Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

Posted on Thursday, September 11, 2008
เหตุผลที่ทำให้ เจพีมอร์แกนกลายมาเป็น สถาบันการเงินและวานิชธนกิจเพียงรายเดียว ที่หนีรอดจากวิกฤติสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันได้ก็ เพราะ "เจมี่ ดิมอน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบัน ที่เย็นวันหนึ่งในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม 2549 ได้สั่งการให้หัวหน้าแผนกผลิตภัณฑ์ แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) ข ายสินเชื่อที่บริษัทถืออยู่ออกไปให้มาก ๆ เพราะดิมอนเริ่มรู้สึก ณ เวลานั้นแล้วว่า ปัญหาที่รุนแรงกำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้า

จริง ๆ แล้วสิ่งที่ ดิมอน คิดและทำในตอนนั้น อาจดูไม่เข้าท่าและตื่นกลัวเกินเหตุ แต่ ณ วันนี้ มันก็กลายเป็นสิ่งที่คนต้องจดจำกัน เนื่องจากนี่ คือ การเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งของ เจพีมอร์แกน ที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงวิกฤติสินเชื่ออันเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน จนทำให้ทุกคนต้องหันมาดู ดิมอน และสไตล์การทำงานที่โดดเด่นไม่เหมือนใครของเขา

"เจมี่ ดิมอน" วัย 52 ปี เป็นผู้ที่คนในวงการรู้จักในฐานะอดีตคนมหัศจรรย์ ที่ช่วย แซนดี้ เวลล์ สร้างอาณาจักรการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง "ซิตี้กรุ๊ป" แต่ความสำเร็จครั้งนี้ ก็ไม่ได้มาจาก ดิมอน เพียงคนเดียว เพราะมีทีมงานที่มีความสามารถ และได้รับความไว้ใจอย่างสูง ให้เป็นผู้ช่วยป้อนข้อมูลต่าง ๆ ให้กับเขา ก่อนที่ปัญหาจะก่อ ตัว เป็นรูปเป็นร่างเสียด้วยซ้ำ รวมทั้งการควบคุมความเสี่ยงอย่างระมัดระวังแม้ว่าจะทำให้บริษัทต้องสูญเสียโอกาสเติบโตทางธุรกิจ และสัดส่วนการตลาดไปก็ตาม

ดรีมทีมนี้ เป็นผู้ตัดสินใจพา เจพีมอร์แกน เดินออกจากธุรกิจ Securitization ในช่วงที่ธุรกิจยังบูมอยู่มาก รวมทั้งไม่สนใจผลิตภัณฑ์การเงินเจ้าปัญหาอื่น ๆ ที่หลายคนไม่กล้ายุ่งในปัจจุบัน จนล้ำหน้าคู่แข่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ซิตี้กรุ๊ป ยูบีเอส หรือแม้แต่ เมอร์ริลลินช์ ที่เพิกเฉยต่อสัญญาณอันตรายในตอนนั้น และเข้าลงทุนผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่าง หนักหน่วง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า เจพีมอร์แกนจะไม่เจ็บตัวจากวิกฤติการณ์นี้เลย เพราะดิมอนตัดสินใจลองลงทุนในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่หลาย ๆ คนเริ่มถอย ซึ่งเขาเองก็ยอมรับผิดในเรื่องนี้ โดยบริษัทเตรียมที่จะล้างหนี้เสียจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและ สินเชื่อสำหรับบริษัทที่มีหนี้สินสูง (Leveraged Loans) มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญในไตรมาสที่ 3 /51 นี้ รวมทั้งบันทึกความเสียหายอีก 600 ล้านเหรียญจากการลดมูลค่าหุ้นของ แฟนนี่เมและเฟรดดี้แม็ค

แม้กระนั้น เจพีมอร์แกนก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ มาก เพราะตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. 50 จนถึง ไตรมาส 2/51 บริษัทบันทึกตัวเลขการขาดทุนไป 5 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับ 3 .3 หมื่นล้านเหรียญของ ซิตี้กรุ๊ป และ 2 .6 หมื่น ล้ านเหรียญที่ เมอร์ริลลินช์ หรือแม้แต่ 9 พันล้านเหรียญของ แบงก์ออฟอเมริกา เพราะในธุรกิจการเงินนี้ คนที่ขาดทุนน้อยที่สุด ก็คือผู้ชนะ นั่นเอง

นอกจากนั้น ราคาหุ้นของ เจพีมอร์แกน ที่ลดลงไป 24 % เมื่อเทียบกับต้นปี 2 55 0 ก็ยังน้อยกว่าเหล่าบริษัทที่พูดถึงข้างต้น แถมยังมีการประเมินว่า จะบันทึกรายได้ที่ 8 พันล้านเหรียญในปีนี้อีกด้วย

วีรกรรมของ เจพีมอร์แกน อีกอย่างที่ประวัติศาสตร์จะลืมไม่ได้เลย ก็คือ การเข้ากู้สถานการณ์ที่ แบร์สเติร์นส เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศหาสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งพอจะกอบกู้วิกฤติ

ติดตามรายการ Global Money ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 13.00 น. ทาง Money Channel
ช่องทางการรับชม Money Channel: True Visions ช่อง 80, จานดาวเทียม Samart DTH ช่อง 08 และเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่อง 30

http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx

จริงๆแล้วถ้าระดับ Global ยังมีอีกเยอะน่ะครับ อย่าง HSBC เนี่ย ไม่มี Explosure กะ Subprime เลย (พวก Wall St.เค้าแซวกันว่าที่ไม่มี ไม่ได้เก่งหรือมองเห็นอะไรหรอกครับ แต่ทำไม่เป็นหละมากกว่า เลยกลายเป็นเก่งเลย )


ที่เซียนจริงไม่พ้นพี่ Buffett ครับ แบงค์ที่แกถืออย่าง Wells Fargo หรือ Suntrust Bank ไม่มี Explosure เลย ตั้งแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะ WFC แกซื้อเพิ่มเข้าไปอีก เพราะแกบอกเป็น management ของ bank ดีที่สุดในโลก แกเซียนจริงครับ เพราะแต่ก่อนแกก็ถือ FRE&FNM เยอะ แล้วก็ประมาณ 2003 มั๊งที่แกขายออกไปหมดเลย เพราะแกบอกว่า feel uncomfortable กับนโยบายที่สุดท้าย 5 ปีให้หลัง ก็พิสูจน์ครับว่าแกสุดยอด

ผมเคยถามเพื่อนที่ชอบอ้างว่าตัวเองอยู่ Wall St. ซักสอง สามเดือนที่แล้วว่า'ทำไมเราไม่ซื้อ WFC เพราะถูกจ้งเลย แล้วก็เดินตามผู้ใหญ่ด้วย ไม่น่าพลาด'

เพื่อนผมมันบอก 'พวกแบงค์บ้านนอก อย่าไปสนใจเลย'

จำได้ว่าหลังจากนั้นไม่เกินเดือน ผลประกอบการของ WFC ออกมา ราคาหุ้นบวกไปยับเลยครับ ผมกลับไปถามมันใหม่บอก 'เฮ้ย แบงค์บ้านนอกเด๊วนี้มันรวยจนจะซื้อพวก Wall St. ได้เลยน่ะ เกิดไรขึ้น?'

มันบอกว่า 'มันลืมคิดไปว่าบ้านนอกก็รวยได้ โอมาฮาก็อยู่บ้านนอกเหมือนกัน'

วันนี้ผมได้อ่านบทความในกรุงเทพธุรกิจ  ฉบับวันนี้

เข้าใจว่าถ้า explosure ตรงๆจาก subprime คือ CDOs ( Collateral Debt Obligation) ไม่มีน่ะครับ เด๊วผมสอบถามเพื่อนผมที่เป็นแหล่งข่าว บอกเล่าเรื่องราวของ HSBC ให้ผมฟัง

ผมเดาน่ะครับ (เดาอีกแล้ว) ว่าที่พี่ฉัตรชัยเอามาให้ดูเป็นความเสียหายของกลุ่ม finance ในแง่ Wealth รึป่าวฮ่ะที่เสียหาย? จาก mkt cap เนื่องจากราคาหุ้นของทั้งกลุ่มที่ลดลง?

เด๊วผมถามเพื่อนดูอีกทีครับ

มาดูพี่ไอส์ล่าโดนตุ๊ยท้องมั่ง
     ล้อเล่นนา
     มารออ่านต่อครับ ได้ความรู้มากมาย

A man from the Islay เขียน:เข้าใจว่าถ้า explosure ตรงๆจาก subprime คือ CDOs ( Collateral Debt Obligation) ไม่มีน่ะครับ เด๊วผมสอบถามเพื่อนผมที่เป็นแหล่งข่าว บอกเล่าเรื่องราวของ HSBC ให้ผมฟัง

ผมเดาน่ะครับ (เดาอีกแล้ว) ว่าที่พี่ฉัตรชัยเอามาให้ดูเป็นความเสียหายของกลุ่ม finance ในแง่ Wealth รึป่าวฮ่ะที่เสียหาย? จาก mkt cap เนื่องจากราคาหุ้นของทั้งกลุ่มที่ลดลง?

เด๊วผมถามเพื่อนดูอีกทีครับ

ผมไม่มีความรู้  ไม่มีข้อมูล  หรอกครับ

ข้อมูลที่โพสต์ก็ได้มาจากบทความจากหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว

[quote="por_jai"] มาดูพี่ไอส์ล่าโดนตุ๊ยท้องมั่ง