Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

: ไม่มีคำว่าถูกหรือแพง สำหรับ commodity
มีแต่คำว่า เอากับไม่เอา

ต้องขอขอบคุณ บัฟฟฟตที่ไปซื้อ เหล้ก
ทำให้ผมคิดตั้งเป้นเดือน ทำไม ไปซือ เหล็ก
 ขอบคุณเกมบริดที่เขาชอบเล่น
 มันทำให้ผมคิดอออก
 ผมต้องไปเล่นบริดกับเพื่อน ให้เพื่อนสอน
แล้วผมก็เข้าใจ
 ทำไมเขาถึงบอกว่าเขาจะยอมเสียตัง 5 ล้านดอล/ปี เพื่อเล่นเกมบริดกับเพื่อน ๆ หรือ ที่เขาบอกว่า เขาจะยอมนอนน้อยลงเพื่อหาเวลามาเล่นเกมบริดให้ได้
   มันเป้นเกมที่มองหาจุด่อนครับ
 
 เขามองหาจุด่อนของ commodity เขาไปเล่นที่จุด่อนของมัน
  จุด่อนที่เขาหาวิธีชนะมันเจอ

  ในเมืองไทยเราไม่ได้โตกันมา ด้วยการเรียนจาก "สิ่งที่ผิด"

 เราชอบสอนแต่ "สิ่งที่ถุก" ในโรงเรียนลูกผม ใครทำผิด ครุรับไมได้

ผมต้องไปทะเลาะกับครุมาในวันนี้ เพราะผมบอกลุกทุกวัน ให้ทำผิดเยอะ ๆที่โรงเรียน เหมือนที่พ่อผมสอนผมมาเช่นกัน

 "ช่วงเวลาเด็ก ๆ ไปทำผิดเยอะ ๆแล้วสนุกกับมัน "

  วิธนี่สอนให้เรารูจักสิ่งผิด ก่อนที่จะเรียยนรู้สิ่งท่ถูก

  หลักการเน้นคุณค่าก็เช่นเดียวกัน อ. มังเกอร์คิดกันแบบนี้หมด

   เวลามีคนมาถาม "พี่ พี่ตัวไหนดีบ้างพี่"

     นั่นผลงานจากระบอบการศึกษาไทย

  ไม่มีใครถาม ตัวไหน ไม่ดีบ้างพี่ แล้วไม่ดีเพราะอะไร ถามอย่างนี้ มันดีกว่าด้วยซ้ำ ได้เรียนรู้ตั้งมากมาย แต่ไม่มีใครถาม ถึงไปผิดพลาดกันเยอะในตลาด แล้วยังไม่รู้ ว่าผิดเพราะอะไร  "ผิดตั้งแต่ตั้งคำถามนั่นและครับน้อง"

[quote=".^O-O^"]ในเมืองไทยเราไม่ได้โตกันมา ด้วยการเรียนจาก "สิ่งที่ผิด"

[quote="sattaya"]
น่าอายจังสอนลูกมาตั้งนานไม่เคยสอนให้ลูกเรียนรู้ในสิ่งที่ผิดเลย

พอดีเหลือบไปเห้น signature ของท่าน sataya ครับ!!!

  จงหวาดกลัวในขณะที่คนอื่นโลภ จงโลภในขณะที่คนอื่นหวาดกลัว" วอเร็นท์ บัฟเฟตต์

  ประโยคนี้มีจุดอ่อนครับ  

ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนกันครับว่าถ้า "คนอื่น" เขาคิดถูก แล้ว "เรา" คิดผิดเนี่ย  ไม่กลัวตามเขา  แล้วโลภก็ยิ่งเจ็บหนักเลยครับ

พอมาบวกกับ "สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการทำอะไรลงไปโดยไม่รู้จริง"  กับ

ผลน่าจะออกมาเป็น "จงตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในขณะที่คนอื่นทำอะไรโง่ๆ" มากกว่าครับ

[quote=".^O-O^"]ต้องขอขอบคุณ บัฟฟฟตที่ไปซื้อ เหล้ก
ทำให้ผมคิดตั้งเป้นเดือน ทำไม ไปซือ เหล็ก

ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ

มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย... ขอบคุณคะ

แจ่ม มากๆ
ย่นเวลาการเรียนรู้เป็นอย่างดี

อ่านแล้วทำให้นึกถึงมงคล 38 ประการ ขึ้นต้นด้วย
..ไม่คบคนพา่ล
..คบบัณฑิต

นั่นแสดงให้เห็นว่า คนโบราณจะสอนสิ่งที่ไม่ดี ให้เห็นโทษในการคบกับสิ่งไม่ดีก่อน แล้วค่อยชี้แนะการทำดี ผลของการทำุดี

สรุปว่า ทุก ๆ อย่าง มักจะมีคอนเซปต์คล้าย ๆ กัน

งี้น่าจะมีกระทู้รวบรวมความผิดพลาดของแต่ละท่าน ว่าทำผิดกันยังไงบ้าง พลาดตรงจุดไหน จึงทำให้ขาดทุน ฯลฯ เืพื่อเป็นหนึ่งในแนวทางการเรียนรู้นะครับ  :)

การคิดมองหาแต่ "วิธีทีผิด" มันมีจุด่ออนด้วยครับ
   

    ขนาดฝึกนานๆ เป็น evolution ตั้งแต่เด้กนี่ ก็ยังไม่คุ้นเลย แต่มันไมได้เหมือนทอเนโดหมุนวนๆ อย่างนี้ตลอด มันเป็นช่วงๆ ครับ

 ก็เหมือนอย่างที่ ปารมาจารย์ของความผิดพลาด ท่าน เอดิสันพูดไว้

  The brain can be developed just the same way as the muscles can be developed, if one will only take the pains to train the mind to think.

        Thomas Alva Edison, American Inventor 1847 -1931  

   
   ถึงไม่มีคนชอบคิดแบบวิธีนี้ไงครับ มันมี pain อยู่ด้วย แต่ของผมเป็น pain in the ass ด้วย เพราะเป็นริดสีทอง เวลาคิดอะไรมาก ๆแล้ว มันถ่ายไม่ค่อยออก อย่างนี้ก้จะรู้ว่าคิดมากไปแล้ว เครียดมากไปแล้ว ของท่านโซรอสนี่ปวดหลังให้ชายหุ้น ของผมเจ็บตูดนี่ให้ขายหุ้น คล้าย ๆกันครับ

   ถ้าเรื่อง articles ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ เพราะอ่านแล้วก้โยงเข้ากันมั่วๆ ครับ ไม่มีที่ไหนเขียนอย่างนี้ครับ อ.บัฟเฟตเอง อ.มังเกอร์เอง ไม่เคยพุดอย่างนี้ครับ  มั่วเองหมด 55555 เพียงแต่ว่า มันถูกหรือปล่าวเท่านั้นครับ

    ถ้าอยากอ่าน ก็มีครับ

 ไม่ใช่หนังสือการลงทุนนะครับ อย่างนั้นอ่านแล้วไมได้อะไรเลยครับ
 ไปอ่านอย่างอื่นดีกว่า ไปหา models ที่ใช้อธิบายให้เราเข้าใจโลกการลงทุนได้ดีกว่า แล้วถ้ายังไม่มีใครค้นพบ อย่างนี้มันตื่นเต้นกว่าเยอะเลย เราเป็นคนแรกเลยครับ

    อย่างฟิสิกส์ เคมี ชีว พวกนี้ เขา rational สุด ๆ ยิ่งเป็นพวกวิชาที่เกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์อย่าง quality control  
   เรื่อง backup system นี่ โห...อ่านแล้วมันสืพะยะค่ะเลยครับ หรือย่างเรื่อง breakpoints นั้นจบวิศวทีผมเคยอ่าน แต่ยังไม่รู้อีกเยอะ แต่มันโยงเข้าหาตัวเราได้หมด อะไรที่มีเหตุและผล ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น อย่างนั้นผมว่าดีหมด เอาไปใช้ได้จริงๆ ไม่ใช่จำเอาไปสอบ เหมือนที่ชอบสอนกัน

    อย่างไปฟิสิกส์นี่ เรื่อง critical of mass เห้นซับซ้อนอย่างนี้ ถ้าเอาก้นไปเจ้บปวดกับมันสักเดือน ใช่ครีมไข่มุกทาไปอ่านไป เดี๋ยวก็เข้าใจสักวันครับ    
 
  เมื่อวาน ผมไปอ่านเรื่อง  autocatalysis ในวิชาเคมี มันแปลว่า " การแตกตัวของตัวเองได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย"   ถ้ามีสะสารบางอย่างเป็น A

           เขาก็จะกลายเป้น A + B + C  โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
 
    เห้นภาะเลยครับ คิดถึง disney บริษัท coke เลย เข้าใจเลยว่า อ.บัฟเฟต ซื้อทำไม ทำไมไปซื้อ    

     อย่างโค๊กนี่เขาอยุ่เฉยๆ พอมีคนสร้างตู้เย็นเข้ามา มันก็มีคนมาเติมเครื่องหมายบวกให้ ยอดขายก็โตขั้นไปเอง เขาไมได้ทำ แต่คนอื่นมาเพิ่มยอดขายให้  เห็นไหมครับ autocatalysis

    อย่าง Disney นี่ พอมีการประดิษฐ์วิดิโอขี้นมา เขาก็พุ่งพรวดเหมือนกัน ไม่ต้องทำอะไรเหมือนกัน
     

     บ้านเราก็มีครับ...........

    จบแล้วครับ เพราะเขียนไม่รู้เรื่องแล้ว

[quote=".^O-O^"]พอดีเหลือบไปเห้น signature ของท่าน sataya ครับ!!!

[quote="sattaya"][quote=".^O-O^"]พอดีเหลือบไปเห้น signature ของท่าน sataya ครับ!!!

[quote="หมีบึงกุ่ม"]ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนกันครับว่าถ้า "คนอื่น" เขาคิดถูก แล้ว "เรา" คิดผิดเนี่ย

สุดยอดเลยครับ

สุดยอด ด้วยคน คับ
อ่านแล้วคิดถึงตอนเรียน สิบกว่าปีก่อน เรียน static
อาจารย์เข้ามาบอกวิชานี้ไม่มีไรมาก ซิกม่า F =MA
A = 0 แค่นั้นเอง ผลออก F กระจาย

[quote=".^O-O^"]

แต่มันเป็นตัวเรา

สุดยอด... ชอบมากๆเลยครับบทความนี้  

" Economics? Supply and Demand.  Thats it.

ประโยคนี้ก็โดนใจผมเหมือนกัน  :D