Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมอายุ 18 ครับ เพิ่งจบ ม.6 มาหมาดๆ กำลังรอลุ้นผล ADMISSION อยู่ครับ  - -'
ต้องการจะลงทุนในหุ้นแบบระยะยาวครับ แนว VI กับ ปันผล ไม่เล่นเก็งกำไรเป็นรายวันครับ

หลังจากที่ผมได้ศึกษา หาความรู้เรื่องนี้มาซักพักนึงแล้วจาก thaivi.com ,  โต๊ะสินธรเวบพันทิพ เวบหุ้นต่างๆ ศึกษาประสบการณ์จากพี่ๆหลายๆท่านในหลายๆเวบ
และซื้อหนังสือหลายๆเล่มมาอ่าน เช่น ตีแตก , ชนะอย่างเต่า , หุ้นห่านทองคำ , คัมภีร์หุ้น , Value Way ฯลฯ

รวมถึงอ่านข้อมูล แบบ 56-1 บองบริษัทต่างๆที่ผมสนใจมาอ่านดูบ้างแล้ว

ผมอยากที่จะลองเปิดพอร์ตของผมดูบ้างครับ โดยใช้เงินเก็บของผมเองไม่มากเท่าไหร่ครับ
ไม่กี่พันบาทสำหรับการเริ่มต้น ค่อยๆสะสมหุ้นไปเรื่อยๆครับ

ซึ่งผมถือคติที่ว่า รู้เร็ว เป็นเร็ว รู้จักการได้กำไร-ขาดทุนก่อน ได้เปรียบครับ เรื่องแบบนี้

แต่ปัญหาก็คือ
- ผมอายุ 18 ครับเปิดไม่ได้ T T
- พ่อแม่ของผม ท่านไม่สนับสนุนให้ผมลงทุนในหุ้นครับ ท่านมองว่าลงทุนในหุ้นยังไงก็ไม่มีทางรวยได้ ท่านจะให้ฝากกับธนาคารอย่างเดียวเลยครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อปี 40 ที่ทำให้ท่านมองตลาดหุ้นในด้านลบครับ เพราะช่วงปี 36 - 40 ท่านเคยเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรตามประสาคนทั่วไปในช่วงนั้นครับที่แห่กันเล่นหุ้นเพราะยังไงก็มีแต่ได้ แต่พอปี 40 ก็... ครับ
- ขนาดขอเปิดกองทุนรวมท่านยังไม่อยากจะให้เลยครับ T T

ซึ่งผมมีทางเลือกอยู่ 2 ทางครับอยากขอคำแนะนำพี่ๆ ช่วยผมเลือกทีครับ ระหว่าง

1. ใช้ชื่อพ่อ-แม่ ในการเปิดพอร์ต เพื่อสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ ครับ
- แต่ผมควรจะขอ,อ้อน พ่อ-แม่ ยังไงดีครับ - -'

2. เปิดกองทุนรวมไปก่อน 2 ปี แล้วค่อยขายหน่วยลงทุน ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเลือกอยู่ระหว่าง
- กองทุน Active บัวแก้ว2 ของ บลจ.บัวหลวง
- กองทุน Passive SET JUMBO 25 ของ บลจ.ทหารไทย

กำลังชั่งน้ำหนักอยู่ครับจะเอา active หรือ passive ดี ซึ่งก็ขอคำแนะนำพี่ๆ ช่วยแนะนำเป็นทางเลือกอีกข้อนะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านปัญหาของผมครับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

หมายเหตุ : ถ้าพี่ๆคนไหนเล่นห้อง สินธร ในบอร์ดพันทิพ จะเห็นว่าผมตั้งกะทู้นี้ไว้เหมือนกันนะครับ เพราะผมอยากขอคำแนะนำจากพี่ๆหลายๆท่าน หลายๆมุม ครับ

1. ใช้ชื่อพ่อ-แม่ ในการเปิดพอร์ต เพื่อสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ ครับ
- แต่ผมควรจะขอ,อ้อน พ่อ-แม่ ยังไงดีครับ - -'

ถ้าเป็นผม ผมจะลองขอท่านอีกครั้ง โดย บอกท่านว่า จะขอลองลงทุนในหุ้น เพื่อศึกษาในแนวทางที่อยากจะเรียนรู้ โดยขอเงินลงทุนสักก้อน หมื่นสองหมื่นก็แล้วแต่   แล้วสัญญากับท่านว่า จะไม่นำเงินมาเติมอีก จนกว่าจะพิสูจน์ ให้ท่านเห็นว่า จริง ๆ แล้ว ตลาด มันไม่น่ากลัวอย่างที่ท่านคิด แล้วคุณก็สามารถเอาตัวรอดและทำกำไรกับมันได้.

ผมว่าท่านน่าจะยอมนะ คุณไม่ได้เอาเงินไปซื้อมอไซค์ มาขับซิ่งซะหน่อย

แนะนำให้น้องเปิดบัญชีแบบ internet ใช้ชื่อตัวเองไปเลยครับ ไม่ต้องไปอ้อนพ่อกับแม่ด้วย แต่ต้องเลือกโบรกที่ไม่มีวงเงิน และค่าธรรมเนียมขั้นต่ำนะ(บางโบรกต้องเปิดขั้นต่ำ 50,000 และเทรดแต่ล่ะครั้งมีค่าธรรมเนีมขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท)  อย่างที่ผมใช้ของ seamico ไม่มีวงเงินและค่าธรรมเนียมขั้นต่ำครับ เทรดน้อยๆ สบายใจดี เงินลงทุนก้อนแรกของผม 3000 บาทครับ

เข้าไปหาข้อมูลเปรียบเทียบเพิ่มได้ที่
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... ember.html

ป.ล เอากราฟผลตอดแทนของ port ปริ้นโตๆ แปะฝาบ้านให้ชาวประชาชีเห็น ไปเลยครับถ้าผลตอบแทนดีเดี๋ยวพ่อแม่น้องก็เห็นดีเห็นงามเอาเงินมาเพิ่มด้วยเองแหละ

รออีกนานมั้ยถึงจะเปิดพอร์ทได้ อายุ 20 ป่ะ

ผมว่าถ้าเปิดชื่อตัวเองไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนี่นะ รอไปก่อน ตลาดหุ้นไม่หายไปไหน ศึกษาการลงทุนให้เพียงพอ แล้วก็ลองอ่านหนังสือพวกประวัตินักลงทุนดิ พวกนี้มีหัวทางธุรกิจเยอะนะ การลองทำมาค้าขายอะไรบางอย่าง เก็บเงินทุนไว้ก่อน มาลงทุนหุ้นทีหลังก็ยังได้

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

มีญาติคนอื่นที่สนิทกัน ลงทุนในหุ้นมั้ยครับ ลองไปปรึกษาดูนะครับ
ผมเองก็มาสนใจหุ้นตอนอายุ 19 อ่านๆ หาข้อมูลๆ เริ่มเปิดพอร์ท 20ปี3เดือนพอดีเป๊ะ
ซีมิโก้เช่นกันครับ เงินเริ่มต้นน้อยไม่ใช่ปัญหาครับ เงินก้อนแรกของผม 5000 บาทครับ

ลองสร้างพรอต์ทการลงทุนจำลองเสมือนลงทุนจริงดูก่อนซิครับ ให้เหมือนลงทุนจริงๆ นะ เรียนรู้ไปก่อน อายุยังไม่เยอะ เราเริ่มต้นไม่ช้าหรอก

น้องถือว่า เพิ่งเจอด่านแรก ยังดีที่ศึกษามาก่อนจะถาม  ถือว่ามีการวางแผนขั้นต้นดี

ผมคิดยังงี้
1.เงินตัวเอง ทำงานเก็บเงินเอง เปิดพอร์ตเอง ตัดสินเอง ไม่จำเป็นต้องบอกพ่อแม่ก็ได้

2.ตอนนี้ 18ปี ลงกองทุนได้ ก็ลงไปก่อน ฝึกตามว่ากองเราลงหุ้นแบบไหน ตัวไหนบ้าง ผลเป็นไงเวลามีเหตการณ์แย่ๆมากระทบ แล้วเรารู้สึกยังไง ..เวลา2ปีจะทำให้สร้างประสบการณ์พอสมควร แล้วพอ 20ค่อยลงหุ้นโดยตรงยังไม่สาย ตลาดมีโอกาสเสมอๆครับ

3.ดังนั้น สองปีนี้ ลงแบบ passive ไปก่อน ถ้า"อยากลองของ"ทนไม่ไหวอยาก ซื้อหุ้นเอง ลองใช้พอร์ตกระดาษ จดซื้อขายเอง หรือใช้ virtual portfolio ในเวบ settrade.com ดูครับ(เทรดแบบนี้ห้ามโกงราคาเคาะแล้วเคาะเลยนะจ๊ะ )

4.อย่ามั่นใจเกินเหตุ

5.อย่าคิดว่าข้าถูกเสมอ

6. อย่าโลภเกินความรู้

7.กลับไปอ่านข้อ 1ลงมาใหม่ ทุกไตรมาส

ตอนนี้ ก็สะสมในกองทุนรวมไปก่อนสิครับ ไว้อายุถึง ก็เปิดเป็นชื่อตัวเอง ระหว่างนี้ ก็ศึกษาไปก่อน

โอ้ว อายุยังน้อย แต่หาความรู้ใส่ตัวมากมาย ดีจัง ตอนพี่อายุเท่าน้องอย่าว่าแต่ลงทุน เก็บเงินยังไม่เป็นเลย

พี่ยังไม่อยากให้รีบ ถึงเงินจะแค่ไม่กี่พัน แต่ก็เป็นเงินเก็บทั้งหมดของเรา แนะนำให้เล่นหุ้นจำลองก่อน ตอนนี้มีแข่ง click 2 Win ลองไปฝีกฝีมือก่อน ตอนนี้เปิดรับสมัครอยู่ ชนะมีเงินรางวัลด้วย ไว้เอามาต่อยอดที่สนามจริง http://click2win.settrade.com/SETClick2WIN/index.jsp

พยายามหาความรู้ใส่ตัวไว้ให้มากที่สุด

หาคนที่ไว้ใจได้เป็น nominee สิครับ เล่น port จำลองมันไม่ได้อารมณ์หรอก เห็นหลายคนพอเล่น port จำลองหู้นตกไป 50% ยังเฉยๆ บอกว่าฉันเป็น vi ไม่หวันไหว แต่พอซื้อขายจริง ๆ ตกแค่ 2% ก็ปอดแล้ว  

1.ให้ nominee เปิดบัญชีธนาคาร และสมัครบัตร ATM แล้วเก็บ สมุดบัญชี กับ ATM ของ nomineeไว้ที่เรา (เพื่อให้เราสามารถ โอนเงินเข้า ออก ได้สะดวก)
2. ให้ nominee ไปเปิดบัญชีซื้อขายทาง internet แล้วจะซื้อขายเราก็สั่งซื้อขายทาง internet ได้เลย

ขอบคุณ พี่ๆ ทุกท่านมากๆเลยครับสำหรับคำแนะนำ  :D

เล่นกระดาษไปก่อนครับ 2 ปี
ระหว่างนี้ก็เก็บเงินเพิ่มไป พออายุ 20 แล้วค่อยไปเปิดพอร์ตด้วยเงินตัวเองครับ
ไม่ต้องกลัวตลาดหนีไปไหนหรอกครับ ส่วนมากอยากรีบเล่น เพราะกลัวว่า ถ้าเข้ามาช้าตลาดมันอาจจะขึ้นไปก่อน

[quote="MindTrick"]น้องถือว่า เพิ่งเจอด่านแรก ยังดีที่ศึกษามาก่อนจะถาม

ผมคิดว่า  ช่วงแรกๆ  สิ่งที่สำคัญมากกว่าผลตอบแทน คือ ความรู้และประสบการณ์ครับ

ถ้าคิดว่าต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุน  การลงทุนในกองทุนรวมไม่น่าจะให้ความรู้และประสบการณ์แก่เราได้

รวมทั้งการลงทุนในกระดาษ  หลายคนคงมีประสบการณ์  การตัดสินใจย่อมไม่เหมือนกัน

แต่การเร่งรีบลงทุนก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น  ได้เท่าที่ได้ครับ

อารมย์ ความรู้สึก ของจริงกับของจำลองต่างกันครับ

ลองบันทึกซื้อขายใน คอม ใน พอร์ท จำลอง มันไม่ค่อยกังวล

กดดันเท่าของจริงครับ แต่ถ้ายังไม่สามารถ เปิดได้ ก็ซื้อ

กองทุนแบบ passive ไปก่อนก็ได้ครับ แล้วระหว่างนี้ก็ศึกษา

เพิ่มเติม เพื่อที่วันที่เราลงทุนเราจะพร้อมจริง ๆ ครับ

ทั้งความรู้ และ ด้านจิตใจ ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นการฝึกความอดทน

ในการอยากซื้อ อยากขาย ไปก่อนก็ได้นี่ครับ  ขอให้โชคดีครับ

คุยกับพ่อแม่ว่า อยากลงทุนในหุ้น ให้พ่อแม่เปิดให้
โดยบอกว่าเราจะทำอะไรบ้าง ให้ท่านไม่ต้องกังวล

ลองทำอย่างนี้ดูครับ
- น้องไปทำงานพาร์ทไทม์ เอาเงินที่ได้มาลงทุน แล้วบอกกับท่านว่าจะไม่เอาเงินมาลงเพิ่มยกเว้นเงินจากการทำงาน
อยากให้เชื่อพี่ว่าทำอย่างนี้ ได้กำไรสองต่อ หนึ่งคือเห็นค่าของเงิน สองได้ทำอะไรใหม่ๆ (ถ้ายังไม่เคยทำนะ)
- อ่านหนังสือให้เค้าเห็นเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียนหรือ หนังสือการลงทุน
- วางแผน เขียนอะไรให้พ่อแม่เห็นว่า เราเอาจริงเอาจังกับการลงทุนจริงๆ
- ถ้าขอเงินพ่อแม่มาลงทุน ให้ลงทุนน้อยๆ ก่อน มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์

พี่แนะนำว่าทำอะไรจริงๆจังๆเป็นระยะเวลานานพอ ไม่ว่าใครก็จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
อยากให้เล่น พอร์ตจริง จากเงินที่หามาเอง จะได้คิด และ มีอารมณ์ในการตัดสินใจจริงๆ

แล้วถ้าลงทุนได้สัก 3-5 ปี แล้วผลตอบเทนเหนือกว่าตลาด ตอนนั้นก็เรียนจบ ทำงานหาเงินได้เอง
ตอนน้นแหละ ประสบการณ์พร้อม วัยพร้อม เงินพร้อม
ที่เหลือ ขึ้นกับตัวน้องเองแล้วแหละ ว่า ทำได้ขนาดไหน
เวลามีเยอะ ขึ้นกับเราว่าจะบริหารมันยังไง น้องเริ่มต้นเร็วกว่าพี่ๆหลายเยอะ แล้วนะ  

เยี่ยมครับ สนับสนุน

แนะนำว่าเริ่มน้อย ๆ ก่อน แล้วก็ลงทุนตรงเลยดีกว่าในความเห็นพี่
บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเจียดเงินเก็บที่เราเก็บเองมาลงทุน ศึกษา

ก่อนหน้าที่จะขอ ก็ทำการบ้านก่อน ว่าจะซื้อหุ้นอะไรบ้าง
อธิบายให้เค้าเห็นภาพคร่าว ๆ กับวิธีคิดเรา

ทำได้ตามนี้ก็เหมือนกับเขียน แผนธุรกิจไปขอเงินกับสถาบันการเงิน ได้เรียนรู้เรื่องนี้เพิ่มอีก

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีเหตุผลของเค้า ก็คงต้องฟังครับ
เก็บเอามาคิดก่อนที่จะแย้ง แต่ยังไงสองปีไม่นานหรอกครับน้อง

ที่พ่อแม่ไม่ให้ เพราะไม่เข้าใจมากกว่าค่ะ ของพี่ก็เป็นค่ะ ต้องอธิบายว่าเรากำลังจะทำอะไร มีสติดีเยี่ยมที่ทำ ไม่ได้เล่นปั่นและมี limit ในการลงทุน ที่สำคัญแผนการเงินต้องดีด้วยนะคะ ทุนมาจากไหน เงินเย็นแค่ไหน มีแผนรองรับยังไง เค้าก็ห่วง เพราะคนที่ไม่เคยรู้จักตลาดหุ้นก็จะจำแต่ด้านแย่ๆ แบบหมดตัว ต้องขายบ้าน อะไรทำนองนั้น

พี่ก็เปิดชื่อพ่อแม่ค่ะ เพราะหวังผลทางภาษีด้วย กล่อมมา 5 เดือน ขนาดว่าเครดิตดีด้วยนะคะ พูดคำไหนคำนั้นตลอด ยังไม่ค่อยจะยอมเลย อดทนหน่อย ไม่งั้นก็ลงทุนผ่านกองทุนไปก่อนค่ะ

ขอบคุณมากๆครับผม
ผมชอบเข้าบอร์ดนี้หาความรู้เป็นประจำเลยครับ  :lol:

เนื่องจากน้องกำลังเข้ามหาวิทยาลัย พูดตรง ๆ นะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ ผมอยากให้น้องให้ความสำคัญกับ "การเรียน" ให้มากที่สุดครับ เว้นเสียแต่ว่าเหตุผลเดียวคือ น้องมีเงินลงทุน มากกว่า 2-4 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำ เพราะอะไร?

1. ถ้าน้องคิดจะทำงานประจำ ไม่เปิดกิจการเองหลังจากเรียนจบ ในสังคมไทยปัจจุบัน เกรดมีความสำคัญมากครับ (อย่าคิดว่าก็แค่ตัวเลขบนกระดาษเชียว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าน้องไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย top 3 ของสาขาที่จบมา เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ทำเกรดให้ดี ๆ ได้งานดี ๆ จะเป็นตัวช่วย backup เราอย่างดีตอนที่เริ่มลงทุนเมื่อเรียนจบครับ (อย่าอ่าน rich dad มากจนมองว่างานประจำไม่สำคัญ สิ่งที่เราได้รับจากงาน มีมากกว่าเงินเดือนครับ)

2. ถ้าน้องเรียนจบมางานทำ สมมติว่า start 20,000 บาทต่อเดือน ก็ได้ปีละ 240,000 บาทต่อเดือน เทียบเท่ากับการลงทุนแบบ Value Investing ในระดับมาตรฐาน (15% ต่อปี) ที่ต้องมีเงินทุนอยู่ประมาณ 1,600,000 บาท ถามว่าตอนนี้น้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่ คุ้มมั๊ยกับการทุ่มเวลาให้กับเรื่องการลงทุนมากกว่าการเรียน? คิดจะลงทุน ลอง weight ความสำคัญและผลตอบแทนดูครับ แล้วจะรู้ทางที่เราควรเดิน

สรุปง่าย ๆ ละกันว่า อย่าเพิ่งรีบร้อนลงทุน ตลาดหุ้นไม่หนีใครไปไหนครับ ตอนนี้ ตั้งใจเรียนก่อนดีกว่า ไว้ซักปี 3-4 ให้อายุ 20 ค่อยเริ่มก็ได้ สนุกกับชีวิตมหาลัยสองปีแรกและตั้งใจเรียนก่อนดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียดายเวลาแก่ ๆ แล้วย้อนกลับมาพูดว่า "รู้งี้ใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนดีกว่า" เงิน ฐานะไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตนะครับ

เห็นด้วยกับคุณ Akekarat สนใจการเรียนก่อนดีกว่า การลงทุนในแนว VI ก็มีความเครียด
ไม่ใช่ว่าจะไม่มี  "มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน"  มัวแต่ลงทุนเด่ยวจะเรียนไม่จบ
ในสังคมยังให้เกียรติ นับถือคนมีความรู้ คนเรียนสูงๆอยู่ ไว้ค่อยลงทุนตอนทำงานก็ยังไม่สาย

เราคงต้องเข้าเรียนมหาลัยให้ได้ก่อน จากนั้นลองเดินไปขอเงินมาสักก้อน 1 หมึ่นก็ได้ครับแลกเป็นรางวัลที่เข้ามหาลัยได้ บอกพ่อว่าอีก 4 ปีจะใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยทบต้น จากนั้นคุณก็เรียนให้ดีขอทุนทางมหาลัยช่วยประหย้ดค่าหน่วยกิจได้อีก สมัยผมมีทุนที่ไม่ต้องใช้คืนเพียบเลยครับ

ทำให้เค้าเห็นก่อนว่าเรารับผิดชอบตัวเองได้ ถ้าการเรียนเรายังไม่ไปไหนเค้าจะเชื่อเราได้อย่างไร

ใจเย็นๆครับ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ดูอย่าง ดร.นิเวศน์ ของเราสิครับ


ว่าแต่จะเรียนคณะอะไรเหรอครับ...

กำลังจะเข้ามาเชียร์ให้เล่น แต่พอนึกถึงตัวเองครั้งเริ่มแรกที่ได้มาสัมผัสหุ้น
เวลาหุ้นขึ้นแต่ละทีก็วูบวาบดีใจ ร้อนรน
เวลาลงจนขาดทุนก็ซึม เครียด จนคนรอบข้างเห็น
ใช้เวลานานกว่า1ปีกว่าจะปรับตัวให้ยิ้มได้ในเกือบทุกสถานการณ์
ไม่นำมานอนฝันร้าย เวลาหุ้นลง  ไม่ดีใจจนออกนอกหน้าเวลาหุ้นขึ้น

มันเป็นอะไรที่ทำให้อารมณ์แปรปรวนได้มากๆเลยครับ
น้องเก็บเงินไว้เริ่มลงทุนตอนปี4ใกล้ๆจะจบเหลือแต่โปรเจคตัวเดียว
แบบนี้ก็พอไหวครับ  แต่ให้เริ่มเล่นตั้งแต่ปีหนึ่ง
กลัวว่าถึงจะได้เงินมามาก แต่เพื่อนๆรอบตัวจะส่ายหน้ากับความแปลกแยก
จากสังคมเด็กมหาลัยน่ะครับ

ลองนึกถึงการใช้ชีวิตของน้องสิครับ บางทีเพื่อนเขาไปเที่ยวกัน
หุ้นที่น้องถืออยู่ตกลง  ขาดทุนอยู่2หมื่น  แค่นี้ก็หมดอารมณ์ไปเที่ยวแล้ว
พรุ่งนี้จะสอบ แต่หุ้นที่ถืออยู่มีคนทำราคาเข้าแทรก
บวกหลายๆ10%ติดกันหลายวันแล้ว  อยากขายมาก
แต่ก็อยากขายให้ได้แพงที่สุด  สุดท้ายนั่งเฝ้ามันทั้งวัน
หนังสือไม่ได้อ่าน

ดีใจได้กำไรมามาก เดินยิ้มคนเขาก็หาว่าบ้า
ขาดทุน ทำหน้าอมโลกเอาไว้  คนรอบข้างก็เป็นห่วง
กว่าอารมณ์จะเข้ารูปเข้ารอยก็นานเหมือนกันนะครับ

สุดท้ายแล้วเงินไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกครับ
ถึงมันจะสำคัญมากก็ตาม

ถ้าจะเล่นจริงๆ ให้เล่นในจำนวนที่ถ้าหายไป50%
อารมณ์จะไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ แล้วมันจะไม่มีผลกระทบกับการเรียน
การใช้ชีวิตของเรา

แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้หยุดการคิดลงทุนนะครับ
แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปทดลองวิเคราะห์ในกระดาษ
ลองฝึกการหาข้อมูลรายบริษัท วิเคราะห์จุดดีจุดด้อย
ปัจจัยเด่นที่ทำให้เราควรซื้อหุ้น ณเวลานั้นๆ
หรือปัจจัยด้อยที่ควรหลีกเลี่ยงกลุ่มอุตสาหกรรมไหน
ฝึกไปเรื่อยๆ ถ้าน้องเริ่มมั่นคงกับแนวทางความคิดการหาหุ้นแล้ว
ความคิดเราจะเริ่มนิ่ง ไม่แปรปรวนไปกับราคาหุ้น
เราก็อาจจะเริ่มก่อนที่เราจะเรียนจบก็ได้
สิ่งที่สำคัญคือ  ต้องคุมจิตใจให้ได้
คนเล่นหุ้นส่วนหนึ่งที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
ไม่ใช่เพราะการขาดทุน
แต่เป็นเพราะความแปรปรวนในอารมณ์กับคนรอบข้าง

อายุ 18 ผมทำอะไรอยู่นะ  :lol: มุ่งแต่เก็บเงินฝากธนาคารอย่างเดียวเลย ฝากแบบเผื่อเรียกด้วยนะ ไม่เคยมองการลงทุนแบบอื่นเลย :lol:

น้องนี่เยี่ยมจริงๆ แต่ผมก็ไม่รู้จะแนะนำอะไรหรอกนะ ได้แต่เป็นกำลังใจให้ครับ :lol:

อ่านเล่มนี้ยังครับ "จิตวิทยาการลงทุน" แปลโดย คุณพรชัยครับ อ่านแล้วได้อะไรหลายๆอย่างนะครับ แล้วจะเข้าใจว่าที่เราทำน่ะ "เหตุผลหรืออารมณ์" กันแน่ครับ

โชคดีนะครับ :lol:

ยินดีต้อนรับครับผม

นึกถึงตัวเองตอนนั้นโครตขำเลยครับ
ปี 1 กับเพื่อนๆ แว่บออกมาแทงหุ้นที่สุรวงศ์
ถล่มตลาดหุ้นเอากำไรมาได้ 500 บาท ไปกินไก่ทอดเคนตั๊คกี้กัน
เช็ดไม่มี ก็โกยเงินสดใส่ถุงไปกองหน้าเคาน์เตอร์เพื่อนับจ่ายค่าหุ้น
ไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เกรดตกต่ำ จบเกรดเฉี่ยวๆ 2
แต่ก็เพราะเรื่องว่อกแว่กอื่นๆเยอะด้วยล่ะครับ
ความรู้เรื่องหุ้นก็หาไม่ได้เลย โดยเฉพาะจิตวิทยา เพิ่งมาได้ทีหลังนาน
ถ้าจะลงทุน ก็ลงเงินน้อยๆ ที่ไม่กระทบจิตใจก่อนครับ
ลงทุนให้เหมือนออมเงิน มากกว่าจะหวังรวย
ไม่งั้นการเรียนพัง ชีวิตหักเหแน่ครับ ดีไม่ดีไม่รู้
อย่าปล่อยให้เกิดความเสี่ยงใดๆเช่นแอบไปเล่นมาร์จิ้น หรืออะไรที่เกินตัว
หรือหมกมุ่นน่ารำคาญในสายตาคนที่ไม่เข้าใจ
สุดยอดเคล็ดในทุกเรื่องอันนึง คือ พระวินัย ครับ

ดีใจนะครับ ที่น้องสนใจการลงทุน

การลงทุนบอกว่าใครเริ่มก่อนได้เปรียบ ก็เป็นจริง แต่ชีวิต ไม่ได้มีแต่ด้าน
การลงทุนหุ้นนะครับ  ยังมีด้านอื่นๆที่เราจะต้องสนใจ อีก ช่วงชีวิตมหาลัย
เป็นช่วงที่เราสามารถเก็บเกี่ยวอะไรได้มากมายนะครับ

ชีวิตคือ การลงทุน  แต่อย่าลืมความสุขระหว่างทางด้วยนะ

ที่จริงอยากแนะนำว่า ถ้าน้องสนใจเรื่องการลงทุน
ควรจะเลือกเรียนคณะที่เกี่ยวกับการลงทุน
ก็จะมีความสุขมากที่ได้เรียน คณะที่เราสนใจ เช่า ด้านการเงินเป็นต้น

และสามารถต่อยอดความรู้ได้มากด้วยนะครับ