หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 02, 2008 8:32 am
โดย newborn
ขอความเห็นจากท่านผู้รู้  เกี่ยวกับipoของ esso ค่ะ ว่าสมควรลงทุนหรีอไม่  

ขอบคุณมากค่ะ

ipo esso

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 03, 2008 8:07 pm
โดย Frankie
มีข้อมูลบ้างหรือยังครับ
เท่าที่รู้
ราคา IPO ประมาณ 9-13 บาท
ผลประกอบการล่าสุดยังขาดทุน
มีหนี้สินเยอะพอสมควร (เท่าไหร่ไม่รู้ครับ)
บล.ภัทร เป็นลีดอันเดอร์ไรท์

มีข้อมูลอื่นๆ อีกมั้ยครับเอามาแชร์กันหน่อยสิครับ มาร์บอกผมมาแค่นี้ ส่วนน่าซื้อมั้ย ผมว่าผมมีข้อมูลน้อยไปตัดสินใจไม่ได้เลย :roll:

ipo esso

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 03, 2008 9:13 pm
โดย beammy
ธุรกิจหลักคืออะไร ธุรกิจอื่นที่ทำอยู่ด้วยมีอะไรบ้าง

รายได้หลักมาจากไหน รายได้อื่นๆ มีอะไรบ้าง คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่

ลักษณะสัญญา Forward ทำไว้แบบใด

ฯลฯ

ตอบให้ได้ก่อนครับ ก่อนพิจารณาราคาที่เหมาะสมอีกครั้ง  :8)  ...

ipo esso

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 10:42 am
โดย khanchang
รายละเอียดหนังสือชี้ชวนครับ

http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... mp_id=0819

ข้างในระเอียดพอสมควร

ipo esso

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 05, 2008 11:41 pm
โดย pipat66
ร่างหนังสือชี้ชวน
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
Esso (Thailand) Public Company Limited
เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป
โดย บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 773,333,300 หุ้น
และจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 84,583,300 หุ้น
โดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ กระทรวงการคลัง
เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 326,250,000 หุ้น
มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 4.9338 บาท ในราคาเสนอขายเบื้องต้นหุ้นละ 9 13 บาท
ระยะเวลาจองซื้อ
สำหรับผู้จองซื้อรายย่อย และบุคคลทั่วไป: วันที่ 21 และ 22 เมษายน 2551
สำหรับนักลงทุนสถาบัน: วันที่ 23 ถึง 2 5 เมษายน 2551 และ 28 เมษายน 2551
ที่ปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัทหลักทรัพย์ ภั ทร จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนวันที่ 12 ธันวาคม 2550

ipo esso

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 05, 2008 11:43 pm
โดย pipat66
ข้อมูลสรุป (Executive Summary)
บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (integrated) อีก
ทั้งบริษัทฯ ทำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทฯ และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้องได้
ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 100 ปี บริษัทฯ ขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแก่ลูกค้ารายย่อยผ่านทางเครือข่ายที่กว้างขวาง
ของสถานีบริการน้ำมันค้าปลีกภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ รวมทั้งขายโดยตรงให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ค้าส่ง การบินและ
การเดินเรือ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทฯ ผลิตให้แก่ลูกค้าใน
ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศ
บริษัทฯ เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (Exxon Mobil Corporation) ภายหลังจากการเสนอ
ขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทอื่น ๆ ในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น จะยังคงถือหุ้นสามัญของบริษัทฯ รวมกันในสัดส่วน
ประมาณร้อยละ 67.5 (บนสมมติฐานว่าจะไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกิน (over allotment option)) และจะถือในสัดส่วน
ประมาณร้อยละ 65.9 (บนสมมติฐานว่าจะมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นเป็นหนึ่งใน
บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดรวม (market capitalization) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เกินกว่า 5 แสน
ล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ยึดถือแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยสูงของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเน้นที่
ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวและการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับจากการเป็นหนึ่งใน
บริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ยังรวมถึงความเชี่ยวชาญในการบริการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ เครือข่าย
การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ทั่วโลก การบริการทางด้านเทคโนโลยี การดำเนินงานและวิศวกรรมที่
ทันสมัย และการมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยและพัฒนาของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และ/หรือบริษัทในเครือ นอกจากนี้
บริษัทฯ ยังได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้า เอสโซ่ และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ซึ่งได้รับการอนุญาตให้ใช้
สิทธิจากเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นและ/หรือบริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น รวมทั้งความช่วยเหลือ
ทางด้านบุคลากรฝ่ายบริหารจัดการและเทคนิค และการสนับสนุนทางด้านธุรกิจจากเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นและ/หรือ
บริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทฯ ซึ่งผลิตในประเทศไทย รวมถึงก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันเบนซิน น้ำมัน
เชื้อเพลิงอากาศยาน/น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาและยางมะตอย อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์หล่อลื่นจำหน่าย นอกจาก
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแล้ว บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ซึ่งประกอบด้วยพาราไซลีนที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตกรด
เทเรฟทาลิก (Purified Terephthalic Acid (PTA)) ซึ่งจะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ บรรจุ
ภัณฑ์ เรซินและผ้าใยสังเคราะห์ ส่วนเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทฯ ได้แก่ สารทำละลาย (solvents) และสารพลาสติกไซเซอร์
(plasticizers)
บริษัทฯ เป็นเจ้าของและผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์ (complex refinery) ซึ่งมีกำลังการกลั่น
น้ำมันดิบ 177,000 บาร์เรลต่อวัน และเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการโรงงานอะโรเมติกส์ (aromatics plant) ซึ่งมีกำลังการผลิต

ipo esso

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 05, 2008 11:45 pm
โดย pipat66
พาราไซลีน 500,000 ตันต่อปี และหน่วยผลิตสารทำละลายซึ่งมีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี โดยโรงงานแต่ละแห่งนี้ได้
เชื่อมโยงเข้ากับหน่วยกลั่นน้ำมันและกระบวนการกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ แบบครบวงจร ทั้งนี้ หน่วยกลั่นน้ำมันดิบและ
หน่วยผลิตของบริษัทฯ มีที่ตั้งซึ่งมีความได้เปรียบเพราะอยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี และอยู่ห่าง
ไปเพียงประมาณ 120 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
ของบริษัทฯ ความได้เปรียบของที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ยังช่วยลดต้นทุนและก่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดส่ง
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทฯ โดยผ่านทั้งทางท่อส่ง ทางรถบรรทุกและทางเรือ
ผลการดำเนินงาน และฐานะการเงินของบริษัทฯ ที่ปรากฏในงบการเงินรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548,
2549 และ 2550 สามารถสรุปได้ดังนี้
ปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
2548 2549 2550
(ล้านบาท)
รวมสินทรัพย์ 73,231 74,665 70,814
รวมหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 61,694 62,316 34,710
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น (5,388) (3,529) 24,394
รายได้จากการขาย 173,658 195,305 199,904
กำไรสุทธิสำหรับปี 6,781 1,573 7,053
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน(1) (บาท) 13.30 3.08 6.60
กำไรต่อหุ้นปรับลด (Fully Diluted) (2) (บาท) 1.96 0.45 2.03
มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน(3) (บาท) * * 9.35
มูลค่าทางบัญชีต่อปรับลด (Fully Diluted) (2) (บาท) * * 7.03
______________
* ไม่สามารถคำนวณได้เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นลบในช่วงปี 2548 2549
(1) จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทั้งหมดเท่ากับ 510 ล้านหุ้น, 510 ล้านหุ้นและ 1,068 ล้านหุ้น ในปี 2548, 2549
และ 2550 ตามลำดับ
(2) ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีจำนวนหุ้นรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,468 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นจำนวนหุ้น
สามัญเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 773 ล้านหุ้น และหุ้นจัดสรรส่วนเกินจำนวนประมาณ 85 ล้านหุ้น
(3) จำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดเท่ากับ 510 ล้านหุ้น, 510 ล้านหุ้นและ 2,610 ล้านหุ้น ในปี 2548, 2549 และ 2550 ตามลำดับ

ipo esso

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 12:18 am
โดย chode
สงสัยว่าทำไมกำไรปี 2549 น้อยลงมากจัง
ทั้งๆที่รายได้พอๆกับปี 2550

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 12:13 am
โดย storm108
สงสัยอ่ะครับว่าข้อความข้างล่างนี้หมายถึงอะไร

"ราคาเสนอขายหุ นในการเสนอขายครั้งนี้ มี มู ลคาสูงกว ามูลคาสินทรัพยสุ ทธิ (net tangible book value) ตอหุนของ
หุ นที่ออกใหกับผูถือหุ นเดิมของบริ ษัทฯ อยางมีนั ยสําคัญ ดังนั้ น ผูซื้อหุ นของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ นครั้งนี้ จะไดรับ
ผลกระทบเกี่ยวกับราคาตลาดของหุนอยางมีนัยสําคัญทันที สวนหุนที่ผูถือหุนเดิมของบริษัทฯ ถืออยูจะมี มู ลคาสินทรัพยสุทธิ
ตอหุนสูงขึ้นอยางมีนัยสําคั ญ นอกจากนี้ หากบริษัทฯ ออกหุนเพิ่มเติมในอนาคต ผูซื้อก็อาจไดรับผลกระทบเกี่ยวกับราคา
ตลาดของหุนในอนาคต"

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 12:20 am
โดย storm108
1.1.15 บริ ษัทฯ อาจไดรับผลกระทบในทางลบจากความผันผวนของคาเงินบาทเมื่ อเปรี ยบเทียบกับสกุลเงิ น
ตางประเทศ โดยเฉพาะอยางยิ่งสกุลเงินดอลลารสหรัฐ
สกุลเงินที่ใชในงบการเงินของบริษัทฯ คือสกุลเงินบาท ในขณะที่รายไดจากการขายผลิตภัณฑปโตรเลี ยมและการ
ซื้อวัตถุดิบของบริษัทฯ อยูในสกุลเงินตางประเทศ ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีความเสี่ยงตอการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน
การลดค าของเงิ นบาทเมื่อเปรียบเทียบกั บสกุ ลเงินต างประเทศ โดยเฉพาะอยางยิ่ง ดอลลารสหรัฐ มีผลกระทบ
ในทางลบตอบริษัทฯ

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 9:24 am
โดย anakinnet
storm108 เขียน:สงสัยอ่ะครับว่าข้อความข้างล่างนี้หมายถึงอะไร

"ราคาเสนอขายหุ นในการเสนอขายครั้งนี้ มี มู ลคาสูงกว ามูลคาสินทรัพยสุ ทธิ (net tangible book value) ตอหุนของ
หุ นที่ออกใหกับผูถือหุ นเดิมของบริ ษัทฯ อยางมีนั ยสําคัญ ดังนั้ น ผูซื้อหุ นของบริษัทฯ ในการเสนอขายหุ นครั้งนี้ จะไดรับ
ผลกระทบเกี่ยวกับราคาตลาดของหุนอยางมีนัยสําคัญทันที สวนหุนที่ผูถือหุนเดิมของบริษัทฯ ถืออยูจะมี มู ลคาสินทรัพยสุทธิ
ตอหุนสูงขึ้นอยางมีนัยสําคั ญ นอกจากนี้ หากบริษัทฯ ออกหุนเพิ่มเติมในอนาคต ผูซื้อก็อาจไดรับผลกระทบเกี่ยวกับราคา
ตลาดของหุนในอนาคต"
แปลว่า เค้าขายแพ้งแพงนะซิ

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 7:21 pm
โดย value_investor2008
ผลประกอบการล่าสุดยังขาดทุน ดูแค่นี้ก็ไม่ซื้อแล้ว บริหารจนขาดทุน
จะเอาเงินชาวบ้านไปเพิ่มทุนอีก

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 1:17 am
โดย tanavut
ไม่ขาดทุนคงไม่เอาเข้าตลาดหรอก

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 1:23 am
โดย anakinnet
"ยึดถือแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยสูงของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเน้นที่ ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวและการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น"

par 4 บาทกว่าๆ ดำเนินการมา 100 ปี เสนอขายที่ ipo ที่ 9 -13 บาทเอง

สงสัยว่า 1. 100 ปียังไม่ถือว่าระยะยาวใช่ไหม?
หรือว่า    2. ใจดีขายให้ถูกสุดๆ (แต่ก็ยังมีคนบอกว่าแพงนะ)

แฮะๆ แซวเล่นนะค้าบบ...

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 1:56 am
โดย woody
tanavut เขียน:ไม่ขาดทุนคงไม่เอาเข้าตลาดหรอก
ตามสัญญาที่ให้กับรัฐในอดีตครับ ใจจริงเค้าก็คงไม่อยากเข้าหรอกครับ...เลื่อนมาตั้งหลายรอบแล้ว

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 5:47 am
โดย josebaview
[quote="anakinnet"]"ยึดถือแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยสูงของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเน้นที่ ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวและการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น"

par 4 บาทกว่าๆ ดำเนินการมา 100 ปี เสนอขายที่ ipo ที่ 9 -13 บาทเอง

สงสัยว่า 1. 100 ปียังไม่ถือว่าระยะยาวใช่ไหม?
หรือว่า

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 5:50 am
โดย josebaview
tanavut เขียน:ไม่ขาดทุนคงไม่เอาเข้าตลาดหรอก
ใช่ครับคุณ Woody พูดถูก

Esso Thai กับ Chevron ก็ไม่ได้อยากจะเข้าตลาดสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากสัญญาที่เคยให้ไว้ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะทำนองที่ว่าถ้ามีโรงกลั่นต้องเข้าตลาดประมาณนั้น (อันนี้ไม่แน่ใจ)

Esso Thai นั้นข้อดีข้อเสียมีเยอะมากมาย ซับซ้อนมากอีกด้วย

ipo esso

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 1:51 pm
โดย MindTrick
สงสัยอาจขาย ipo ไม่ออก รายย่อย(ยับ)ยังมีมาร์โทรมาชวนซื้อ :lol:

ลืมถามไปเลย ว่าขายเท่าไหร่ ใครทราบบ้างครับ

ipo esso

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 10, 2008 8:30 pm
โดย Frankie
ลืมถามไปเลย ว่าขายเท่าไหร่ ใครทราบบ้างครับ
คำตอบอ้างอิงจากการตอบช่วงบน ๆ ของผม ซึ่งได้ข้อมูลจากมาร์
ราคา IPO ประมาณ 9-13 บาท

ipo esso

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 11, 2008 1:10 pm
โดย khanchang
คุณ josebaview ครับ
ผมว่า Esso Thailand นี่เกิน 100 ปีแล้วนะครับ
ก็เก่าพอๆกับ พวก HSBC แล้วก็ SCB น่ะครับ

ปีนี้พึ่งครบรอบ 125 ปีไปเองครับ
ส่วน ExxonMobil Corp. ถ้าเอาจริงๆยังไม่ถึง 10 ปีด้วยมั้งครับ (นับหลังจากที่ Esso กับ Mobil รวมกิจการกัน)

แต่ถ้านับตั้งแต่เป็น Standard Oil ก็มากกว่า 100 ปีชัวร์ๆครับ

ครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 11, 2008 5:09 pm
โดย SEHJU
ผมว่าตัวธุรกิจปั๊มน้ำมันเค้า ปั๊มเอสโซ่โล่งๆ โหวงเหวงยังไงชอบกล

โดยเฉพาะ4-5ปีมานี้ผ่านไปทีไรก็เห็นลูกค้าน้อยนิด

ถ้าเอสโซ่จะคิดแข่งขันอย่างนี้ ผมว่าเหนื๊อยยย เหนื่อย........

ipo esso

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 13, 2008 11:59 am
โดย pongo
woody เขียน: ตามสัญญาที่ให้กับรัฐในอดีตครับ ใจจริงเค้าก็คงไม่อยากเข้าหรอกครับ...เลื่อนมาตั้งหลายรอบแล้ว
ฟังจากทางวิทยุครับ รายการหุ้นช่วงบ่ายสามอ่ะครับ เขาว่าเป็นไปตามสัญญากับรัฐบาลว่า
"โรงกลั่นทุกโรงในไทยต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ คิวต่อไปคือโรงกลั่น STAR ของ ปตท"

ipo esso

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 18, 2008 10:28 pm
โดย ROGER
น่าจอง วันจันทร์นี้จะไปจองแน่นอนครับ

ipo esso

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 19, 2008 1:02 am
โดย vision
อ่านเรื่อง IPO ESSO ที่ TVI กับที่สินธร ช่างให้ความรู้สึกที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน

ที่นี่เหมือนไม่มีใครสนใจ ที่นั่นเหมือนสนใจจองกันเต็มแล้ว ทำไมหนอ  :?:

ผมเองก็ไม่เคยสนใจเหมือนกัน

ipo esso

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 20, 2008 1:19 pm
โดย sarayuth007
ผมไม่ค่อยสนใจ esso เพราะว่ายังไม่ growth

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 21, 2008 8:20 pm
โดย harn
MindTrick เขียน:สงสัยอาจขาย ipo ไม่ออก รายย่อย(ยับ)ยังมีมาร์โทรมาชวนซื้อ :lol:

ลืมถามไปเลย ว่าขายเท่าไหร่ ใครทราบบ้างครับ
มาร์ของผม ก้อให้มาสามพันหุ้น ต้องโอนเงินให้วันนี้หุ้นละ 13 บาทครับ
ถ้าวันที่ 24 สถาบันฯให้ราคาบุคบิลดิ้ง ต่ำกว่า ก้อจะได้เงินคืนทีหลัง

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 21, 2008 8:47 pm
โดย Belffet
ดูงบในหนังสือชี้ชวนครับ

มือใหม่ครับ อาจจะยังพลาดอยู่บ้าง แต่สิ่งที่เห็นแล้วกลัวไปเลยก็คืองบกระแสเงินสดครับ

เป็นบวกเพราะกู้เงิน

งบดุลมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็ยบวกในปีล่าสุด (ปีก่อนหน้านี้ที่มีโชว์ในงบติดลบตลอด) น่าจะเป็นเพราะกู้เงินมาเช่นเดียวกันครับ

กำไรน่ะมีแน่ครับ แต่วิธีการแต่งตัวเข้าตลาดทำไมดูโฉ่งฉ่างจัง

ipo esso

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 21, 2008 10:31 pm
โดย paul_n
เอามาจาก the intelligent investor ครับ

IPO =
It's Probably Overpriced
Imaginary Profits Only,
Insiders' Private Opportunity ,
Idiotic, Preposterous, and Outrageous.

:la:

ipo esso

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2008 12:01 pm
โดย ply33
จองเต็มแล้วครับ

ทำไมหว่า...

หรือคนอื่น

เห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น

............

กลับไปดูอีกที ดีก่า

ipo esso

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2008 12:03 pm
โดย ply33
หุ้นเอสโซ่ปรอทแตกยอดจองทะลัก3เท่า
ESSO ปรอทแตก นักลงทุนแห่เข้าคิวซื้อดันยอดจองเกิน 3 เท่า "แบงก์กรุงเทพ"แค่ครึ่งวันขายเกลี้ยง 242.9 ล้านหุ้น ส่วน"กรุงไทย"ปิดจองแต่หัววัน เหตุแนวโน้มราคาน้ำมันพีคต่อเนื่อง แถมเงินปันผล 1 บาทยั่วใจ ลุ้นได้ราคาดี 13 บาท

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายตลาดตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เปิดเผยกับ "ข่าวหุ้นธุรกิจ" ว่า วานนี้ (21 เม.ย.) การเปิดจองหุ้นเอสโซ่ผ่านธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงไทยเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีนักลงทุนรายย่อยเข้าคิวจองซื้อหุ้นตั้งแต่เวลา 8.00 น.

ส่งผลให้ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาปิดการจองซื้อหุ้นเอสโซ่ตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวานนี้ เนื่องจากมียอดจองเกินกว่า 3 เท่าของยอดขาย หรือคิดเป็นจำนวน 242.9 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้นักลงทุนรายย่อยจองผ่านธนาคารกรุงเทพที่จำนวน 161.9 ล้านหุ้น

ขณะที่ธนาคารกรุงไทยก็ปิดจองหุ้นเอสโซ่แล้วเช่นกัน  เพราะในช่วงครึ่งวันแรกของวานนี้ยอดจองผ่านธนาคารกรุงไทยเต็มจำนวนยอดขายแล้วที่  161.9 ล้านหุ้น จนต้องเพิ่มยอดจองเป็น  3  เท่า เช่นเดียวกับธนาคารกรุงเทพ จะเห็นได้ว่ามีนักลงทุนสนใจจองหุ้นเอสโซ่จำนวนมาก

"ตัวแทนจำหน่ายปิดจองหุ้นเอสโซ่ตั้งแต่วานนี้จากเดิมที่กำหนดเปิดจองในวันที่ 21-22  เม.ย.51 แต่วานนี้ธนาคารกรุงเทพและธนาคารกรุงไทยก็ปิดจองแล้ว เพราะนักลงทุนรายย่อยเข้าคิวรอซื้อตั้งแต่ช่วงเช้า  ส่งผลให้ยอดจองเกิน 3 เท่าของยอดขายที่กำหนดไว้ตั้งแต่วานนี้"นายอนุวัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเปิดจองหุ้นไอพีโอของเอสโซ่ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจมาต่อแถวเข้าจองซื้อหุ้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น.ของวานนี้ โดยนักลงทุนต้องจ่ายเงินค่าหุ้นช่วงราคาสูงสุด 13 บาทต่อหุ้น หากราคาจริงจะสรุปจากการ Book building  วันที่ 23 เม.ย.นี้ หากออกมาต่ำกว่านี้จะโอนเงินคืนภายหลัง

นักลงทุนรายหนึ่ง  กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สนใจจองซื้อหุ้นเอสโซ่ เนื่องจากคำนึงถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง  และการจ่ายเงินปันผล ขณะที่ในแง่ของพื้นฐานและผลประกอบการของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง  เพราะได้รับประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นและค่าการกลั่นที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง

ขณะที่นักลงทุนอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า สนใจเงินปันผลของเอสโซ่ที่จ่ายในระดับ 1 บาท คิดเป็นอัตราตอบผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูงกว่า 6% ทั้งนี้การที่จะตัดสินใจว่าจะถือหุ้นยาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เข้ามาทำการซื้อขายในวันแรก หากราคาหุ้นสามัญสามารถยืนเหนือจองได้และทรงตัวได้ดีก็จะถือลงทุนในระยะยาว แต่หากราคาหุ้นผันผวนตามภาวะตลาดก็อาจขายหลังได้รับเงินปันผล

นักวิเคราะห์บล.ฟินันซ่า  ระบุว่า เอสโซ่ทำธุรกิจเหมือนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)  หรือ  TOP  และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR   คือมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์  แต่จุดเด่นอยู่ตรงการมีกลุ่มเอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่ใหญ่ของโลกเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบและเทคโนโลยีในการผลิต

โดยปลายปี 50 เอสโซ่ปรับโครงสร้างการเงินครั้งใหญ่ โดยเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม 2.1  หมื่นล้านบาท ,ล้างขาดทุนสะสมโดยการลดทุนโดยการลดพาร์จาก 10 เหลือ 4.889 บาท  เพื่อล้างขาดทุนสะสม ,จัดหาเงินกู้ใหม่รวม 3 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้เดิม และเสนอขายไอพีโอเพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้ระยะสั้น ผลคือทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดเหลือ 0.5 เท่า จากปีก่อนที่ 1.4 เท่า และภาระดอกเบี้ยจ่ายลด 60% จากปีก่อน เหลือ 1.36 พันล้านบาท ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม  คาดว่าแนวโน้มค่าการกลั่นเฉลี่ยของเอสโซ่ในปี  51-52อยู่ที่ 6.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  และ  6.0  เหรียญสหรัฐต่อบาาร์เรล  ตามลำดับ  จากภาวะโอเวอร์ซัพพลายนของภูมิภาค หลังมีปริมาณผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจากอินเดียและจีนที่มีกำลังกลั่นรวม 1.05 และ 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ จะเข้าสู่ตลาดในช่วงปี 51-52 ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงปีละ  7-8 แสนบาร์เรลต่อวันเท่านั้น

ส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ คาดว่า ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะต้นทุนวัตถุดิบแพง ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้คาดลดลง 10%จากปีก่อนเหลือ 5,840 ล้านบาท โดยประเมินราคาเหมาะสมได้แก่ 11 บาท จากราคาไอพีโอ 9-13 บาท