Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

โดยคอนเซพท์ของกลยุทธ์นี้คือ เก็บหุ้นพื้นฐานดี  ทยอยเก็บเพิ่มเมื่อราคาตลาดต่ำลง  และทยอยขายหุ้นตัวนั้นเมื่อราคาตลาดเริ่มสูงขึ้น เพื่อลดต้นทุน  คำว่าลดต้นทุนนี้ มันเป็นยังไงครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับ   แล้วสมมติหุ้นที่เราซื้อไว้เพราะพื้นฐาน(ในระยะยาว)ดี  แล้วอีกสัก 2-3วัน มีข่าวมา ซึ่งข่าวนั้นบ่งบอกว่าในอนาคตพื้นฐานตัวนั้นจะไม่ดี เราควรทำยังไงดีครับ

แล้วสมมติหุ้นที่เราซื้อไว้เพราะพื้นฐาน(ในระยะยาว)ดี  แล้วอีกสัก 2-3วัน มีข่าวมา ซึ่งข่าวนั้นบ่งบอกว่าในอนาคตพื้นฐานตัวนั้นจะไม่ดี เราควรทำยังไงดีครับ[/quote][/b]

ก็หาความจริงของข่าวซิว่า เป็นจริงหรือไม่ แล้วที่มันกระทบนะยาวแค่ไหน ..แล้วถ้ามีผลกระทบจริง ก็ต้องไปดูต่อว่า บริษัทนั้น มีแนวการแก้ไขอย่างไรเพื่อรองรับปัญหานั้นๆ...แต่ถ้าให้ดีก็ต้องรอดูงบที่ออกมาว่า มันมีผลมากน้อยขนาดไหน ..( ตามความคิดผมนะ)

แล้วถ้า ไม่มีข่าวกับบริษัทโดยตรง แต่ ภาพ macro ทิศทางไม่ค่อยดี  ก็น่าจะถือต่อไว้ไหมคับ

[quote="Livingman"]แล้วถ้า ไม่มีข่าวกับบริษัทโดยตรง แต่ ภาพ macro ทิศทางไม่ค่อยดี

ลดต้นทุน อาจเป็นแบบนี้นะ
สมมุติว่า ซื้อ หุ้น teetotal ที่ราคา 10 บาท จำนวน 1000 หุ้น
เป็นเงิน 10,000 บาท
พอหุ้น teetotal ราคาเป็น 15 บาท แบ่งขายไป 500 หุ้น
ได้เงินมา 7500 บาท ซึ่ง 500 หุ้นนี้ ต้นทุนเพียง 5000
เหลือ กำไร 2500 บาท

เพราะฉะนั้นหุ้นที่เหลือ อีก 500 หุ้น จะมีต้นทุนเพียง 5000 -2500
เหลือแค่ 2500 บาท

2500 /500 หุ้นที่มีอยู่ ก็เท่ากับมีต้นทุนแค่ 5 บาทต่อหุ้น

พอหุ้นลงมา 8 บาท ก็ขายได้ เพราะ ต้นทุนเราเหลือแค่ 5 บาท
เนื่องจาก เอากำไร ที่ขายงวดแรก มาลดต้นทุนไปแล้ว

ด้วยวิธีนี้ บางที คนเล่น อาจมีหุ้นที่ไม่มีต้นทุนเหลืออยู่

ประสบการณ์ของผม ถ้าผมลงไป 50000 บาท
แล้ว ราคาไป 70000 บาท
ผมก็จะขายทิ้งเอาเงินสดออกมา 50000 บาท
20000 ที่เหลือในรูปหุ้น ผมก็จะคิดว่า ได้มาฟรี ไม่มีต้นทุน

ถ้าผิดตรงไหน ผู้รู้แนะนำด้วยนะครับ

teetotal เขียน:ลดต้นทุน อาจเป็นแบบนี้นะ
สมมุติว่า ซื้อ หุ้น teetotal ที่ราคา 10 บาท จำนวน 1000 หุ้น
เป็นเงิน 10,000 บาท
พอหุ้น teetotal ราคาเป็น 15 บาท แบ่งขายไป 500 หุ้น
ได้เงินมา 7500 บาท ซึ่ง 500 หุ้นนี้ ต้นทุนเพียง 5000
เหลือ กำไร 2500 บาท

เพราะฉะนั้นหุ้นที่เหลือ อีก 500 หุ้น จะมีต้นทุนเพียง 5000 -2500
เหลือแค่ 2500 บาท

2500 /500 หุ้นที่มีอยู่ ก็เท่ากับมีต้นทุนแค่ 5 บาทต่อหุ้น

พอหุ้นลงมา 8 บาท ก็ขายได้ เพราะ ต้นทุนเราเหลือแค่ 5 บาท
เนื่องจาก เอากำไร ที่ขายงวดแรก มาลดต้นทุนไปแล้ว

ด้วยวิธีนี้ บางที คนเล่น อาจมีหุ้นที่ไม่มีต้นทุนเหลืออยู่

ประสบการณ์ของผม ถ้าผมลงไป 50000 บาท
แล้ว ราคาไป 70000 บาท
ผมก็จะขายทิ้งเอาเงินสดออกมา 50000 บาท
20000 ที่เหลือในรูปหุ้น ผมก็จะคิดว่า ได้มาฟรี ไม่มีต้นทุน

ถ้าผิดตรงไหน ผู้รู้แนะนำด้วยนะครับ

เหมือนกับ คลายเครียดเรโชเลยครับ  หายเครียดดีครับ

teetotal เขียน:ลดต้นทุน อาจเป็นแบบนี้นะ
สมมุติว่า ซื้อ หุ้น teetotal ที่ราคา 10 บาท จำนวน 1000 หุ้น
เป็นเงิน 10,000 บาท
พอหุ้น teetotal ราคาเป็น 15 บาท แบ่งขายไป 500 หุ้น
ได้เงินมา 7500 บาท ซึ่ง 500 หุ้นนี้ ต้นทุนเพียง 5000
เหลือ กำไร 2500 บาท

เพราะฉะนั้นหุ้นที่เหลือ อีก 500 หุ้น จะมีต้นทุนเพียง 5000 -2500
เหลือแค่ 2500 บาท

2500 /500 หุ้นที่มีอยู่ ก็เท่ากับมีต้นทุนแค่ 5 บาทต่อหุ้น

พอหุ้นลงมา 8 บาท ก็ขายได้ เพราะ ต้นทุนเราเหลือแค่ 5 บาท
เนื่องจาก เอากำไร ที่ขายงวดแรก มาลดต้นทุนไปแล้ว

ด้วยวิธีนี้ บางที คนเล่น อาจมีหุ้นที่ไม่มีต้นทุนเหลืออยู่

ประสบการณ์ของผม ถ้าผมลงไป 50000 บาท
แล้ว ราคาไป 70000 บาท
ผมก็จะขายทิ้งเอาเงินสดออกมา 50000 บาท
20000 ที่เหลือในรูปหุ้น ผมก็จะคิดว่า ได้มาฟรี ไม่มีต้นทุน

ถ้าผิดตรงไหน ผู้รู้แนะนำด้วยนะครับ

ผิดตรงที่ยึดติดกับต้นทุนที่ซื้อ

เคยไหมที่ซื้อหุ้นมาที่ราคา 10 บาท  จำนวน 1000 หุ้น
ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15 บาท  แบ่งขายไป 500 หุ้น
ได้เงินมา 7500 บาท

หุ้นที่เหลือมีต้นทุนเหลือแค่ 5 บาทต่อหุ้น

แต่แทนที่หุ้นจะตกลงมาเหลือ 8 บาท  กลับวิ่งขึ้นไปถึง 30 บาท
ขาดทุนกำไรไป 7500 บาท

การจะขายหรือซื้อ  อย่าลืมปัจจัยพื้นฐานและราคาที่เหมาะสม  อย่ายึดติดกับต้นทุน

chatchai เขียน:ผิดตรงที่ยึดติดกับต้นทุนที่ซื้อ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมว่าอันนี้มันเป็นแค่กลยุทธการคำนวณเพื่อให้ตัวเองสบายใจมากกว่า แต่ไม่ถือว่าเป็น VI ที่แท้จริงครับ

ฝากลองอ่านหนังสือเรื่องจิตวิทยาการลงทุน ของพี่เวปนะครับ

การจะขายหรือซื้อ  อย่าลืมปัจจัยพื้นฐานและราคาที่เหมาะสม  อย่ายึดติดกับต้นทุน


ขอบคุณที่เตือนสติครับ พี่ ฉัตรชัย

เจ้าของกระทู้ เขาถาม ความหมายของ ลดต้นทุน ตามความหมายในหนังสือหุ้นห่านฯ
ผมอธิบายถูกเปล่าครับ  :lol:

ถูกแล้วล่ะครับพี่ teetotal

ความหมายของคุณเทพแบบเต็มๆก็คือ ลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหุ้นให้น้อยลง คุณเทพเขาเรียกกลยุทธ์นี้ว่า "การตกแต่งสวน"

ตัวคุณเทพเองบอกว่าเขาคิดว่าการลงทุนแบบ value investment เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก ซึ่งเขาทำใจไม่ค่อยจะได้

คุณเทพเลยเอาวิธีแบบนี้มาทำให้ตัวเองสบายใจยิ่งขึ้นในการถือหุ้น

ผมก็เคยลองใช้อยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งก็ได้ผลดี

ข้อแนะนำคือ ควรใช้กับหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง ตัวใหญ่ๆ และอ่อนไหวกับดัชนี เพราะเมื่อขึ้นไปสูงมากๆแล้ว ตามปกติดัชนีก็จะปรับตัวลงเป็นช่วงๆไปด้วย ซึ่งหุ้นพวกนี้ก็จะลงเช่นกัน

แต่ถ้าเป็นหุ้นดีๆที่สภาพคล่องไม่สูงนัก บางทีพวกนี้วิ่งไปไกลๆโดยไม่สนใจดัชนีเลยทำให้มีโอกาสเกิดกรณีขาดทุนกำไรแบบที่พี่ฉัตรยกมาได้มากกว่าครับ

ลองดูหุ้นอย่างปูนใหญู่สิครับ 2-3ปีที่ผ่านมา ใครใช้กลยุทธ์ตกแต่งสวนอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้จะนั่งยิ้มสบายใจ เพราะต้นทุนต่ำเรี่ยเตี้ยดินเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน

ในขณะที่คนที่ซื้อหุ้นปูนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แล้วปล่อยทิ้งไว้ ขณะนี้จะี้ยังเสมอตัวเพราะราคาไม่ไปไหนเลย (ไม่นับรวมปันผลนะครับ)

ถือว่าเป็นกลยุทธ์นึงละครับ...

การลงทุน ถ้าเราลงทุนแล้วสบายใจด้วยวิธีนี้ แล้วยังได้กำไร ก็ดีนะ

ดีกว่าต้องมานั่งเครียด นั่งลุ้น...