ย้อนรอยการตกต่ำของตลาดหุ้นในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมา by IH
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 7:37 pm
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
ผมมานั่งนึกๆ ในช่วงหลายๆ ปีให้หลังมีช่วงที่หุ้นลงหนักๆ ด้วยเหตุการณ์อะไรบ้าง
ปี 2546 ต้นๆ ปีหุ้นลงไป 10-20% จุดด้วยโรคซารส์ และการที่สหรัฐบุกอิรัก ตอนนั้นคนคาดกันว่าโรคซารส์จะคร่าชีวิตมนุษย์เป็นล้านเพราะสามารถติดต่อทางการหายใจ อุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยวจะหยุดชะงัก ส่วนการที่สหรัฐบุกอิรักนั้นก็มีการกลัวว่าจะลุกลามเป็นสงครามโลก อิรักอาจจะนำอาวุธนิวเคลียร์ที่ซุกซ่อนเอาไว้มาใช้ ประเทศอาหรับจะรวมตัวเพื่อต่อต้านสหรัฐ ปลายปีหุ้นปิดประมาณ 800 จุด
ปี 2547 เกิดเหตุการณ์ไม่สงบภาคใต้และไข้หวัดนก ก็มีการคาดการณ์ว่าจะทำให้อุตสาหกรรมส่งออกไก่หยุดชะงักในระยะยาว ไข้หวัดนกอาจจะมีการกลายพันธุ์ทำให้สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน มีการรายงานว่าแม้หมูก็ติดไข้หวัดจากนกได้ด้วย หุ้นลงจาก 800 จุดเหลือ 560 จุด ( หรือ 660 กว่าผมไม่แน่ใจนัก )
กลางปีมีวินาศกรรมทีลอนดอน หุ้นลงอีกประมาณ 10% เกิดกระแสการกลัวการก่อการร้ายทั่วโลก
ปี 2548 เป็นปีที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ร้ายแรงระดับโลกนัก แต่การเมืองบ้านเราเริ่มไม่มั่นคง ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซึมๆ
ปี 2549 การเมืองดูเหมือนจะมีเสถียรภาพน้อยลงเรื่อยๆ เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา รวมถึงเหตุการณ์ 19 ธันวาที่ ธปท. ควบคุมการไหลเข้าของเงิน หุ้นลง 20% ในวันเดียว ว่ากันว่าหาก ธปท. ไม่ยกเลิกการไหลเข้าของเงินลงทุนในหุ้นในตอนเย็น Order ขายที่ยังไม่หมดอาจจะทำให้หุ้นลงต่ออีกเป็น 100 จุดได้
ปี 2550 เกิดระเบิดกว่า 10 จุดทั่ว กทม. คนไม่กล้าเดินห้างหรือไปตามที่ชุมชนอยู่ 1-2 เดือน กำลังซื้อหดหายไปพอสมควร หุ้นลงอีกหลายสิบจุดหลังเหตุการณ์
กลางปีเกิดภาวะหนี้เสียในกลุ่มลูกหนี้ภาคอสังหาฯ หรือ subprime ทำให้หุ้นลงไปหลายสิบจุดก่อนที่จะเด้งกลับมาได้ในระดับหนึ่ง และต้นปี 2551 นี้หุ้นก็กำลังลงต่อด้วยปัญหา subprime อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น ถ้าขายหุ้นทุกครั้งที่ตกใจหรือมีความกลัวในเหตุการณ์ต่างๆ และซื้อทุกครั้งเมื่อมีความมั่นใจ หรืออยากได้กำไรกับเขาบ้าง ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมาอาจจะประสบความล้มเหลวในการลงทุนบ้าง แต่การเคาะซื้อแบบเหงื่อออกที่ฝ่ามือ เคาะไปกลัวไป ที่ผ่านมาเหมือนจะมีกำไร ก็คงต้องลองดูครับว่ากลยุทธ์ซื้อหุ้นแบบเหงื่อออกที่ฝ่ามือจะใช้ได้สำหรับปี 2551 หรือไม่ครับ
ผมมานั่งนึกๆ ในช่วงหลายๆ ปีให้หลังมีช่วงที่หุ้นลงหนักๆ ด้วยเหตุการณ์อะไรบ้าง
ปี 2546 ต้นๆ ปีหุ้นลงไป 10-20% จุดด้วยโรคซารส์ และการที่สหรัฐบุกอิรัก ตอนนั้นคนคาดกันว่าโรคซารส์จะคร่าชีวิตมนุษย์เป็นล้านเพราะสามารถติดต่อทางการหายใจ อุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยวจะหยุดชะงัก ส่วนการที่สหรัฐบุกอิรักนั้นก็มีการกลัวว่าจะลุกลามเป็นสงครามโลก อิรักอาจจะนำอาวุธนิวเคลียร์ที่ซุกซ่อนเอาไว้มาใช้ ประเทศอาหรับจะรวมตัวเพื่อต่อต้านสหรัฐ ปลายปีหุ้นปิดประมาณ 800 จุด
ปี 2547 เกิดเหตุการณ์ไม่สงบภาคใต้และไข้หวัดนก ก็มีการคาดการณ์ว่าจะทำให้อุตสาหกรรมส่งออกไก่หยุดชะงักในระยะยาว ไข้หวัดนกอาจจะมีการกลายพันธุ์ทำให้สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน มีการรายงานว่าแม้หมูก็ติดไข้หวัดจากนกได้ด้วย หุ้นลงจาก 800 จุดเหลือ 560 จุด ( หรือ 660 กว่าผมไม่แน่ใจนัก )
กลางปีมีวินาศกรรมทีลอนดอน หุ้นลงอีกประมาณ 10% เกิดกระแสการกลัวการก่อการร้ายทั่วโลก
ปี 2548 เป็นปีที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ร้ายแรงระดับโลกนัก แต่การเมืองบ้านเราเริ่มไม่มั่นคง ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซึมๆ
ปี 2549 การเมืองดูเหมือนจะมีเสถียรภาพน้อยลงเรื่อยๆ เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา รวมถึงเหตุการณ์ 19 ธันวาที่ ธปท. ควบคุมการไหลเข้าของเงิน หุ้นลง 20% ในวันเดียว ว่ากันว่าหาก ธปท. ไม่ยกเลิกการไหลเข้าของเงินลงทุนในหุ้นในตอนเย็น Order ขายที่ยังไม่หมดอาจจะทำให้หุ้นลงต่ออีกเป็น 100 จุดได้
ปี 2550 เกิดระเบิดกว่า 10 จุดทั่ว กทม. คนไม่กล้าเดินห้างหรือไปตามที่ชุมชนอยู่ 1-2 เดือน กำลังซื้อหดหายไปพอสมควร หุ้นลงอีกหลายสิบจุดหลังเหตุการณ์
กลางปีเกิดภาวะหนี้เสียในกลุ่มลูกหนี้ภาคอสังหาฯ หรือ subprime ทำให้หุ้นลงไปหลายสิบจุดก่อนที่จะเด้งกลับมาได้ในระดับหนึ่ง และต้นปี 2551 นี้หุ้นก็กำลังลงต่อด้วยปัญหา subprime อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น ถ้าขายหุ้นทุกครั้งที่ตกใจหรือมีความกลัวในเหตุการณ์ต่างๆ และซื้อทุกครั้งเมื่อมีความมั่นใจ หรืออยากได้กำไรกับเขาบ้าง ในรอบหลายๆ ปีที่ผ่านมาอาจจะประสบความล้มเหลวในการลงทุนบ้าง แต่การเคาะซื้อแบบเหงื่อออกที่ฝ่ามือ เคาะไปกลัวไป ที่ผ่านมาเหมือนจะมีกำไร ก็คงต้องลองดูครับว่ากลยุทธ์ซื้อหุ้นแบบเหงื่อออกที่ฝ่ามือจะใช้ได้สำหรับปี 2551 หรือไม่ครับ