คำต่อคำ
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
คำต่อคำ จาก นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กับบทบาทหน้าที่องนายกรัฐมนตรี
ด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่วางนโยบายเพื่อพํฒนาการค้า
การขายของไทยให้เติบโต ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ตอนนี้ บทบาทผมมี 2 บทบาท คือ 1.รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลทางด้าน
เศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีบอกน้ำหนักเน้นหารายได้หาเงินเข้าประเทศ ทำให้
ประเทศมั่งคั่ง คนไทยมีความสุข วิธีหาเงินมีหลายอย่าง ส่งออกสินค้า ตลาดเงิน
ตลาดทุนเข้ามา การลงทุนอุตสาหกรรมต่างๆเข้ามา การท่องเที่ยวทุกอย่างที่เกี่ยวกับ
การหารายได้เข้าประเทศผมจะดูแลกองทุนที่มาซื้อเป็นพันธบัตรรัฐบาล บริษัท
มหาชนเราช่วยกันหาเงินเข้าประเทศก็จะมาโยงว่าที่เราเอามาเหมาะสมของเวลาเรา
มานี่ก็แดดจ้าเลยจะส่วางไสวก็จะค้าขายดีแน่นอนคราวนี้มาเข้า
หัวข้อเรื่อง 1.สิ่งที่คนไทยอยากรู้มากที่สุด คือเรื่องราคาสินค้ามันจะขึ้น
อะไรกันหนักกันหนา ผมต้องตอบว่าเรามาดูกันราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ
เราจะ
ขอทบทวนอย่างน้อย 30 รายการ ขอเวลานิดนึง ต้องตอบเดี๋ยวนี้อย่าพึ่งเดี๋ยวท่าน
ปลัดกระทรวงพาณิชย์และท่านอธิบดีกรมการค้าภายในที่เกี่ยวข้องจะนำต้นทุนสินค้า
การผลิตสินค้าราคาเหมาะสมที่จะขายเดี๋ยวจะได้เห็น แต่เราต้องให้ความยุติธรรมแก่
ทุกฝ่าย ผมย้ำก็ต้นทุนไม่ไหวจริง ๆ ปล่อยไว้ในราคาอย่างนี้ แต่ก็เป็นไปได้บางอย่าง
ต้องลดราคาลงหรือเพื่อเกิดการค้าที่เสรีมากขึ้นเราจะทำ โดย 30 รายการที่คำนวณโดย
ให้เสนอทั้งหัวข้อมา 30 หัวข้อคนเดือดร้อยเรื่องอะไร เช่น ยาสีฟัน ต้นหอม กระเทียม
บะหมี่ เยวให้เสนอมาประชาชนเดือดร้อน
เรื่องที่ 2
เนื่องจากเรามีการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าภาคเกษตรออกไปต่างประเทศมากหรือสำคัญมากยิ่งขึ้น เราจะทบทวนดูถามว่าอะไรบ้างควรจะ
ส่งออก แล้วควรเน้นความสำคัญ เช่น มังคุคในบ้านเราขายราคาไม่ดี กิโลกรัมละ 3-5
บาท ส่งไปขายญี่ปุ่นได้ลูกละ 70 บาท ส่งขายดูไบไดลูกละ 3 เหรียญ ถ้าอย่างนี้จะ
ตั้งคำถามว่า เราจะส่งไปขายดีไหม จะเกิดอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงระบบขนส่งจะไป
อย่างไร ท่าอากาศยานจะใช้อย่างไร เราจะต้องมีการปรับปรุงหลายอย่างเดี๋ยวจะมา
ว่ากัน ผมขอย้ำอีกทีว่า ผมสวมหมวก 2ใบ ใบหนึ่งเป็น รมว.พาณิชย์ พูดถึงเรื่องค้า ๆ
ขาย ๆแต่หมวกอีกเป็นนายกเศรษฐกิจ ก็ต้องไปคุยกับกระทรวงอื่น เช่น ถ้าเราจะขน
ส่งทางเครื่องบิน บวกับอะไรหลายอย่างเข้าไปแล้วเป็นต้นทุน 3-5 บาทต่อกิโล ไปที่
นู้นขายลูกละ 70 บาท บวกค่าขนส่งยังไงก็คุ้ม
Cargo Airport อาจจะต้องคุยกับ
Cargo Airline อาจจะต้องเกิดขึ้น สินค้าเกษตรตัวหลัก ๆ จะถูกดึงเข้ามา ข้าวหอมมะลิ
ราคาเหมาะสมไหมถูกไปหรือเปล่า คนชอบพูดว่า โอ้ยขายข้าวเกวียนนึงได้ไม่กี่ตังค์
เอาไปซื้อรถยนต์ โทรศัพท์มือถือก็หมดแล้วตรงนี้ต้องกลับมาถามใหม่ ชาวนาญี่ปุ่น
รวยฉันท์ใดชาวนาไทยก็ต้องรวยฉันท์นั้นข้าวหอมมะลิพันธุ์ดีที่สุดอยู่ที่นี่และมีที่เดียว
เราจะทวนหมดและที่ไหนขายได้ราคาดีเราจะเปิดตลาดสู่ประเทศนั้นก็จะมีคนสนใจ
มากกว่า 3 ประเทศ เราถึงจะดู
ผมย้ำอีกครั้งนี่เป็นกลไกของตลาดแบบพื้นฐานและขออนุญาตให้เสนอ
สินค้าเกษตรที่น่าสนใจเล็กน้อย คำว่า Tropical Friut ผลไม้พิเศษ ซึ่งเป็นมรดกทาง
พืชพันธุ์ธัญญาหาร ซึ่งเราเกิดเแน่คนไทยและบรรพบุรุษให้เรา วันนร้หลายประเทศ
ยังปลูกไม่ได้ เช่น ลูกกีวี นิวซีแลนด์ ต้นตำรับจริง ๆ เป็นผลไม้อยู่ในเมืองจีน แล้วเค้า
กับมาเอาพัฒนาพันธุ์ให้เจริญในนิวซีแลนด์และส่ง เมื่อตัดจากกิ่งเค้าคัดไซส์โดย
ระบบส่งผ่านโลจิสติกส์คำนวณให้สุกเมื่อถึงมือผูบริโภค ตรงนี้เชื่อมโยงหลายอย่าง
ความเป็นรองนายกรัฐมนตรีของผมเชื่อมโยงหลายกระทรวง กระทรวงบางกระทรวง
อาจจะควบคุมบางกระทรวงไม่ แต่ท้ายที่สุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของชาติต้องไป
อย่างนั้น เพราะฉะนั้นผลไม้จะต้องมีราคาและเราจะมองหาตลาด
ต่อไปเรื่องการส่งออกกับตลาดใหม่ตลาดเดิมที่ขายก็ไม่ทิ้งอยู่แล้วแต่
ตลาดใหม่ต้องพิจารณาถึง 2 ประเด็นตลาดที่เราเริ่มค้าขายเตาะ แตะแต่เมื่อเค้ามีการ
พัฒนาทางเศรษฐกิจและรวยขึ้นมา เราจะถามตัวเองว่าเราส่งสินค้าไปขายให้เค้าเป็น
มูลค่า 3,000 - 5,000 ล้านสหรัฐฯต่อปี ทำไมเราไม่ขาย 50,000 ล้านบาทละ ตลาด
พวกนี้เราอาจจะต้องเพิ่มปริมาณการขายยังอีกครั้ง ก็ราชการ กระทรวงพาณิชย์
รัฐมนตรีช่วยและตัวกระผมเอง จะทำงานเหมือนเพิ่งเข้ามากระทรวงใหม่ๆ เราจะมอง
ใหม่หมด
ประเด็นที่ 2 ประเทศหลายประเทศเป็นเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งร่ำรวย เค้ามี
เงินแล้วอยากจะทานอะไร ซึ่งมันมีลักษณะเฉพาะตัว ทุเรียนที่ดีที่สุด อยู่ที่นี่ มังคุด
ลองกอง อยู่ที่นี่ ทุกทีเรามีปัญหาเรื่องการขนส่ง เพียงนี้เราจะเข้ามาดูระบบ โลจิสติก
ตั้งแต่ง ต้นสวน จนถึงปลายทางผมชี้อีกครั้งหาสนามบิน ต้องเปลี่ยนเป็น คาร์โก้ แอร์
ไลน์ หรือไม่เดี๋ยวอาจจะต้องมีการเจรจาร่วม เรืองการหาคู่ค้าใหม่เนปัจจัยสำคัญ ขั้น
ต่อไป
เราจะนำสัญญา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดที่เซ็นไว้ แล้วเป็นประโยชน์กับคน
ไทยต่อการค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นสัญญา ไตรภาคี พหุภาคี หรือ ทวิภาคี เราจะเอามาดู
ใหม่หมด แต่ไม่ใช่รื้อสัญญา
เราจะมาดูว่าก็ส่งเสริมเครือนุ่มห่ม ผ้า เสื้อ นำไปขาย
แล้วภาษี 0% แล้วคนอื่นส่งไปเสีย 15% ยังไม่ทันได้เริ่มค้าเลย เราก็ได้กำไรอยู่
15% อย่างนี้เราก็จะสะกิดพ่อค้าว่าให้ส่งไปขายประเทศนี้ ทำไมถึงไม่ส่งไปความได้
เปรียบเราอยู่ที่ประเทศนี้ เพราะฉะนั้นความเชื่อมโยงนี้ก็ต้องอาศัยสื่อมวลชนด้วย ไม่
งั้นเราก็จะเอาแต่นั่งปวดหัวกับ Hamburger Crisis เราไม่จำเป็นต้องไปติดดกับ
ปัญหานี้ ดังนั้นจะขอพูดถึงเรื่องนี้ 3 ประเด็นทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเรา ประเด็นแรก
เรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอยจากปัญหาซับไพร์ม ส่งผลกระทบไปยังทั่วโลกจริง
หรือไม่ ก็อาจจะจริง แต่ถามว่าถ้าเราเจขอเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอย แล้วเรางอมือ
งอเท้า เหมือนรู้ว่าถ้าไม่ดูหนังสือแล้วสอบตก คุณจะไม่ดูหรอ ก็ต้องดูต้องสอบให้ได้
เพราะฉะนั้นต้องฝ่าไปให้ได้ และทำให้ดีด้วย เพราะฉะนั้น 3 ปัญหาที่เกิดขึ้น
คือ 1.เศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอย มีผลต่อกำลังซื้อซึ่งตลาดวสหรัฐเป็น
ตลาดส่งออกใหญ่สุด แต่เราก็ยังไม่เลิกค้ากับเค้า โดยจะหันไปหาตลาดใหม่มาทด
แทน เหตุการณ์นี้เหมือนตอนปี 40 ที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก กำลังซื้อตลาดนี้หด ก็
ต้องไปหาตลากใหม่แทน เพราะแธนั้นตลาดใหม่จึงเป็นหัวใจสำคัญ
อีกเรื่องหนึ่งที่เราได้รับผลกระทบจาก Hamburger Crisis ก็คือ เรื่องค่า
ของเงิน เพราะวันๆ เราค้าขายกับสหรัฐฯ เราก็ใช้เงินดอลลาร์ก็ถูก แต่ถ้าเราค้ากับ
ประเทศญี่ปุ่น จีน เรายังจะใช้ดอลลาร์อยู่ก็แปลกนิดหน่อย เพราะฉะนั้นเราต้องถาม
ตัวเองว่า คุณอยากจะรับความเสี่ยงค่าเงินยูเอสดอลลาร์เท่าไร เพราะว่าถ้าเศรษฐกิจ
ของเค้าอ่อนแอค่าของเงินของเค้าก็จะอ่อนลงตามไปด้วย เงินสำรองคงคลังเราก็เยอะ
ค่าเงินเราก็จะยิ่งแข็งไปด้วย โดนเข้าไป 2 เด้ง เพราะฉะนั้นคนส่งออกเค้าจะเดือด
ร้อนได้ อันสุดท้ายปัจจัยตัวที่ 3 คือ ราคาน้ำมัน จริงอยู่ว่าหลักๆอยู่ที่ตะวันออกกลาง
แต่สหรัฐฯเป็นคนคุมราคาโลก เราคุมไม่ได้ ดังนั้นก็จะมาเชื่อมโยงกับกระทรวง
พลังงาน
ที่เราพูดถึงเรื่องอี10 หรือ อี 20 หรือเรื่องก๊าซเอ็นจีวีในก็จะต้องเป็นเรื่องของ
พลังงานทดแทน ตรงนั้นจะเชื่อมโยงอะไรคงคิดกันออกว่าถ้าใช้แอลกอฮอล์เข้ามา
ผสม อ้อย ก็จะต้องถูกใช้เป็น 2 ประเภท คือใช้เป็นน้ำตาล และทำแอลกอฮอล์ ซึ่ง
ความคุ้มค่าของการใช้อยู่ตรงไหนการแก้ปัญหาจะทำอย่างไร ก็จะมาเชื่อมโยงเกี่ยว
กับเรื่องของพืชเศรษฐกิจอีกแต่จะต้องไปคุบกับกระทรวงเกษตร โดยพืชจะมี 2
ประเภท คือ
1.
พืชเพื่อการพาณิชย์ และพืชเพื่อพลังงาน ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิด คือ 1.มัน
สำปะหลัง 2.ปาล์มน้ำมัน 3.อ้อย เราก็จะต้องมาคำนวณปริมาณการใช้ นั้นแปลว่า
ต้องย้อนกลับไปยังอุตสาหกรรมยายนยนต์ ซึ่งผ่านกระทรวงอุตสาหกรรม รถ 2
พลังงานจะมาหรือไม่มาปีนี้ ปตทจะทำก๊าซธรรมชาติไหมไม่งั้นก็จะเกิดปัญหาไก่เกิด
ก่อนไข่ ว่ส ปั๊มบอกว่ายังไม่ทำเพราะรถยนต์ยังไม่มี รถยนต์ก็บอกว่าจะทำได้ไงปั๊มยัง
ไม่พอ เพราะฉะนั้นต้องเอามาคุยกัน ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของรองนายกฯเศรษฐกิจที่
ต้องจัดการ
วันนี้ผมพูดในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ และรองนายกฯเศรษฐกิจ โดย
เฉพาะอย่างยิ่ง จะทำอย่างไรก็ได้ให้เงินรายได้เข้าประเทศ ให้ค่าใช้จ่ายของคนลด
ลง ต้นทุนลดลง ขั้นต่อไปป อยากจะเน้นว่า สัญญาไตรภาคี ทวิภาคี พหุภาคี จะ
มาทบทวน ยกตัวอย่างเช่น
JTEPA เราได้อะไร ถ้าภาษีนำเข้าเครื่องนุ่งห่มจากไทย
ไปยังญี่ปุ่น เท่ากับ 0 ภาษีเครื่องนุ่งห่มจากประทเศอื่นไปญี่ปุ่นเข้าไป 10-15% เรา
ทำไมถึงจะไม่ทำแล้วไปดูหรือยังว่าคนญี่ปุ่น 1258 ล้านคน ใเสื้อผ้านำเข้าจาก
ประเทศอะไรเท่าไร ใช้บางประเทศถึง 90% ขณะที่ใช้จากไทยไม่ถึง 1% ทำไมเรา
ต้องอยู่ที่แค่ 1% ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จาก JTEPA ตัว P คือ Partnership ไม่ใช่การ
ค้าขายธรรมดาคือหุ้นส่วนเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต้องถามใหม่
เราต้องเอาสัญญามาอ่านแล้วคุยกันต้องตีโจทย์ทางการค้าระหว่าง
ประเทศให้ถูกต้องย้ำนะว่าสนธิสัญญาต่างๆเรามองด้วยความสุขมองว่าประเทศไทย
ควรจะทำอย่างไรและพ่อค้าต้องได้รับการอธิบายที่ชัดเจนมีความเป็นห่วงเรื่องอะไร
เดี๋ยวเราหาตลาดให้
ไปอีกหัวข้อหนึ่ง เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา กำลังปวด
หัวกันอยู่เรื่องการก๊อปปี้มันมี 2 จุดที่ต้องแก้ อันนึงเป็นเรื่องเทคโนโลยีอันนี้อาจจะ
ลำบาก MP3 iPod ดาวน์โหลด ริงโทน ต่างๆแต่อีกอันนึงคือ ค่าทรัพย์สินทางปัญญา
กับกฎหมายและค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ โดยเราเองมีรัฐมนตรีช่วยเป็นตำวรจก็น่าจขะช่วยดู
เรื่องนี้เพราะฉะนั้นเราจะหันมามองตรงนี้ ใครคิดอะไรมาต้องได้ค่าลิขสิทธิ์ต้องคุ่ม
สิทธิต่างๆจะดู
อีกหัวข้อหนึ่ง อันนี้ต้องพูดภาษาอังกฤษ รู้จักคำว่าแดจังกึม ดงบังชิน
กิ เรน ไหม ขออนุญาตพูดถึงเรื่อง เรนว่าเได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลที่ทรง
อิทธิพลที่นิตยยสาร ไทมส์ ยกให้เพราะฉะนั้นเรื่องของ ValueCreation ณ วันนี้
สหรัฐฯใช้สื่อครองโลก
ผมบอกเลยนะว่า Value Creation จะเกิดในหลายรูปแบบ
โดยเฉพาะเอนเตอร์เทนเม้น จะต้องเกิดเดี๋ยวเราไม่ต้องรอให้สมาพันธ์ต่างๆมาขอพบ
แต่จะประกาศเลยว่าขอเชิญมาพบ พร้อมที่จะคุยอยู่แล้วติดปัญหาตรงไหน ค้าขายกัน
อย่างไรเราอาจจะทำกับธุรกิจบางอย่าง ดังนั้นเราต้องทำ Value Creation มาสนับ
สนุน โดย Value Added จะเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสินค้าที่ค้างเติ่ง
อยู่ คือOTOPจะต้องไปให้ถึงดวงดาวปรปะกวดมาจากหลายหมื่นหลายพันหัวข้อ
เราจะสานต่อยอดจากที่บอกว่า ตีดาบ อรัญญิกมาตีเป็นช้อนส้อมแล้วไปขายที่ห้างแฮ
รอต เป็นอย่างไรบ้างดีไหม เราจะทำทั้งหมด เราจะมาพูดว่าแพ้ๆอย่างเดียวไม่ได้
อันต่อไปอีก ผมพร้อมที่จะร่วมมือกับกระทรวงทางเศรษฐกิจและไม่
เศรษฐกิจต่างๆ กระทรวงคมนานคม ตกลงจะส่ง Cargo ออกไปขาย สนามบินไหน
สามารถใช้เพื่อการพาณิชย์อันไหนจะเป็น Cargo ขอคุยยกตัวอย่าง ถ้าผลไม้ที่
ระยองจันทบุรี ตราด ทุกทีต้องขนเข้ามาเผลอๆอยู่ที่อู่ตะเภาแล้วเอาออกๆไปขาย มัน
ไม่คุ้มสนามบินที่ทิ้งไว้เฉยๆเอาไว้ทำอะไร รถไฟจากอีสาน และใต้ตกลงจะขนไป
ไหน
ย้ำอีกครั้งหนึ่งเรื่องระบบขนส่งกับโลจิสติกส์มันมาเชื่อมโยงกับการขายสินค้า
เพราะสินค้าบางอย่างมีอายุ เช่น ที่ฮอลแลนด์ 24 ชั่วโมงดอกทิวลิปเค้าต้องถึงมือผู้
บริโภคแต่ปัญหาของไทยคือขายตรงไหนที่ได้ราคาดี
ขอย้อนกลับไปเรื่องการะทรวงต่างๆต้องมีการเชื่อมโยงกันหมดต้องมา
ปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรทุกวันนี้เราต้องหารายได้เข้าประเทศน้ำหนักจะเน้น
หารายได้ในมิติต่างๆ ส่วนเรื่องที่สองคือค่าใช้จ่ายลด เดี๋ยวจะขอดูแต่ยังไม่สัญญา
โดยจะดูไปถึงการลงทุนด้วย เช่น ใครจะเข้ามาลงทุนจะดูว่าระบบขนส่ง ค่าขนส่ง
แพงไป ค่าไฟถ้ามาตั้งโรงงานจะแพงหรือเปล่า มาทำที่ไทยค่าแรงถูกไหมก็จะต้อง
มาคุย กับกระทรวงแรงงานซึ่งเชื่อมโยงกันเพราะจะมีแรงงวานหลายประเภทให้เลือก
เพราะเราต้องแข่งกับต่างประเทศเพราะฉะนั้นสรุป หน้าที่อีกครั้งคือ
1.จะหารายได้ในมิติต่างๆ2.ลดค่าใช้จ่าย3.สรุปแล้วเหลือเท่าไรแล้วเอา
เงินมาทำเรื่องที่หลายๆคนเรียกว่าประชานิยม แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าจะทำ
อะไรก่อน อะไรหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราเจอกับ Hamburger Crisisดังนั้นก็ต้อง
ต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจด้วย โดยการหารายได้เข้าประเทศจะมาจากหลายๆอย่าง
real sectorการลงทุนในอุตสาหกรรมจริงๆเงินลงทนที่เข้ามาในรูปแบบพันธมิตรทั้ง
ของรัฐและบริษัทมหาชน เงินทุนที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ในตลาดทุน เงินทุนที่
เข้ามาในรูปแบบอื่นๆโดยเฉพาะ การส่งออกสินค้า กระทรวงพาณิชย์ต้องมีน้ำหนัก
บทบาทตรงนี้ด้วย โดยเฉพาะสินค้าเกษตร สินค้า OTOP มีเยอะเดี๋ยวต้องมาเลือก
จากนั้นขายออกไปการมี Value Creationต้องมีและต้องมีการทำการตลาดสมัยใหม่
ด้วยเพราะถ้าไม่มีแพ้แน่นอน
ส่วนในเรื่องของเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ขอเอาตัวเลขเดิมที่ ท่าน
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้บอกไว้ที่10.5-12.58% ก่อน แต่ถ้ามีโอกาสก็จะมาดูกันอีก
ที
ในเรื่องของนโยบายคอร์รัปชั่น ย้ำว่า โปร่งใส สะอาดไม่ต้องห่วงทุก
คนเอาไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาทำลายอย่างแน่นอน อยากจะฝากไว้แต่ชื่อเสียง
ดีๆ ดังนั้นทุกคนจะพยายามทำและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราช
ดำรัสว่าซื่อสัตย์ วาจาต้องซื่อสัตย์ ขอให้ซื่อสัตย์ชัดเจนอันนี้เราจะทำ ขอสัญญา ทุก
คนรู้จักผมดีถ้าได้เงินก็ไปภาคเอกชนแต่มาอยู่ภาคราชการผมจะทำให้ดีที่สุด และ
รัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 ท่านก็มีอุดมการร์เดียวกัน ไม่ต้องห่วง
สำหรับเรื่องการแก้กฎหมาย พูดเป็นภาพรวมก่อนว่าเนื่องจากผมเป็น
รองนายกฯดูแลด้านเศรษฐกิจด้วยเราจะมีการปะชุมพิเศษอีกครั้ง ว่าการค้าขายติดขัด
ตรงไหนคนที่ค้าขายถ้าไม่ได้รับความสะดวก ก็ไม่มาทุกวันนี้มาบอกแต่ว่าแพ้ๆ คำถาม
คือ ติดขัดเพราะอะไรถ้าติดขัดกฎหมายก็ต้องแก้ ถ้าไม่แก้คนที่ไม่ยอมให้แก้ต้องตอบ
สังคมว่าทำไมไม่ให้แก้ก็มันติดขัดอยู่ ย้ำอีกครั้งว่ากฎหมายใดที่ทำให้การลงทุนการ
เข้ามาลงทุนระหว่างประเทศติดขัด เดี๋ยวต้องคุยกันสังคยนาใหญ่ มีหน้าที่ทำอะไรก็
ได้ให้การค้าสำเร็จจะให้ชวนมาลงทุน แต่ติดขัดใครจะเข้ามาเรื่องค่าแรงเราจะทำให้
เป็นข้อยกเว้น เรามีวิธี ใครใช้แรงงาน ก็ต้องได้ค่าแรงที่ดี ส่วนกฎหมายต่างด้าว คง
ต้องขอเวลาประชุมรายละเอียดอีครั้ง ถ้าตอบวันนี้จะเร็วไปถ้าบอกไปจะเป็นปัญหาได้
By : จุฬารัตน์ ม่วงแก้ว
eFinanceThai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 08/02/08 เวลา 15:08:03
มันยาวแฮะ เลยช่วยเน้นสีน้ำเงินให้ ที่คิดว่าเกี่ยวนะครับ