หน้า 1 จากทั้งหมด 8
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:18 pm
โดย Ryuga
ผมสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าความเห็นของโบรกทั้งหลายจาก SAA Consensus ของ Settrade นั้นใช้การได้มากน้อยแค่ไหน เป็นกับดักมหาภัยสำหรับนักลงทุนมือใหม่ผู้บริสุทธิ์ต่อโลกหรือเปล่า จึงได้เก็บข้อมูลตามที่ปรากฏบนเว็บจาก SAAฯ เอาไว้ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 มาจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 (ตอนโพสวันที่ 2 แล้ว :lol:) ก็ครบรอบ 1 ปี พอดีเด๊ะ การศึกษาครั้งนี้จึงได้ผลลัพธ์ออกมาให้เห็น
ข้อมูลทั้งหมดมาจาก 23 โบรกเกอร์ รวม 1,816 ความเห็น ครอบคลุม 230 หลักทรัพย์จดทะเบียน
ในเว็บ Settrade เขาบอกไว้อย่างนี้ว่า
สมาคมขอสงวนลิขสิทธิ์ในข้อมูลและความเห็น SAA Consensus ที่ปรากฎข้างต้นนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดนำข้อมูลและความเห็นดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ นำออกแสดงหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากสมาคมล่วงหน้า
ฉะนั้น ผมก็จะถือว่าเป็นการนำมาเล่าสู่กันฟังเฉยๆ ในรูปของข้อสนเทศที่สรุปแล้วจากข้อมูลที่ปรากฏในปัจจุบันเทียบกับความเห็นที่ปรากฏในอดีต จัดเป็นข้อสนเทศใหม่ มิใช่การคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำฯ แต่ประการใด แต่แม้อย่างนั้น สำหรับข้อมูลที่เป็นรายชื่อหลักทรัพย์ ตลอดจนรายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ ผมจะปิดเอาไว้ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นปัญหา เดี๋ยวเว็บ TVI จะโดนเล่นงานเอา
วัตถุประสงค์
วัดความแม่นในคำทำนายของโบรกเกอร์ ว่าสามารถเทียบชั้นกับหมอลัก หมอนิด หมอฯลฯ ได้รึไม่ 8)
ผลการศึกษา
นำมาแสดงในรูปอัตราผลตอบแทนคิดเป็นเปอร์เซนต์รวมของพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหลักทรัพย์จดทะเบียนตามแต่ละความเห็นของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ แต่ละหลักทรัพย์ถ่วงน้ำหนักในพอร์ตเท่ากัน โดยแยกเป็นความเห็นหลักๆ เพียง 3 ความเห็นเท่านั้น คือ "ซื้อ" "ขาย" และ "ถือ"
ราคาฐานคือราคาปิดของแต่ละหลักทรัพย์ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:19 pm
โดย Ryuga
Broke ที่ 1 รวม 141 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 71 17.28%
ขาย 34 20.21%
ถือ 35 10.82%
Broke ที่ 2 รวม 125 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 31 25.02%
ขาย 20 20.92%
ถือ 13 20.39%
Broke ที่ 3 รวม 123 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 66 22.24%
ขาย 25 4.48%
ถือ 19 9.19%
Broke ที่ 4 รวม 123 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 53 20.70%
ขาย 7 16.52%
ถือ 18 15.23%
Broke ที่ 5 รวม 110 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 39 18.40%
ขาย 12 20.45%
ถือ 11 13.45%
Broke ที่ 6 รวม 104 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 62 21.62%
ขาย 13 16.91%
ถือ 29 12.96%
Broke ที่ 7 รวม 100 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 55 19.92%
ขาย 22 -1.09%
ถือ 23 23.87%
Broke ที่ 8 รวม 99 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 53 25.23%
ขาย 4 26.64%
ถือ 11 5.97%
Broke ที่ 9 รวม 93 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 52 11.39%
ขาย 5 -18.71%
ถือ 36 17.91%
Broke ที่ 10 รวม 80 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 26 8.73%
ขาย 3 0.79%
ถือ 0 -
Broke ที่ 11 รวม 79 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 56 11.82%
ขาย 11 14.41%
ถือ 6 30.15%
Broke ที่ 12 รวม 78 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 38 17.31%
ขาย 11 14.86%
ถือ 16 11.97%
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:22 pm
โดย Ryuga
Broke ที่ 13 รวม 73 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 37 15.58%
ขาย 7 14.33%
ถือ 10 -3.01%
Broke ที่ 14 รวม 73 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 31 10.97%
ขาย 21 19.78%
ถือ 21 36.21%
Broke ที่ 15 รวม 71 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 16 9.96%
ขาย 4 -17.40%
ถือ 6 28.11%
Broke ที่ 16 รวม 66 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 26 8.20%
ขาย 3 16.33%
ถือ 3 -31.52%
Broke ที่ 17 รวม 57 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 11 38.93%
ขาย 4 5.25%
ถือ 11 28.92%
Broke ที่ 18 รวม 53 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 28 16.85%
ขาย 11 38.28%
ถือ 0 -
Broke ที่ 19 รวม 50 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 25 22.04%
ขาย 3 13.95%
ถือ 22 16.57%
Broke ที่ 20 รวม 43 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 3 12.57%
ขาย 0 -
ถือ 3 39.40%
Broke ที่ 21 รวม 31 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 3 26.66%
ขาย 3 17.40%
ถือ 0 -
Broke ที่ 22 รวม 30 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 23 23.90%
ขาย 0 -
ถือ 0 -
Broke ที่ 23 รวม 14 ความเห็น
ความเห็น ผลตอบแทน(%)
ซื้อ 8 26.76%
ขาย 0 -
ถือ 2 -1.64%
ความเห็นที่หายไปส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่ไร้ Recommend หรือไม่ก็ซื้อเก็งกำไร ซื้อเมื่ออ่อนตัว อะไรทำนองนั้น จัดเป็นความเห็นแบบมีเงื่อนไขผมจึงตัดออก
ที่ผมใช้คำว่า ความเห็น ก็เพราะผมเห็นว่ามันเป็นความคิดเห็นของพวกเขาจริงๆ ไม่อยากเรียกว่า วิเคราะห์ เพราะอาจทำให้ไขว้เขวจนมองหุ้นต่างๆ ดีเกินความเป็นจริงได้
การศึกษาเท่าที่ยกมานี่ราคาเป้าหมายที่เค้าระบุไม่เกี่ยวนะครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:24 pm
โดย Ryuga
SET 657.00 -->810.86 +23.42%
เกณฑ์การตัดเกรด 8)
สอบผ่าน
+15%-> Market _____ O [Outstanding]
+5-15% Market _____ E [Exceeds Expectations]
+0-5% Market _____ A [Acceptable]
สอบตก
-0-5% Market _____ P [Poor]
-5-15% Market _____ D [Dreadful]
-15%-> Market _____ T [Troll]
ตัดเกรดจากอัตราผลตอบแทนของพอร์ตแนะ "ซื้อ" ในแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ได้ดังนี้
เกรด O 1 โบรก (No.17)
เกรด E -
เกรด A 5 โบรก (No.23, 21, 8, 2, 22)
เกรด P 5 โบรก (No.3, 19, 6, 4, 7)
เกรด D 11 โบรก (No.5, 12, 1, 18, 13, 20, 11, 9, 14, 15, 10)
เกรด T 1 โบรก (No.16)
สรุปว่า สอบ O.W.L. (Ordinary Wise-broker Level) ไม่ผ่านถึง 17 จาก 23 บริษัทหลักทรัพย์ คือสอบตกถึง 74% :lol:
กล่าวอีกแง่หนึ่งก็คือ 3 ใน 4 ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ส่งบทวิเคราะห์ไปที่ SAAฯ มีอัตราผลตอบแทนของพอร์ตที่ลงทุนตามคำแนะนำ "ซื้อ" แพ้ตลาด
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:26 pm
โดย Ryuga
วิจารณ์และสรุปผล
เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของโบรกทั้ง 6 ผู้ที่มีพอร์ตแนะ "ซื้อ" ชนะตลาดนั้น
โบรกที่ 21 และโบรกที่ 23 อาจไม่ใช่ผู้ชนะที่แท้จริง เพราะอัตราผลตอบแทนก็ไม่ได้ชนะตลาดมากนัก และที่สำคัญก็คือให้คำแนะนำมาน้อยตัวอย่างเกินไป
- โบรกที่ 21 แนะซื้อ 3 แนะขาย 3 และพอร์ตแนะขายยังบวกตั้ง 17.40% แพ้ตลาดเพียง 6%
- โบรกที่ 23 แนะซื้อมาแค่ 8
โบรกที่ 2 แม้จะให้อัตราผลตอบแทนชนะตลาด แต่พอร์ตแนะขาย แนะถือ ก็ได้อัตราผลตอบแทนสูงเช่นกันคือเกิน 20% ทั้งคู่ นี่สมควรเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับเขา :lol:
โบรกที่ 8 มีพอร์ตแนะขายชนะแนะซื้อ แต่เนื่องจากมีคำแนะขายเพียง 4 แต่แนะซื้อถึง 53 หลักทรัพย์ จึงนับเป็นผู้ชนะและสามารถรักษาหน้าเอาไว้ได้
โบรกที่ 22 ค่อนข้างมีความมุ่งเน้น เห็นได้ว่าเขาไม่แนะนำขายหรือถือเลย เพียงแนะซื้ออย่างเดียวถึง 23 หลักทรัพย์ และก็สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนได้ถึง 23.90% ย่อมเป็นผู้ชนะเช่นกัน
และสุดท้ายคือโบรกที่ 17 ซึ่งนับว่าโดดเด่นที่สุดจากทุกโบรก เขาส่งบทวิเคราะห์มาไม่มากนัก และก็ไม่แนะพร่ำเพรื่อ พอร์ตแนะซื้อของเขาชนะตลาดอย่างเด็ดขาด พอร์ตแนะขายก็แพ้ตลาดอย่างเด็ดขาด แม้แต่การแนะถือของเขาก็ยังชนะตลาด :lol:
ฉะนั้น อาจกล่าวได้ว่ามีผู้ชนะอยู่ 4 โบรก คือ โบรก 17, 8, 2 และ 22
อย่างไรก็ตาม ผู้ชนะในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นผู้ชนะต่อไปในอนาคต
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:27 pm
โดย Ryuga
สิ่งที่พิจารณาต่อไปก็คือ คำแนะนำต่างๆ ทั้ง "ซื้อ" "ขาย" หรือ "ถือ" นั้น มันควรจะสะท้อนภาพที่ชัดเจนตามคำแนะนำของโบรกทั้งหลายอย่างที่มันควรจะเป็นหรือไม่
เมื่อใช้คำว่า "ซื้อ" นั่นย่อมหมายความว่าหลักทรัพย์นั้นถูกวิเคราะห์มาแล้วว่ามูลค่าตลาด ณ ขณะนั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามที่พวกเขาคำนวณได้ ราคาเป้าหมายที่เขาระบุมาก็สามารถเทียบได้ว่าอัตราผลตอบแทนที่ควรจะเป็นในกรอบ 12 เดือน อย่างที่เขาระบุนั้นสามารถให้อัตราผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้น่าพอใจเพียงใด
เมื่อใช้คำว่า "ขาย" ย่อมหมายความว่าหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่าที่แท้จริงต่ำกว่าราคาตลาด พื้นฐานของบริษัทอาจกำลังปรับตัวแย่ลง นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ก็ไม่ควรซื้อ หากมีหุ้นเหล่านี้อยู่อาจต้องพิจารณาขายออกไปเพื่อไม่ให้ประสบกับภาวะขาดทุน
เมื่อใช้คำว่า "ถือ" ย่อมหมายความว่าหลักทรัพย์นั้นมีมูลค่าที่แท้จริงใกล้กับราคาตลาด นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรีบร้อนซื้อหรือขาย หรือไม่ก็ควรรอให้ปัจจัยอันอาจเป็นบวกหรือลบที่จะส่งผลต่อบริษัทแห่งนั้นส่งผลออกมาให้ชัดเจนก่อนจะตัดสินใจอย่างอื่นใดออกไป
โดยความคาดหวัง นักลงทุนย่อมคาดหวังการปฏิบัติตามคำแนะนำ "ซื้อ" ว่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดี ซึ่งแน่นอนว่ามันควรจะชนะตลาด ไม่เช่นนั้นนักลงทุนจะมาแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการเลือกซื้อหุ้นเองเป็นรายหลักทรัพย์ทำไม ไปซื้อหน่วยกองทุนรวมหุ้น หรือซื้อ TDEX จะไม่ดีกว่าหรือ แต่แม้อย่างนั้น เนื่องจากโบรกทั้งหลายจะเน้นวิเคราะห์เพียงบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ มีมูลค่าการซื้อขายมาก มีน้ำหนักถ่วงดัชนีตลาดมาก นักลงทุนจึงไม่อาจคาดหวังอัตราผลตอบแทนที่วิเศษเลิศลอยไปเกินกว่าดัชนีตลาดได้มากนัก อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจึงอาจใกล้ๆ กับดัชนี อาจน้อยกว่าดัชนีได้บ้างแต่จะดีที่สุดถ้ามันชนะดัชนี
สำหรับการปฏิบัติตามคำแนะนำ "ขาย" นักลงทุนย่อมคาดหวังว่าเมื่อขายหลักทรัพย์เหล่านั้นออกไปแล้วราคาตลาดของพวกมันจะลดลง หรืออย่างน้อยถ้ามันไม่ลดลงก็ควรจะแพ้ตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนการปฏิบัติตามคำแนะนำ "ถือ" นักลงทุนย่อมคาดหวังว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้รับอาจจะไม่โดดเด่นนัก เพราะหากมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์นั้นพอๆ กับราคาตลาด ราคาในอนาคตของหลักทรัพย์นั้นคงจะไม่วิ่งไปไกลเท่าไหร่ หรือไม่หลักทรัพย์เหล่านี้ก็ควรอยู่ในสภาพลอยตามน้ำ ดัชนีขึ้นก็ขึ้นตามดัชนีลงก็ลงตาม ราคาอาจแกว่งไปแกว่งมาแต่ไม่ทำให้นักลงทุนขาดทุนหรือกำไรมากนัก อย่างมากที่สุดที่คาดหวังได้คือมันจะตามน้ำไปกับดัชนีและยังได้กำไรจากเงินปันผล
ฉะนั้น พอร์ตแนะ "ซื้อ" ควรให้อัตราผลตอบแทนสูงสุด พอร์ตแนะ "ถือ" ควรให้อัตราผลตอบแทนรองลงมา ส่วนพอร์ตแนะ "ขาย" ต้องให้อัตราผลตอบแทนต่ำสุด
ผลการศึกษาที่ได้ ให้ผลไปในแนวทางที่คาดหวัง คือ
พอร์ตแนะ "ซื้อ" ให้ผลตอบแทน 18.79% ถ่วงน้ำหนักด้วยจำนวนคำแนะนำให้ผลตอบแทน 18.23%
พอร์ตแนะ "ถือ" ให้ผลตอบแทน 15.00% ถ่วงน้ำหนักด้วยจำนวนคำแนะนำให้ผลตอบแทน 16.44%
พอร์ตแนะ "ขาย" ให้ผลตอบแทน 12.22% ถ่วงน้ำหนักด้วยจำนวนคำแนะนำให้ผลตอบแทน 14.09%
SET 657.00 -->810.86 +23.42%
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:29 pm
โดย Ryuga
ที่น่าสนใจก็คือ ในภาพรวม ความเห็นของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมดนั้นล้วนแพ้ตลาด แม้อัตราผลตอบแทนจากพอร์ตแต่ละกลุ่มจะต่างกันอย่างมีนัยสำคัญแต่มันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากนัก พอร์ตแนะถือหรือแนะขายของบางโบรกยังให้ผลตอบแทนชนะตลาดอีกด้วย งามหน้าที่สุดก็คือโบรกที่ 18 เพราะแนะขายมา 11 หลักทรัพย์ แต่พอร์ตกลุ่มนี้กลับมีอัตราผลตอบแทนสูงถึง 38.28%
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด มีอยู่ 18 โบรกที่ส่งคำแนะนำครบทั้ง 3 แบบ อัตราผลตอบแทนที่ควรจะเป็นคือ ซื้อ>ถือ>ขาย นั้น ปรากฏว่ามีเพียง 3 โบรกเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ ได้แก่ โบรกที่ 3, 17 และ 19 ซึ่งอัตราผลตอบแทนโบรกที่ 17 นั้นกล่าวไปแล้วในฐานะที่เป็นผู้ชนะ ส่วนโบรกที่ 3 และ19 ให้อัตราผลตอบแทนของพอร์ตแนะซื้อมากกว่า 22% ทั้งคู่ ซึ่งแพ้ตลาดไม่มากจัดอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ไม่เสียหาย ทั้ง 3 โบรกนี้ ล้วนส่งบทวิเคราะห์และคำแนะนำมาในจำนวนที่มีนัยสำคัญพอที่จะกล่าวถึง
(โบรกทั้ง 3 แห่งนี้ สมควรได้รับคำสดุดี อย่างน้อยๆ ก็จากผมล่ะ เพราะผมดูในรายละเอียดแล้วเห็นว่าเขาไม่ค่อยมั่ว เห็นชื่อบริษัทของเขาแล้วก็ต้องยอมรับนับถือพวกเขาจริงๆ :lol: แต่เนื่องจากผมไม่คิดว่าการเปิดเผยรายชื่อของพวกเขาในที่สาธารณะเป็นการกระทำอันสมควร เพื่อป้องกันปัญหาผมขอที่จะไม่กล่าวถึงชื่อของพวกเขา และเช่นเดียวกัน กลุ่มโบรกที่เป็นผู้แพ้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงขั้นอเนจอนาถนั้นผมก็จะไม่เอ่ยชื่อพวกเขาเช่นกัน)
เมื่อพิจารณาจากโบรกทั้งหมด มีอยู่ 20 โบรกที่ส่งคำแนะนำขาย จากทั้ง 20 โบรกนี้ มีอยู่ 7 โบรก ได้แก่ โบรกที่ 1, 5, 8, 11, 14, 16 และ 18 มีพอร์ตแนะขายชนะพอร์ตแนะซื้อ
(ให้ 1 ตัว จากใจ
)
หากพิจารณาจาก 22 โบรกที่ส่งคำแนะนำอย่างน้อย 2 อย่าง จะได้อีก 4 โบรก ที่พอร์ตแนะซื้อไม่ได้เป็นผู้ชนะ ได้แก่ โบรกที่ 7, 9, 15 และ 20
ส่วนที่เหลือนั้น แม้พอร์ตแนะซื้อจะเป็นผู้ชนะ แต่มันไม่ได้ชนะตลาด
ผมไม่ต้องการจะประณามเขาหรอก แต่โบรกที่ 10, 15 และ 16 นั้น เขาจะต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแน่ๆ :lol:
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:31 pm
โดย Ryuga
ที่น่าสนใจต่อมาคือลักษณะการกระจายความเสี่ยง จากคำแนะนำทั้ง 1,331 คำแนะนำนั้นจำแนกได้เป็น
ซื้อ 813
ขาย 223
ถือ 295
เพราะฉะนั้น คำแนะซื้อจึงมีการกระจายความเสี่ยงมากที่สุด และนั่นก็อาจเป็นการกระจายความเสียหายไปในตัวหากโบรกแต่ละแห่งไม่ใช้ความสามารถของตนให้มากพอ จากรูป ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานนั้นผมนำมาแสดงเป็นรายโบรก จะเห็นว่ากลุ่มซื้อนั้นอัตราผลตอบแทนสูงสุดและความผันผวนน้อยสุด กลุ่มขายมีอัตราผลตอบแทนต่ำสุดและความผันผวนตรงกลาง และกลุ่มถือมีอัตราผลตอบแทนตรงกลางแต่ความผันผวนมากที่สุด
ในกลุ่มขายและถือนั้นนับว่าเป็นกลุ่มที่โบรกทั้งหลายมีลักษณะเสียงแตก แต่ละโบรกจะเชียร์ต่างๆ กัน ผลที่ออกมาจึงค่อนข้างชี้ไปคนละทิศละทาง ย่อมเป็นธรรมดาที่กลุ่มขายนั้นอาจมีบางโบรกไปจับเอาหุ้นที่มีแนวโน้มจะถูกเก็งกำไรด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มาแนะขาย การกระทำเช่นนี้อาจนำมาซึ่งความอัปยศอดสูแก่เขาหากภายหลังมันกลับพุ่งขึ้นไปมากๆ ด้วยเหตุที่เราก็รู้ว่าอะไร
ดังนั้น โบรกที่ฉลาด ผ่านโลกมามาก ย่อมไม่ทำตัวอ่อนเชิงด้วยการหยิบหุ้นเล็กๆ เหล่านั้นมาแนะขาย อันที่จริงพวกเขาจะวางเฉยไม่ไปใส่ใจกับความผันผวนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดมาในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์ หากลูกค้าถามก็อาจบอกเพียงว่าเขาไม่ได้ตามหุ้นนั้น หรือบางทีก็อาจเพียงแนะให้เก็งกำไรเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม โบรกต่างๆ ที่ชอบให้คำแนะนำพร่ำเพรื่อนั้นมีแนวโน้มจะหน้าแหกมากกว่าการรู้จักสงบปากสงบคำแล้วให้คำแนะนำแต่ที่พวกเขาแน่ใจจริงๆ
คำแนะนำ "ถือ" นั้นเป็นอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจเพราะมันอาจเป็นที่ซุกซ่อนของอะไรหลายๆ อย่าง นอกจากการสะท้อนให้เห็นว่ามูลค่าที่แท้จริงใกล้กับราคาตลาดแล้ว มันอาจมาจากการที่พวกโบรกเกิดเกรงใจไม่กล้าเชียร์ขายออกนอกหน้าจึงบิดตะกูดให้ถือแทน ไม่อย่างนั้นก็อาจเพราะว่าพวกเขาด้อยภูมิรู้เกี่ยวกับกิจการของบริษัทจดทะเบียนแห่งนั้นจนไม่อาจคาดการณ์อนาคตอันแม่นยำออกมา เมื่อไม่อาจฟันธงไปด้านใดด้านหนึ่งทั้งซื้อหรือขายเขาจึงแนะถือแล้วก็ปล่อยให้ราคาหุ้นล่องลอยไปตามกระแสตลาด
โบรกแต่ละแห่งอาจมีมุมมองในการแนะถือไม่เหมือนกันก็ได้ และความอึมครึมของมันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มันมีความผันผวนสูงที่สุด
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:32 pm
โดย Ryuga
โดยทั่วไป โบรกเกอร์ต่างๆ จะออกบทวิเคราะห์เฉพาะกับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าการซื้อขายมากเพราะนั่นเป็นช่องทางรายได้ของเขาซึ่งนักลงทุนปกติก็ทราบและพร้อมที่จะไม่ว่าอะไร กลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ก็กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มธนาคารและพลังงานเป็นผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แกว่งตัวขึ้นลงได้รุนแรงตามการแกว่งตัวของราคาหลักทรัพย์ในกลุ่มเหล่านี้ บริษัทยิบย่อยขนาดเล็กนั้นแทบไม่มีผลกับดัชนีตลาด
ผมนำเสนอการศึกษานี้โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนของพอร์ตรวม แต่ละหลักทรัพย์ถ่วงน้ำหนักเท่ากัน ผลที่จะทำให้อัตราผลตอบแทนเบี่ยงเบนไปตามการถ่วงน้ำหนักของบริษัทขนาดใหญ่อย่างดัชนีตลาดนั้นจึงไม่มี โอกาสที่อัตราผลตอบแทนของแต่ละพอร์ตจะเบี่ยงเบนไปจากดัชนีตลาดย่อมมีมากขึ้น นอกจากนั้นมันยังเป็นการให้น้ำหนักบทวิเคราะห์แต่ละฉบับเท่ากันอีกด้วย เพราะถือว่านักลงทุนใดๆ อาจตัดสินใจลงทุนตามบทวิเคราะห์แต่ละฉบับด้วยโอกาสที่เท่ากัน
สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากผลการศึกษาก็คือ อัตราผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนโดยเฉลี่ยแล้ว ล้วนให้อัตราผลตอบแทนที่แพ้ตลาด
ความไม่สมดุลกันของคำแนะนำก็นับเป็นอีกประการหนึ่ง จัดเป็นเรื่องปกติที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ จะมีคำแนะนำ "ซื้อ" มากกว่าการแนะนำ "ขาย" หลายช่วงตัว ไม่ว่าเราจะสุ่มเก็บข้อมูล ณ เวลาใดๆ ของปี หากดัชนีตลาดพุ่งขึ้นมากๆ โบรกทั้งหลายก็จะกลืนน้ำลายตัวเองแล้วปรับเป้าปรับประมาณการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นกันเป็นแถวเพื่อที่จะบอกว่าหุ้นมันจะขึ้นไปอีก คำแนะนำ "ซื้อ" ย่อมมีมากกว่า "ขาย" ในทางกลับกัน หากดัชนีตลาดร่วงลงมามากๆ บ้าง เขาก็จะบอกว่าหุ้นในตลาดขณะนี้ราคาถูกเหลือเกิน อัตราปันผลสูงขึ้น P/E ต่ำ ฯลฯ ซึ่งเขาก็จะแนะ "ซื้อ" มากกว่า "ขาย" อยู่ดี
การมองง่ายๆ ตามหลักความน่าจะเป็นย่อมยังให้เกิดความฉงนสนเท่ห์เป็นอันมากว่า หากหุ้นของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ของตลาดที่มีมูลค่าตลาดสูงสามารถขึ้นไปได้อย่างมากภายใน 12 เดือน อย่างที่เขานำเสนอมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็คงจะวิ่งทะลุ 1,000 จุดไปนานแล้ว และที่ยิ่งกว่านั้นมันควรจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในอัตราทบต้นปีละ 15-20% ตลอดไปเสียด้วยซ้ำ ซึ่งความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เขาอาจจะแก้ตัวว่าเป้าหมาย 12 เดือน ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นนั้นๆ มันจะขึ้นไปที่นั่น ณ สิ้นเดือนที่ 12 มันอาจจะขึ้นไปก่อนหน้านั้นแล้วจนเกินมูลค่าและเขาก็ได้ปรับประมาณการณ์ใหม่ตามที่ได้ออกบทวิเคราะห์ใหม่มาแล้วไม่ว่าจะแนะขายหรือถือหรือไม่แนะอะไรเลยก็แล้วแต่
ในความเป็นจริง สถานการณ์อย่างที่เขาว่ามันก็เป็นไปได้แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เกิดขึ้น สถานการณ์อื่นๆ ที่เป็นไปได้เช่นว่าราคาหุ้นได้เพิ่มสูงขึ้นจนทะลุเป้าหมายของเขา ทางโบรกจึงได้ปรับมุมมองใหม่ มองหาข่าวดีใหม่ๆ เพื่อที่จะบอกว่าหุ้นมันจะต้องขึ้นไปอีก อาจมีหลายๆ โบรกที่ปรับมุมมองเปลี่ยนเป็นถือหรือขาย แต่มันก็อาจมาพร้อมๆ กับที่เขาเกิดไปได้ลูกรักคนใหม่มาพะเน้าพะนอเพื่อที่จะบอกว่าเจ้าหุ้นใหม่นี้แหละที่จะขึ้นไปมากๆ ในอีก 12 เดือนจากนี้ แล้ววัฏจักรก็จะซ้ำรอยเดิม การเก็บข้อมูล ณ ช่วงเวลาใหม่ ภาพรวมของโบรกทั้งหมดก็ยังคง แนะ "ซื้อ" มากกว่า "ขาย" ไม่เปลี่ยนแปลง
บริษัทหลักทรัพย์แต่ละแห่ง นักวิเคราะห์แต่ละท่าน อาศัยปัจจัยใดในการให้คำแนะนำเหล่านี้ เราก็คงจะต้องไปดูให้ละเอียดในบทวิเคราะห์แต่ละชิ้นนั้นเอง แต่การแนะขายปกติแล้วมักจะไม่ออกจากปากพวกเขาง่ายนัก ไม่ว่าจะเพราะกลัวโดนเจ้านายด่า/ลูกค้าด่าถ้าหุ้นมันขึ้นสวน หรือเพราะเกรงจะเสียสัมพันธภาพอันดีกับบริษัทที่เป็นเจ้าของหุ้นก็แล้วแต่ การสงวนถ้อยสงวนคำของเขาในการแนะขาย มันน่าจะแสดงให้เห็นว่าหุ้นของบริษัทจดทะเบียนแห่งนั้นจะต้องแย่จริงๆ หรือมีราคาตลาดที่สูงจนไม่น่าจะถือเอาไว้อีกต่อไป แต่ข้อมูลที่ปรากฏกลับไม่เป็นเช่นนั้น
การที่โบรกแนะ "ขาย" น้อยกว่าการแนะ "ซื้อ" ก็ย่อมมีการกระจายความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งผลก็ออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าความผันผวนของอัตราผลตอบแทนของพอร์ตแนะ "ขาย" สูงกว่าแนะ "ซื้อ" แต่แม้อย่างนั้นก็ยังให้ผลออกมาดังข้างต้น ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา SET บวก 23.42% หลักทรัพย์ที่แพ้ SET มีมากกว่า 300 หลักทรัพย์และมีมากกว่า 260 หลักทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนติดลบ บริษัทหลักทรัพย์ที่มีพอร์ตแนะขายชนะแนะซื้อนั้น ผมขอกล่าวตามตรงว่าพวกเขาควรที่จะละอายและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาตัวเอง
คำแนะนำเหล่านี้อาจสะท้อนความเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามการวิเคราะห์ด้วยความสามารถเท่าที่มีของมนุษย์
แม้ข้อมูลตามการทดลองนี้จะเก็บจาก SAA Consensus ของ settrade แต่จำนวนบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกและส่งบทวิเคราะห์เข้าไป ตลอดจนจำนวนบทวิเคราะห์ที่ส่งเข้าไปทั้งหมดนั้น นับว่ามากพอที่จะสะท้อนภาพของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายในภาพรวม ฉะนั้น
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:34 pm
โดย Ryuga
สรุป เขียน:
1. การปฏิบัติตามคำแนะนำ "ซื้อ" สามารถให้อัตราผลตอบแทนทางการลงทุนได้เหนือกว่าคำแนะนำ "ถือ" และการปฏิบัติตามคำแนะนำ "ถือ" ก็สามารถให้อัตราผลตอบแทนทางการลงทุนได้เหนือกว่าไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ "ขาย"
2. คำแนะนำ "ถือ" มีความผันผวนของอัตราผลตอบแทนสูงที่สุด
3. การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำคำแนะนำ "ขาย" ให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าการปฏิบัติตามคำแนะนำ "ซื้อ" เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
4. การปฏิบัติตามคำแนะนำ "ซื้อ" "ขาย" หรือ "ถือ" จากบริษัทหลักทรัพย์ที่ต่างกัน ให้อัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
5. อัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกันจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ต่างกันบ่งชี้ว่า คุณภาพของคำแนะนำ "ซื้อ" "ขาย" หรือ "ถือ" จากแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ต่างกัน กล่าวคือ มีบริษัทหลักทรัพย์ที่คำแนะนำเชื่อถือได้มาก และบริษัทหลักทรัพย์ที่คำแนะนำเชื่อถือได้น้อย
6. กลยุทธ์การลงทุนโดยปฏิบัติตามคำแนะนำ "ซื้อ" เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ไม่ได้ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว อัตราผลตอบแทนจากกลยุทธ์เช่นนี้จะแพ้ตลาด
7. คำแนะนำ "ซื้อ" "ขาย" หรือ "ถือ" ใดๆ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ตามที่ปรากฏในบทวิเคราะห์นั้น โดยเฉลี่ยแล้วไม่สามารถชนะตลาดได้ คำแนะนำเหล่านี้จึงไม่ควรแก่การนำมาใช้ตัดสินใจลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการศึกษาข้อมูลหรือไม่ประสงค์ที่จะศึกษาข้อมูล เพื่อให้ได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นและมีความผันผวนลดลงสมควรที่จะต้องพิจารณาการลงทุนในรูปแบบอื่น
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:34 pm
โดย mprandy
เป็นข้อมูลที่เยี่ยมยอด สมกับเป็นเจ้าแห่งข้อมูล ผมว่าถ้า SAA เข้ามาอ่านน่าจะเอาไปใช้จัด rating หรือปรับปรุงให้มันดีกว่าการนั่งเทียนในปัจจุบัน
จริง ๆ จะยิ่งสุดยอดขึ้นไปอีก ถ้าคุณ Ryuga เอามาแยกแยะให้ฟังว่า แต่ละโบรก มีความแม่นยำ (accuracy) มากน้อยแค่ไหน เอาแค่ ถ้าแนะให้ซื้อ แล้วดูว่าหุ้นขึ้นหรือไม่ ถ้าแนะให้ขาย แล้วดูว่าหุ้นลงหรือไม่
แนะนำกี่ตัว ถูกกี่ตัว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์กันเลย
อยากรู้ว่านอกจาก Broker No.17 แล้ว มีที่ไหนอีกที่มีความแม่นยำสูง
แล้ว No.17 นี่ accuracy มากน้อยแค่ไหน
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:35 pm
โดย Ryuga
เช่นเดียวกันกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย หากมีหลักฐานข้อมูลชิ้นอื่นที่ให้ผลแตกต่างไปจากการศึกษาเดิมก็สามารถหักล้างผลการศึกษาหรือทฤษฎีเดิมไปได้ ผลการศึกษานี้ผมสรุปตามข้อมูลที่ปรากฏ หากพี่ๆ ท่านอื่นมีหลักฐานข้อมูลอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะให้ผลสนับสนุนหรือคัดค้าน ก็ขอนำมาแชร์ให้ทราบบ้างนะครับ เพราะข้อมูลนี้ผลเก็บปีเดียว ดูปีเดียว นับว่ายังไม่ครอบคลุมระยะเวลาที่ยาวนานมากพอสำหรับการชี้ชัดว่าผลการศึกษานี้เป็นจริงในภาพรวมทั้งหมด หรืออย่างน้อยก็ให้ผลอยู่ในขอบเขตความเชื่อมั่นมากกว่า 95%
จากค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนถ่วงน้ำหนักด้วยจำนวนบทวิเคราะห์ คำแนะนำ "ซื้อ" ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าคำแนะนำ "ถือ" เพียง 2% และคำแนะนำ "ถือ" ก็ให้ผลตอบแทนต่อการคัดค้านคำแนะนำ "ขาย" เพียงแค่ 2 % นอกจากนั้น คำแนะนำ "ซื้อ" ยังให้อัตราผลตอบแทนแพ้ตลาดมากกว่า 5% เพราะฉะนั้นโดยภาพรวมแล้วจึงนับว่าความเห็นจากบริษัทหลักทรัพย์ค่อนข้างจะไร้สาระ
หากมีหลักฐานสนับสนุนมากพอ ผมจะคิดตั้งให้เป็น
ทฤษฎีไร้สาระ (Ridiculous/Nonsense Theory :lol: ) อุทิศให้แก่โบรกเกอร์ทั้งปวงว่า ความเห็นของพวกเขาไม่มีสาระเพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนผู้ปฏิบัติตามชนะตลาดได้
(นับว่าพวกเขาโชคดีเพราะรอบปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดปรับตัวบวกขึ้นไป หากดัชนีติดลบคงดูไม่จืด :lol: )
บทวิเคราะห์ก็ยังคงบ่งบอกตัวตนของผู้วิเคราะห์มากกว่าสิ่งที่พวกเขาทำการวิเคราะห์อยู่นั่นเอง อย่างที่เราก็เห็นกันตำตาบ่อยครั้งว่า เวลาตลาดอารมณ์ดีเขาก็ปรับประมาณการณ์ขึ้น เวลาตลาดอารมณ์บูดเขาก็ปรับประมาณการณ์ลง คนที่เชื่อบทวิเคราะห์ตอนแรกไปแล้ว ซื้อก็ซื้อแล้ว เสร็จแล้วก็ติดดอยทันทีพร้อมๆ กับที่พี่ท่านปรับประมาณการณ์ลงหน้าตาเฉยทันทีเหมือนกัน เมื่อบทวิเคราะห์ถูกปรับไปปรับมาตามอารมณ์ตลาด การลงทุนตามบทวิเคราะห์โดยเฉลี่ยซึ่งแพ้ตลาดอยู่แล้ว หากต้องมาซื้อๆ ขายๆ ก็อาจทำให้แพ้ตลาดหนักข้อขึ้นไปอีกอันเนื่องมาจากผลของค่าธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม ผมกล่าวถึงเฉพาะ "คำแนะนำ" ของพวกโบรกเท่านั้นว่าค่อนข้างไร้สาระ แต่ข้อเท็จจริงอย่างอื่นๆ ที่เขานำเสนอมาในบทวิเคราะห์ด้วยนั้นไม่เกี่ยว บทวิเคราะห์จึงนับว่ายังมีประโยชน์ควรค่าแก่การอ่านอยู่ เพียงแต่การหลงเชื่อความเห็นของพวกเขาอาจจะทำให้เรา Broke ได้ :lol:
ข้อเท็จจริงย่อมโกหกกันไม่ได้และแน่นอนว่าบริษัทหลักทรัพย์ไหนๆ ก็คงไม่โง่พอที่จะโกหก แต่ข้อคิดเห็นนั้นไม่แน่ มันอาจจะแฝงอะไรบางอย่างอยู่ภายใน
การศึกษาชิ้นนี้ไม่ใช่การศึกษาที่สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นก็ถือว่าดูกันสนุกๆ ละกันนะครับ 8)
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:39 pm
โดย Ryuga
มองย้อนหลังไปดูรายละเอียดข้อมูลก็ตลกดีเหมือนกัน ขอยกตัวอย่างสักหน่อย เช่น
น้อง Broke ที่ 18 แนะขาย BANPU เพราะมีราคาเหมาะสมเพียง 175.00 บาท (23 มกราคม 2550) - ให้ 1 ตัว
น้อง Broke ที่ 5 แนะซื้อ TMB ราคาเป้าหมาย 3.80 บาท (3 มกราคม 2550) - ให้ไปเลย 2 ตัว
สะเทือนวงการ สะท้านเว็บไซต์ ต้องยกให้น้อง Broke ที่ 9 เธอสวนกระแสชาวบ้านเขาหมดเพราะแนะซื้อ ITV ราคาเป้าหมาย 1.60 บาท (25 มกราคม 2550) แหม เธอช่างมองโลกในแง่ "ดีเหลือเกิน" อันนี้ให้ไปเลย 3 ตัว
(ในวงเล็บคือ update ล่าสุด ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550)
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:42 pm
โดย Ryuga
mprandy เขียน:เป็นข้อมูลที่เยี่ยมยอด สมกับเป็นเจ้าแห่งข้อมูล ผมว่าถ้า SAA เข้ามาอ่านน่าจะเอาไปใช้จัด rating หรือปรับปรุงให้มันดีกว่าการนั่งเทียนในปัจจุบัน
จริง ๆ จะยิ่งสุดยอดขึ้นไปอีก ถ้าคุณ Ryuga เอามาแยกแยะให้ฟังว่า แต่ละโบรก มีความแม่นยำ (accuracy) มากน้อยแค่ไหน เอาแค่ ถ้าแนะให้ซื้อ แล้วดูว่าหุ้นขึ้นหรือไม่ ถ้าแนะให้ขาย แล้วดูว่าหุ้นลงหรือไม่
แนะนำกี่ตัว ถูกกี่ตัว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์กันเลย
อยากรู้ว่านอกจาก Broker No.17 แล้ว มีที่ไหนอีกที่มีความแม่นยำสูง
แล้ว No.17 นี่ accuracy มากน้อยแค่ไหน
อย่างที่ว่านั่นแหละครับ เขาชนะปีนี้ก็ใช่ว่าจะชนะต่อในปีหน้า ผลสรุปข้อ 4 และ 5 นั้น ผมใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้าตัดสินด้วยเช่นกันเพราะผมเห็นชื่อบริษัทเขา ยังไงก็คงต้องดูกันยาวๆ นะครับ แต่เรื่องโบรกมั่วนี่ผมเชื่อมั่นอย่างสูงว่ามีจริง :lol:
ผมชอบโบรก 3,17,19 ครับ 8)
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:46 pm
โดย Alastor
เยี่ยมครับ ว่าแต่เจ้าเบอร์ 17 เป็นใครเนี่ย
Re: >>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:53 pm
โดย ...
Ryuga เขียน:ข้อมูลทั้งหมดมาจาก 23 โบรกเกอร์ รวม 1,816 ความเห็น ครอบคลุม 230 หลักทรัพย์จดทะเบียน
โอ้ววจอร์จ มันยอดมากเลย :shock:
พี่ Ryuga มีเวลาทำได้ไงเนี่ย นับถือในความพยายามและความเอื้อเฟื้อในการแชร์ข้อมูลครับ
แวบแรกที่อ่าน โอ มันช่าง "ดีเหลือเกิน"
ต่อจากนี้เวลาเจอบทวิเคราะห์ในร้อยคนร้อยหุ้น จะได้คิดถึงกระทู้นี้ประกอบไปด้วย
ดูแต่ข้อเท็จจริง ส่วนคำแนะนำ.. คงต้องวัดดวง
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 2:57 pm
โดย Ryuga
ถ้าอยากทราบว่าใครเป็นใคร ผม pm ให้อาจารย์ prandy jewelra แล้วครับ ต้องขอความกรุณาทุกท่านด้วยในอันที่จะไม่เปิดเผยชื่อพวกเขาเป็นการสาธารณะ (สงสาร :lol: )
Re: >>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 3:04 pm
โดย Ryuga
[quote="..."]
พี่ Ryuga มีเวลาทำได้ไงเนี่ย นับถือในความพยายามและความเอื้อเฟื้อในการแชร์ข้อมูลครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 4:22 pm
โดย Eragon
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 4:33 pm
โดย Pn3um0n1a
ขอหลังไมค์ ด้วยครับ
โดยเฉพาะ 16 กะ 17
:lol:
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 4:39 pm
โดย alexx
lสุดยอดเลยครับ ท่าน Ryuga นับถือ ในการทำเจาะรายละเอียดอย่างยิ่ง
อิอิ อยากรุ้หลังไมค์ ด้วยครับ :lol:
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 5:37 pm
โดย Tanasit
สุดยอดมาก คุณ Ryuga ทำได้ยังงัยนี่
แค่เข้ามาอ่านเฉยๆ ยังตาลายเลย ไม่อยากนึกว่าถ้าต้องทำเอง คง
สงสัยว่า เบอร์ 3, 17 ,19 นี่ เป็นเบอร์ตามตลาดหลักทรัพย์ หรือกำหนดเองครับ รบกวน PM ให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 5:50 pm
โดย Blueblood
สุดยอดเลยครับ
ขอด้วยครับ 17 กับ 16 เหมือนกัน
ขอบคุณครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 6:14 pm
โดย VI Jr.
หุหุ SAA มาเห็น จะหน้าชา :oops: ไหมครับ
ขอ pm ด้วยคนครับ
นับถือ ในสิ่งที่พี่ Ryuga ทำจริงๆครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 7:18 pm
โดย ปุย
สุดยอด อีกแล้วครับท่าน
ถามหน่อย คุณริวใช้ target price เทียบด้วยหรือเปล่า
คือผมเจอบ่อยๆ ตย. ราคาหุ้น 10 บาท
โบรกนึง ให้ target price 13 บาท แนะซื้อ
แต่อีกโบรก ให้ 14 บาท แต่แนะขาย :?:
มีจริงๆนะ เยอะด้วย ผมอ่านแล้วก็งง
ก็เลยไม่เคยเชื่อเลย
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 7:32 pm
โดย Ryuga
แสดงขอบเขตความเชื่อมั่นประมาณ 95% ของอัตราผลตอบแทนแยกรายโบรก 8)
การศึกษานี้ผมจับประเด็นใหญ่ที่ความน่าเชื่อถือของคำแนะนำ เรื่องแยก accuracy ก็สามารถนับเป็นแขนงของการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งออกไปครับ แล้วก็ยังมีแยกเป็นราย SET50, SET100 แยกเป็นรายหุ้นเล็ก แยกเป็นรายหุ้นที่โบรกประสานเสียงเดียวกันเฉพาะความเห็นแบบใดแบบหนึ่ง กลุ่มหุ้นแยก sector ความโน้มเอียงในการมองตลาดคล้ายๆ กันของโบรก กลุ่มหุ้นที่โบรกเชียร์ซื้อเกินกึ่งหนึ่งของความเห็น ฯลฯ ยังไม่รวมเรื่องของราคาเป้าหมายนะครับ :lol:
ปุย เขียน:ถามหน่อย คุณริวใช้ target price เทียบด้วยหรือเปล่า
ไม่ได้ใช้ครับ 8)
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 8:49 pm
โดย pongo
คาราวะท่านริวงะ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 9:26 pm
โดย chartchai madman
ขอชื่นชมและคาราวะ ท่านริวงะ มากๆครับ เป็นการศึกษาถือได้ว่าสุดยอดเลยครับ นับถือๆๆๆๆๆๆ
ขอเสียงสนับสนุนให้เก็บไว้เป็นกระทู้ทรงคุณค่า ครับ
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 9:39 pm
โดย chut
ไม่เคยคิดว่าจะมีคนขยันเก็บข้อมูลขนาดนี้
เห็นด้วยที่เป็นกระทู้ทรงคุณค่าครับ
คุณRyuga นำเสนอได้ดีมาก รูปแบบเหมือนงานวิจัยทางการแพทย์เลยครับ
มีตั้งแต่ material&methods , results , discussion ขาดแต่ไม่มี abstract เพียงอย่างเดียว
ข้อมูลนี้ได้ช่วยยืนยันสิ่งที่ผมปฏิบัติมาตลอด คือ ไม่เคยเชื่อคำแนะนำของ broker :lol: ขอบคุณมากครับที่นำมาเผยแพร่
>>>SAA Consensus : Case Study No.1 (1 Year 2007-200
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 02, 2008 9:51 pm
โดย tummeng