หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 1:50 pm
โดย kmphol
ช่วงนี้ เศรษฐกิจแย่ น้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น การใช้จ่ายลดลง ซึ่งเป็นกันทั่วโลกและดูเหมือนว่าจะไม่จบลงง่ายๆ
เราถือว่าพื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนจนต้องขายหุ้นทิ้งก่อนไหมครับ (กะว่าจะขายตอนที่ราคามันดีดกลับบ้าง)
ผมมีปํญหาว่าตอนนี้ถือหุ้นเกือบเต็มพอร์ต (ส่วนใหญ่เป็กลุ่ม set50)
ตอนนี้ควรถือหลักอย่างไรดีในการถือข้ามช่วงวิกฤตครับ เพราะทุกตัวที่ซื้อเพิ่มตอนนี้ยิ่งซื้อก็ยิ่งลง พื้นฐานกิจการที่ยึดไว้ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ตามภาวะปัญหาปัจจุบัน แม้ว่ามันยังไม่แสดงให้เห็นในงบการเงิน
ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 5:47 pm
โดย กาละมัง
ปี 40 เป็นวิกฤตเฉพาะประเทศไทย ผลต่อประเทศเราจึงมากว่างหนักกว่าวิกฤตปัจจุบันมากนัก เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ขอยกตัวอย่างประกอบ ความเลวร้ายเพื่อให้เห็นภาพ คร่าว ๆ ดังนี้
1. รัฐบาลมีหนี้สาธารณะสูงมาก ขณะที่เงินทุนสำรองหมดคลัง จนต้องพึง IMF
2 อัตราแลกเปลี่ยนจากเหรียญละ 25 บาท เป็น 50 บาท ของนำเข้าแพงขึ้นทันที น้ำมันด้วย
3. มีการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง ลูกหนี้ก็ไถ่ถอนหลักประกันออกไปไม่ได้ โครงการที่ผูกพันเงินกู้ ขาดเงินหมุนเวียน ต้องปิดกิจการไปตามกัน
4. กิจการต้องล้มเป็นหมื่นราย บริษัทเล็กปิดกิจการ บริษัทใหญ่ก็เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
5. คนตกงานมากมาย แรงงาน ใน กทม ตกงานคาดว่ากลับ ภุมิลำเนาเดิม ใน ตจว กว่า 2 ล้านคน
6. บริษัทที่อยู่ได้ส่วนใหญ่ มีหนี้ D/E สูง ดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 10% เป็นกว่า 20-25 % ขณะที่ยอดรายได้ และการทำกำไรลดลง ทุกเดือนก็ต้องกังวลกับการจ่ายเงินเดือนลูกน้อง เริ่มค้าขายเงินสด งดรับเช็ค เพราะว่าเด้งเป็นแถว
7. ตลาดหุ้นตกจาก 1700 เหลือ เพียง 200 จุด
วิกฤตปัจจุบันถือเป็นวิกฤตโลก ซึ่งทุกคนก็รู้ดี มีต้นเหตุมาจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ผลกระทบเกิดกระจายไปยังทุกคน ทุกประเทศ และกระทบกับบริษัทจดทะเบียนมากบ้างน้อยบ้าง
ผมว่าหลายบริษัทได้รับผลกระทบทางตรงน้อย และยังคงมีผลประกอบที่ดี (อาจลดลงจากประมาณการเดิมบ้าง) แต่หากดูจากราคาหุ้น แล้วพบว่าลดลงในอัตราที่มากกว่ามาก เพราะเล่นขายไม่ดูราคากันเลย ผมจึงเห็นว่า เราน่าจะถือหุ้นไว้ หรือ เพิ่มการลงทุน มากกว่าขายหุ้นออกไปครับ....ซึ่งแย้งกับนักวิเคาะห็บางท่านที่แนะนำให้เลือกลงในพันธบัตรในภาวะนี้ครับ
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 5:58 pm
โดย mario
[quote="กาละมัง"]ปี 40 เป็นวิกฤตเฉพาะประเทศไทย
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 7:58 pm
โดย sai
รบกวนสอบถามคุณกาละมังหน่อยครับว่า pe ตลาดตอนปี 40 อยู่ที่เท่าไหรครับ เพราะตอนนั้นยังไม่สนใจเรื่องหุ้นเลยอิอิ ขอบคุณครับ
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 8:47 pm
โดย lionman
ขอบคุณคุณกะละมังครับ
งั้นในภาวะแบบนี้ คงต้องมามองหาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้อยที่สุดลงทุน (ใครเจอ อย่าลืมมาบอกกันด้วยครับ :P )
คุณ kmphol คงต้องมาดูใหม่ครับว่า ธุรกิจที่เราหุ้นอยู่ ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ถ้าได้รับผลกระทบมาก แน่นอนว่าคงส่งผลกระทบต่อผลหระกอบการของบริษัทอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องดูนโยบายบริษัทด้วยว่าจะออกนโยบาลช่วยมากน้อยแค่ไหน ลองวิเคราะห์ดูครับ ขอให้โชคดีครับ
จำได้ดีมิเคยลืม
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 9:43 pm
โดย Nevercry.boy
วันนั้นนั่งเครื่องบินกลับไทย เป็นอีกวันนึง ในความทรงจำว่าคนในเครื่องน้อยมาก ๆ แล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยบนเครื่องมาอ่าน พบว่ามีการลอยค่าเงินบาท !!!!!
หลังจากนั้นข่าวร้าย ต่าง ๆ กระหน่ำกันเข้ามา เพื่อน ๆ บอกหุ้นที่กำไรขายทำกำไร กันไปหมด ผมยังไม่ได้ขายซักตัว และเชื่อมั๊ยว่ามีอยู่ตัวนึงถือมาจนถึงวันนี้ รับปันผลไปแล้ว 25 % ของราคาหุ้นตอนซื้อ คิดเป็นราคาทุนของหุ้นตอนนี้
หุ้นที่ผมเป็นกรรมการบริหารอยู่ (อย่ารู้เลยบริษัทอะไร) หล่นกลับหัวกลับหางจากสองหลักเหลือหลักเดียว เฮ้อ
การบังคับขายเกิดขึ้น หนักมาก ๆ NPL เต็มเมือง ตึกที่กะว่าจะเช่า ก็ดันติด NPL ตอนหลังขายไป ฯลฯ อีกมาก ประเทศชาติ ขาดสภาพคล่องกันไปทั้งหมด
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 9:55 pm
โดย bankniti
วิกฤตเมื่อปี 2540 เพิ่งจะเริ่มเรียนมหาลัยครับ ยังไม่รู้จักหุ้นเลย (โทษทีที่ตอบไม่ได้)
เพียงแต่ว่าผมมีข้อสงสัยและข้อคิดเห็นส่วนตัวนิดหน่อย อยากถามท่านอื่นๆ เหมือนกันครับ
1) วิกฤตคราวที่แล้วเกิดจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แล้วก็ลามไปยังย่านเอเซียก่อน ซึ่งผลกระทบต่อเอเซียบางประเทศนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ผมไม่แน่ใจว่าผลกระทบนี้ไปถึงยุโรปและอเมริกาหรือไม่? แล้วมันรุนแรงกับประเทศเหล่านั้นขนาดไหน? แต่ประเทศไทยนี้ถือว่าโคม่าหรือต้องปั้มหัวใจกันหลายรอบเลยกว่าจะผ่านวิกฤตมาได้
2) คราวนี้ปัญหาเกิดกับอเมริกาก่อน คือ subprime ซึ่งแน่นอนว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นๆ แทบทุกประเทศทั่วโลก ผมกระทบครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา แต่เกิดจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งปัญหาย่อมจะส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลกมากกว่า ก็อย่างที่รู้ ตอนนี้เวียดนามก็ฟองสบู่(เกือบจะ)แตกแล้ว ไหนจะประเทศอังกฤษอีกที่เกิด subprime ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกระทบดูแล้วน่าจะโดนกันทั่วโลก และน่าจะขยายเป็นวงกว้างมากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
3) เมื่อปัญหาเป็นอย่างนี้ นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังในการลงทุนต่างๆ มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงถอนเงินจากหุ้นไปลงทุนอย่างอื่นที่คิดว่าปลอดภัยมากกว่า จึงเกิดการเทขายหุ้นกันทั่วโลก การที่ต่างชาติขนเงินหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนอย่างอื่น อย่างนี้ถือว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่? (โดยส่วนตัว ผมว่าเปลี่ยนนะ) ไม่รู้ว่าท่านอื่นคิดอย่างไร
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 07, 2008 10:00 pm
โดย กาละมัง
sai เขียน:รบกวนสอบถามคุณกาละมังหน่อยครับว่า pe ตลาดตอนปี 40 อยู่ที่เท่าไหรครับ เพราะตอนนั้นยังไม่สนใจเรื่องหุ้นเลยอิอิ ขอบคุณครับ
ปี 40 ตอนนั้นผมทำงานเป็นหลัก เล่นหุ้นเป็นรอง เล่นแบบไม่ถูกหลัก คือ ลงทุ้นตามเขาว่าดี แล้วทิ้งไว้ ไม่ได้ใส่ใจมาก ดังนั้น PE ต่ำสุดของ SET เท่าไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าหุ้นตกทั้งกระดานจาก 1700 จุด เหลือ 200 จุด จำได้ว่า KBANK เหลือ 18 บาท SCC เหลือไม่กีสิบบาท
ช่วงต้นแม้ราคาหุ้นลงมาต่ำมาก แต่ PE อาจยังสูง หรือ ติดลบ ด้วยซ้ำ เพราะว่าผลประกอบส่วนใหญ่แย่หมด อาจยกเว้นหุ้นส่งออกบางตัว ต่อมาเมื่อทุกบริษัทปรับตัวได้ เช่นประมาณปี 43-44 ?? กำไรก็ดีขึ้นมาก PE ที่เคยสูงกลับกลายเป็นต่ำมาก.......จากวันนั้นทำให้คนที่ลงทุนตอน set ต่ำก็ได้กำไรกลับมาอย่างมากมาย
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2008 9:13 am
โดย chatchai
หลายท่านยังมีความเข้าใจว่า วิกฤตปี 2540 ทำให้ดัชนีหุ้นไทยตกจาก 1753 จุด ลงไปเหลือ 207 จุด
จริงๆแล้วช่วงดัชนีขึ้นไปถึง 1753 จุดนั้น เกิดจากกระแสเงินทุนต่างชาติจากกองทุนไหลเข้ามาอย่างมากมายและรวดเร็วก่อนหน้านั้นซัก 3 เดือน หุ้นขึ้นจาก 800 จุดไปถึง 1753 จุด ณ.วันที่ 4 ม.ค. 37 (P/E ตลาดอยู่ที่ 31 เท่า)
แต่แล้ว FED ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินทุนไหลกลับอย่างมาก หุ้นก็เริ่มร่วง แต่ก็ยังแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1000 - 1500 จุด เป็นเวลาซัก 2 ปี
หลังจากนั้น ปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ก็ส่งผลกระทบให้หุ้นตกจากประมาณ 1400 จุด ในช่วงปี 2539 ตกต่อเนื่องอย่างยาวนาน จนถึงจุดต่ำสุดที่ 207 จุด เมื่อ 4 ก.ย. 41
แต่ช่วงระยะเวลาที่ตลาดหุ้นไทยซบเซายาวนานที่สุด นานถึง 8 ปี เป็นช่วงปี 2521 ถึงปี 2529 หลังจากเกิดวิกฤต ราชาเงินทุน
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2008 3:01 pm
โดย kmphol
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นครับ
ผมคิดว่าคงถือหุ้นต่อไป เพราะขายตอนนี้ก็มีแต่ขาดทุน เงินที่ขายได้ก็ไม่รู้จะเอาไปลงทุนอะไร สู้รอปันผลที่คิดว่าพอมีแน่ดีกว่า (ดีกว่าฝากแบงค์ตั้งเยอะ)
ขายเพื่อตัดความกลัว ลดความเครียด ผมคิดว่าไม่มีเหตูผลดีพอที่จะทำ
ยังไงก็เอาใจช่วยเพื่อนVI ทุกคนที่ติดหุ้นเหมือนผมนะครับ
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 4:12 pm
โดย arica
ผมคิดเองนะครับว่า ในแต่ละรอบตัวนำที่เป็นพระเอกไม่ใช่คนเดิม
และหุ้นที่อยู่ใน set 50 ,set100 มีการเปลี่ยนตัวบ้าง
เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่า มันจะยังคงอยู่และทานภาวะวิกฤติ ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น 3 5 หรือ 10 ปีครับ (โดยส่วนตัวคิดอย่างนี้ครับ)
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 5:10 pm
โดย kmphol
[quote="chatchai"]
แต่แล้ว FED ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย