หน้า 1 จากทั้งหมด 1

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 4:05 pm
โดย soulmarch
ผมมีเงินเย็นอยู่ 100,000 นึงครับ ไม่อยากเสี่ยงมากกับก้อนนี้นะครับ

ยูโอบี ซีเล็ค โกลบอล วอร์มมิ่ง 1 กองนี้น่าสนไหมอ่ะครับ ประมาณว่าเงินเย็นถือยาวได้ เห็นว่ากองนี้ประกันความเสี่ยงได้เงินต้นครบนะครับ
ผมมองว่าน่าจะดีกว่าฝากพวก MMF หรือ ตราสารหนี้นะครับ ดูเเล้วมีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่า

อีกกองน่าจะเสี่ยงมากขึ้นหน่อย   กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF)
เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น ถ้าจะแบ่งมาสัก 50,000 ลงกองนี้ พี่ๆคิดว่าไงครับ

ขอบคุณคร๊าบบบผม

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 4:15 pm
โดย BHT
เป็นเงินเย็นนี่ ถ้าเก็บแช่แข็งไว้ เอาออกมาก็วางไว้ให้น้ำแข็งละลายก่อนครับ

ระวังอย่าเข้าใกล้แหล่งความร้อน ถ้าเป็นเงินร้อนขึ้นมาจะยุ่ง

:lol:  :lol:  :lol:

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 5:12 pm
โดย Juninho
เอาเงินไปซื้อ ตีแตก อ่านบล๊อกของพี่โยโย่ ให้หมด
อ่าน อินเท็ลลิเจนซ์ อินเวสเตอร์ หนังสือจของปีเตอร์ ลินซ์

แล้วนำเงิน เกือบแสน ไปลงทุนหุ้น แบบวีไอ ให้หมด
แล้วจะรู้ว่า ไม่น่าจะเสียเวลาไปกับการลงทุนอย่างอื่น

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 5:21 pm
โดย Juninho
นำ หลักการลงทุน โดยคุณ สุมาอี้ มาให้อ่านครับ
โดยเฉพาะข้อ 5 และ ข้อ 7

--------------------------------------------------------------
นั่งสรุปหลักการลงทุนที่ผมยึดถือมาให้อ่านกันแล้วครับ
นึกได้แค่ 10 ข้อก่อน

ที่จริงอยากเรียกว่า personal biases มากกว่า ไม่อยากเรียกว่าหลักการลงทุนเท่าไร


1. ซื้อก็ต่อเมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลจนมั่นใจว่ามูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น
ต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่คาดหวังได
้ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง
ซื้อมาแล้วไม่ต้องขายเลยก็ยังกำไร
(กฎข้อนี้สำคัญมากห้ามผ่าฝืนเด็ดขาด)

2. ทิศทางของราคาหุ้นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางทำนายได้
อย่าพยายามทำกำไรด้วยการ BLASH
การเทรดหุ้นทุกวันเปรียบเสมือนการกระโจนเข้าใส่เครื่องบดเนื้อ

3. ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์บริษัทและอุตสาหกรรมให้มากที่สุด
ไม่ต้องให้ความสำคัญกับการทำนายทิศทางเศรษฐกิจมหภาค
เรือทุกลำต้องเผชิญพายุเหมือนกันหมด
จงพยายามเลือกเรือลำที่ดีที่สุด
แทนที่จะพยายามคาดเดาว่าพายุจะมาเมื่อไร

4. ราคาหุ้นไม่มีความสัมพันธ์กับกำไรในปัจจุบัน
แต่จะวิ่งไปตามความเชื่อของตลาดว่า
พรุ่งนี้กำไรของบริษัทจะเป็นเท่าไร
หุ้นที่ขึ้นไม่ใช่หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี แต่หุ้นที่ขึ้นคือหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีในวันนี้แต่
กำลังจะดีขึ้นวันหน้าหรือหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีอยู่แล้วและจะดีขึ้นไปอีก

5. หุ้นบูลชิพที่เติบโตช้า แม้ downside จะต่ำ -20% แต่ upside
ก็ต่ำด้วย +20% หุ้นเติบโตสูงจึงน่าลงทุนมากกว่าเพราะแม้ว่า downside
ของมันอาจจะมากถึง -100% แต่ upside ของมันไม่มีขีดจำกัด
(อาจเป็น 200% 500% 1000%...)
พอร์ตที่มีหุ้นเติบโตสูงหลายๆ
ตัวแม้จะผันผวนมากกว่าแต่จะวิ่งได้ไกลกว่า
พอร์ตที่เต็มไปด้วยหุ้นบูลชิพในระยะยาวๆ

6. อย่าให้ความสำคัญกับ dividend yield มากนัก
เพราะไม่มีกฎว่าบริษัทต้องจ่ายเงินปันผลเท่าเดิมทุกปี
จงสนใจว่าบริษัทเอา retained earnings
ไปลงทุนทำอะไรมากกว่า มูลค่าของบริษัทจะเพิ่มขึ้น
ได้ก็ต่อเมื่อบริษัทลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเท่านั้น

7. หุ้นเป็นหลักทรัพย์ที่มีผลตอบแทนคุ้มค่ากับการเสี่ยงมากที่สุด
อย่าเสียเวลาคิดว่าควรแบ่งเงินไปลงตราสารหนี้เท่าไรหุ้นเท่าไร
เงินส่วนใหญ่ของคุณควรอยู่ในหุ้นกับเงินสดตลอดเวลา
อย่ากลัว market crash เพราะในระยะยาวๆ
ไม่มีตลาดหุ้นไหนในโลกที่ไม่สามารถกลับมาสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมได้
เพราะเศรษฐกิจในระบอบทุนนิยมโตต้องขึ้นเรื่อยๆ


8. จงละเลยหุ้นที่มีประวัติเรื่องเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย
หรือมีพฤติกรรมดูแลราคาหุ้นแม้แต่ครั้งเดียว
ราวกับว่าบริษัทเหล่านั้นมิได้ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์

9. โอกาสในตลาดหุ้นไม่ได้มีมากขนาดหาได้ทุกวัน
มิฉะนั้นผู้คนคงเลิกทำงานประจำ บริษัทคงเลิกนำเงินไปลงทุนนอกตลาด
ในบรรดาหุ้น 20 ตัวที่คุณอยากซื้อในหนึ่งปี
จงใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่ซื้อแค่ 1-2 ตัวที่คุณคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
ใน 20 ตัวนั้น คุณจะพบว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าการแบ่งเงินออกเป็น
20 ส่วนเพื่อซื้อทั้ง 20 ตัว

10. นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จร้อยทั้งร้อยมีความคิดที่เป็นอิสระ
ถ้าคุณจอดรอไฟแดงอยู่ที่สี่แยกที่ไม่มีรถวิ่งอยู่
แต่รถคันหลังรุมกดดันคุณด้วยการบีบแตรไล่ให้คุณวิ่งออกไปเลย
ถ้าคุณไม่สนใจแรงกดดันนั้นและรอจนไฟเขียวจึงค่อยไป
คุณมีแนวโน้มที่จะเล่นหุ้นแล้วประสบความสำเร็จครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 10:09 am
โดย กาละมัง
คุณ frog 2 หวังดีและแนะนำได้ดีมากครับ แต่คุณ soulmarch ต้องอ่านให้เข้าใจ ตามที่คุณ frog2 แนะนำ เช่น การอ่าน blog อย่างละเอียด  แล้ว click ให้ได้ก่อนการตัดสินใจลงทุนนะครับ  จะได้ไม่ขาดทุนตามมา

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 1:30 pm
โดย nara
ข้อแรกนี้ก็ท่าจะไม่ผ่านเสียแล้วละครับ

" 1. ซื้อก็ต่อเมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลจนมั่นใจว่ามูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น
ต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่คาดหวังได้
ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง
ซื้อมาแล้วไม่ต้องขายเลยก็ยังกำไร
(กฎข้อนี้สำคัญมากห้ามผ่าฝืนเด็ดขาด) "

คำถาม

1. มูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น  ดูได้จากที่ไหนครับ
2. มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมด ที่คาดหวังได้ของบริษัทดูได้จากอะไรบ้างครับ

อยากได้ตัวอย่างเล็กๆ สักตัวอย่างครับ

(อ่านมาตั้งมากแล้วในเวป แต่ยังมองไม่ออกเลยละครับ)
ขอบคุณครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 2:18 pm
โดย Radio
1 มูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น=ราคาหุ้นXจำนวณหุ้น
2 มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต= มีวิธี
คำนวณซึ่งหาอ่านได้ในหนังสือ การวิเคราะห์มูลค่าหุ้น
ด้วยตัวคุณเอง ซึ่งแต่งโดยแม่ทัพ สุมาอี้  หาซื้อได้
จาก SE-ED book (ไม่ทราบว่าขายหมดหรือยัง)

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 2:43 pm
โดย nara
ผมดูข้อมูลจากใน www.settrade.com

ยกตัวอย่างมาสักตัวนะครับ

ราคาล่าสุด 19.00 บาท

ข้อมูลสถิติ ณ 24/24/2008
- ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 11.69
- ผลตอบแทนเงินปันผล = 6.29%
- กำไรต่อหุ้น (บาท) = 1.64
- เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 1.2
- ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 2.56
- ราคาพาร์ (บาท) =1.00
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 12,422.95
- จำนวนหุ้นจดทะเบียน  = 653,839,448

ตามที่ท่านแนะนำมา ให้ เอา ราคาหุ้น X จำนวนหุ้น
จะได้ 19.00 X 653839448 = 12422949512 พอดีเป๊ะเลย

ขอบคุณครับ

ตามข้อ 1 นี่เป็นมูลค่าของบริษัทตามตลาด ซึ่งผู้ค้าหุ้น
ในตลาด กะเกณท์กันเอาเอง ประมาณนั้นใช่มั้ยครับ

แหม แต่ข้อ 2 นี พอแนะนำให้สักเล็กน้อยในที่นี้ได้มั้ยครับ
ผมเข้าใจว่าถ้าหา "มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต"
ของบริษัทได้แล้ว นำมาหารจำนวนหุ้น ก็จะได้ราคาหุ้นที่ถูกตรงนะสิครับ

อยากเห็นภาพสักเล็กน้อยก่อนไปหาหนังสืออ่าน ครับ

ขอบคุณครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 3:22 pm
โดย saichon
ผมก็เป็นมือใหม่เหมือนกับเจ้าของกระทู้ครับ
ใหม่ๆ ผมก็ไปหาหนังสือ เกี่ยวกับการหามูลค่าเงินสดในอนาคต(DCFอะไรเนี่ยแหละครับ)มาศึกษา แต่อาจเพราะไอคิวไม่ค่อยดีและดูแล้วค่อนข้างใช้งานยากไปหน่อยสำหรับผม :oops:
หลังๆผมเลยประเมินราคาคร่าวๆโดย
   ประเมินการเติมโตของธุระกิจเอา เช่น โตปีละ 20 เปอร์เซ็นต์ ผมกะถือหุ้น 5 ปี
คิดว่าค่าอัตรา ราคาหุ้น/กำไรต่อหุ้น(ที่เค้าเรียกกันว่าPE) ประเมินว่าเท่าเดิม ราคาหุ้นเป้าหมายในใจคือ 1 เด้งในเวลา 5 ปี  เมื่อถึงผมก็จะขาย แต่ถ้าแนวโน้มธุระกิจยังไปได้ดี ผมก็จะถือต่อไป(ยังถือไม่ถึง 5ปีซักตัวครับ เพราะเพิ่งเริ่มลงทุน)
   คิดมั่วๆเอาแบบนี้แหละครับ ถูกผิดประการณ์ใดพี่ๆที่มีประสบการณ์ช่วยแนะนำเพิ่มเติมด้วยก็ดีครับ
   เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้น๊ะครับ  :D

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:02 pm
โดย Radio
แหะ ๆ  ผมเห็นด้วยกับคุณ Saichon ว่าการหา Discount
cash flow ( มูลค่าเงินสดในอนาคต) มันยาก และคลาด
เคลื่อนได้มาก (ถ้าเราไม่ชำนาญทางด้านบัญชี )
  วิธีการของผมก็มั่วๆ คล้ายคุณ Saichon แต่ของผมมอง
ระยะสั้นหน่อย คือมองเป็นปี โดยจะหาข้อมูลให้ได้มาก
ที่สุดว่าสิ้นปีนี้ หุ้นตัวนี้ควรจะมี EPS เท่าไร จากนั้นเอามา
คูณด้วย PE เฉลี่ยย้อนหลังหลายๆปี (เท่าที่จะหาได้)
ก็จะได้ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในอนาคต  จากนั้นตั้ง
Safety margin สำหรับผมคือ 30% ( คนอื่นอาจจะ
40-50%) ดังนั้นราคาที่ผมจะซื้อคือ= ราคาในอนาคต
ที่คำนวณได้หารด้วย 1.3 (ถ้าเผื่อ Safety margin 40%
ก็หารด้วย 1.4)

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:08 pm
โดย nara
มือใหม่อย่างเราๆ ก็ต้องลำบากแบบนี้ไปก่อนละครับ
มือเก่าๆ เขาก็คงลำบากมาก่อนเรามากแล้ว  ผมเองหาข้อมูล
จาก web ตามที่บอก และอ่านจากหนังสือมาพอควรแต่
ก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับมือใหม่ อื่นๆ คือ อ่านไม่เข้าใจ
จับประเด็นไม่ค่อยจะได้

อย่างการหามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท  เพื่อหามูลค่าที่แท้จริง
ของราคาหุ้น ผมว่าคงมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี และ น่าจะเป็นค่า
ที่เป็นช่วงกว้างๆ เสียมากว่า ที่จะเป็นเพียงค่าใดค่าหนึ่งเท่านั้น

ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้านำทรัพย์สินของบริษัททั้งหมด ออกมาขาย
ได้เงินเท่าไร ก็น่าจะเป็นมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท แต่ไม่แน่ใจนัก
ว่าการคิดแบบนี้เป็นวิธีหนึ่งจริงๆ หรือไม่

บางครั้งก็ได้ยินมาทำนองว่า แม้จะใช้สูตร หรือ วิธีคิดเดียวกัน
พอให้แต่ละคนคิด ก็อาจจะได้คำตอบออกมาคนละค่า ก็เป็นได้
ไม่อย่างนั้น คงไม่มีเซียน ให้เราได้เรียบรู้หรอกนะครับ

หลายครั้งก็ได้ยินทำนองว่า สำนักใครสำนักมัน คือมีหลายตำรา
ประมาณนั้น

ถ้ามีคนมาแนะนำ การคิดคำนวณอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพกันก่อนก็ดีนะครับ
แต่ถ้าจะแนะนำให้อ่าน กระทู้นั้น กระทู้นี้ก่อน หรือ อ่านเล่มนั้นก่อน ผมว่า
ก็คงไม่เห็นภาพ จากการสรุป ของผู้รู้ และ ผู้มีประสบการณ์มาก่อนหรอก
นะครับ มือใหม่แต่ละคนก็คงอ่านกันมาไม่น้อยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:11 pm
โดย nara
ผมกด post ตามหลังคุณ Radio ไปนิดเดียวเองครับ
ตามที่แนะนำมา ใช่เลยครับ แบบง่ายๆ อย่างที่อยากได้
แต่

หากนำตัวเลขที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นโจทย์ จะพอแนะนำ
ตามหลักของคุณ Radio ได้มั้ยครับ

ขอบคุณครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:37 pm
โดย Radio
การคิดแบบของผมมีดังนี้
  สมมุติว่าEPS ตัวนี้โต 10%
EPS ปีที่แล้ว=1.64 โต 10% ดังนั้น EPS ในอนาคต
= 1.64+0.16=1.8
PE = 11.69
ราคาที่ควรจะเป็นในอนาคต=1.8X11.69=21 บาท
เผื่อ Safety margin 30%
ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.3=16 บาท      
  ผมก็คิดมั่วๆแบบนี้แหละ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 4:51 pm
โดย nara
จากคำแนะนำ ของคุณ Radio
-------------------------

สมมุติว่าEPS ตัวนี้โต 10%
EPS ปีที่แล้ว=1.64
โต 10% ดังนั้น EPS ในอนาคต = 1.64+0.16=1.8

PE = 11.69
ราคาที่ควรจะเป็นในอนาคต=1.8X11.69=21 บาท

เผื่อ Safety margin 30%
ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.3=16 บาท      

เผื่อ Safety margin 40%
ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.4=15 บาท      

-------------------------
ตรงใจผมมากเลยครับ

อย่างนี้แล้ว เพื่อความปลอดภัย หุ้นตัวนี้ควรให้ราคาลงมา
จนถึง 15-16 บาทค่อยซื้อจะดีกว่านะครับ
แต่ถ้า ไม่มี safety เลย ซื้อในราคา 19.00 บาทตอนนี้เลยก็ได้
เพราะเราคาดว่าจะได้ราคาใน อนาคตที่ 21 บาท

อยู่ที่ใจจริงๆ นะครับ ว่าจะเสี่ยงกันแค่ไหน

ขอบคุณมากครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 26, 2008 10:05 am
โดย Radio
ผมขออนุญาต บังอาจเตือนคุณ Nara ไว้หน่อยครับ
ขั้นตอนที่คำนวณราคาที่จะซื้อ และเป้าหมาย เป็นขั้น
ตอนสุดท้ายนะครับ  ขั้นตอนแรกๆคือ ต้องดูบัญชี
P/E,D/E,ROA,ROE,P/BVและอื่นๆ ว่าเป็นหุ้นที่ใช้ได้
ไม่ใช่หุ้นเน่าๆ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 26, 2008 8:17 pm
โดย MindTrick
คุณ soulmarch เงินคุณยังไม่เย็นหรอกครับ พูดจริงๆ

ถ้าเย็นจริง ต้องเสียไปทั้งหมดโดยไม่รู้สึก ไม่เดือดร้อนได้

มีที่นึง ที่ปลอดภัยที่สุด และ รายได้ชนะดอกเบี้ยแบงค์  คือ พันธบัตร ครับ ไปซื้อพันธบัตร ถือไว้ จะซื้อยังไงลองถามตามโบรก ตามแบงค์ดู
แล้วระหว่างถือ ก็ศึกษาวิธีการลงทุนแบบ Value investing ในหุ้น แล้วลองซื้อขายแบบสมมติเองจดในกระดาษ ทำสัก6เืดือน ครับ


ลองตามนี้ แล้วถ้าผลออกมาเงินเหลือไม่ต่ำกว่า 60% ของทุนที่สมมติไว้
ผมมั่นใจว่า ความเป็นไปได้ที่คุณจะเสียเงินจริงก้อนนั้นทั้งหมด ไม่ถึง 10% ครับ
ค่อยมาลงสนามจริงได้  :wink:

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 26, 2008 8:52 pm
โดย nara
ผมขออนุญาต บังอาจเตือนคุณ Nara ไว้หน่อยครับ
ขั้นตอนที่คำนวณราคาที่จะซื้อ และเป้าหมาย เป็นขั้น
ตอนสุดท้ายนะครับ  ขั้นตอนแรกๆคือ ต้องดูบัญชี
P/E,D/E,ROA,ROE,P/BVและอื่นๆ ว่าเป็นหุ้นที่ใช้ได้
ไม่ใช่หุ้นเน่าๆ
อย่าคิดกันอย่างนั้นเลยครับ คุณ Radio
ผมต้องขอขอบคุณเสียด้วยซ้ำครับ เพราะทำให้เราได้แง่คิดเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณครับ

ผมลองยกข้อมูลหุ้นตัวนี้ ตามคำแนะนำต่ออีกสักเล็กน้อยนะครับ

ผลประกอบการจาก ปี 2550
=======================
สินทรัพย์ (ล้านบาท) 9,682.76
หนี้สิน (ล้านบาท) 4,830.96
ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท) 4,851.80
ทุนที่เรียกชำระแล้ว (ล้านบาท) 650.75
รายได้ (ล้านบาท) 3,521.04
กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท) 1,062.75
ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)* 16.78
ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)* 22.62
อัตรากำไรสุทธิ (%) 30.18
========================

ทั้งนี้ค่าเหล่านี้เมื่อดูย้อนหลัง 3 ปีแล้ว
มีค่าเพิ่มขึ้นแทบทุกตัวเลยครับ


ส่วนข้อแนะนำของคุณ Radio

1. ค่า P/E คือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 11.69
โดยทั่วไปน่าจะไม่มากไปนะครับ เพราะ ทั่วไป คงประมาณ 11 เท่า

2. ค่า P/B คือ ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 2.56
ค่านี้ถ้าจะว่ามากไป ก็มากกว่า 2 ไปซะหน่อย เห็นอ่านมาเขาว่า
ไม่ควรเกิน 2 เท่ากระมังครับ

3. ค่า ROA คือ ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)* = 16.78
เข้าใจว่า ถ้าเกิน 15 ขึ้นไปน่าจะดี

4. ค่า ROE คือ  ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)*= 22.62
เข้าใจว่า ถ้ามากๆ แล้วจะดี ผมก็ไม่รู้ว่ามากแค่ไหนดี

5. ส่วนค่า D/E นั้นไม่รู้จะดูอย่างไร

สำหรับผมเองก็คิดว่าค่าเหล่านี้ พอไปได้นะครับ
น่าจะเป็นหุ้นที่ต้องจำตาดู แต่ที่ยังสงสัยก็คือ
"มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสด" นั่นแหละครับ
จากกฎข้อ ที่ 1 ที่ว่า
ซื้อก็ต่อเมื่อได้วิเคราะห์ข้อมูลจนมั่นใจว่ามูลค่าตลาดของหุ้นตัวนั้น
ต่ำกว่ามูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่คาดหวังได
้ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง
ซื้อมาแล้วไม่ต้องขายเลยก็ยังกำไร
(กฎข้อนี้สำคัญมากห้ามผ่าฝืนเด็ดขาด)
จะดูได้จากอะไร ดูได้จากงบดุลหรืออย่างไรครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 26, 2008 9:10 pm
โดย BHT
ตอบแบบมีสาระบ้าง

ผมว่าพอมีเงินแล้วคิดจะลงทุน มันมีทางเลือกหลายอย่างนะ การบอกว่าไม่อยากเสี่ยง คือไม่รู้ว่าเงินจะสูญมั้ย ดังนั้นทางแก้คือความรู้ ไม่เกี่ยวหรอกครับว่าจะลงทุนอะไร ไปขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือ ซื้อหุ้น ก็มีโอกาสเสี่ยงเท่ากันที่จะเจ๊งหมดเงินก้อนนี้ได้

จะเลือกลงทุนอะไร ก็แล้วแต่ถนัด แล้วแต่ว่าเรารู้มากน้อยแค่ไหน ผลตอบแทนที่ได้แม้จะน้อย แต่สบายใจ เข้าเงื่อนไขที่ไม่อยากให้เงินต้นหดหาย ก็โอเคแล้วครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 27, 2008 2:44 pm
โดย kin
ขอช่วยตอบเจ้าของกระทู้ครับ

ถ้าเป็นเงินเย็นจริงๆ และมีความสนใจลงทุนในตลาดหุ้น ผมคิดว่าแนวทาง VI เป็นหลักการที่ดีอย่างหนึ่งที่คุณจะใช้เป็นทางเลือกได้

หากจะลงทุนแนว VI แนะนำให้ศึกษาจากหนังสือ "ตีแตก" ของ ดร.นิเวศน์ เป็นเล่มแรก จะทำให้ได้แนวคิดและหลักการพื้นฐานเกียวกับการลงทุนแนวนี้ เพื่อเราจะได้เข้าใจภาพรวมทั้งหมดก่อน

จากนั้นจึงค่อยมาศึกษาในรายละเอียดว่าเราต้องรู้อะไรบ้าง เช่น การศึกษาบริษัท การหามูลค่าที่แท้จริง หรือค่าต่างๆที่เกี่ยวกับการคำนวณ ตามที่ท่านต่างๆได้โพสต์ไว้ครับ

แม้เราจะคำนวณค่าต่างๆเป็น แต่ยังไม่เข้าใจหลักการที่แท้จริงและไม่เข้าใจว่าแต่ละค่าที่ได้นั้นเอาไปทำอะไรต่อ ก็ไม่มีประโยชน์ และคงไม่ช่วยให้ผลตอบแทนการลงทุนดีขึ้นได้ แม้ว่าจะคำนวณได้ถูกต้องเพียงใดก็ตาม

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 27, 2008 9:37 pm
มาเสริมครับ เรื่องหนังสือตีแตก ตอนนี้ พิมพ์ใหม่แล้วมีจำหน่ายที่ซีเอ็ด
รีบไปซื้อนะครับ
เล่มที่พิมพ์ครั้งแรก ขาดตลาดไปนานมากๆ demand มากกว่า supply กว่าจะพิมพ์ครั้งนี้
เดี๋ยวเกิดหมดแผงอีกรอบอย่าหาว่าไม่เตือนนะครับ  :lol:

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 28, 2008 1:42 am
โดย Ryuga
[quote="nara"]จากคำแนะนำ ของคุณ Radio
-------------------------

สมมุติว่าEPS ตัวนี้โต 10%
EPS ปีที่แล้ว=1.64
โต 10% ดังนั้น EPS ในอนาคต = 1.64+0.16=1.8

PE = 11.69
ราคาที่ควรจะเป็นในอนาคต=1.8X11.69=21 บาท

เผื่อ Safety margin 30%
ราคาที่ผมจะซื้อ= 21/1.3=16 บาท

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 28, 2008 7:59 am
โดย nara
คุณ Ryuga กำลังบอกใบ้อะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์แน่ๆ เลย
แต่มือใหม่อย่างผม ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ ขอรบกวนคุณ Ryuga ให้
รายละเอียดสำหรับมือใหม่หน่อยนะครับ  ขอบคุณครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 28, 2008 8:13 am
โดย por_jai
[quote="Ryuga"]
คิดแค่ปีเดียวอาจจะพลาดอะไรดีๆ ก็ได้นะครับ

รบกวนพี่ๆหน่อยนะครับ เงินเย็น 1 แสนเอาไปที่ไหนดีครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 2:31 am
โดย Ryuga
เพราะกิจการมาก่อน คำนวณตามหลัง
การหา intrinsic value นั้น หากันได้หลายแบบ แต่ละคนก็อาจได้ไม่เท่ากัน
นอกจากจะไม่เท่ากันแล้ว ก็อาจตั้ง margin of safety ไม่เท่ากันอีก
และเพราะว่าการคิดนั้นราคาตลาดเป็นตัวแปรด้วย margin of safety จะแปรผกผันกับราคาตลาดเสมอ

ปกติ margin of safety จะถูกโฉลกเป็นพิเศษกับพวกหุ้นก้นบุหรี่ (ซึ่งเป็นสไตล์อาจารย์เกรแฮมอยู่แล้ว) แต่อาจจะพลาดได้มากกับหุ้น growth ถ้าเราคิดอนุรักษ์นิยมไปก็อาจตกรถไฟได้ง่าย
สมมุติว่าการเติบโตของกำไรเป็นแบบนี้
2547   +40.18%
2548  +133.79%
2549   +27.76%
2550   +22.27%
ถ้าภายใน 1 ปีจากนี้เขาเกิดชะลอโดยโตแค่ 10% แต่ในอนาคต 5 ปี 10 ปี ต่อไปยังโตทบต้นได้ 15-20% เราจะเจ็บก้น (จากการตกรถไฟ) ด้วยโอกาสค่อนข้างสูงทีเดียว

เพราะ margin of safety แปรผกผันกับราคาตลาด การมองปีเดียวจึงมีส่วนคล้ายกับการเล่นกับความผันผวนของตลาดในรอบ 1 ปี
ถ้าราคาตลาดปัจจุบัน 10 บาท คาดว่ากำไรโต 10% และตลาดให้ P/E เท่าเดิม
ราคาเป้าหมาย = 10*(1.1) = 11 บาท
ราคามี mos30% จะ = 11/(1.3) = 8.46 บาท

ถ้าราคาตลาดปัจจุบัน 10 บาท คาดว่ากำไรโต 20% และตลาดให้ P/E เท่าเดิม
ราคาเป้าหมาย = 10*(1.2) = 12 บาท
ราคามี mos30% จะ = 12/(1.3) = 9.23 บาท

ถ้าราคาตลาดปัจจุบัน 10 บาท คาดว่ากำไรโต 10% ทบต้นอย่างสม่ำเสมอตลอด 10 ปี และตลาดให้ P/E เท่าเดิมเมื่อครบปีที่สิบ
ราคาเป้าหมาย = 10*[(1.1)^10] = 25.94 บาท
ราคามี mos30% แบบทบต้นตลอด 10 ปี จะ = 25.94/[(1.3)^10] = 1.88 บาท

ผมไม่แปลกใจที่นักลงทุนจำนวนมากเล่นกับความผันผวนเหล่านี้ของตลาด อัตราผลตอบแทนสูงๆ จากการถือยาวจะเกิดจากหุ้น growth เท่านั้น
สมมุติว่าขนาดกองทุนโกดังอยู่ที่ 5,650 บาท ภายใน 10 ปี คิดว่าจะโต ไป 100,000 บาท
อัตราการเติบโตทบต้น = [(100,000/5,650)^(1/10)]-1 = 33.29%
มันเว่อร์ดีมั้ยคับ :lol:  ถ้าเราคิดว่า10 ปีจากนี้เขาอาจโตทบต้นสูงถึง 33.29% ราคามี mos 30% จะกลาย 12.84 บาท ไปเลย ราคาตลาดปัจจุบันที่ 10 บาท กลายเป็นถูก

mos สูงๆ เป็นเรื่องดีครับ ผมเองก็ใช้นโยบายเช่นนี้

ยกตัวอย่างมั่วๆ ไร้สาระหน่อยนะคับ เพราะจริงๆ เรื่องพวกนี้ต้องพี่ yoyo คับ :8)