติในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน เพราะเมื่อกลับไปพิจาราณาถึงความเหมาะสมพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นส่วนใหญ่ มีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูง ซึ่งหุ้นบ้างตัวก็มีประเด็นในการเข้ามาเก็งกำไร อาทิ หุ้น LIVE ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากราคา 0.50 บาท เป็น 2.50 บาท โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 500% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และเชื่อว่านักลงทุนน่าจะได้กำไรไปประมาณ 5 เท่าตัวแล้วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมาจากการเข้ามาเก็งกำไรประเด็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผู้บริหารบริษัทภายใน จึงไม่เห็นว่ามีความจำเป็นที่ตลาดฯ จะออกมามาตรการใดเข้ามาช่วย
"ไม่ควรช่วย เพราะดูจาก LIVE ก็กำไรไปแล้วกว่า 5 เท่าตัว โดยขึ้นมาจาก 0.50 บาท จนถึง 2.50 บาท ขึ้นมาโดยประมาณ 500%ส่วน MLINK ก็ขึ้นมาจาก 1บาท มา 20 บาท ขึ้นมา 100% นักลงทุนคงได้กำไรกันไปแล้ว" นักวิเคราะห์กล่าว
