หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 7:45 am
โดย june1500
เห็นแล้วอดเขียนไม่ได้ครับอยากจะสนับสนุน
แนวความคิดเรื่องการสนับสนุนให้ปลูกพืช
พลังงานทดแทนที่นำมาผลิตเอทานอล
หรือไบโอดีเซล

ตอนนี้หลายคนอาจจะมองว่าน้ำมันแพง
ทำให้สินค้าแพงและเราต้องใช้ของแพง
แต่ถ้าเราหันมาใช้ของที่ผลิตในประเทศ
เช่น เอทานอล ไบโอดีเซลให้มาก
ผมคิดว่ากลับเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
เพราะเงินทองแทนที่ไหลออกไปนอกประเทศ
แต่เงินก้อนนี้ก็จะกลับมาสู่คนไทย ภาคเกษตร
ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ที่ดี เพราะเป็นเงิน
ก้อนโตมหาศาล ที่จะกลับเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ
ไทย

เลิกกลัววัตถุดิบเช่น ข้าวโพด น้ำตาล
ที่เอามาทำอาหารคน อาหารสัตว์จะแพง
เพราะสิ่งเหล่านี้ สินค้าอุปโภค บริโภคจะ
ต้องราคาขึ้นไปตามราคาน้ำมันที่แพงขึ้น
อยู่แล้ว คือ ยังไงเราก็ต้องจ่ายแพงอยู่แล้ว
แต่จะจ่ายให้แขก หรือ จ่ายให้คนไทยเราเอง
ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไม่ยากอยู่แล้ว

อยากให้รัฐบาลหนุนเรื่องนี้ให้หนักแน่นกว่าเดิม
เช่น เอทานอลให้ใช้ไปถึง E85 ไปเลย
และออกเป็นกฎหมายเลิกใช้ 91 95
ให้มาใช้ แกสโซฮอลล์ E10-E85 และพวก
ไบโอดีเซล แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
มีเป้าหมายชัดเจน ให้เป็นที่รู้กันของผู้ใช้รถ

ถึงวันที่ประเทศใช้พวกพลังงานทดแทนกัน
ทั้งประเทศ วันนั้นก็จะเป็นวันที่ภาคเกษตร
ไทยกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง  และ เศรษฐกิจไทย
ก็จะดีนำหน้าหลายๆประเทศ เช่น สิงคโปร ญี่ปุ่น
ที่มีที่ดินน้อย หรือ ประเทศที่มีที่ดินราคาแพง
แรงงานราคาแพง

แล้วหุ้นตัวไหนที่ทำพวกพลังงานทดแทนบ้างครับ
ผมว่า น่าสนใจมากเลย

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 9:15 am
โดย chatchai
ผมคิดว่าทางรัฐบาลให้แนวทางที่ชัดเจนมากเลยครับ  จากการที่ลดภาษีรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมัน E20ได้  ซึ่งรถยนต์ที่จะผลิตตั้งแต่นี้คงสามารถใช้ E20 ได้เกือบทุกคัน

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 10:57 am
โดย BHT
เห็นว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่าๆก็ใช้ได้ แต่ตัวถังน้ำมันจะไม่พร้อม เพราะว่ามันมีสารบางอย่างไปกัดกร่อนทำให้ถังน้ำมันรั่วได้ อีกอย่างสภาพอากาศก็มี่ส่วนเห็นว่า อาจทำให้หัวฉีดอุดตันได้เหมือนกัน

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2008 11:19 pm
โดย anakinnet
เปลี่ยนแค่ถังน้ำมันได้ไหม ไม่อยากซื้อรถใหม่อ่ะ ยังใช้ไม่คุ้มเลย

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 8:31 pm
โดย Ryuga
เพราะอาศัยกระแสน้ำมันแพงจนมาถึงการฉุดราคาสินค้าภาคเกษตร เห็นได้ว่า GDP ภาคเกษตรจากที่เคยตกต่ำจนเหลือสัดส่วนเพียง 9.0% เมื่อปี 43 บัดนี้วิ่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนแตะ 11% หวังว่าจะทะลุขึ้นไปอีกพอสมควร แต่ผมไม่คิดว่าเม็ดเงินที่ได้มันจะมากพอจนนำไปสู่การขึ้นเงินเดือนทั้งระบบอย่างที่ท่านเจ้าสัวขายฝันไว้หรอกนะ

เรื่องพวกนี้ภาครัฐกระดิกพลิกตัวช้ามาก เอกชนทำเองไปถึงไหนถึงไหนกันแล้ว อย่างปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าทดแทนน้ำมันได้นั้น 10 ปีที่แล้วเรายังผลิตได้ 2.5 ล้านตันอยู่ มาปีที่แล้ว เราผลิตได้ถึง 6.4 ล้านตันแล้วและก็คงจะสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ท่ามกลางภาวะที่ราคาน้ำมันยังแพงอยู่

ปีที่แล้วเราส่งออกข้าว 9.198 ล้านตัน ได้เงิน 1.193 แสนล้านบาท แต่เพราะกระแสน้ำมันแพง มูลค่าการส่งออกยางจึงสูงกว่าข้าวมา 6 ปีติด
ปีที่แล้วเราส่งออกยาง 2.966 ล้านตัน ได้เงิน 1.944 แสนล้านบาท เฉลี่ยตันละ 60,000 กว่าบาท สรุปได้เงินเยอะกว่าข้าวตั้ง 63% ทั้งๆ ที่ใช้พื้นที่เพาะปลูกน้อยกว่า ใช้สารเคมีน้อยกว่า ใช้น้ำน้อยกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า ชาวสวนยางก็ยิ้มกริ่มไม่เหมือนชาวนาที่พึ่งจะยิ้มออกกับเขาบ้าง

พืชที่คุ้มค่ามากกว่าคนก็ปลูกมากกว่า เป็นแนวคิด VI นะคับ  :wink:  อย่างข้าว ปีที่แล้วได้ 30 ล้านตัน แต่ 20 ปีที่แล้ว ปลูกได้ 20 ล้านตัน
เห็นได้ว่าผ่านมา 20 ปี ผลผลิตเพิ่มแค่ 50% คิดเป็นอัตราทบต้นก็ปีละ 2% เพราะต้นทุนการผลิตสูงไล่เลี่ยกับราคาขายมันก็ไม่จูงใจเกษตรกร

อย่างอ้อย 20 ปีที่แล้วเราได้ 30.8 ล้านตัน ปีที่แล้วเราได้ 69.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นพอสมควร
แต่มันสำปะหลังนั้นแย่ จาก 20 ปีที่แล้วได้ 22.8 ล้านตัน ปีที่แล้วได้ 26.8 ล้านตัน นั่นเพราะมันราคาถูกมาก ถ้าผลักดันเรื่อง ethanol เป็นรูปธรรมชัดเจนคงเห็นอนาคตที่ดีกว่านี้

ประเทศพัฒนาแล้ว ภาคบริการจะเป็นตัวนำเศรษฐกิจทั้งนั้น ไม่มีใครใช้ภาคเกษตรนำหรอก

เรื่องพืชพลังงานนี่ ประเทศที่มีศักยภาพทางการเกษตรเขาทำกันทั้งนั้นแหละ ไม่อยากเรียกว่าโอกาสทองของไทยหรืออะไรทำนองนั้น เพราะที่จริงมันควรจะเรียกว่าโอกาสทองของภาคเกษตรไทยมากกว่า เมื่อราคาผลผลิตอยู่ในระดับสูง ก็เป็นแรงจูงใจให้มีการพัฒนาและจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นระบบมากขึ้น

และเมื่อมันเป็นโอกาสทองของภาคเกษตรไทยแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่า ระหว่าง เกษตรกร กับนายทุนภาคเกษตรนั้น ใครกันแน่ที่จะได้ประโยชน์มากกว่ากัน :8)

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2008 8:56 pm
โดย mamalover
เคยดูสารคดีว่า กว่าจะได้น้ำมันที่กลั่นจากข้าวโพด(ส่วนไหนก็ไม่รู้แหละ ดูผ่านๆ) จะต้องใช้ในปริมาณเยอะมาก ในขณะที่ได้น้ำมันน้อยนิด ซึ่งสารคดี ก็กล่าวสรุปว่า ถ้าจะตัดสินใจก็ต้องคิดดีๆ ...น่าจะประมาณว่า เราอาจจะต้องปลูกข้าวโพดเป็นล่ำเป็นสัน เบียดบังเนื้อที่เพาะปลูกพืชอื่นหรือเปล่า ... อันนนี้ไม่รู้เดาเอา

และมีนักวิชาการหลายคนเสนอทางเลือก พลังงานนิวเคลียร์ แต่ ยังคงมีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะกลัวอันตรายจากการแพร่ของรังสี

โดยส่วนตัวคิดว่า ยังไงก็ต้องมีทางเลือก มาทดแทน น้ำมัน แก๊ซธรรมชาติ อยู่ที่ว่าจะเลือกอะไร

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 08, 2008 10:39 am
โดย 121
ขอขอบคุณข้อมูล ของคุณริว   :shock:

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 08, 2008 11:35 am
โดย sattaya
BHT เขียน:เห็นว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่าๆก็ใช้ได้ แต่ตัวถังน้ำมันจะไม่พร้อม เพราะว่ามันมีสารบางอย่างไปกัดกร่อนทำให้ถังน้ำมันรั่วได้ อีกอย่างสภาพอากาศก็มี่ส่วนเห็นว่า อาจทำให้หัวฉีดอุดตันได้เหมือนกัน
เท่าที่รู้คือ น้ำมัน E20 มีปัญหาคือระบบท่อยางจ่ายน้ำมันเพราะท่อยางสำหรับจ่ายน้ำมันเบนซินจะใช้ยาง NBR เป็นหลัก ยางชนิดนี้จะทนต่อน้ำมันเบนซินได้ดี แต่ถ้าเจอกับเอทธิลแอลกอฮอลแล้ว ยาง NBR จะทนได้ไม่ดีนัก (ไม่ใช่ใช้ไม่ได้นะครับแต่ทนได้ไม่ดีถ้าใช้ในระยะยาวอาจมีปัญหาได้) ดั้งนั้นถ้าใช้แก๊สโซฮอล E10 อาจไม่มีปัญหา แต่ถ้า ใช้กับน้ำมัน E20 อาจทำให้มีปัญหาในระยะยาวได้

ส่วนที่บอกว่า E20 อาจมีปัญหากับเครื่องยนต์เก่านั้นอาจเป็นผลที่เกิดจากท่อยาง เพราะถ้าเป็นยาง NBR จะทนต่อเอทานอลได้น้อย ผลกระทบที่อาจเกิดคือ ในระยะยาวอาจทำให้ยางบวมพองและเนื้อยางหลุดติดไปกับน้ำมันซึ่งเป็นผลให้หัวฉีดอุดตันได้ในที่สุด (ที่บอกว่ายางบวมพองและมีสารเคมีในท่อยางหลุดติดไปกับน้ำมันนี้คงเป็นปริมาณที่น้อยมาก)

ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 11:24 am
โดย teetotal
น่าจะสนับสนุน กรเผยแพร่ความรู้เรื่อง ปุ๋ยหมัก การใช้จุลินทรีย์ ในการเร่งการย่อยสลายองซากพืช ตอนนี้ผมก็ทำปุ๋ยผักตบชวาใช้เองอยู่
ผักตบชวา เต็ม คลองพระพิมล ย่านบางบัวทองเลย
สับๆ หมักๆ ก็เป็นปุ๋ยได้แล้ว
ตาม ต่างจังหวัด มี หมอดิน ประจำหมู่บ้าน

อ่าน กท ธุรกิจ เมื่อเช้า เห็นว่า กำลังจะนำเข้าปุ๋ย

ดิน น้ำ เมืองไทย อุดมสมบูรณ์ มากๆ ถ้าพัฒนาด้านการเกษตร อย่างจริงจัง
อนาคตเมืองไทย ต้องสดใสแน่นอน

เศษหุ้น จาก หุ้นปันผล ใครมีบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2008 11:29 am
โดย teetotal
ผมไม่มีครับ
และไม่อยากมีด้วย
ชอบให้ หุ้นปันผล เป็นหลัก 100 เต็มๆ
ไม่มีเศษเหลือ

หุ้นบางตัว กำลังจะแจก หุ้นปันผล
คนถือ อย่าถือ ตัดแต่ง หรือ เติมเต็ม
เพื่อที่จะทำให้ตัวเองรับหุ้นปันผล แบบไม่มีเศษหุ้น
อันเนื่องมาจากหุ้นปันผลนะครับ

จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระกับเศษหุ้น ติดพอร์ท
ที่ไม่เต็ม 100 หุ้น ที่ขายลำบากกว่า

Re: ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 29, 2011 5:33 pm
โดย pak
ต้นทุนพุ่ง!ผู้ผลิตเอทานอลแห่เจ๊ง
เศรษฐกิจ, 12 ธันวาคม 2554

เอกชนเผยโรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ทยอยปิดหลังต้นทุนสูงกว่าใช้โมลาส แนะแก้โดยอิงราคาตามประกาศ สนพ. เมินข้อเสนอบางจากให้ผู้ค้าน้ำมันซื้ออย่างละครึ่ง

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผู้ค้าและผลิตเอทานอลไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังต้องหยุดผลิตชั่วคราวประมาณ 3 รายเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงไม่คุ้มทุน เพราะราคาหัวมันเฉลี่ยสูงถึง 2.80-3 บาทต่อกิโลกรัม มันเส้นสูง 7-8 บาทต่อกิโลกรัม แต่ไม่เห็นด้วยหากจะแก้ไขปัญหาด้วยการให้ผู้ค้าน้ำมันแบ่งซื้อจากมันสำปะหลังและโมลาสอย่างละ 50% เพราะโรงงานผลิตจากมันสำปะหลังมีน้อยกว่าโมลาส ทางที่ดีผู้ค้าน้ำมันควรจะรับซื้อเอทานอลในราคาอ้างอิง ตามประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
(สนพ.)

“โรงงานผลิตจากมันฯ อย่างเดียวมี 3 แห่ง แต่อีก 4 แห่ง แม้จะผลิตจากมันฯ แต่สามารถปรับไปผลิตจากโมลาสได้ หรือประเภทไฮบริดจ์ แต่ที่ผลิตจากโมลาสมีมากกว่า 10 แห่ง ถ้าซื้ออย่างละ 50% ก็ไม่ใช่ทางแก้เพราะตอนที่โม
ลาสราคาแพงเขาก็รับภาระเช่นกัน แต่ทำไมผู้ค้าไม่ซื้อในราคาอ้างอิง เพราะเฉลี่ยที่ผ่านมาซื้อต่ำกว่าตลอด” นายสิริวุธ กล่าว

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันหันไปซื้อเอทานอลกับผู้ผลิตจากโมลาส แทนการซื้อจากผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง เนื่องจากการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังมีต้นทุนสูงกว่า ทำให้ราคาเอทานอลแพงกว่าโมลาส ประมาณ 2 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ขณะนี้โรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง หลายรายต้องปิดกิจการไป ดังนั้น หากผู้ค้าน้ำมันซื้ออย่างละ 50% เมื่อนำไปผสมกันเพื่อจำหน่ายก็ไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องราคามากนัก

ปัจจุบันการใช้เอทานอลอยู่ระดับ 1 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมทำให้การใช้น้ำมันปรับลดลง จึงส่งผลต่อการใช้เอทานอลลดลงเฉลี่ย 2-3 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งขณะนี้การใช้เริ่มไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าว่าเมื่อถึงเดือน ต.ค. 2555 การใช้น่าจะขยับไปอยู่ที่ 2 ล้านลิตรต่อวัน เพราะรัฐบาลเลิกขายเบนซิน 91.

Re: ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 29, 2011 5:49 pm
โดย neuhiran
ผมว่าสุดท้ายต้องเป็นนิวเคลียร์ ผลิตไฟฟ้า และรถของเราก็ใช้รถไฟฟ้า :D

ผมรู้สึกไม่กลัวนะสำหรับนิวเคลียร์ ผมเห็นประเทศอื่นเขาก็ใช้กัน ในยุโรปก็เกือบทุกประเทศเลย
เดี๋ยวถ้าที่เวียดนามมี แล้วบริหารจัดการไม่ดี เกิดปัญหาเรื่องรั่วขึ้นมา ก็น่าจะมีปัญหามาถึงบ้านเราด้วย

Re: ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 30, 2011 6:45 am
โดย patongpa
ยุโรปมีฝรั่งเศษใช้นิวเครียมากครับนอกนั้นน้อย

เรื่องแอลกอฮอต้องรอพี่ยุ่นเค้าทำเครื่องที่ใช้ได้ก่อน ต่อไปคงขายดี

Re: ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2012 11:01 am
โดย pak
มิตรผลเชียร์รัฐเลิกเบนซิน91 เชื่อกลุ่มแก๊สโซฮอล์จะเพิ่มสูง ช่วยดันราคาพืชพลังงานฉลุย [ โพสต์ทูเดย์, 6 ม.ค. 54 ]

กลุ่มมิตรผล แนะรัฐหันหนุนพลังงานทางเลือก หลังเลิกเบินซิน 91 เตรียม 2 หมื่นล้านผุดโรงไฟฟ้า-
ตั้งโรงงานน้ำตาลใหม่

นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล
กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายยกเลิกเบนซิน 91 ในสิ้นปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้คนกลับมาใช้
พลังงานทางเลือกมากขึ้น หลังจากที่หยุดชะงักไปก่อนหน้านี้ ทั้งในส่วนของแก๊สโซฮอล์ น้ำมันที่มีส่วนผสมของ
เอทานอล เช่น อี85 หรือ อี20 เพราะแนวทางนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตผลทางการเกษตร เช่น
อ้อย และทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น แทนที่จะไปสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกอื่น เช่น พลังงาน
แสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม

Re: ท่ามกลางวิกฤติน้ำมันแพง แต่เป็นแสงสว่างของเศรษฐกิจไทย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 13, 2012 9:54 am
โดย pak
คอลัมน์: Alternative Life: คำถามที่ต้องเร่งตอบ
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Friday, January 13, 2012
ภาสกร พุทธิชีวิน


เห็นเรื่องการขึ้นราคาของบรรดาก๊าซต่างๆ จนถึงขั้นที่มีม็อบรถบรรทุกออกมาปิดถนนกำลังฮอต ก็เลยจะพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เขากำลังพูดถึงบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์กันครับ ความแตกต่างกันระหว่างก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas Vehicles : NGV) กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas : LPG) เป็นอย่างนี้ครับ

ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีองค์ประกอบของก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เป็นก๊าซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ การขนส่งไปยังผู้ใช้จะต้องขนส่งผ่านทางท่อในรูปของก๊าซภายใต้ความดันที่สูง ไม่เหมาะสำหรับขนส่งไกลๆ หรืออาจบรรจุใส่ถังในรูปก๊าซธรรมชาติอัด โดยใช้ความดันสูง หรือเรียกว่า (CNG) ปัจจุบันมีการขนส่งก๊าซธรรมชาติในรูปของเหลว โดยทำให้ก๊าซเย็นลงถึง -160 C จะได้ของเหลวที่เรียกว่า Liquefied Natural Gas หรือ LNG ซึ่งสามารถขนส่งทางเรือไปได้ไกลๆ เมื่อถึงปลายทางก่อนนำมาใช้ก็จะทำให้ของเหลวเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นก๊าซตามเดิม ก๊าซธรรมชาติมีค่าออกเทนสูงถึง 120 RON จึงสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ได้

ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) คนไทยเรียกว่าก๊าซหุงต้ม เป็นสารประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีองค์ประกอบของก๊าซโพรเพน (Propane) เป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศโดยตัว LPG ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ดังนั้น ก๊าซที่หนักกว่าอากาศจึงมีการสะสมและลุกไหม้ได้ง่าย จึงมีการกำหนดให้มีการเติมกลิ่นเข้าไปเพื่อเป็นการเตือนภัยหากเกิดก๊าซรั่วขึ้นมา LPG ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนและกิจการอุตสาหกรรม โดยบรรจุเป็นของเหลวใส่ถังที่ทนความดันเพื่อให้ง่ายต่อการขนส่งนอกจากนี้ ยังนิยมใช้แทนน้ำมันเบนซินในรถยนต์ เนื่องจากราคาถูกกว่าและมีออกเทนสูงถึง 105 RON

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจาก บริษัท ปตท. ครับก๊าซสองตัวนี้ คือสาเหตุที่รถเมล์ รถขนส่ง รถบัส ออกมาปิดถนนวิภาวดี หน้า บริษัท ปตท. เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ม.ค. สาเหตุของการประท้วงเพราะต้องการให้กระทรวงพลังงานชะลอการขึ้นราคาก๊าซสองชนิดนี้ไปก่อน เหตุผลคือยังขาดทุนอยู่ เพราะต้องลงทุนติดตั้งก๊าซ NGV ในรถเป็นเงินจำนวนมาก และการขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG จะทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนอย่างแน่นอน นั่นคือมุมของผู้ประกอบการ

ในมุมของ ปตท. บอกว่าราคาก๊าซ NGV และ LPG เป็นราคาที่ไม่สะท้อนราคาที่แท้จริงของตลาด ปตท.ไม่เคยขึ้นราคาก๊าซเลยตลอดระยะเวลา 10 ปี มียอดขาดทุนสะสมถึง 3.8 หมื่นล้านบาท ตัวเลขจำนวนนี้ดูเหมือนเยอะ แต่ถ้าเทียบกับกำไรตลอด 10 ปี ของ ปตท. ไม่รู้สักกี่ล้านบาท ตัวเลขขาดทุนจึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของ ปตท.

ในมุมของผู้เสียภาษีก็บอกว่าใครใช้อะไรก็ต้องเสียเท่ากับที่ตัวเองใช้ คนใช้น้ำมันก็ต้องยอมรับสภาพราคาน้ำมันที่มันสูงขึ้นใครใช้ก๊าซก็ต้องยอมรับสภาพของราคาที่เป็นจริง มิใช่เอาภาษีของคนใช้รถประเภทหนึ่งมาชดเชยคนใช้รถอีกประเภทหนึ่ง คนกลุ่มนี้มองในมุมของเขาว่า "มันไม่แฟร์"

มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังคงอยู่ที่ราคา 100 เหรียญสหรัฐขึ้นไป ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2554 ที่ราคาอยู่ที่ 106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานต่างๆ ในตลาดโลกจะขึ้นไปเท่าใดก็ตาม แต่ราคาน้ำมัน โดยเฉพาะดีเซล ก๊าซ NGV และ LPG ในประเทศไทยกลับไม่สะท้อนราคาของความเป็นจริงในตลาดโลก นั่นเพราะคนไทยได้อานิสงส์จากการดูแลของรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2553 ที่กำหนดให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละไม่เกิน 30 บาท ทั้งที่ปัจจุบันราคาน้ำมันโลกปาเข้าไป 106 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ ดีเซลคงขยับขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับพลังงานอีก 2 ตัว ที่รัฐบาลชดเชยให้อยู่ในอัตราที่สูงและเป็นระยะเวลานานคงหนีไม่พ้น LPG และ NGV โดยเฉพาะNGV ราคาไม่ขยับมาแล้วราว 10 ปี วันที่ 16 ม.ค.นี้ รัฐบาลจึงประกาศขึ้นราคา LPG กับ NGV พร้อมกัน โดย LPG จะขึ้นต่อเนื่อง และจะทำให้มีราคาสูงกว่าปัจจุบัน 9 บาท ส่วน NGV จะสูงกว่าปัจจุบัน 6 บาท ซึ่งรัฐบาลบอกว่าต้นทุนกับราคาขายนั้นใกล้เคียงกัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าข้างไหนชนะ ผมเชื่อว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ตัวเลขพลังงานจะสะท้อนค่าความเป็นจริงทั้งหมด โดยไม่มีการชดเชยหรือตรึงราคาหน้าปั๊มอีกต่อไป เพราะอีก 3 ปีจะเปิดเสรีอาเซียน รถทุกคันในอาเซียนสามารถวิ่งไปมาหาสู่กันได้ รถประเทศอื่นที่วิ่งมาไทยก็ต้องเติมน้ำมันในบ้านของเราถ้าเรายังตรึงราคาน้ำมันและก๊าซ เราคงจะสาหัสพอสมควร และสุดท้ายไม่มีรัฐบาลไหนในอาเซียนที่จะตรึงราคาพลังงานตัวใดตัวหนึ่งได้อีกต่อไป

รอบๆ บ้านของเราเกือบทุกประเทศ ค่าพลังงานแพงกว่าเราทั้งนั้น และแพงกว่านานแล้ว พวกเขาแข่งกับเราในราคาพลังงานที่สูงกว่าเรามาโดยตลอด แล้วพวกเขาแข่งได้อย่างสูสีและออกจะนำหน้าเราไปด้วย ลองคิดดูนะครับว่าอันตรายแค่ไหน ที่วันหนึ่งเราต้องแข่งกับพวกเขาในราคาพลังงานที่เราต้องจ่ายเท่ากับเขา ถึงเวลานั้นประเทศไทยของเราจะอยู่ตรงไหนของอาเซียน

นี่เป็นคำถามที่เราต้องเร่งหาคำตอบ


--จบ--