หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:32 am
โดย J o r n
ตามแนวทางของคุณ เทพ รุ่งธนาภิรมย์ ...ที่เน้นปันผลมากกว่า
เพราะกระแสเงินสด เป็นสิ่งสำคัญ การซื้อหุ้นดีได้ราคาถูก
เพื่อขายในราคาเกินพื้นฐานในอนาคต ไม่ใช่เป้าหมาย
แต่จุดหมายคือต้องการเงินปันผล เพื่อนำมาเป็นเงินรายได้ของเรา
ผมศึกษาดูพบว่า...หากราคาหุ้น...ขึ้นมาเกิน 100% ถือว่าคุ้มทุน
หลังจากนั้นคุณเทพจะนำเงินต้นออกมา...โดยใช้วิธีคลายเครียด
คือจะขายหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินต้นทุนออก หุ้นที่เหลือถือรับปันผล
ถือว่าเสร็จงานแล้ว...ทีนี้ก็เอาส่วนที่เป็นต้นทุนกลับไปลงทุนใหม่
ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังศึกษาหาความรู้การลงทุนอยู่
...สะสมหุ้นห่านทองคำ เพื่อรวบรวมปันผลเป็นเงินก้อน
เอาไว้ลงทุนครั้งใหญ่เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ทราบว่า ท่านอื่นคิดอย่างไรครับ ใครใช้วิธีนี้บ้างครับ
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 am
โดย Jangster
ผมคิดใช้วิธีนี้กับบัญชี margin ครับ... ซื้อตัวที่อาจจะแนวโน้มโต แล้วปันผลเยอะ... เอาปันผลมาโปะส่วนกู้ แล้วหากพอราคาขึ้นมากๆ ก็ขายบางส่วนทิ้งเพื่อล้างหนี้ เหลือหุ้นฟรีใน port ไว้กิน dividend ตลอดไปครับ
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 8:42 am
โดย Alastor
หุ้นห่านทองคำ เป็นยังไงครับ? ที่ผมเรียนรู้มาคือ
ตามงบกระแสเงินสด Operating Cashflow เป็นบวก Investment CF ไม่มากนัก ทำให้มี Free Cashflow สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Market Cap และสุดท้าย Financial Cashflow ติดลบจากการปันผลเท่านั้นเพราะไม่มีหนี้สินต้องชำระ
ผมชอบหุ้นแบบนี้นะ แต่ใน port มีแค่ 1 ตัวที่น่าจะโตเป็นห่านได้หลังจากชำระหนี้หมดในอีก 5-6 ปีข้างหน้า
Re: ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 9:28 am
โดย chatchai
J o r n เขียน:ผมศึกษาดูพบว่า...หากราคาหุ้น...ขึ้นมาเกิน 100% ถือว่าคุ้มทุน
หลังจากนั้นคุณเทพจะนำเงินต้นออกมา...โดยใช้วิธีคลายเครียด
คือจะขายหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินต้นทุนออก หุ้นที่เหลือถือรับปันผล
ถือว่าเสร็จงานแล้ว...ทีนี้ก็เอาส่วนที่เป็นต้นทุนกลับไปลงทุนใหม่
ทำไมราคาหุ้นเกิน 100% แล้วต้องขายหุ้นบางส่วนออกด้วยละครับ
แล้วถ้ากำไรไม่ถึง 100% แล้วขายหุ้นออกไม่ได้หรือ
ผมว่าเราจะขายหุ้นออกหรือไม่ ควรจะมีเหตุผลที่ดีกว่า
ไม่ควรที่จะยึดติดกับต้นทุนที่เราซื้อเลย
J o r n เขียน:ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังศึกษาหาความรู้การลงทุนอยู่
...สะสมหุ้นห่านทองคำ เพื่อรวบรวมปันผลเป็นเงินก้อน
เอาไว้ลงทุนครั้งใหญ่เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ทราบว่า ท่านอื่นคิดอย่างไรครับ ใครใช้วิธีนี้บ้างครับ
วิธีนี้ คนที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่คุณพูดไว้ คงไม่ใช่คนที่กำลังศึกษาหาความรู้แล้วละครับ
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจอย่างมากทีเดียว
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 10:21 am
โดย ลูกอิสาน
ผมคิดว่าคุณรุ่งท่านต้องการเสนอแนวคิดการลงทุนให้เข้าใจง่ายๆเท่านั้นเอง
เพราะวิธีนี้ง่ายต่อการเข้าใจ มีเหตุมีผล น่าจะเหมาะกับคนที่เริ่มลงทุนใหม่ๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ก็เหมือนอย่างที่ท่านเขียนและนักลงทุนมีประสบการณ์จะรู้ดีคือประเด็นต่อมาต้องดูคุณภาพของปันผล ซึ่งสุดท้ายก็ต้องไปดูพื้นฐาน วิเคราะห์ธุรกิจของบริษัทอยู่ดี
ถ้าดูผลตอบแทนเงินปันผลอย่างเดียวแล้วซื้อ ไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจเราอาจจะมีบทเรียนแบบ cei fancy cpl ก็ได้ หรืออาจจะไปเจอหุ้นที่มีกำไรดีเป็นพิเศษแล้วจ่ายปันผลเยอะบางปีเท่านั้นเช่น cmo chuo pap ซึ่งปีต่อๆมากำไรลดลงฮวบฮาบ ราคาหุ้นก็ลดลง คนถือขาดทุนไม่คุ้มกับเงินปันผล
ส่วนแนวคิดการรับปันผลเพื่อลดต้นทุนหุ้นที่ถือ ผมคิดว่ามันแปลกๆครับ ไม่รู้เหมือนที่เคยอ่านหนังสือจิตวิทยาของคุณเวปที่ว่าเป็นการยึดติดทางจิตวิทยาหรือเปล่า และผมก็ไม่เห็นด้วยในแนวคิดการแยกผลตอบแทนเงินปันผลออกจากกำไรส่วนต่างราคา เพราะเป็นเงินเหมือนกัน กำไรเหมือนกัน ใช้จ่ายได้เหมือนกัน กำไรส่วนต่างก็ลดต้นทุนหุ้นได้เหมือนกัน ทำไมต้องใช้แค่เงินปันผล หรือถ้าเราได้ผลตอบแทนจากปันผลหุ้นตัวนึง 10% แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาจากหุ้นอีกตัว 50% เป็นผมคงไม่รังเกียจที่จะถือตัวที่สองแน่ๆ :lol:
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 10:25 am
โดย gehirn
ผมใช้ หุ้นห่านทองคำ เหมือนกัน กับหุ้นบ้างตัวนะครับ
หลักการของ อ.เทพ คือ การลดต้นทุนอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสครับ..
เพื่อเพิ่ม % ปันผล จากหุ้นที่ถืออยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องรอถึง 100% หรือ เกิน 100%
ตัวอย่างเช่น ราคาขึ้นมาถึง 30% อาจจะตัดขายออกไปครึ่งนึง เพื่อให้ต้นทุนที่ถืออยู่ลดลง 30% เป็นต้น
พอราคาลง ก็ซื้อเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ %ปันผลสูงขึ้น
จะว่าไปมันก็คือหลักของ VI สายนึงนั่นแหละครับ
ที่ต้องหามูลค่าของหุ้นก่อน แล้วซื้อในราคาที่ต่ำกว่า และดูแนวโน้มการเติบโตควบคู่กันไป
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 11:00 am
โดย Kopprakhun
เอ แต่ในหนังสือหุ้นห่านทองคำของ คุณ เทพ นั้น เค้าใช้วิธี หามูลค่าหุ้น จาก dividend นะคับ แปลว่าหุ้นที่เราควรจะลงทุนต้องเป็นหุ้นปันผลอย่างเดียวหรือเปล่า?
แต่แล้วถ้าเป็นหุ้นโตเร็วเนี่ย มันจะสะท้อนภาพความจริง เหมือนที่คุณเทพ ทำหรือคับ? แต่ถ้าดูที่หลักการก็น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นะ.
VI มือใหม่คับ ฝากตัวด้วย 8)
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 11:04 am
โดย terati20
ผมว่าต้องประยุกต์ใช้อะครับ
ผมชอบถือหุ้นปันผล ที่มีประวัติจ่ายมาต่อเนื่องมายาวนาน
เเละจ่ายจากผลกำไร ไม่ใช่กู้มาจ่าย
ผมเชื่อว่าปันผล มันเหมือน Float อะครับทำให้เรามีเงินสดพอที่จะไปหา กิจการดีๆ ในสถาการณ์เเย่ๆได้
ไม่งั้นเราต้องขายหุ้นตัวเดิมไปซื้อตัวใหม่ อาจจะทำให้เสียโอกาศตัวเดิมได้
8) 8)
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 11:26 am
โดย gehirn
Kopprakhun เขียน:เอ แต่ในหนังสือหุ้นห่านทองคำของ คุณ เทพ นั้น เค้าใช้วิธี หามูลค่าหุ้น จาก dividend นะคับ แปลว่าหุ้นที่เราควรจะลงทุนต้องเป็นหุ้นปันผลอย่างเดียวหรือเปล่า?
แต่แล้วถ้าเป็นหุ้นโตเร็วเนี่ย มันจะสะท้อนภาพความจริง เหมือนที่คุณเทพ ทำหรือคับ? แต่ถ้าดูที่หลักการก็น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นะ.
VI มือใหม่คับ ฝากตัวด้วย 8)
(ในหนังสือ) อ.เทพ แกจะใช้ข้อมูลในอดีตมาหาแนวโน้มของ EPS ในปีต่อๆไปครับ และดูประวัติการจ่ายปันผลว่าสม่ำเสมอแค่ไหน และประมาณกี่ % ของ EPS ก็คือควรจะเป็นหุ้นที่สามารถจ่ายปันผลได้ค่อยข้างชัวร์แหละครับ.. ถึงจะเจอตัวดีๆแต่ไม่ยอมปันผลแกก็ไม่เอาครับ
ถ้าเป็นหุ้นโตเร็ว อ.เทพ แกจะยอมเอา ปันผลน้อยลงไปตามสัดส่วนครับ... จะได้ตามนั้นจริงๆหรือไม่เนี่ยก็คงอยู่ที่มองอนาคตได้แม่นยำแค่ไหนล่ะครับ..
ไม่มีสูตรตายตัวครับ..
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 7:23 pm
โดย chatchai
gehirn เขียน:หลักการของ อ.เทพ คือ การลดต้นทุนอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสครับ..
เพื่อเพิ่ม % ปันผล จากหุ้นที่ถืออยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องรอถึง 100% หรือ เกิน 100%
ตัวอย่างเช่น ราคาขึ้นมาถึง 30% อาจจะตัดขายออกไปครึ่งนึง เพื่อให้ต้นทุนที่ถืออยู่ลดลง 30% เป็นต้น
พอราคาลง ก็ซื้อเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ %ปันผลสูงขึ้น
จะว่าไปมันก็คือหลักของ VI สายนึงนั่นแหละครับ
ที่ต้องหามูลค่าของหุ้นก่อน แล้วซื้อในราคาที่ต่ำกว่า และดูแนวโน้มการเติบโตควบคู่กันไป
ผมก็อยากจะบอกว่า
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 8:56 pm
โดย เพื่อน
เท่าที่ผมอ่านมาทั้ง2เล่ม
ที่จริงอ.เทพ ท่านไม่ได้เอาเรื่องเงินปันผลมาเกี่ยวกับการลดต้นทุนหุ้นครับ
และท่านก็สอนให้เลือกหุ้นโดยดูส่วนประกอบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะงบการเงินในแบบต่างๆ ลองอ่านเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และพรมวิเศษ ดูอีกทีนะครับ เป็นการเปรียบเทียบเรื่องงบการเงินให้จำหลักการแบบง่ายๆ เช่น กระแสเงินสดแทนด้วยน้ำ ต้นทุนแทนด้วยดิน หนี้แทนด้วยไฟ สินค้าแทนด้วยลม(ที่พัดพาเรือสำเภา)
เรื่องเกี่ยวกับเงินปันผล ท่านอธิบายในทำนองว่าท่านชอบหุ้นที่ทำกำไรได้แล้วนำมาปันผลมากกว่า หุ้นที่ไม่ค่อยยอมปันผล และการปันผลก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการคัดบริษัทที่เราจะลงทุนในเบื้องต้น เล่มที่2ท่านจะอธิบายละเอียดขึ้น ในแง่การวัดผลงานของCEO ของบริษัท เก่งมากหรือน้อย โดยมองผ่านการวัดค่าROE และ ROA ว่าสามารถใช้ประสิทธิภาพจากเงินลงทุนทำกำไรได้มากแค่ไหน ไม่ใช่เก็บเงินกำไรเป็นต้นทุนไปเรื่อยๆโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย หรือไม่ค่อยยอมปันผล และไม่นำไปเพิ่มผลกำไรให้มีประโยชน์กว่านี้ก็ควรนำเงินกำไรนั้นออกมาปันผลให้ผู้ลงทุนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อลดต้นทุนลงไปเรื่อยๆจนต้นทุนกลายเป็น0 เหมือนได้หุ้นมาเก็บกินปันผลแบบฟรีๆ ....ผมคิดว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่เหมาะสมกับมือใหม่และลักษณะตลาดของเมืองไทยมาก
....คือผมอ่านแล้วคิดตาม อธิบายตามที่ผมพอเข้าใจตามนี้ครับ การได้กำไรในระดับหนึ่งจากราคาหุ้น(อาจจะ30%ขึ้น หรือได้กำไรในเวลาสั้นๆ หรือรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับราคาหุ้นในขณะนั้น)ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการขายออกมาบางส่วน ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เพราะ ถ้าหลังจากนั้นหุ้นราคาตก ท่านก็ยังมีเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม(แถมกำไรปนมาด้วย) แต่ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ท่านก็จะไม่เสียดายว่าขายหุ้นทิ้งไปหมดแล้ว ....ผมว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ทำให้กล้าที่จะขายและซื้อหุ้นในเวลาหนึ่งๆ แทนที่จะถืออย่างเดียวจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขายหรือถือต่อดี ในขณะที่มีเป้าหมายหลักในการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ต้นทุนกลายเป็น0ในที่สุด....และสภาพตลาดบ้านเรามักมีจังหวะที่คาดไม่ถึงให้หุ้นตกอยู่เนืองๆ การมีเงินสดเก็บไว้บ้าง ก็จะปลอดภัยกว่า ดีกว่าติดหุ้นทั้งหมดแล้วทำอะไรไม่ได้ตอนที่มีโอกาสจะซื้อเพิ่ม
สำหรับมือเก่าที่มองภาพทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจำเป็นในการลดความเสี่ยงแบบนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ได้...เป็นไปตามความถนัดของแต่ละคนไปครับ
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 9:40 pm
โดย chatchai
เพื่อน เขียน:เท่าที่ผมอ่านมาทั้ง2เล่ม
ที่จริงอ.เทพ ท่านไม่ได้เอาเรื่องเงินปันผลมาเกี่ยวกับการลดต้นทุนหุ้นครับ
และท่านก็สอนให้เลือกหุ้นโดยดูส่วนประกอบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะงบการเงินในแบบต่างๆ ลองอ่านเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และพรมวิเศษ ดูอีกทีนะครับ เป็นการเปรียบเทียบเรื่องงบการเงินให้จำหลักการแบบง่ายๆ เช่น กระแสเงินสดแทนด้วยน้ำ ต้นทุนแทนด้วยดิน หนี้แทนด้วยไฟ สินค้าแทนด้วยลม(ที่พัดพาเรือสำเภา)
เรื่องเกี่ยวกับเงินปันผล ท่านอธิบายในทำนองว่าท่านชอบหุ้นที่ทำกำไรได้แล้วนำมาปันผลมากกว่า หุ้นที่ไม่ค่อยยอมปันผล และการปันผลก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการคัดบริษัทที่เราจะลงทุนในเบื้องต้น เล่มที่2ท่านจะอธิบายละเอียดขึ้น ในแง่การวัดผลงานของCEO ของบริษัท เก่งมากหรือน้อย โดยมองผ่านการวัดค่าROE และ ROA ว่าสามารถใช้ประสิทธิภาพจากเงินลงทุนทำกำไรได้มากแค่ไหน ไม่ใช่เก็บเงินกำไรเป็นต้นทุนไปเรื่อยๆโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย หรือไม่ค่อยยอมปันผล และไม่นำไปเพิ่มผลกำไรให้มีประโยชน์กว่านี้ก็ควรนำเงินกำไรนั้นออกมาปันผลให้ผู้ลงทุนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อลดต้นทุนลงไปเรื่อยๆจนต้นทุนกลายเป็น0 เหมือนได้หุ้นมาเก็บกินปันผลแบบฟรีๆ ....ผมคิดว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่เหมาะสมกับมือใหม่และลักษณะตลาดของเมืองไทยมาก
....คือผมอ่านแล้วคิดตาม อธิบายตามที่ผมพอเข้าใจตามนี้ครับ การได้กำไรในระดับหนึ่งจากราคาหุ้น(อาจจะ30%ขึ้น หรือได้กำไรในเวลาสั้นๆ หรือรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับราคาหุ้นในขณะนั้น)ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการขายออกมาบางส่วน ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เพราะ ถ้าหลังจากนั้นหุ้นราคาตก ท่านก็ยังมีเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม(แถมกำไรปนมาด้วย) แต่ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ท่านก็จะไม่เสียดายว่าขายหุ้นทิ้งไปหมดแล้ว ....ผมว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ทำให้กล้าที่จะขายและซื้อหุ้นในเวลาหนึ่งๆ แทนที่จะถืออย่างเดียวจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขายหรือถือต่อดี ในขณะที่มีเป้าหมายหลักในการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ต้นทุนกลายเป็น0ในที่สุด....และสภาพตลาดบ้านเรามักมีจังหวะที่คาดไม่ถึงให้หุ้นตกอยู่เนืองๆ การมีเงินสดเก็บไว้บ้าง ก็จะปลอดภัยกว่า ดีกว่าติดหุ้นทั้งหมดแล้วทำอะไรไม่ได้ตอนที่มีโอกาสจะซื้อเพิ่ม
สำหรับมือเก่าที่มองภาพทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจำเป็นในการลดความเสี่ยงแบบนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ได้...เป็นไปตามความถนัดของแต่ละคนไปครับ
ชัดเจนและครบถ้วนมากครับ
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 08, 2008 5:41 am
โดย ลุงขวด
ผมชอบแนว เน้น ปันผล เป็นส่วนใหญ่.... ผมไม่ได้ทำงานแล้ว เลยรอแต่ปันผลที่ได้รับ มีความสุขในเดือนพฤษภาคม มากที่สุด เพราะปันผลมักจ่ายในเดือนนี้ ส่วนการลดต้นทุนของหุ้น.... ในตอนมีหุ้นที่สนใจในระดับพอใจแล้ว ก็มักชอบทำ trading คือ เอามาทำกำไรสนุก ๆ เท่านั้นเอง......หุ้นที่ให้ปันผลสม่ำเสมอ ก็ มีพวกประกันภัย ซึ่งมีหลายตัวด้วยกัน และเจ้าหุ้นตะวันตกดิน ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ นั่นแหละ ที่ถือตอนราคาสูงกว่านี้มาก ถือจากที่เคยมีกำไร จน ตอนนี้ขาดทุนในราคาหุ้นแล้ว (ถ้าทำลดต้นทุนแบบคุณเทพว่า ไว้ ก็ไม่เจ็บตัวแบบนี้) .... ระดับปันผลส่วนใหญ่จะให้ถึง 6% โดยเฉลี่ย ก็ นับว่า ชนะตลาดเงินฝากในระดับหนึ่ง......ฉะนั้น ลงทุนในหุ้นปันผลก็สร้างความมั่นคงในด้านการเงินให้แก่เรา.....ปีที่ผ่านมานับว่าโชคดีที่หุ้นตีแตกของผม เมื่อสองปีก่อน ได้ทำงานให้เห็น....ปีที่แล้วตีแตกอีกตัวก็ให้ผลงานไม่แพ้กัน ถ้าไม่มีหุ้น 2 ตัวนี้ การลงทุนของผมก็คงจะไม่ดีเป็นแน่ ก็คงได้แค่ปันผลปีละ 6% เท่านั้นเอง.......การลงทุนมีความเสี่ยง แต่เสี่ยงแล้วให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอแถว 6% ก็นับว่า ถูกต้องในช่วงเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมานี้ และคงถูกต้องตลอดไปตราบที่เงินฝากยังให้แค่ 3-4% เท่านั้นเอง :lol: :lol:
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 18, 2008 5:29 pm
โดย bboy
ตอนนีมีเล่มสาม ออกมาแล้วนะครับ หนากว่าเล่นเก่าเยอะทีเดียว อ่านดูน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่สนใจอย่างน้อยก็ได้แนวคิด
ผมคิดว่า คุณเทพ อธิบายเรื่องงบการเงินให้เข้าใจง่ายไม่ดูเป็้นวิชาการเกินไป
ผมติดตามมาตั้งแต่เล่มแรกเลยครับ สำหรับการนำไปใช้น่าจะขึ้นกับ
ประสบการณ์และสไตล์การลงทุนของแต่ละคนนะครับ