หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 11:47 am
โดย Pn3um0n1a
สินค้าการเกษตร บอกต้นทุนสูง อาหารสัตว์ก็แพง
รับเหมา บอกวัสดุก่อสร้างแพง
ใครๆก็ว่าน้ำมันแพงขึ้น
อะไรๆ ก็แพงหมด
แล้ว ใครเป็นคนได้รับผลประโยชร์ครับ?
ผู้ผลิตสินค้าต้นน้ำ?
แล้วมีใครบ้าง เหรอครับ
วงจรนี้เริ่มจากใคร เพราะ อะไร เป็นสาเหตุหลักๆ
ใครก็ได้ อธิบายทีครับ
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 11:54 am
โดย Noonino
ผมว่าคนที่ได้ประโยชน์คือคนที่สามารถกักตุนสินค้าได้ คือ พ่อค้าคนกลาง ครับ
ก่อนตรุษจีนผมไปพบลูกค้าร้านวัสดุก่อสร้างร้านนึง ไปถึงบอกเฮียไม่อยู่ ไปโอนเงิน 2 ล้าน จ่ายค่าเหล็ก กะมาสต็อก ฟันกำไรเวลาเห็นปรับขึ้น
ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่มีสต็อกเก็บไว้ ก็ฟันกำไรเนื้อๆ
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 11:56 am
โดย mprandy
เริ่มต้น คงเป็นจาก "น้ำมัน" มังครับ
น้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาจึงขึ้นกับ supply-demand
ตอนนี้ demand มาก supply เท่าเดิม ราคาเลยแพง
พอน้ำมันแพง พลังงานทางเลือกเลยแจ้งเกิด ผลผลิตหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ น้ำมัน และพลังงานทางเลือก ไม่ว่าโดยตรงและโดยอ้อม เลยมีราคาแพง
ของบางอย่างเช่นสินค้าเกษตรบางชนิด ดูยังไงก็ไม่เกี่ยว ก็ดันไปเกี่ยวข้องจนได้ เพราะพอพลังงานทางเลือกแพง คนเลยหันไปปลูกพืชพวกนั้น สินค้าเกษตรบางอย่างเลยปลูกน้อยลง
สรุปว่า เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 1:03 pm
โดย Pn3um0n1a
[quote="mprandy"]เริ่มต้น คงเป็นจาก "น้ำมัน" มังครับ
น้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาจึงขึ้นกับ supply-demand
ตอนนี้ demand มาก supply เท่าเดิม ราคาเลยแพง
พอน้ำมันแพง พลังงานทางเลือกเลยแจ้งเกิด ผลผลิตหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ น้ำมัน และพลังงานทางเลือก ไม่ว่าโดยตรงและโดยอ้อม เลยมีราคาแพง
ของบางอย่างเช่นสินค้าเกษตรบางชนิด ดูยังไงก็ไม่เกี่ยว ก็ดันไปเกี่ยวข้องจนได้ เพราะพอพลังงานทางเลือกแพง คนเลยหันไปปลูกพืชพวกนั้น สินค้าเกษตรบางอย่างเลยปลูกน้อยลง
สรุปว่า เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 2:02 pm
โดย mprandy
ผมว่าแล้วแต่จะมองว่าเราดูกันที่ระยะสั้นหรือระยะยาว
ในระยะยาว ไม่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดใด ราคามันควรจะเพิ่มขึ้น เพราะถ้าไม่เพิ่มคงไม่มีใครทำธุรกิจที่แพ้เงินเฟ้อ
แต่ถ้ามองระยะสั้นหรือกลาง สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาขึ้นลงตาม supply-demand อยู่ดี ในอดีตเราเคยเห็นราคาน้ำมันต่ำเตี้ย ($10/barrel) และสูงเสียดฟ้า ($80/barrel สมัยโน้น ซึ่งเทียบค่าเงินแล้วสูงกว่าปัจจุบันเยอะ) ในอนาคตก็ยังคงเห็นความผันผวนอยู่ดี แม้ว่าอาจจะไม่กว้างมากเหมือนในอดีต เนื่องจากการรวมกลุ่มของประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่เป็นปึกแผ่นมากขึ้น (มีผลประโยชน์ร่วมกัน) และการใช้พลังงานทางเลือกที่จะเป็นปัจจัยที่ควบคุมพิสัย (range) ของราคาให้ผันผวนน้อยลง
ราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องอาจจะดูแพงขึ้นในช่วงนี้ แต่ถ้ามองดูจะเห็นว่ามันมี lag period อยู่พอสมควร (เทียบกับราคาน้ำมันที่ขึ้น แต่สินค้ายังไม่ได้ขึ้น) ซึ่งน่าจะเกิดการผ่องถ่ายต้นทุนผ่านมาทางราคาขายทีละขั้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าราคาน้ำมันคงที่แล้ว เวลาผ่านไปซัก 6-9 เดือน ราคาสินค้าก็ควรจะเข้าสู่ระยะคงที่เหมือนกัน
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 2:12 pm
โดย Pn3um0n1a
แล้วราคาวัตถุดิบจะสูงไปขนาดไหนครับ
อย่าง กากถั่วเหลือง ที่นำมาผลิตน้ำมันได้ มีแนวโน้มจะสูงขึ้นไปอีกกี่ปี กี่เท่า
ราคาวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้นเรื่อยๆ มาจากอะไรเป็นสาเหตุหลัก และจะแพงขึ้นจนถึงเมื่อไหร่กัน?
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 2:42 pm
โดย RONNAPUM
สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ผมคิดว่าถ้าไม่ทำพฤติกรรมของคนเปลี่ยนได้มาก.... มันก็ไม่น่าจะมีผลกับบริษัทเท่าไหร่หรอกมั้งครับ เช่นถ้าบอกว่าน้ำมันแพง แล้วคนออกมาบ่น กันพักหนึ่ง สุดท้ายก็กลับไปใช้น้ำมันเหมือนเดิม ....ไม่ก็ไม่น่าตื่นเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อที่พฤติกรรมของคนเปลี่ยนเมื่อไหร่อันนั้นน่าตื่นเต้นดีครับ...เพราะว่ามันเป็นดอกาสที่ทำให้เราได้ค้นหาบริษัทที่จะมารองรับการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมของคน.....
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 2:45 pm
โดย mprandy
Pn3um0n1a เขียน:แล้วราคาวัตถุดิบจะสูงไปขนาดไหนครับ
อย่าง กากถั่วเหลือง ที่นำมาผลิตน้ำมันได้ มีแนวโน้มจะสูงขึ้นไปอีกกี่ปี กี่เท่า
ราคาวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้นเรื่อยๆ มาจากอะไรเป็นสาเหตุหลัก และจะแพงขึ้นจนถึงเมื่อไหร่กัน?
หูย.. ถ้าใครรู้ว่าราคามันจะสูงไปถึงเท่าไหร่ สูงไปอีกกี่ปี ก็รวยเละสิครับ
เรื่องวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ราคาขึ้นกับน้ำมันและพลังงานอื่น ๆ อย่างยิ่ง ทั้งขั้นตอนการทำ (ใช้เยอะมาก) กับการขนส่ง
ส่วนวัสดุอื่น ๆ เช่นเหล็ก ก็ขึ้นกับวงจรโภคภัณฑ์ ตอนนี้ขาขึ้นพอดี
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 8:59 pm
โดย chatchai
ราคาถูก ผู้คนก็บริโภคกันมากมาย สงสารโลกใบนี้จัง ผมรู้สึกว่าโลกของเราเติบโตเร็วเกินไป บริโภคมากเกินไป
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 9:36 pm
โดย mprandy
RONNAPUM เขียน:สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ผมคิดว่าถ้าไม่ทำพฤติกรรมของคนเปลี่ยนได้มาก.... มันก็ไม่น่าจะมีผลกับบริษัทเท่าไหร่หรอกมั้งครับ เช่นถ้าบอกว่าน้ำมันแพง แล้วคนออกมาบ่น กันพักหนึ่ง สุดท้ายก็กลับไปใช้น้ำมันเหมือนเดิม ....ไม่ก็ไม่น่าตื่นเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อที่พฤติกรรมของคนเปลี่ยนเมื่อไหร่อันนั้นน่าตื่นเต้นดีครับ...เพราะว่ามันเป็นดอกาสที่ทำให้เราได้ค้นหาบริษัทที่จะมารองรับการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมของคน.....
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ และผมว่า สถานการณ์ที่จะทำให้คนปรับตัวได้ดีที่สุด ก็คือสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นภัยคุกคามกับตัวเอง
ในกรณีอย่างนี้ ภัยคุกคามก็คือ การคุกคามกระเป๋าเงินนี่แหละ
ถ้าราคาน้ำมันมันแพงขึ้น คนจะประหยัดลง (ที่ชัดเจนอีกอย่างคือการเพิ่มส่วนต่างราคาน้ำมันปกติกับ E10 ช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้ E10 ได้มาก) แต่การบิดเบือนกลไกตลาดโดยเข้าไปพยุงราคา จะทำให้คนไม่ยอมปรับตัว การจะหวังให้คนมีสำนึกขึ้นมาโดยอัตโนมัติแล้วพร้อมใจกันลดการใช้ คงต้องรออีกหลายชาติกว่าจะสำเร็จ
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 09, 2008 11:00 pm
โดย Isamu
ผมไม่เห็นว่าในระยะยาวของต่างๆจะมีราคาแพงแบบไม่มีที่สิ้นสุดได้ มีแค่ความนิยมในเปลี่ยนกันไปในสิ่งต่างๆ เมื่อหมดความนิยมเราก็จะเห็นราคาที่แท้จริง
ในระยะสั้นเราอาจจะเห็นการเพิ่มขึ้นของสินค้าต่างๆ ตามๆกันมาในช่วง 2-3 ปีมานี้เนื่องจาก ความกลัว ว่าจะขาดแคลน และ ความโลภ ของการเก็งกำไรราคาซื้อขายล่วงหน้าของสินค้า commodity ต่างๆ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคงจะเป็น hedge fund ที่สามารถเข้าถึงตลาด commodity มากกว่านักลงทุนกลุ่มอื่นๆ สำหรับผู้ผลิตสินค้า commodity เอง เช่น น้ำมันหรือถ่านหินนั้น ในช่วงแรกดูเหมือนจะได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น แต่ต่อมาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจในเรื่องของการตัดสินใจขยายกำลังการผลิต เนื่องจากต้องอิงราคาสินค้านั้นว่าจะเป็นเท่าใดในอนาคต แล้วเทียบกับที่ต้องลงทุนไปว่ารับได้หรือไม่ ธุรกิจ commodity เข้ายากออกยาก ถ้าตัดสินใจผิด ราคาในอนาคตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ต้องขาดทุนไปนานหลายปี
สำหรับผู้ผลิตสินค้าโดยทั่วไปก็จะถูกกดดันอย่างหนัก เนื่องจากราคาสินค้าต่างๆที่สูงขึ้นจะทำให้การบริโภคลดลง ผู้บริโภคจะตัดรายการซื้อที่ไม่จำเป็นออกและใช้เหตุผลเรื่องราคามากขึ้น ผู้ผลิตจึงไม่สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้มากนัก ต้องกลับไปปรับปรุงกระบวนการผลิต และลดต้นทุนด้านอื่นแทน ซึ่งมักจะทำได้จำกัด
ในระยะยาวผู้ที่จะได้ประโยชน์คือ บริษัทที่ยอดเยี่ยม ที่มีสินค้าที่ตอบสนองต่อความต้องการจริงๆของผู้บริโภค ซึ่งสามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้และคู่แข่งยังจะไม่สามารถเข้าทำตลาดได้เนื่องจากต้องกลับไปปรับปรุงกระบวนการผลิต และลดต้นทุนด้านอื่นอยู่เพื่อให้ผ่านวิกฤตไป ยกตัวอย่างเช่นก่อนวิกฤตเศษฐกิจคราวก่อน เราอาจรู้จักหมู่บ้านจัดสรรหลายๆเจ้า แต่หลังวิกฤตเศษฐกิจ เราได้ยินชื่อ Land and house มากกว่าเจ้าอื่นๆ
โดยสรุป ผมสนใจเฉพาะธุรกิจที่ยอดเยี่ยม โดยไม่สนใจสภาวะแวดล้อมมากนัก เพราะทุกบริษัทต้องเจอเหมือนๆกัน ยังไงก็ตามวิธีที่อาจารย์นิเวศน์ ได้เคยเขียนไว้ยังใช้ได้อยู่เสมอครับ
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 10, 2008 9:33 pm
โดย boy2t
ก็เหมือนหุ้นละครับ ตัวไหนดีตัวไหนเยี่ยม คนต้องการใช้เยอะ ก็ขึ้นเอาขี้นเอา เมื่อไรที่คนทั้งหมดเห็นว่าไม่ไหวแล้วราคามันก็จะลงเอาๆเองครับ เงินเฟ้อไม่ต้องกลัว กลัวไม่มีคนใช้เงิน คิดว่าคงเป็นแบบนี้มั่ง
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 11, 2008 8:22 am
โดย beammy
ยืนยันว่า พ่อค้าคนกลาง (Middle Man) ครับ
ผม ซื้อรถจากต่างประเทศได้ถูกลง เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า
แต่ขายได้ราคาเท่าเดิม หรืออาจแพงขึ้น เพราะใส่ Accessories เพิ่มให้ลูกค้า ทำให้ดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ครับ 8) ...
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 11, 2008 10:48 am
โดย sattaya
เริ่มจากน้ำมันแพง ทำให้สินค้าที่มีราคาอิงกับน้ำมัน กิจกรรมที่ใช้น้ำมัน หรือผลผลิตจากน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซธรรมชาติ ค่าขนส่ง และวัตถุดิบสำหรับหลายๆอุตสาหกรรม ถ้าจะมองให้ลึกกว่านั้น ผลของการที่น้ำมันดิบแพงขึ้น ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
เมื่อราคาน้ำมันแพง พลังงานทางเลือกย่อมเข้ามา ผลที่ตามมาคือ เกิดdemand ของพืชน้ำมันจำนวนมหาศาล ทำให้ราคาพืชน้ำมันอย่าง ปาล์ม มันสำปะหลัง สูงขึ้นตามกลไกตลาด
ผลตามมาหลังจากราคาพืชน้ำมันราคาดี คือ เกษตรกรหันมาปลูกพืชน้ำมันกันมาก ทำให้พื้นที่ปลูกพืชอื่นลดลง
ผมคิดว่าราคาสินค้าเกษตรในปีนี้น่าจะแพงขึ้นกว่าเดิมอีก สาเหตุหลักๆคงมาจาก คนหันมาปลูกพืชน้ำมันกันมาก ยิ่งไปกว่านี้ ในไม่ช้าคงมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการปลูกพืชน้ำมัน เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมาอีก
เรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้างคงได้รับผลกระทบมาจากที่จีนก่อสร้างสนามกีฬาใหญ่ยักที่ใช้เหล็กจำนวนมหาศาล ส่งผลให้ราคาเหล็กถีบตัวสูงขึ้นอย่างมาก
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 11, 2008 11:14 am
โดย RONNAPUM
ถ้าราคาน้ำมันมันแพงขึ้น คนจะประหยัดลง (ที่ชัดเจนอีกอย่างคือการเพิ่มส่วนต่างราคาน้ำมันปกติกับ E10 ช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้ E10 ได้มาก) แต่การบิดเบือนกลไกตลาดโดยเข้าไปพยุงราคา จะทำให้คนไม่ยอมปรับตัว การจะหวังให้คนมีสำนึกขึ้นมาโดยอัตโนมัติแล้วพร้อมใจกันลดการใช้ คงต้องรออีกหลายชาติกว่าจะสำเร็จ[/quote]
ในสถาการณ์ราคาน้ำมันราคาแพง จนมีนโยบายบอกว่า จะต้องใช้น้ำมัน e10บ้าง e20 บ้าง นั้น กว่าผู้บริโภคจะปรับตัวได้ก็คงอีกนานอ่ะครับ .. เนื่องจากผู้บริโภคยังยึดติดกับของเดิมอยู่.. และประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสำคัญที่สุดที่ไม่ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยน ก็คือผู้ผลิตนั้นเองครับ..เพราะว่าผู้ผลิตเองยังไม่สามาถตอบสนองความต้องการของภาครัฐ ได้ 100 % เนื่องจากต้องสูญเสียเงินค่อยข้างมาก .. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทดสอบ การเปลี่ยนชิ้นส่วน ต่างๆ ในเคื่องยนต์ ...รถที่มีการโฆณาต่างๆ ที่บอกว่าสามารถใช้ได้แล้วนั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าสามารถใช้ได้โดยไม่มีผลต่ออุปกรณ์ต่างๆ เอาแค่วพวก ซีลต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องยนต์ รถรุ่นเก่าบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยนเลย แต่บอกว่าสามารถใช้ได้ โดยไม่มีการสึกหรอใดๆ ( โดยหลักการณ์แล้วซีลต่างที่ผลิตขึ้นมาจะทนการกัดกร่อนได้เฉพาะ สารเคมีเท่านั้น เพราะเขาไม่ค่อยที่จะให้ทนได้หลายชนิดหรอก เปลืองเงินเขาเปล่าๆ )
ใครๆก็ว่าต้นทุนแพงขึ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 13, 2008 7:37 am
โดย terati20
เกษตรกร จะได้ประโยชน์ ไหมครับ ??