Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ตอนนี้ อุตสาหกรรม HDD เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้วน่าครับ
ตอนนี้ SSD เริ่มออกมาให้เห็นกันต่างประเทศ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภท Notebook ที่เป็นจำพวก EEE PC ก็มีใช้งานกันแล้วน่าครับ

ข้อดีคือ
1. อ่านแบบ Random Access เหมือน Direct Access
2. ไม่ต้องรอเวลาของการเลื่อนหัวอ่านและการให้มอเตอร์ทำความเร็วถึงจุดที่ต้องการ (อันนี้ถ้าเป็นระบบที่ Access Data หนัก เห็นผลน่าครับ เพราะ ต้องใช้งาน Hdd ในระบบเดิมมากมาย แต่เป็น SSD ลดลงได้มาก)
3. ไม่ต้องกังวลว่าตกแล้วมีปัญหา
4. ไม่ต้องกังวลว่า ใช้ไปใช้ไป มีเสียงดังครื้น อันนี้เตรียมใจว่าต้องซื้อ Hdd ใหม่น่าครับ

ข้อเสีย
1. อายุยาวนานขึ้น ทำให้รอบการเปลี่ยนน้อยลง
2. ราคายังแพงอยู่มาก
3. ความจุ สูงสุดตอนนี้ที่ออกมา (เห็นใน web ต่างประเทศ 128GB เท่านั้น)

รบกวนพี่มิอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ยครับ คือผมอยากทราบว่า SSD กับ EEE มันคืออะไรอ่ะครับ

ssd ผมคิดว่าน่าจะเป็น ฮาร์ดดิสแบบใหม่ ลักษณะคล้ายๆรับแรมครับ
มันจะตัวเล็กๆ  ส่วน eee คือ รุ่นของโน๊ตบุ๊คยี่ห้อ asus ที่มันตัวเล็กๆครับใช้ฮาร์ดดิสแบบใหม่(ssd) เลยทำให้ขนาดของโน๊ตบุ๊คเล็กมาก จอ7นิ้ว-9นิ้วครับถ้าจำไม่ผิด หากข้อมูลผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ

ปล. แล้วมี บ.ไหนที่ผลิตฮาร์ดดสบ้างครับ

SSD เป็นชื่อเรียก Harddisk ประเภทใหม่ที่เอา EEPROM มาทำครับ
ต้องมีใครถามต่อ EEPROM คืออะไร คือ PROM ประเภทที่เขียนและลบได้
PROM คือ ที่เก็บโปรแกรมสำหรับเครื่องอิเล็กโทรนิกส์ ครับ

SSD ตอนนี้ออกแต่ interface SATA น่าครับ

ตอนนี้เริ่มมี SSD เห็นในพวก Notebook บ้างแล้วน่าครับ
แต่ราคายังแพงอยู่ต้องรออีก ปีสองปีครับ ถึงเป็น mass product
ตอนนี้อุตสาหกรรม Harddisk ต้องเริ่มปรับตัวแล้วน่าครับ
เพราะ มีปัญหาที่จานแม่เหล็ก ทำความจุต่อนิ้วครับ

ส่วน SSD มีปัญหาที่ ship EEPROM ตัวหนึ่งเก็บได้ไม่กี่ G (ไม่เกิน 16Gต่อตัวครับตอนนี้)

แบบนี้คนที่รับจ้างทำส่วนประกอบ harddisk แบบเดิมก็แย่นะซิ

SSD = Solid State Drive ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Solid-state_drive

ผมว่า ความเลื่อนไหว ของ hhd น่าจะอ้างอิงจาก พวก ทัมไดร์ นะครับ



เพราะเมื่อก่อน ไม่กี่ปีมานี้ ทัมไดร์ 32m = 4000 บาท

ตอนนี้ไม่มีแล้ว ล่าสุด 8 g = 1200 บาท เอง


ผมว่าส่วนของ ฮาร์ตดิส น่าจะ พัฒนาแบบก้าวกระโดด มากๆๆ  น่าจะไม่เกิน สามปี น่าจะเอามาใช้เท่า ของได้ ที่ความจุ 120g ได้

ระหว่างนี้  น่าจะยังไม่ส่งผลกระทบมากนักเพราะราคา SSD ยังแพงโคตร สองปีไปแล้วน่าจะมีหนาวๆๆ

หมายเหตุ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะครับ

สามปีนั้นคือ desktop น่าเห็นได้โดยทั่ว
ตอนนี้ที่บอกครับ Notebook เห็นในบ้างรุ่นว่า Harddisk เป็น SSD
ย้ำเป็นครั้งที่สอง

ไปคุยกับบริษัทที่เชียวชาญในเรื่อง Storage
บอกเลยว่า บ้างที่เริ่มที่คิดใช้งาน SSD ในการเก็บข้อมูลกันแล้ว
Storage ระดับ Server บ้างรุ่นมี่ให้เลือกเป็น SSD แล้วด้วย

แค่นี้ก็จุดเริ่ม ในวงการ Harddisk หากไม่ปรบตัววันนี้
แล้วอีกสองสามปี ปรับตัวทันหรือ

แล้วย้อนไปดู หัวข้อ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย อันนี้น่าตรงที่สุดน่าครับ
เพราะ เทคโนโลยี่พัฒนาการเร็วมากๆ
อะไรที่ดีกว่า และถูกกว่า มาแน่นอน
แต่ตอนนี้ดีกว่า แต่ราคาไม่ถูกเพราะยังไม่เป็น mass product เท่านั้นเอง

ส่วนตัวผมมองว่า SSD จะได้เกิดเร็วกว่าที่เราคิด
และ Harddisk จานหมุนจะหดตัวอย่างรวดเร็ว
ข้อดีข้อเดียวเรื่องความเร็ว(มาก)ก็เพียงพอแล้วครับ
ในโลก IT ขอแค่มันดีจริง มันได้เกิดแน่นอน

อนาคตอันใกล้นี้
ผมคิดว่า SSD จะมาพร้อมคอมพิวเตอร์(และDevice)ใหม่ทั้งหมด
ส่วน HHD จะลดตัวมีหน้าที่สำรองข้อมูลอย่างเดียว ไม่เอามารันOS
อาจจะเป็น External Harddisk หรือ ลูกที่สองในเครื่อง PC
และเมื่อ SSD ถูกลงอีกก็จะทดแทน HDD ได้เต็มตัว

ว่าแต่บริษัทอิเลคไทย มีที่ไหนได้งานประกอบแผนวงจรให้ SSD หรือยังครับ

อย่าไปสนใจการประกอบ SSD เลย โครงสร้างกำไรคงเหมือนกับ CCET (margin ต่ำติดดิน) ถ้าไปแกะงบ Intel ปีที่แล้ว จะเห็นว่า การผลิต Flash IC ผ่าน joint-venture กับ Micron กำไร แต่ตอนเอา Flash IC มาประกอบเป็น SSD ทำให้กำไรโดยรวมลดลงไป (คือขาดทุนนั่นเอง)

ถามครับ การที่ SSD ขาดทุนเป็นผลมาจาก EoS ยังไม่มากพอหรือไม่ครับ?
แล้วในอนาคตเมื่อ Demand มากขึ้น ความคุ้มค่า EoS เกิดขึ้น
บริษัทสามารถ break-even point ได้ ก็ควรทำกำไรได้ดีขึ้นมากมั้ยครับ?

ตอนนี้ SSD ก็เริ่มเป็นที่คุ้นหูเรื่อยๆแล้วนะครับ

บังเอิญผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้งาน SSD เอาไว้ลง OS ส่วน HDD ก็ยังคงต้องใช้เก็บ DATA อยู่ เพราะยังแพงอยู่มาก

แต่ในอนาคต ถ้า SSD ถูกลงเมื่อไหร่ ก็ย้ายออกจาก HDD แน่นอนครับ

ซุนเซ็ก เขียน:ถามครับ การที่ SSD ขาดทุนเป็นผลมาจาก EoS ยังไม่มากพอหรือไม่ครับ?
แล้วในอนาคตเมื่อ Demand มากขึ้น ความคุ้มค่า EoS เกิดขึ้น
บริษัทสามารถ break-even point ได้ ก็ควรทำกำไรได้ดีขึ้นมากมั้ยครับ?

เข้าใจว่าเป็นอย่างงั้นครับ การเอา Flash IC มาประกอบมันไม่ต่างจากงานที่ CCET, HANA, SMT ทำเท่าไหร่ แค่เอา IC มาบัดกรีบนแผงวงจร ตัวทำเงินจะอยู่ที่ทำ IC Flash กับคนที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตร algorithm ที่ทำให้ Flash มันใช้งานได้นานขึ้น (wear-leveling) ที่เหลือมันงาน margin ต่ำกำไรไม่มาก

ตัวอย่างงบ OCZ (หน้า 21 ลิงค์ข้างล่าง) ใน Q ล่าสุด gross margin 21.6% แต่ operating expense 24.1% การดำเนินงานปกติขาดทุน แต่กำไรทางบัญชีได้เพราะ warrant อะไรบางอย่าง
http://ir.stockpr.com/ocztechnology/sec ... load=false

ผมขอแย้งนิดนึงตรงข้อเสีย

เท่าที่ผมทราบ ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD มีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบ จานหมุน นะครับ

เพราะจะเหมือน Flash Drive ที่มีอายุการใช้งานตามจำนวนครั้งที่บันทึก เช่น ถ้าคุณใช้งานฮาร์ดดิสก์ SSD แล้วบันทึกข้อมูลไปบ่อย ก็จะเสียได้เร็วกว่า ในขณะที่แบบจานหมุน มีอายุการใช้งานยาวกว่ามาก จำได้ว่า SSD บันทึกได้ราว ๆแสนสองแสนครั้ง ถ้าจำไม่ผิด

ตัวผมถ้ามอง ความคุ้มค่าเลย ผมมอง ราคาต่อความจุนะครับ หารออกมาต่อ GB น่ะครับ

ส่วน SSD เล็งมาสองปีละ ราคามีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ แต่ HDD ความจุเยอะ ๆ ก็ลดลงเรื่อยๆ เช่นกันครับ

คงต้องรอไปอีกสองปี กว่า SSD จะมาแทนที่ HDD น่ะครับ

ถ้าให้เดา แนวโน้ม notebook ในยุคหน้า ก็น่าจะเป็น แบบนี้

เบา

บาง

ราคาที่เหมาะสม น่าจะอยู่ที่ 25000 - 32000 น่าจะเป็นชนิดที่ขายดี

Solid state ใช้เทคโนโลยีคล้าย ๆ กับ Flash Drive ครับ
ข้อเสียใหญ่ ๆ ที่ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ ยังไม่นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะมันยังแทนของเดิมไม่ได้ครับ
เวลาอ่านข้อมูลอ่านได้เร็ว แต่ตอนเขียนนี่ช้ามาก นึกถึงตอนใช้งาน Flash Drive ได้ครับ เพียงแต่เป็นก้อนใหญ่ ๆ
อายุการใช้งานก็เป็นเรื่องสำคัญครับ Flash memory ยังมีอายุการใช้งานจำกัดอยู่มาก (เสียเร็วมาก) ยิ่งใช้เยอะยิ่งพังเร็วครับ

ถ้าหากพัฒนาไปได้ดีกว่านี้อีกไม่เกิน 3-5 ปี น่าจะได้เห็น SSD ออกมาใช้แทน HD กันแล้วครับ


... แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

ปัจจัยความเร็ว และความแรง ผมมองว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์

ถ้าผู้เอาความแรง และความเร็วเป็นที่ตั้ง

CPU Intel Core i7 990x ราคา 33,900 บาท คงขายดีสุด

Graphic Card อย่าง nVidia GTX590 หรือ AMD HD6990 ที่ราคา 2 หมื่นกว่าบาทต่อใบคงขายดีอย่างมาก


ในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ ผมมองว่า ส่วนใหญ่จะให้น้ำหนัก เงินในกระเป๋า หรืองบประมาณ การใช้งาน และความคุ้มค่า

CPU รุ่นล่างๆ เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด

Graphic Card ที่เป็นออนบอร์ดมีส่วนแบ่งตลาดมากสุด ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดรุ่นที่แรงที่สุดนั้น เทียบได้กับการ์ดจอแยกรุ่นล่างๆ เท่านั้น โดย GPU ที่ขายได้มากสุดเป็นของ Intel ซึ่งทั้งหมดเป็นออนบอร์ด ไม่ใช่ nVidia หรือ AMD ที่ผลิตการ์ดจอแรงๆ สำหรับทำงานกราฟฟิก และเกม

SSD ก็เช่นกัน หากยังราคาแพง และผู้บริโภคมองว่าไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ HDD ก็ยากที่จะมาแทนที่ HDD ได้

SSD หากทำความขนาดได้อย่างน้อย 512 GB ในราคาไม่เกิน 3,000 บาท ตลาด HDD คงสะเทือน

แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่ SSD 160 GB ราคาเป็นหมื่นบาท ซึ่งราคานี้ ประกอบคอมสเป็คไม่ค่อยแรงได้ 1 เครื่อง (ไม่รวมจอ) หรือซื้อ Notebook ได้ 1 ตัว เลยทีเดียว

อย่าง Notebook ที่ผมใช้อยู่ (เพิ่งซื้อเร็วๆ นี้) ราคาแค่ 15,900 บาทเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็น HDD

ผมซื้อตามความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลัก ไม่ใช่มองสเป็คเทพๆ ราคาครึ่งแสน ทั้งแรง และเร็วเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ

ผมว่าคนที่เอาคุณสมบัติต่างของ SSD เปรียบเทียบกับ HDD แล้วบอกว่าดีกว่าเกือบทุกอย่าง แล้วสรุปว่า HDD แย่แน่ ตายแน่ๆ ผมว่าคุณหลงทางแล้วละครับ ตราบใดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมองเงินในกระเป๋า และความคุ้มค่าอยู่ SSD ก็ยากที่จะมาแทนที่ HDD ได้

อีกปัจจัย ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Seagate และ WD ยังคงเล่นอยู่ในตลาด HDD เป็นหลัก นี่เป็นสัญญาณว่ายังไม่ถึงเวลาของตลาด SSD หากผู้เล่นรายใหญ่หันมาเล่นตลาด SSD นั้นหมายถึงการผลิตระดับ Mass ก็จะทำให้ราคามันลดลงครับ

ขอแย้งเรื่องประเด็นความเร็วนิดหน่อยนะครับ
ต่างคนต่างความเห็น

การที่ CPU กับ Graphic card ระดับ High End ไม่ได้มี Demand ตอบรับอย่างรุนแรง
น่าจะเป็นเพราะ User ไม่ได้ใช้ถึงขีดจำกัดของมัน เพราะถึงใช้ของที่แพงขึ้นก็ไม่ได้พบว่าประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเท่าใด (เพราะไม่ได้ดึงออกมาใช้)

แต่อย่าง HDD นี่ หรือ Ram ผมว่าเครื่องส่วนใหญ่เริ่มจะคอขวดที่ตรงนี้มากกว่าครับ (แล้วแต่ประเภทการใช้งานของบุคคล)
หลาย ๆ เครื่อง Spect เทพ แต่ HDD ยังให้ความเร็วได้ไม่พอ และจำเป็นต้องลงโปรแกรมลงไปเยอะ จะ Start up ที หรือเวลาที่จำเป็นต้องใช้การบันทึกข้อมูล หรือ Swap ข้อมูล ยังไงก็ช้าครับ
ความเร็วของ HDD กับ ขนาดของ Ram ที่เพียงพอจึงสำคัญมากครับ ไม่งั้นมันไปถ่วงอย่างอื่น (CPU กับ Graphic card ก็สำคัญนะครับ ตามการใช้งาน)

คุณ Golden Stock คงยังไม่เคยใช้ SSD ใช่มั้ยครับ
มัน.เร็ว.มาก
แน่นอนครับ วันนี้ยังไม่ใช่เวลาของ SSD
แต่ผมคิดว่ามันจะมาอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ราคา SSD 60GB อยู่ที่ 3,700 บาทเท่านั้นเองครับ
ส่วน SSD 180GB เหลือ 9,400 ครับ จากที่คุณ Golden บอกว่า 160GB หมื่นบาท
แสดงว่าราคามันลงเร็วมากเหมือนกันนะครับ
ซึ่ง 60 GB ก็เพียงพอสำหรับเอาไว้รัน OS แล้ว
และ 3,700 มันคุ้มค่าและเห็นผลทันตากว่าซื้อ CPU GPU เยอะครับ
เรียกว่าถ้าเคยใช้ SSD แล้วจะกลับมาใช้ HDD คงอึดอั้นไม่น้อยเหมือนกัน
และความต้องการแบบนี้ จะค่อยๆซึมลงสู่ end user ไปเรื่อยๆ

เรื่องพังเร็วผมไม่แน่ใจนะครับ มันเองก็เป็นของใหม่
แต่อย่างใน iPhone ที่ใช้ SSD ก็ไม่ค่อยได้ยินว่ามีใครเปลี่ยนนะครับ
ประเด็นนี้คงต้องพัฒนาเพิ่มเพิ่มอายุกันไป

ถ้าได้ลองใช้ จะติดใจมากครับ ถือเป็นการอัพเกรดที่คุ้มกว่าเปลี่ยน CPU อีกครับ
เปิดคอมปุ๊บ ใช้เวลาไม่ถึงนาที เปิด google chrome แล้วมันจะเด้งขึ้นมาทันที ไม่ต้องรอเลยครับ

ปล, ผมไว้ลงพาทิชั่น OS+โปรแกรมอย่างเดียว แค่ 50กว่าG เอง

พอได้ลองอ่านแล้วอยากลองขึ้นมาเชียว

ตอนนี้ intel ผลิต Mainboard ที่ติดตั้ง SSD กับ Harddisk ธรรมดา
โดย SSD มาทำเป็น Cache ของระบบทำให้ ระบบมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
SSD ได้เรื่องความเร็ว Harddisk แบบจานแม่เหล็กไ้ด้เรื่องความจุสูง แต่ตอนนี้แบบจานแม่เหล็ก
ผู้ผลิตที่มีโรงงานในประเทศไทย โรงงานจมน้ำไปสองบริษัท คือ WD กับ ฮิตาชิ

ความเห็นส่วนตัว ผมยังมองว่า hdd น่าจะยังเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนะครับ เพราะด้วยราคาต่อความจุที่ถูกขึ้นเรื่อยๆ

ส่วน SSD น่าจะเข้ามาใช้ในด้านเป็น cache เพื่อใช้ boot os หรือใช้กับงานที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลเป็นหลักซะมากกว่านะครับ ซึ่ง user เหล่านี้น่าจะไม่ใช่บุคคลทั่วๆไปที่ใช้คอมนะครับ

ผมว่า hdd คงไม่ตายไปจากตลาดเหมือน floppy disk ที่ถูก cd และ dvd มาทดแทนครับ

(แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าอนาคต dvd ก็ต้องโดน blu-ray มาแทนที่แน่นอนเพราะ เทียบข้อดีและข้อเสียของ dvd กับ blu-ray แล้ว blu-ray น่าจะทดแทนได้แน่ๆไม่ว่าจะความจุที่เยอะกว่าค่อนข้างมากแต่ราคายังค่อนข้างแพงกว่า แต่เมื่อ economy of scale ถึงจุดที่คุ้มทุนเมื่อนั้น dvd ก็ต้องจากไป)

แต่ SSD ผมว่ามันยังติดที่ข้อจำกัดที่ไม่สามารถ write ได้หลายรอบนัก หากนำมาใช้แทน hdd เลยผมว่าไม่น่าเป็นไปได้ hdd บางตัวเก็บได้หลายปีมาก น่าจะเกือบ10ปีสบายๆถ้าใช้งานตามปกติ แต่ SSD ผมว่าอย่างเก่ง 5 ปีก็น่าจะแย่ละครับ

แต่ถ้าถามว่ากระทบ hdd มั้ยต้องกระทบแน่ๆครับ แต่คงไม่มากมายขนาดที่ hdd จะหายไปจากตลาด it เหมือน floppy disk อะไรแบบนี้นะครับ

อย่าลืมว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่เราเก็บใน hdd กันจะเป็นพวก หนัง เพลง รูปภาพ ซีรี่ย์หนัง เป็นหลักซะมากกว่า หลังๆยิ่งมีหนัง hi-def อีกหนังแต่ละไฟล์ใหญ่เป็น 10gb ข้อมูลพวกนี้ผมว่าไม่ใช่ข้อมูลที่ต้องการใช้ข้อดีที่ SSD มีเลยครับ ข้อมูลพวกนี้ต้องการอย่างเดียวคือ ราคาต่อความจุที่ถูกที่สุด ตราบใดที่ Bit Torrent ยังอยู่ ผมมั่นใจว่าอุตสาหกรรม HDD ยังไปได้อีกครับ (ช่วงหลังๆผมว่า ความจุ HDD ที่มากขึ้นส่วนนึงก็เพราะ bit torrent และความเร็วของ high speed internet นี่แหละครับ ซึ่งพอมองไปข้างหน้าเท่าที่เห็น high speed internet นับวันก็โหลดได้เร็วขึ้น bit torrent ก็แพร่หลายมากขึ้น (ถึงแม้จะผิดกฏหมายก็เถอะ ) คนส่วนใหญ่ ชอบโหลดแต่ไม่ชอบลบ ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยจะเสียดาย ผมก็เป็น โหลดๆๆ ดูจบก็ไม่ลบ เก็บมันไว้งั้นแหละ ทั้งๆที่ถ้าลบทิ้งผมว่า HDD แค่ 1TB ก็เหลือเฟือละครับ

สรุป ควรจะบอกว่า SSD จะเข้ามาเสริมให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญๆได้อย่างรวดเร็วขึ้นครับ คงจะไม่ถึงกับมาทดแทน hdd ครับ

ราคาของ SSD เริ่มลดลงแล้วล่ะครับ
ต้องรอดูว่าหมดอายุขอสิทธิบัตรที่ได้
อะไรจะเกิดต่อไปครับ เพราะเทคโนโลยี่ใหม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายสิทธิบัตร
ที่มีราคาแพงอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาของมันแล้วอะไรก็หยุดไม่อยู่เหมือนกัน
เพราะตอนแรกๆ ความเร็วก็ยังไม่เร็วเหมือนปัจจุบัน และ ความจุก็ไม่ค่อยมาด้วย
ตอนนี้เห็นความจุที่ระดับ 240GB หรือมากกว่า
แล้ว SSD ที่ทำเป็น PCI-Express Card ก็มาแทนพวก RAM Card ที่ราคาแพงกว่าอย่างรุนแรง
พวกนี้มันเป็น สุดกู่ด้านความเร็วอย่างรุนแรง

ตอนนี้็ก็เริ่มมีให้เห็นโดยทั่วไปกันบ้าง ต่อไปอีกหน่อยก็เป็น MASS
วิกฤติคือโอกาสของ SSD หรือเปล่า

กว่าจะหาเจอ ข้อมูลที่น่าจะเกี่ยวข้องครับ
http://www.semi.org/en/node/39076

อย่าลืมซื้อ HDD ก่อนอาทิตย์นี้ด้วยนะครับ เพราะราคาจะพุ่งแล้วเนื่องจากโรงงานน้ำท่วมนั่นแหละ ผลิตไม่ได้ของเลยขาด สำหรับคนที่ต้องการใช้งานช่วงนี้

ข่าว Kington เปิดตัว SSD เร็วกว่าเดิม รับประกัน 3 ปี
http://www.thairath.co.th/content/tech/216473

ตอนนี้มี SSD หลายต่อหลายค่ายออกมาให้เลือกกันแล้วล่ะ
แต่ตอนนี้มันแค่เห็นคืบคลานมาละครับ ไม่ใช่มาแบบซึนามิน้ำจืด
รอเวลาอีกซักพักมาแน่นอน เพราะ เร็วและแรง