มือใหม่ส่งการบ้าน
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 1
หลังจากฟังรายการ money talk daily มาได้เดือนหนึ่ง อ่านหนังสือ
ที่เขาแนะนำกันมาหลายเล่ม และเข้ามาอ่านเวป thaivi อยู่หลายกระทู้
ผมจึงตกลงใจจะนำเงินออม ออกมาลงทุนในหุ้น เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง
แต่ด้วยเพราะไม่เคยลงทุนแบบนี้มาก่อนเลย
จึงต้องทำการบ้านเยอะหน่อย ตามคำแนะนำ และ เห็นว่าต้องฝึกความอดทน
ให้มาก ซึ่งก็ได้ฝึกทันที เพราะพอได้ข่าวว่าและรู้เรื่องนำ้มันแพง ก็เริ่มคิดว่า
หุ้นตัวไหน น่าจะได้รับประโยชน์ แต่มือใหม่อย่างเราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า
น้ำมันแพงแล้ว ถ่านหิน หรือ นำ้มันพืชจะเป็นตัวเลือกตัวต่อไป ต่อให้นึกออก
ก็ไม่รู้อีกแหละว่า หมายถึงหุ้นตัวไหนบ้าง จึงได้ฝึกความอดทน ดูเพื่อนๆ เก็บ
ผลประโยชน์ไปตามๆกัน
ต่อมา พอ ข้าวแพง ก็เริ่มมองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์ แต่ความรู้เท่าหางอึ่ง
จะไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัท หรือ หุ้นตัวไหน ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้าว
พออ่านหนังสือพิมพ์ พบว่าหุ้นบางตัวที่ทำธุรกิจส่งออข้าว
ทำราคาขึ้นไป 400 % ก็ได้แต่ทำตาโต หูผึ่ง และ อดทน
มองดูเพื่อนที่ลงทุนในหุ้นตัวดังกล่าว ได้กำไรก้อนโตกันไปตามๆ
แต่ต่อให้รู้และตามเขาทัน เราก็ยังไม่ได้เปิดบัญชีกับใครเขา เหอะ ๆ
นี่แหละครับ บทเรียนแรก คือ ความอดทน
ที่เขาแนะนำกันมาหลายเล่ม และเข้ามาอ่านเวป thaivi อยู่หลายกระทู้
ผมจึงตกลงใจจะนำเงินออม ออกมาลงทุนในหุ้น เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง
แต่ด้วยเพราะไม่เคยลงทุนแบบนี้มาก่อนเลย
จึงต้องทำการบ้านเยอะหน่อย ตามคำแนะนำ และ เห็นว่าต้องฝึกความอดทน
ให้มาก ซึ่งก็ได้ฝึกทันที เพราะพอได้ข่าวว่าและรู้เรื่องนำ้มันแพง ก็เริ่มคิดว่า
หุ้นตัวไหน น่าจะได้รับประโยชน์ แต่มือใหม่อย่างเราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า
น้ำมันแพงแล้ว ถ่านหิน หรือ นำ้มันพืชจะเป็นตัวเลือกตัวต่อไป ต่อให้นึกออก
ก็ไม่รู้อีกแหละว่า หมายถึงหุ้นตัวไหนบ้าง จึงได้ฝึกความอดทน ดูเพื่อนๆ เก็บ
ผลประโยชน์ไปตามๆกัน
ต่อมา พอ ข้าวแพง ก็เริ่มมองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์ แต่ความรู้เท่าหางอึ่ง
จะไปรู้ได้อย่างไรว่า บริษัท หรือ หุ้นตัวไหน ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับข้าว
พออ่านหนังสือพิมพ์ พบว่าหุ้นบางตัวที่ทำธุรกิจส่งออข้าว
ทำราคาขึ้นไป 400 % ก็ได้แต่ทำตาโต หูผึ่ง และ อดทน
มองดูเพื่อนที่ลงทุนในหุ้นตัวดังกล่าว ได้กำไรก้อนโตกันไปตามๆ
แต่ต่อให้รู้และตามเขาทัน เราก็ยังไม่ได้เปิดบัญชีกับใครเขา เหอะ ๆ
นี่แหละครับ บทเรียนแรก คือ ความอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
เลือกลงทุนในบริษัทใดดี
โพสต์ที่ 2
การมองธุรกิจ หรือ แนวโน้มธุรกิจที่มีอนาคต ก็ต้องยอมรับครับว่า "ดูไม่เป็น"
แต่ก็ฟังๆ และ อ่านๆ เอา ดูตามคนอื่นๆ เขาไปก่อน การบ้านที่ผมตั้งใจทำ
และตั้งใจส่งมาให้คุณครูช่วยตรวจ ก็คือ การศึกษาบริษัทที่เราจะลงทุนครับ
เอาเป็นว่า ผมเลือกบริษัทเกี่ยวกับการผลิตสินค้า มา หนึ่งบริษัท แล้วลองฝึก
การศึกษาการทำธุรกิจของบริษัทนี้ เป็นการบ้าน สำหรับหัวข้อนี้ก็แล้วกันนะครับ
ข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท
--------------------------------31/12/07----------31/12/06----------31/12/05
สินทรัพย์ (ล้านบาท)----------4,320.21----------2,721.76----------2,150.58
หนี้สิน (ล้านบาท)-------------2,482.61----------1,131.62------------646.93
ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท)-------1,826.90----------1,580.43----------1,495.07
ทุนที่เรียกชำระแล้ว (ล้านบาท)--200.00-------------200.00------------200.00
รายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42
กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43
ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)---------14.66----------------8.56--------------12.34
ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)------17.40----------------9.78-------------13.54
อัตรากำไรสุทธิ (%)----------------5.92-----------------4.02--------------6.46
ผมลองเอาข้อมูลมาให้ดูย้อนหลัง 3 ปี
เห็นเขาแนะนำให้ดูภาพรวมของบริษัทก่อนว่ามีผลดำเนินการเป็นอย่างไร
ก็พอเห็นแนวโน้มว่ามีขาดทุนในปีก่อน และ เริ่มมีกำไรมากขึ้น
ถือเป็นตุ๊กตาเท่านั้นนะครับ อาจจะไม่ใช่หุ้นตัวที่ดีที่สุด แต่ที่น่าสนใจ
คงเป็นเรื่องการปันผลกระมังครับ ตามข้อมูลต่อไปนี้
ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ 4.55
กำไรต่อหุ้น (บาท) 14.82
ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี 0.74
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) 1,350.00
ผลตอบแทนเงินปันผล 5.93%
เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) 4.0
ราคาพาร์ (บาท) 10.00
จำนวนหุ้นจดทะเบียน 20,000,000
เพราะพอเห็นว่าปันผลต่อหุ้นถึง 4.00 ก็นับว่าน่าสนใจพอสมควร
แต่ก็ฟังๆ และ อ่านๆ เอา ดูตามคนอื่นๆ เขาไปก่อน การบ้านที่ผมตั้งใจทำ
และตั้งใจส่งมาให้คุณครูช่วยตรวจ ก็คือ การศึกษาบริษัทที่เราจะลงทุนครับ
เอาเป็นว่า ผมเลือกบริษัทเกี่ยวกับการผลิตสินค้า มา หนึ่งบริษัท แล้วลองฝึก
การศึกษาการทำธุรกิจของบริษัทนี้ เป็นการบ้าน สำหรับหัวข้อนี้ก็แล้วกันนะครับ
ข้อมูลเบื้องต้นของบริษัท
--------------------------------31/12/07----------31/12/06----------31/12/05
สินทรัพย์ (ล้านบาท)----------4,320.21----------2,721.76----------2,150.58
หนี้สิน (ล้านบาท)-------------2,482.61----------1,131.62------------646.93
ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท)-------1,826.90----------1,580.43----------1,495.07
ทุนที่เรียกชำระแล้ว (ล้านบาท)--200.00-------------200.00------------200.00
รายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42
กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43
ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)---------14.66----------------8.56--------------12.34
ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)------17.40----------------9.78-------------13.54
อัตรากำไรสุทธิ (%)----------------5.92-----------------4.02--------------6.46
ผมลองเอาข้อมูลมาให้ดูย้อนหลัง 3 ปี
เห็นเขาแนะนำให้ดูภาพรวมของบริษัทก่อนว่ามีผลดำเนินการเป็นอย่างไร
ก็พอเห็นแนวโน้มว่ามีขาดทุนในปีก่อน และ เริ่มมีกำไรมากขึ้น
ถือเป็นตุ๊กตาเท่านั้นนะครับ อาจจะไม่ใช่หุ้นตัวที่ดีที่สุด แต่ที่น่าสนใจ
คงเป็นเรื่องการปันผลกระมังครับ ตามข้อมูลต่อไปนี้
ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ 4.55
กำไรต่อหุ้น (บาท) 14.82
ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี 0.74
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) 1,350.00
ผลตอบแทนเงินปันผล 5.93%
เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) 4.0
ราคาพาร์ (บาท) 10.00
จำนวนหุ้นจดทะเบียน 20,000,000
เพราะพอเห็นว่าปันผลต่อหุ้นถึง 4.00 ก็นับว่าน่าสนใจพอสมควร
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 3
ข้อมูลเหล่านี้ ผมนำมาจาก www.settrade.com ครับ
P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น
ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่
ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น
p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 4.55
ฟังได้ว่าเป็นหุ้นราคาที่ถูก เพราะได้รับการอธิบายว่า ค่า P/E ของตลาด
อยู่ประมาณ 11 เท่า ถ้าหุ้นใดมีค่า P/E ต่ำกว่า 11 เท่าถือว่าน่าสนใจ
ดังนั้น p/e 4.55 ของหุ้นตัวนี้ก็นับว่าน่าสนใจนะครับ
p = ราคาปิด หรือ ราคาปัจจุบัน
e = กำไรสุทธิต่อหุ้น
ราคาปิดวันนี้ = 67.50 บาท
กำไรสุทธิต่อหุ้น = 14.82 บาท
ดังนั้น P/E = 67.50/14.82 = 4.55 เท่า
P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น
ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่
ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น
p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 4.55
ฟังได้ว่าเป็นหุ้นราคาที่ถูก เพราะได้รับการอธิบายว่า ค่า P/E ของตลาด
อยู่ประมาณ 11 เท่า ถ้าหุ้นใดมีค่า P/E ต่ำกว่า 11 เท่าถือว่าน่าสนใจ
ดังนั้น p/e 4.55 ของหุ้นตัวนี้ก็นับว่าน่าสนใจนะครับ
p = ราคาปิด หรือ ราคาปัจจุบัน
e = กำไรสุทธิต่อหุ้น
ราคาปิดวันนี้ = 67.50 บาท
กำไรสุทธิต่อหุ้น = 14.82 บาท
ดังนั้น P/E = 67.50/14.82 = 4.55 เท่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1288
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 4
อดทน ในข้อแรก ถ้าทำได้ตลอด นี่ก็ถือว่าได้โล่ห์มาชิ้นนึงแล้วครับ โดนอะไรก็บ่ยั่น
จากนี้ ก็ค่อยๆ เสาะหาอาวุธมาประดับกายที่ละชิ้น หมวกเหล็ก เกราะแขน เกราะขา เกราะตัว ดาบ กระบอง มีดสั้น ฯลฯ
ชื่นชมท่านจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังอดทนไม่ได้อย่างใจเลยครับ :oops:
จากนี้ ก็ค่อยๆ เสาะหาอาวุธมาประดับกายที่ละชิ้น หมวกเหล็ก เกราะแขน เกราะขา เกราะตัว ดาบ กระบอง มีดสั้น ฯลฯ
ชื่นชมท่านจริงๆ ทุกวันนี้ผมยังอดทนไม่ได้อย่างใจเลยครับ :oops:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เลือกลงทุนในบริษัทใดดี
โพสต์ที่ 5
บางครั้งผมก็มั่วๆ ดูตัวเลขก่อนดูตัวธุรกิจ แต่หลายๆ ครั้งผมก็สนใจตัวธุรกิจก่อนที่จะเข้าไปดูตัวเลขครับnara เขียน:...แนวโน้มธุรกิจที่มีอนาคต ก็ต้องยอมรับครับว่า "ดูไม่เป็น"...
...ค่า P/E ของตลาดอยู่ประมาณ 11 เท่า
ถ้าหุ้นใดมีค่า P/E ต่ำกว่า 11 เท่าถือว่าน่าสนใจ
ดังนั้น p/e 4.55 ของหุ้นตัวนี้ก็นับว่าน่าสนใจนะครับ...
แนวโน้มธุรกิจนี่ดูไม่ยากหรอกครับ แค่ common sense ก็พอไขออก
แล้วตัวเลขมันจะฟ้องออกมา นอกซะจากว่าคุณ nara จะมัวแต่ไปสนใจธุรกิจที่ตัวเองไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือไม่เข้าใจ
ปล. การลงทุนในธุรกิจที่ฟังดูง่ายๆ สำหรับตัวเอง เป็นกลยุทธ์ที่ชิงความได้เปรียบวิธีหนึ่ง...
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 6
[quote="nara"]ข้อมูลเหล่านี้ ผมนำมาจาก www.settrade.com ครับ
P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น
ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่
ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น
p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ
P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น
ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่
ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น
p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 7
ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ
ที่กรุณาแนะนำ และ เสริมความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติม
เรื่อง P/E นั้น ผมเองเข้าใจว่าค่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
เพราะเอาราคาเป็นตัวตั้ง ซึ่ง ราคาก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ส่วนตัวหาร
นั้นใช้กำไรสุทธิต่อหุ้น ซึ่งคิดกันปีละครั้ง จึงมีค่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
ทีนี้เวลาหุ้นราคา ขึ้นไปมากๆ ค่า P/E ที่คำนวณได้ในเวลานั้นก็ยิ่งสูงขึ้น
บางตำราก็บอกว่าเราสามารถซื้อหุ้นได้แม้ P/E จะสูงถึง 20 เท่า ถ้าหุ้น
หรือบริษัทนั้น มีอนาคตที่ดี แหม แต่ค่าสูงแบบนี้ มือใหม่อย่างผมต้อง
ขอคิดหนักๆ หน่อยดีกว่าครับ
ที่กรุณาแนะนำ และ เสริมความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติม
เรื่อง P/E นั้น ผมเองเข้าใจว่าค่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
เพราะเอาราคาเป็นตัวตั้ง ซึ่ง ราคาก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ส่วนตัวหาร
นั้นใช้กำไรสุทธิต่อหุ้น ซึ่งคิดกันปีละครั้ง จึงมีค่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
ทีนี้เวลาหุ้นราคา ขึ้นไปมากๆ ค่า P/E ที่คำนวณได้ในเวลานั้นก็ยิ่งสูงขึ้น
บางตำราก็บอกว่าเราสามารถซื้อหุ้นได้แม้ P/E จะสูงถึง 20 เท่า ถ้าหุ้น
หรือบริษัทนั้น มีอนาคตที่ดี แหม แต่ค่าสูงแบบนี้ มือใหม่อย่างผมต้อง
ขอคิดหนักๆ หน่อยดีกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 8
ค่า P/B = ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชีราคาปิดต่อกำไรสุทธิ 4.55
กำไรต่อหุ้น (บาท) 14.82
ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี 0.74
จากตัวอย่าง ค่า P/B = 0.74 เท่านั้น
แต่ในหลายๆ บริษัทที่เคยดูมา เห็นแต่มีค่าประมาณ 2 เท่าขึ้นไปทั้งนั้น
เห็นเขาว่ากันว่า ยิ่ง P/B มีค่าน้อยเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น และบางที่ก็บอกกันว่า
ถ้า P/B มีค่าต่ำกว่า 1 เท่า หมายถึงว่า เราสามารถซื้อหุ้นได้ถูกว่าเจ้าของเดิม
ตรงนี้แหละครับที่ผมเองไม่เข้าใจนัก
เพียงแต่เห็นค่าเพียง 0.74 แล้วก็นึกว่าน่าสนใจครับ
จากตัวอย่างที่นำมาทำการบ้าน ผมว่าเห็นค่า P/E , P/B อยู่ในเกณท์แล้ว
ก็คิดว่าเบื้องต้นเราน่าจะเลือกหุ้นได้ถูกตัวแล้วเหมือนกันแหะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 9
มาชมว่าทำการบ้านได้ดีแล้ว
ส่วนตัวธุรกิจเดี๋ยวประสบการณ์จะสอนเอง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ถาม กับคนที่หลากหลาย
เดี๋ยวเก่งเอง
ส่วนตัวธุรกิจเดี๋ยวประสบการณ์จะสอนเอง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ถาม กับคนที่หลากหลาย
เดี๋ยวเก่งเอง
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 1
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 12
ท่าน ผ.อ. มาเองเลย :lol:por_jai เขียน:งั้นมาถามต่อว่าหุ้นที่น้องสนใจ
แบตเตอรี่ยี่ห้อ3เคที่ว่าเนี่ย
ที่กำไรเขาปูดในปี50มากกว่าปี49มากมายเกิดจากอะไรครับ
ถ้าตอบได้เดี๋ยวจะถามต่อเรื่องปี51ว่า....
ส่งการบ้านเร็วๆนะครับ
ท่านอาจารย์ครับผมลืมทำการบ้านอย่าหักคะแนนผมนะครับ (รอลอก)
หุ้น PE ต่ำไม่น่าสนใจทุกตัวหรอกครับถ้าหุ้น PE ต่ำน่าสนใจถ้าเช่นนั้น PE ติดลบนี่แปลว่าควรซื้อใช่ไหมครับnara เขียน:ข้อมูลเหล่านี้ ผมนำมาจาก www.settrade.com ครับ
P/E = ราคาหุ้น หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น
ค่านี้ผมเข้าใจว่า เป็นค่าที่ใช้ดูว่าหุ้นตัวนี้ ราคาถูก จนน่าสนใจหรือไม่
ซึ่งจากตุ๊กตาทีตั้งไว้นั้น
p/e หรือ ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = 4.55
ฟังได้ว่าเป็นหุ้นราคาที่ถูก เพราะได้รับการอธิบายว่า ค่า P/E ของตลาด
อยู่ประมาณ 11 เท่า ถ้าหุ้นใดมีค่า P/E ต่ำกว่า 11 เท่าถือว่าน่าสนใจ
ดังนั้น p/e 4.55 ของหุ้นตัวนี้ก็นับว่าน่าสนใจนะครับ
อย่างที่พี่ๆหลายท่านเคยพูดไว้ การดู PE หุ้นควรเป็นเพียงเครื่องมือกรองหุ้นขั้นต้นเท่านั้นครับ ยังมีข้อมูลด้านคุณภาพอีกหลายอย่างที่ไม่ควรมองข้าม เช่น
1. ความเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นๆ ทั้งภาวะการแข่งขัน วงจรวัฎจักรสินค้า
2. ความเข้าใจในบริษัทนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร สินค้า คู่แข่ง ลูกค้า งบการเงิน และที่สำคัญที่หลายๆท่านให้ความสนใจคือตัวผู้บริหาร
สำหรับข้อมูลบริษัทหาอ่านได้ในร้อยหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 13
โห.. คุณครูทดสอบระหว่างชั่วโมงเลยนะครับรายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42
กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43
ขอบคุณครับ
แต่.. ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ คิดเพียงว่าผู้บริหารเขาคงจะเก่งกระมังครับ
ปี 49 ขายได้ 3,736.24 ล้านบาท
ปี 50 ขายได้ 5,005.89 ล้านบาท
รายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็น (5005.89-3736.24)*100/3736.24 = 33.98 %
ขนาดนี้ถือว่าเยอะมากมั้ยครับ หรือว่า พอดีๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าโดยทั่วไปธุรกิจ
เขาจะสามารถเพิ่มยอดขายกันได้ปีละประมาณเท่าไร จึงจะถือว่ามาก
เคยได้ยินมาเพียงว่า หากทำได้ ปีละ 10-20 % ก็เก่งแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
บริษัทนี้ก็ถือว่่าทำยอดขายในปี 50 ได้ ก็ถือเยี่ยมมากเลยสิครับ
ปี 49 กำไร 150.37 ล้านบาท
ปี 50 กำไร 296.46 ล้านบาท
กำไรเพิ่มขึ้นคิดเป็น (296.46-150.37)*100/150.37 = 97.15 %
โห.. ทำไมกำไรมหาศาลแบบนี้ละครับ
แสดงว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเป็นแน่
เพราะผมคิดจากความเข้าใจที่ว่า
กำไร = ยอดขาย - ค่าใช้จ่าย
ยอดขายโต แต่กำไรโตกว่ามากเลย
แสดงว่าค่าใช้จ่ายต้องน้อยแน่ๆ
ปี 49 ค่าใช้จ่าย 3,527 ล้านบาท
ปี 50 ค่าใช้จ่าย 4,489 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นคิดเป็น (4489-3527)*100/3527 = 27.27 %
แต่พอดูค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา 27.27 % ก็มองไม่ออกเสียแล้วละครับ
ว่ามันบอกอะไรมากน้อยแค่ไหน ต้องย้อนไปตอบแบบข้างต้นครับ
ยกความดีให้กับ ceo ครับ
- S&K Fund
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 15
มีคำถามครับ ทำไมส่วนของหนี้สิน ปี 07 เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว จากปี 06--------------------------------31/12/07----------31/12/06----------31/12/05
สินทรัพย์ (ล้านบาท)----------4,320.21----------2,721.76----------2,150.58
หนี้สิน (ล้านบาท)-------------2,482.61----------1,131.62------------646.93
ส่วนผู้ถือหุ้น (ล้านบาท)-------1,826.90----------1,580.43----------1,495.07
ควรต้องทราบนะครับ ที่เพิ่มหนี้สินมา ใช้เพื่ออะไร เนื่องจาก เราจะต้อง
เสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นะครับ :o
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 17
ช่วงแรกๆ อาจต้องอดทนอยู่บ้างครับ แต่พอนานๆ ไปอาจจะกลายเป็นเฉยๆ ไปก็ได้นะครับ เพราะเห็นอะไรก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยของมัน มันก็เป็นอย่างนั้นเองมั้งคับ :8)nara เขียน: .......
บทเรียนแรก คือ ความอดทน
หุ้นก็มีตั้งสามคาสโนว่าเคแน่ะครับ คงต้องแรงดีแน่เลย อิ อิ
ป่วนนิดหน่อยนะครับ :lol:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 19
อย่าว่าหยังงั้นอย่างงี้เลย...นะครับ ถามหน่อย ขอมูลเเบบด้านบนที่เป็น ภาษาไทยเอาจากตรงไหนใน settrade อะครับ หรือ พี่ๆ เอาจาก รายงาน 56-1... อยากรู้ครับ
ASSETS
(หน่วย: ล้านบาท)
CASH AND CASH EQUIVALENTS 264.94
TRADE ACCOUNTS AND NOTES RECEIVABLE-NET 610.28
INVENTORIES/REAL ESTATE 1,855.40
OTHER CURRENT ASSETS 128.17
TOTAL CURRENT ASSETS 2,858.78
PROPERTY, PLANT AND EQUIPMENT, NET 1,239.48
PROPERTY, PLANT AND EQUIPMENT 1,239.48
LAND FOR FUTURE BUSINESS EXPANSION 101.78
LAND AND LEASEHOLD LAND HELD FOR FUTURE DEVELOPMENT 101.78
OTHER NON-CURRENT ASSETS 120.16
TOTAL NON-CURRENT ASSETS 1,461.42
TOTAL ASSETS 4,320.21
LIABILITIES & EQUITY
(หน่วย: ล้านบาท)
BANK OVERDRAFTS AND SHORT-TERM LOANS FROM FINANCIAL INSTITUTIONS 1,883.55
TRADE ACCOUNTS AND NOTES PAYABLE-NET 240.92
TRADE ACCOUNTS AND NOTES PAYABLE-OTHERS 240.92
CURRENT PORTION OF LONG-TERM LIABILITIES 4.11
LIABILITY UNDER HIRE-PURCHASE AGREEMENTS/ FINANCE LEASE AGREEMENTS 4.11
ADVANCES RECEIVED FROM CUSTOMERS 30.19
OTHER CURRENT LIABILITIES 314.56
TOTAL CURRENT LIABILITIES 2,473.34
OTHER LONG-TERM LOANS 9.27
LIABILITY UNDER HIRE-PURCHASE AGREEMENTS/ FINANCE LEASE AGREEMENTS 9.27
TOTAL NON-CURRENT LIABILITIES 9.27
TOTAL LIABILITIES 2,482.61
ISSUED AND PAID-UP SHARE CAPITAL 200.00
ISSUED AND PAID-UP SHARE CAPITAL - COMMON SHARES 200.00
ADDITIONAL PAID-IN CAPITAL 389.50
PREMIUM (DISCOUNT) ON COMMON STOCKS 389.50
TOTAL RETAINED EARNINGS (DEFICIT) 1,237.39
RETAINED EARNINGS (DEFICIT) - APPROPRIATED 20.00
LEGAL RESERVE 20.00
RETAINED EARNINGS (DEFICIT) - UNAPPROPRIATED 1,217.39
TOTAL EQUITY ATTRIBUTABLE TO THE COMPANY'S SHAREHOLDERS 1,826.90
MINORITY INTERESTS 10.70
SHAREHOLDERS' EQUITY 1,837.60
ASSETS
(หน่วย: ล้านบาท)
CASH AND CASH EQUIVALENTS 264.94
TRADE ACCOUNTS AND NOTES RECEIVABLE-NET 610.28
INVENTORIES/REAL ESTATE 1,855.40
OTHER CURRENT ASSETS 128.17
TOTAL CURRENT ASSETS 2,858.78
PROPERTY, PLANT AND EQUIPMENT, NET 1,239.48
PROPERTY, PLANT AND EQUIPMENT 1,239.48
LAND FOR FUTURE BUSINESS EXPANSION 101.78
LAND AND LEASEHOLD LAND HELD FOR FUTURE DEVELOPMENT 101.78
OTHER NON-CURRENT ASSETS 120.16
TOTAL NON-CURRENT ASSETS 1,461.42
TOTAL ASSETS 4,320.21
LIABILITIES & EQUITY
(หน่วย: ล้านบาท)
BANK OVERDRAFTS AND SHORT-TERM LOANS FROM FINANCIAL INSTITUTIONS 1,883.55
TRADE ACCOUNTS AND NOTES PAYABLE-NET 240.92
TRADE ACCOUNTS AND NOTES PAYABLE-OTHERS 240.92
CURRENT PORTION OF LONG-TERM LIABILITIES 4.11
LIABILITY UNDER HIRE-PURCHASE AGREEMENTS/ FINANCE LEASE AGREEMENTS 4.11
ADVANCES RECEIVED FROM CUSTOMERS 30.19
OTHER CURRENT LIABILITIES 314.56
TOTAL CURRENT LIABILITIES 2,473.34
OTHER LONG-TERM LOANS 9.27
LIABILITY UNDER HIRE-PURCHASE AGREEMENTS/ FINANCE LEASE AGREEMENTS 9.27
TOTAL NON-CURRENT LIABILITIES 9.27
TOTAL LIABILITIES 2,482.61
ISSUED AND PAID-UP SHARE CAPITAL 200.00
ISSUED AND PAID-UP SHARE CAPITAL - COMMON SHARES 200.00
ADDITIONAL PAID-IN CAPITAL 389.50
PREMIUM (DISCOUNT) ON COMMON STOCKS 389.50
TOTAL RETAINED EARNINGS (DEFICIT) 1,237.39
RETAINED EARNINGS (DEFICIT) - APPROPRIATED 20.00
LEGAL RESERVE 20.00
RETAINED EARNINGS (DEFICIT) - UNAPPROPRIATED 1,217.39
TOTAL EQUITY ATTRIBUTABLE TO THE COMPANY'S SHAREHOLDERS 1,826.90
MINORITY INTERESTS 10.70
SHAREHOLDERS' EQUITY 1,837.60
"Go for a business that any idiot can run - because sooner or later, any idiot probably is going to run it."
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 20
ส่วนหนี้สินที่เพิ่มมาจากราคา ตะกั่วบริสุทธิ์ ที่ผันผวนรึเปล่าครับ
( ณ สิ้นปี 2549 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อตัน และปรับตัวมีราคาสูงสุดประมาณ 3,700 เหรียญสหรัฐ ต่อตันในปี 2550 จากนั้นมีราคาปรับตัวลดลงมาที่ 2,600 เหรียญสหรัฐต่อตันในปลายปี 2550 )
เื่รื่องกำไรที่เติบโต (เอามาจากร้อยคนร้อยหุ้น)
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ในนี้บริษัทยังวางแผนขยายร้านค้าย่อย"3K shop"ให้เป็น 300 แห่งจาก 200 แห่งในสิ้นปี 50 เพื่อกระจายสินค้าที่บริษัทมีแบตเตอรี่ 20-30 รุ่น เป็นการเพิ่มยอดขายและยังเป็นการขยายฐานลูกค้าด้วย รวมทั้งส่งเสริมการขยายส่วนแบ่งตลาดในต่างประเทศที่บริษัทมีอยู่แล้วให้มากขึ้น เช่น แถบตะวันออกกลาง แอฟริกา อินโดจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา รวมทั้งขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
ยังไงก็ฝากพีๆเฉลยให้น้องด้วยครับ
( ณ สิ้นปี 2549 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 1,600 เหรียญสหรัฐต่อตัน และปรับตัวมีราคาสูงสุดประมาณ 3,700 เหรียญสหรัฐ ต่อตันในปี 2550 จากนั้นมีราคาปรับตัวลดลงมาที่ 2,600 เหรียญสหรัฐต่อตันในปลายปี 2550 )
เื่รื่องกำไรที่เติบโต (เอามาจากร้อยคนร้อยหุ้น)
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ในนี้บริษัทยังวางแผนขยายร้านค้าย่อย"3K shop"ให้เป็น 300 แห่งจาก 200 แห่งในสิ้นปี 50 เพื่อกระจายสินค้าที่บริษัทมีแบตเตอรี่ 20-30 รุ่น เป็นการเพิ่มยอดขายและยังเป็นการขยายฐานลูกค้าด้วย รวมทั้งส่งเสริมการขยายส่วนแบ่งตลาดในต่างประเทศที่บริษัทมีอยู่แล้วให้มากขึ้น เช่น แถบตะวันออกกลาง แอฟริกา อินโดจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา รวมทั้งขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
ยังไงก็ฝากพีๆเฉลยให้น้องด้วยครับ
"Go for a business that any idiot can run - because sooner or later, any idiot probably is going to run it."
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูลงบการเงิน
โพสต์ที่ 21
ครั้งแรกๆ ผมก็หาข้อมูลงบการเงินของบริษัทจาก settrade เหมือนกัน
แต่ก็อย่างที่คุณโมโมทาโร พบนั่นแหละครับ ว่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น
ต่อมาผมได้มีโอกาสเข้าไปที่เวปของ กลต
ที่นี่ครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1
เป็นทางลัดเข้าสู่หน้าข้อมูล ซึ่งจะมีหัวข้อให้เลือกอยู่มากครับ
เช่น 56-1 , งบการเงิน , หนังสือชี้ชวน , รายงานประจำปี เป็นต้น
ผมเข้าไปดูผ่านทาง settrade ในหัวข้อภาพรวมบริษัท หลังจากเลือก
บริษัทที่สนใจแล้วนะครับ ซึ่งในหัวข้อภาพรวมบริษมัจะมีให้เลือกรายงาน
56-1 พอเลือกแล้วเวปจะเชื่อมโยงไปที่เวปกลต ตามที่อ้างข้างต้นครับ
แต่ถ้าเราเข้าเวปกลต ตรงๆ คือ www.sec.or.th ก็ได้นะครับมีข้อมูล
ให้ดูมากมาย แต่จะเข้าไปดูงบการเงินของแต่ละบริษัทนั้น หาทางเข้า
ไปถึงจากเวปกลต นั้นยากเหลือเกินครับ ไปทางลัดที่แนะนำจะดีกว่า
เข้าไปแล้วเขาก็ทำไว้ดีนะครับ สามารถเลือกบริษัทที่สนใจได้ทั้งแบบ
เรียกตามรายชื่อบริษัท หรือ เลือกตามตัวย่อที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์
ก็ได้ สะดวกมากๆเลยครับ
แต่ก็อย่างที่คุณโมโมทาโร พบนั่นแหละครับ ว่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น
ต่อมาผมได้มีโอกาสเข้าไปที่เวปของ กลต
ที่นี่ครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... ntent_id=1
เป็นทางลัดเข้าสู่หน้าข้อมูล ซึ่งจะมีหัวข้อให้เลือกอยู่มากครับ
เช่น 56-1 , งบการเงิน , หนังสือชี้ชวน , รายงานประจำปี เป็นต้น
ผมเข้าไปดูผ่านทาง settrade ในหัวข้อภาพรวมบริษัท หลังจากเลือก
บริษัทที่สนใจแล้วนะครับ ซึ่งในหัวข้อภาพรวมบริษมัจะมีให้เลือกรายงาน
56-1 พอเลือกแล้วเวปจะเชื่อมโยงไปที่เวปกลต ตามที่อ้างข้างต้นครับ
แต่ถ้าเราเข้าเวปกลต ตรงๆ คือ www.sec.or.th ก็ได้นะครับมีข้อมูล
ให้ดูมากมาย แต่จะเข้าไปดูงบการเงินของแต่ละบริษัทนั้น หาทางเข้า
ไปถึงจากเวปกลต นั้นยากเหลือเกินครับ ไปทางลัดที่แนะนำจะดีกว่า
เข้าไปแล้วเขาก็ทำไว้ดีนะครับ สามารถเลือกบริษัทที่สนใจได้ทั้งแบบ
เรียกตามรายชื่อบริษัท หรือ เลือกตามตัวย่อที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์
ก็ได้ สะดวกมากๆเลยครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 22
ถ้าพี่nara ตอบไม่ได้nara เขียน: ยกความดีให้กับ ceo ครับ
แล้วอย่างนี้ถึงเวลาจะลงมือจะกล้าซื้อไหมครับ
หา56-1อ่านก่อนดีไหมครับ
เข้าไปถามน้องกุ๊ก(เกิ้น)พิมพ์56-1ลงไป รับรองเจอ56-1ของแบ๊ต3เคแน่นอน
อ่านจบแล้วมาคุยกันต่อนะคร้าบ
ที่มาคุยด้วยนี่เพราะชอบชื่อนะครับ nara
แหมเหมือนชื่อเมืองที่เคยไปฮันนี่มูนกับอาซ้อเลย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 23
พี่โมครับข้อมูลอะไรที่อยากทราบโมโมทาโร่ เขียน: ยังไงก็ฝากพีๆเฉลยให้น้องด้วยครับ
มีเวบหลักๆอยู่3เวบให้โหลดให้อ่านฟรีๆครับ
settrade.com
set.or.th
sec.or.th
ถ้าเอาแบบวิเคราะห์ด้วยก็ต้องลงทุนสมัครกับโบรคใดโบรคหนึ่ง
อ้อ...เรื่องเฉลยไม่มีหรอกครับ
หุ้นมองได้ไม่รู้กี่มุมกี่เหลี่ยม
ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด
ลองทำการบ้านดูอย่างที่ผมเห็นคนเก่งๆเขาทำกัน
แล้วลองมาถกกันดูครับ
ถ้ารักจะเล่นแนวพื้นฐานก็อ่านมาแล้วค่อยๆคุยกันไป
งั้นถามพี่โม บ้างซะเลย
ตะกั่วนี่เราถือเป็นสินค้าวัฏจักร(commodity)หรือเปล่าครับ
ลองค้นดูนะครับ
อย่าท้อนะครับ
สินค้าวัฏจักรนี้ทำให้คนหมดตัว และตั้งตัวมาแล้วมากมาย
น้องบลูบลัดของผมเคยทำกำไรปีเดียว900กว่า%ก็หุ้นแนวนี้นี่เอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 24
ระหว่างรอคุณครูมาเฉลยคำตอบที่ว่า
เขาแนะนำกันว่าในเรื่องกำไรนั้น ให้ดู คุณภาพของกำไร ด้วย
นี่ก็เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก เพราะแรกๆ คิดเพียงว่าบริษัทไหน
มีกำไรก็น่าจะ ok แล้ว แต่นี่เราต้องมาดูด้วยว่า กำไรที่ว่านั้น เป็นอย่างไร
ต้องเข้าไปดูถึงคุณภาพของกำไรด้วย อืมม.... ละเอียดดีจังเลยครับ
ROA มาจากคำเต็มว่า Return On Assets
ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกันกับ ผลกำไรต่อสินทรัพย์
ที่นำตัวเลขมาจาก settrade ตามที่อ้างอิงไว้ด้านบนนี้
กว่าจะรู้ว่าเป็นตัวเดียวกัน ก็งมอยู่นานเลยละครับ
นี่แสดงว่า settrade เขาทำข้อมูลได้ดีมากๆ เลย
แต่ก็ยังสงสัยว่า ที่มาของค่านั้นมาอย่างไรอยู่ดี
ROE มาจากคำเต็มว่า Return on Equity
เทียบแล้วคงหมายถึง ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า
ROA = ผลกำไรต่อสินทรัพย์ = 14.66 %
ROE = ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น = 17.40 %
ซึ่งเขาบอกมาว่า ยิ่งตัวเลขมากยิ่งดี นี่ก็แสดงว่าบริษัท
ที่ผมยกมานี้ โดยเฉพาะในปี 2550
- กำไรของบริษัทมีคุณภาพดีมาก
หรือ
- บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี
หรือว่าตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ ให้อธิบายได้ทั้งสองประการ น่าสนใจนะครับ ?
ผมก็ขอทำการบ้านต่อ เรื่องกำไร อีกหน่อยที่กำไรเขาปูดในปี50มากกว่าปี49มากมายเกิดจากอะไรครับ
เขาแนะนำกันว่าในเรื่องกำไรนั้น ให้ดู คุณภาพของกำไร ด้วย
นี่ก็เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก เพราะแรกๆ คิดเพียงว่าบริษัทไหน
มีกำไรก็น่าจะ ok แล้ว แต่นี่เราต้องมาดูด้วยว่า กำไรที่ว่านั้น เป็นอย่างไร
ต้องเข้าไปดูถึงคุณภาพของกำไรด้วย อืมม.... ละเอียดดีจังเลยครับ
แล้วผมก็รู้จักกับคำย่ออีก 2 คำ คือ ROA และ ROEรายได้ (ล้านบาท)-------------5,005.89----------3,736.24----------2,993.42
กำไร / ขาดทุน (ล้านบาท)-------296.46------------150.37-------------193.43
ผลกำไรต่อสินทรัพย์ (%)---------14.66----------------8.56--------------12.34
ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น (%)------17.40----------------9.78-------------13.54
อัตรากำไรสุทธิ (%)----------------5.92-----------------4.02--------------6.46
ROA มาจากคำเต็มว่า Return On Assets
ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกันกับ ผลกำไรต่อสินทรัพย์
ที่นำตัวเลขมาจาก settrade ตามที่อ้างอิงไว้ด้านบนนี้
กว่าจะรู้ว่าเป็นตัวเดียวกัน ก็งมอยู่นานเลยละครับ
นี่แสดงว่า settrade เขาทำข้อมูลได้ดีมากๆ เลย
แต่ก็ยังสงสัยว่า ที่มาของค่านั้นมาอย่างไรอยู่ดี
ROE มาจากคำเต็มว่า Return on Equity
เทียบแล้วคงหมายถึง ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่า
ROA = ผลกำไรต่อสินทรัพย์ = 14.66 %
ROE = ผลกำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้น = 17.40 %
ซึ่งเขาบอกมาว่า ยิ่งตัวเลขมากยิ่งดี นี่ก็แสดงว่าบริษัท
ที่ผมยกมานี้ โดยเฉพาะในปี 2550
- กำไรของบริษัทมีคุณภาพดีมาก
หรือ
- บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี
หรือว่าตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ ให้อธิบายได้ทั้งสองประการ น่าสนใจนะครับ ?
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
เฉลย เรื่อง กำไรของบริษัท
โพสต์ที่ 26
ดูจากคำเฉลยของคุณครู por_jai ทั้งๆที่คุณครูบอกว่าไม่เฉลยนั่นแหละครับ
แต่การอ่านความหมายระหว่างบรรทัดของคุณครูก็พอบอกอะไรได้บ้าง
วัตถูดิบ บริษัทที่ทำการผลิตเป็นหลักนั้น
เราต้องดูให้ละเอียดเกี่ยวกับ วัตถูดิบ ที่ใช้ในการผลิต
และ ข้อมูลที่ดีก็คือรายงาน 56-1 นั่นเอง
ในเรื่องวัตถูดิบ นั้น วัตถุดิบตัวหลักใช้ถึง 70 %
บริษัทหาซื้อในประเทศไทยไม่พอเพียง
ต้องนำเข้ามาจาก จีน และ ออสเตรเลีย แต่สัดส่วนของการ
นำเข้าไม่ได้บอกเอาไว้
ทั้งสัดส่วนนำเข้ากับซื้อในประเทศ
และ
สัดส่วนนำเข้าระหว่าง จีน กับ ออสเตรเลีย
ราคาวัตถุดิบก็มีขึ้นมีลง ขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาตลาดใน
ต่างประเทศ อันนี้หรือเปล่าครับ ที่เรียกว่าสินค้าวัฏจักร(commodity)
แล้วความหมายของสินค้าวัฎจักรคืออะไร
แต่ดูจากที่บอกแล้ว เข้าใจว่าต้องระมัดระวังสินค้าแบบนี้ให้มาก
(เฮ้อ! ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะเลยนะครับ)
นี่แค่สนใจเรื่องการลงทุนแนว vi นะครับ
ยังไม่ได้เป็น vi กับเขาเลย แต่ก็สบายใจครับ
ศึกษาเรียนรู้ไปก่อน ทำการบ้านโดยมีครูมาช่วยสอนแบบนี้
จะหาได้จากที่ไหนอีก
ส่วนเวลาสอบจริง (เข้าไปซื้อหุ้น) แล้วละก้อ ตัวใครตัวมันละครับ
คุณครูก็เข้าไปในห้องสอบไม่ได้เสียด้วย
แต่การอ่านความหมายระหว่างบรรทัดของคุณครูก็พอบอกอะไรได้บ้าง
วัตถูดิบ บริษัทที่ทำการผลิตเป็นหลักนั้น
เราต้องดูให้ละเอียดเกี่ยวกับ วัตถูดิบ ที่ใช้ในการผลิต
และ ข้อมูลที่ดีก็คือรายงาน 56-1 นั่นเอง
ในเรื่องวัตถูดิบ นั้น วัตถุดิบตัวหลักใช้ถึง 70 %
บริษัทหาซื้อในประเทศไทยไม่พอเพียง
ต้องนำเข้ามาจาก จีน และ ออสเตรเลีย แต่สัดส่วนของการ
นำเข้าไม่ได้บอกเอาไว้
ทั้งสัดส่วนนำเข้ากับซื้อในประเทศ
และ
สัดส่วนนำเข้าระหว่าง จีน กับ ออสเตรเลีย
ราคาวัตถุดิบก็มีขึ้นมีลง ขึ้นอยู่กับการกำหนดราคาตลาดใน
ต่างประเทศ อันนี้หรือเปล่าครับ ที่เรียกว่าสินค้าวัฏจักร(commodity)
แล้วความหมายของสินค้าวัฎจักรคืออะไร
แต่ดูจากที่บอกแล้ว เข้าใจว่าต้องระมัดระวังสินค้าแบบนี้ให้มาก
(เฮ้อ! ต้องเรียนรู้กันอีกเยอะเลยนะครับ)
นี่แค่สนใจเรื่องการลงทุนแนว vi นะครับ
ยังไม่ได้เป็น vi กับเขาเลย แต่ก็สบายใจครับ
ศึกษาเรียนรู้ไปก่อน ทำการบ้านโดยมีครูมาช่วยสอนแบบนี้
จะหาได้จากที่ไหนอีก
ส่วนเวลาสอบจริง (เข้าไปซื้อหุ้น) แล้วละก้อ ตัวใครตัวมันละครับ
คุณครูก็เข้าไปในห้องสอบไม่ได้เสียด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
มือใหม่ส่งการบ้าน
โพสต์ที่ 28
ที่ AC-O-0711065 วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส
3 ปี2550 ที่แตกต่างเกินกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549
ในไตรมาสที่ 3/2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550 ตามงบการเงินรวมบริษัทฯ มี
กำไรสุทธิเท่ากับ 83.25 ล้านบาท (กำไรหุ้นละ 4.16 บาท) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 57.69 ล้านบาทหรือคิดเป็น
อัตราร้อยละ 225.62 จากกำไรสุทธิ 25.57 ล้านบาท (กำไรหุ้นละ 1.28 บาท) ของไตรมาสที่ 3/2549 บริษัทฯ
ขอชี้แจงสาเหตุที่สำคัญของผลการดำเนินงานที่มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
1.) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 3/2550 จำนวน 1,040.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
เป็นจำนวนเงิน 233.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 28.92 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
สาเหตุมาจาก
- มูลค่าขายในประเทศลดลงในอัตราร้อยละ 6.31 เนื่องจากภาวะการแข่งขันด้านราคา
ของตลาดในประเทศและการชะลอตัวของตลาดเนื่องจากการปรับราคาขาย
- มูลค่าขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 56.43 ทั้งนี้ เนื่องจากการเพิ่มปริมาณ
การส่งออก และการปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบ
2.) ต้นทุนขายในไตรมาสที่ 3/2550 มีจำนวน 711.18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67.75 ของ
รายได้รวม หรือลดลงร้อยละ 11.59 เนื่องจากบริษัทฯมีการบริหารการจัดการต้นทุน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการผลิต
และของเสียจากการผลิต
จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดเผยแพร่ให้บริษัทสมาชิกและผู้สนใจลงทุนทั่วไป เพื่อ
ประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ต่อไปด้วย
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์)
กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบริหาร
อันนี้น่าจะเป็นตัวบอกว่าทำไมกำไรปีนั้นถึงเพิ่มขึ้น เเต่ว่า มันเป็นเป็นข้อมูลหลังจากกำไรเกิดเเล้ว ดังนั้นผมจะรก่อนได้อย่างไรครับ ว่่าก่อนกำไรจะขึ้นขนาดนี้... ส่วนตะกั่ว เนี้ยขอทำการบ้านเเป๊บนะครับ... ขอบคุณพี่ๆที่ช่วยเเนะนะครับ
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส
3 ปี2550 ที่แตกต่างเกินกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2549
ในไตรมาสที่ 3/2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550 ตามงบการเงินรวมบริษัทฯ มี
กำไรสุทธิเท่ากับ 83.25 ล้านบาท (กำไรหุ้นละ 4.16 บาท) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 57.69 ล้านบาทหรือคิดเป็น
อัตราร้อยละ 225.62 จากกำไรสุทธิ 25.57 ล้านบาท (กำไรหุ้นละ 1.28 บาท) ของไตรมาสที่ 3/2549 บริษัทฯ
ขอชี้แจงสาเหตุที่สำคัญของผลการดำเนินงานที่มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
1.) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสที่ 3/2550 จำนวน 1,040.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
เป็นจำนวนเงิน 233.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 28.92 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
สาเหตุมาจาก
- มูลค่าขายในประเทศลดลงในอัตราร้อยละ 6.31 เนื่องจากภาวะการแข่งขันด้านราคา
ของตลาดในประเทศและการชะลอตัวของตลาดเนื่องจากการปรับราคาขาย
- มูลค่าขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 56.43 ทั้งนี้ เนื่องจากการเพิ่มปริมาณ
การส่งออก และการปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบ
2.) ต้นทุนขายในไตรมาสที่ 3/2550 มีจำนวน 711.18 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67.75 ของ
รายได้รวม หรือลดลงร้อยละ 11.59 เนื่องจากบริษัทฯมีการบริหารการจัดการต้นทุน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการผลิต
และของเสียจากการผลิต
จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดเผยแพร่ให้บริษัทสมาชิกและผู้สนใจลงทุนทั่วไป เพื่อ
ประกอบการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ต่อไปด้วย
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์)
กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบริหาร
อันนี้น่าจะเป็นตัวบอกว่าทำไมกำไรปีนั้นถึงเพิ่มขึ้น เเต่ว่า มันเป็นเป็นข้อมูลหลังจากกำไรเกิดเเล้ว ดังนั้นผมจะรก่อนได้อย่างไรครับ ว่่าก่อนกำไรจะขึ้นขนาดนี้... ส่วนตะกั่ว เนี้ยขอทำการบ้านเเป๊บนะครับ... ขอบคุณพี่ๆที่ช่วยเเนะนะครับ
"Go for a business that any idiot can run - because sooner or later, any idiot probably is going to run it."
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
ขอทำการบ้านยากๆ สักข้อ
โพสต์ที่ 29
งบกระแสเงินสด
สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
-------------------------------------------------------2550--------------------2549-----
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน = _(749,276,294.40)-----(157,627,398.74)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน = ____ (296,496,255.31)-----(234,638,661.21)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน = __1,167,747,846.05-----412,497,235.99
อ่านๆมาเห็นเขาว่า งบกระแสเงินสด เป็นเรื่องน่าสนใจ ผมเลยหาข้อมูล
มาจาก กลต นำมาให้ดู 3 หัวข้อหลัก (ตามสูตร)
แต่อย่างว่าแหละครับ รู้ว่าสำคัญ แล้วมันยังไงต่อละนี่
อ่าน และ อ่าน สักวันคงเข้าใจ เรื่องใหม่จริงๆ เลยครับ สำหรับผม
สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
-------------------------------------------------------2550--------------------2549-----
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน = _(749,276,294.40)-----(157,627,398.74)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน = ____ (296,496,255.31)-----(234,638,661.21)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน = __1,167,747,846.05-----412,497,235.99
อ่านๆมาเห็นเขาว่า งบกระแสเงินสด เป็นเรื่องน่าสนใจ ผมเลยหาข้อมูล
มาจาก กลต นำมาให้ดู 3 หัวข้อหลัก (ตามสูตร)
แต่อย่างว่าแหละครับ รู้ว่าสำคัญ แล้วมันยังไงต่อละนี่
อ่าน และ อ่าน สักวันคงเข้าใจ เรื่องใหม่จริงๆ เลยครับ สำหรับผม
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอทำการบ้านยากๆ สักข้อ
โพสต์ที่ 30
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน เป็นลบแปลว่าnara เขียน:งบกระแสเงินสด
สำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
-------------------------------------------------------2550--------------------2549-----
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน = _(749,276,294.40)-----(157,627,398.74)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน = ____ (296,496,255.31)-----(234,638,661.21)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน = __1,167,747,846.05-----412,497,235.99
อ่านๆมาเห็นเขาว่า งบกระแสเงินสด เป็นเรื่องน่าสนใจ ผมเลยหาข้อมูล
มาจาก กลต นำมาให้ดู 3 หัวข้อหลัก (ตามสูตร)
แต่อย่างว่าแหละครับ รู้ว่าสำคัญ แล้วมันยังไงต่อละนี่
อ่าน และ อ่าน สักวันคงเข้าใจ เรื่องใหม่จริงๆ เลยครับ สำหรับผม
ทำงานมาทั้งปีไม่มีเงินเหลือแถมติดลบ
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน เป็นลบแปลว่า ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อให้งานดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน เป็นบวกคือต้องกู้เงินเข้ามาใช้ให้ธุรกิจrun ต่อไปได้
ก็จะไปพันยอดอยู่ในงบดุล
ในด้านของหนี้สินหมุนเวียน
จ่ายค่าดอกเบี้ยกันต่อไป
วิเคราะห์ต่อว่า........
จะดูเฉพาะตรงนี้ก็หยาบๆหน่อย
ดูงบดุลหนี้สินต่อทรัพย์สินเกือบเท่าๆกัน
ดูงบกำไรขาดทุน บ.นี้หาเงินได้ปีที่แล้วเกือบๆ300ล้านบาท
ก่อหนี้สินหมุนเวียนไว้ราวๆ2500ล้านบาท
ก็ต้องกำไรดีๆอย่างนี้ไปอีก8ปีเกือบ9ปี ถึงจะใช้หนี้หมด
ปีหน้าก็คงต้องกู้เพิ่มอีกเท่าๆเดิมในกรณีที่ไม่ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม
เพื่อให้ธุรกิจหมุนไปเรื่อยๆ
พอเห็นภาพตามบ้างไหมครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า