Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าส่วนต่างระหว่าง Bid กับ Offer ห่างกันแค่ 0.01 ทุกช่วงราคาของทุกหุ้น คิดว่าราคาหุ้นน่าจะมีประสิทธิภาพกว่าเดิมไหมครับ

รอแงกเลยกว่าราคาจะขยับสักบาท

อย่างนี้บริษัทที่ราคาร้อยกว่า เช่น ptt banpu
ผู้ถือหุ้นคงรอเหงือกแห้ง กว่าราคาจะขยับไปซักบาท
นักเก็งกำไรต่าง ๆ คงไม่นิยมเล่นตัวใหญ่ สภาพคล่องตัวใหญ่
คงต่ำกว่าปัจจุบันมาก

กลับกัน พวกหุ้นราคาต่ำบาท ทั้งหลาย คงวิ่งกันมันเลยละครับ

เมื่อนั้น บริษัทราคาร้อยกว่า ผู้บริหารเห็นสภาพคล่องต่ำ
ทนไม่ได้ คงแตกพาร์กันเป็นว่าเล่น แตกแล้วแตกอีก
สุดท้าย  ตลาดหุ้นคงมีแต่หุ้นราคาต่ำสิบแน่เลยครับ

spread เค้าเอาตาม % ที่กระดิกครับ

ไม่งั้นเจอพวกตัดราคา แซงทีละติ่งนึง แบบในฟิวเจอร์คงรู้สึกรำคาญตาย

น่าสนใจครับ.....
       
      ขอดูสมการก่อนครับ ดร.  :roll:

      รูสึกตะหงิด ๆว่า   น่าจะเป็นแคลคูลัส

ผมคิดของผมง่ายๆแบบนี้

"การต่อรองราคาควรเหมาะสมกับราคาสินค้า"

เช่นบ้านราคาเป็นล้านก็อาจจะต่อรองกันที่หลักหมื่นหลักพัน
ไปเดินช๊อปตลาดนัด สินค้าราคาเป็นร้อยก็ต่อกันหลักสิบ เป็นต้น
มันคงลำบากน่าดูถ้าจะเจรจาต่อรองซื้อบ้านกันที่หลักสิบ

สำหรับประเด็นเรื่องประสิทธิภาพ
ไม่แน่ใจว่าราคาหุ้นจะมีประสิทธิภาพขึ้นมั้ย
โดยเฉพาะใน emerging market และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็น Speculator
แต่ผมคิดว่าถึงมีก็คงมีน้อยมั้งครับ  

สมมติหุ้นราคา 500 บาท
ราคา 500.01 กับ 500 ถ้วน คงไม่ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่ว่าฝั่งซื้อหรือฝั่งขาย

ผมว่าถ้าทำจริง ก็ไม่น่ามีไรเปลี่ยนมากนะ

ตาม hvi ว่า

ทางตลาดที่ใช้อยู่คือผลตอบแทนเทียบกับระดับราคาหลักทรัพย์เพื่อกำหนดส่วนต่างระหว่างบิดกับออฟเฟอร์ทำให้เกิดสเปรดอย่างที่เห็น ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นต้องกำหนดตายตัวแบบนี้ก็ได้ครับ

จริงปัญหาที่มองไว้ก็คงเป็นปัญหาเล็กๆ ซึ่งนักลงทุนคงไม่ค่อยได้คิดไว้เนื่องจาก spread ที่มีระดับต่างกัน อาทิเช่น หลังจากจ่ายปันผลแล้วทำให้เกิดความไม่คลาดเคลื่อนได้ ระดับราคาหุ้นบางราคาไม่สามารถมีผลตอบแทนได้เหมือนกัน