+PTTAR ปันผล ข่าวดีทิ้งทวน?+
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 26, 2008 11:01 am
[quote]เห็นประกาศจ่ายเงินปันผลของ PTTAR แล้วหลายคนคงมีความรู้สึกผสมผสานกันระหว่างดีใจที่บริษัทใจป้ำประกาศจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ๆ ละ 2.50 บาท คิดเป็นเงินปันผลที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น 7,409 ล้านบาท โดยจะปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 มีนาคม 2551 และจะจ่ายปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2551 แต่ขณะเดียวกันนั้นทางบริษัทก็ดำเนินแผนการ "ออกหุ้นกู้หรือ Debenture" ในวงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยที่อัตราแลกเปลี่ยน 32.31 บาทต่อเหรียญสหรัฐคิดเป็นเงินไทยประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยอายุของหุ้นกู้ไม่เกิน 15 ปี วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ลงทุนในอนาคต เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และเพื่อรีไฟแนนซ์ ซึ่งถามว่าทำไมเมื่อบริษัท PTTAR มีกำไรจำนวน 18,018 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรหุ้นละ 6.08 บาท แล้วทำไมเงินสดในกระเป๋าจึงไม่เพียงพอกับเงินลงทุน และยังก่อนหนี้เพิ่ม แต่เอาเงินตั้ง 7 พันล้านบาทไปปันผล และสร้างภาระหนี้ระยะยาวให้กับบริษัท
มาดูงบการเงินของ PTTAR ณ สิ้นปี 2550 PTTAR มีสินทรัพย์รวม 131,217 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 68,508 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 62,708 ล้านบาท ซึ่งทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ ต่ำกว่า 1 (62,708/ 68,508 =0.91) ซึ่งการออกหุ้นกู้จะทำให้ส่วนของหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้น และการจ่ายปันผลนั้นทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง เพราะต้องเอาเงินสดจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ผลคือ บริษัทจะมีภาระหนี้สินและภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ถือหุ้นรับเงินสดกลับคืนมา แต่เงินสดที่คืนมานั้น อาจจะเรียกว่า "ไปยืมเงินชาวบ้านมาเสี่ยงต่อ" ก็ไม่น่าจะแปลกนัก ส่วนงบการเงินนั้นก็ไม่ถึงกับดูแย่มาก เพราะคิดว่าการที่มีหนี้สินส่วนหนึ่งและภาระดอกเบี้ยนั้น หากกำไรดีอาจจะทำให้ ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น หรือ ROE ดีขึ้น เพราะเป็นการหากำไรจากเงินชาวบ้าน
แต่หากดูกันในแง่ธรรมดา ๆ ก็มองได้ว่า บริษัทกำลังมีพฤติกรรมที่แปลก ๆ เพราะกำไรจำนวน 18,018 ล้านบาทนั้น น่าจะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น และเพียงพอต่อการลงทุน โดยไม่ต้องไปเพิ่มหนี้สิน ซึ่งคำถามคือ ทำไมกำไรของบริษัทดี แต่ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะลงทุน และจ่ายภาระหนี้สิน แล้วยังต้องไปกู้เงินมาอีก ซึ่งหากมองว่าผู้ถือหุ้นได้เปรียบก็อาจจะใช่เพราะสามารถ "เอาเงินสด" ออกจากบริษัทกลับไปอยู่กระเป๋าผู้ถือหุ้น ส่วนบริษัทแบกหนี้เพิ่ม หากมีความเสี่ยงทางการเงินเกิดขึ้นทางบริษัทก็รับผิดชอบไป ซึ่งกรณีบริษัทจดทะเบียนนั้นจ่ายเงินปันผลออกในอัตราสูง ๆ แล้วไปกู้เงินผ่านการออกหุ้นกู้ นั้นเกิดขึ้นและมีให้เห็นบ่อย ๆ เช่น PTT ADVANC หรือแม้แต่ SCC ก็มักจะใช้
มาดูงบการเงินของ PTTAR ณ สิ้นปี 2550 PTTAR มีสินทรัพย์รวม 131,217 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น 68,508 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 62,708 ล้านบาท ซึ่งทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ ต่ำกว่า 1 (62,708/ 68,508 =0.91) ซึ่งการออกหุ้นกู้จะทำให้ส่วนของหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้น และการจ่ายปันผลนั้นทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง เพราะต้องเอาเงินสดจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ผลคือ บริษัทจะมีภาระหนี้สินและภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ถือหุ้นรับเงินสดกลับคืนมา แต่เงินสดที่คืนมานั้น อาจจะเรียกว่า "ไปยืมเงินชาวบ้านมาเสี่ยงต่อ" ก็ไม่น่าจะแปลกนัก ส่วนงบการเงินนั้นก็ไม่ถึงกับดูแย่มาก เพราะคิดว่าการที่มีหนี้สินส่วนหนึ่งและภาระดอกเบี้ยนั้น หากกำไรดีอาจจะทำให้ ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น หรือ ROE ดีขึ้น เพราะเป็นการหากำไรจากเงินชาวบ้าน
แต่หากดูกันในแง่ธรรมดา ๆ ก็มองได้ว่า บริษัทกำลังมีพฤติกรรมที่แปลก ๆ เพราะกำไรจำนวน 18,018 ล้านบาทนั้น น่าจะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น และเพียงพอต่อการลงทุน โดยไม่ต้องไปเพิ่มหนี้สิน ซึ่งคำถามคือ ทำไมกำไรของบริษัทดี แต่ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะลงทุน และจ่ายภาระหนี้สิน แล้วยังต้องไปกู้เงินมาอีก ซึ่งหากมองว่าผู้ถือหุ้นได้เปรียบก็อาจจะใช่เพราะสามารถ "เอาเงินสด" ออกจากบริษัทกลับไปอยู่กระเป๋าผู้ถือหุ้น ส่วนบริษัทแบกหนี้เพิ่ม หากมีความเสี่ยงทางการเงินเกิดขึ้นทางบริษัทก็รับผิดชอบไป ซึ่งกรณีบริษัทจดทะเบียนนั้นจ่ายเงินปันผลออกในอัตราสูง ๆ แล้วไปกู้เงินผ่านการออกหุ้นกู้ นั้นเกิดขึ้นและมีให้เห็นบ่อย ๆ เช่น PTT ADVANC หรือแม้แต่ SCC ก็มักจะใช้