"บัฟเฟตต์" ฉายภาพวิกฤตในสหรัฐฯ โดนโจมตีรุนแรงเทียบ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 12:06 pm
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2551 13:18 น.
" บัฟเฟตต์" เชื่อมั่นสภาคองเกรส เห็นชอบผ่านร่างแผนกู้วิกฤต 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ยอมรับวิกฤตการเงินครั้งนี้ เปรียบเหมือน "Economic Pearl Harbour" ที่ไม่ได้หมายถึงสมรภูมิการสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นภาวะที่เศรษฐกิจถูกโจมตีอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากเมื่อยามมีสงคราม
วันนี้ (25 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนรายใหญ่ชาวสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ กล่าวถึงวิกฤตการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้เปรียบเสมือน "Economic Pearl Harbour" หรือภาวะที่เศรษฐกิจถูกกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้น นายบัฟเฟตต์ก็ยังกล้าที่จะทุ่มเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ พร้อมกับสนับสนุนแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ
นายบัฟเฟตต์ กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC เช้าวันนี้ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า สภาคองเกรสจะทำในสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน และจะผ่านร่างมาตรการดังกล่าว แม้จะโดนโจมตีอย่างหนักว่า เป็นการนำเงินภาษีประชาชนทั้งประเทศมาใช้อุ้มคนรวยกลุ่มเดียว
"ผมมีความเชื่อมั่นในโกลด์แมน แซคส์อย่างไร ผมก็มั่นใจในสภาคองเกรสอย่างนั้น ผมคิดว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดการกับงบประมาณ 7 แสนล้านดอลลาร์ ได้เป็นอย่างดี และจะทำให้งบประมาณจำนวนนี้ เห็นผลงอกเงยได้จริง"
ก่อนหน้านี้ นายบัฟเฟตต์ วัย 78 ปี ทุ่มเงิน 5 พันล้านดอลลาร์เข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นในทีมบริหารของโกลด์แมน แซคส์ที่เพิ่งได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนสถานะเป็น"บริษัทโฮลดิ้งธนาคาร" โดยการตัดสินใจเข้าลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากเลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย และเมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้กับแบงก์ ออฟ อเมริกา
นายบัฟเฟตต์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เปรียบเสมือน "Economic Pearl Harbour" ซึ่งไม่ได้หมายถึงสมรภูมิการสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นภาวะที่เศรษฐกิจถูกโจมตีอย่างรุนแรงไม่ต่างจากเมื่อยามมีสงคราม
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของบัฟเฟตต์ มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่มีทีมบริหารที่แข็งแกร่ง และมีแฟรนไชส์เป็นที่ยอมรับของตลาด ส่วนการเข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์นั้น เบิร์กเชียร์จะซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของโกลด์แมน แซคส์ 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะได้รับเงินปันผล 10%
นอกจากนี้จะได้รับวอร์แรนต์เพื่อที่จะซื้อหุ้นสามัญ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 43.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 115 ดอลลาร์ ภายในเวลา 5 ปี ซึ่งอาจเปิดทางให้เบิร์กเชียร์ ได้ถือหุ้นในโกลด์แมนประมาณ 9%
" การมีเงินมากมายก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่คุณต้องไม่เก็บเงินไว้กับตัวเองเปล่าๆ คุณต้องเข้าไปลงทุนและซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า" นายบัฟเฟตต์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย
" บัฟเฟตต์" เชื่อมั่นสภาคองเกรส เห็นชอบผ่านร่างแผนกู้วิกฤต 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ยอมรับวิกฤตการเงินครั้งนี้ เปรียบเหมือน "Economic Pearl Harbour" ที่ไม่ได้หมายถึงสมรภูมิการสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นภาวะที่เศรษฐกิจถูกโจมตีอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากเมื่อยามมีสงคราม
วันนี้ (25 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนรายใหญ่ชาวสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ กล่าวถึงวิกฤตการณ์การเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้เปรียบเสมือน "Economic Pearl Harbour" หรือภาวะที่เศรษฐกิจถูกกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้น นายบัฟเฟตต์ก็ยังกล้าที่จะทุ่มเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ พร้อมกับสนับสนุนแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐ
นายบัฟเฟตต์ กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC เช้าวันนี้ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า สภาคองเกรสจะทำในสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อชาวอเมริกัน และจะผ่านร่างมาตรการดังกล่าว แม้จะโดนโจมตีอย่างหนักว่า เป็นการนำเงินภาษีประชาชนทั้งประเทศมาใช้อุ้มคนรวยกลุ่มเดียว
"ผมมีความเชื่อมั่นในโกลด์แมน แซคส์อย่างไร ผมก็มั่นใจในสภาคองเกรสอย่างนั้น ผมคิดว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดการกับงบประมาณ 7 แสนล้านดอลลาร์ ได้เป็นอย่างดี และจะทำให้งบประมาณจำนวนนี้ เห็นผลงอกเงยได้จริง"
ก่อนหน้านี้ นายบัฟเฟตต์ วัย 78 ปี ทุ่มเงิน 5 พันล้านดอลลาร์เข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นในทีมบริหารของโกลด์แมน แซคส์ที่เพิ่งได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนสถานะเป็น"บริษัทโฮลดิ้งธนาคาร" โดยการตัดสินใจเข้าลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากเลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย และเมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้กับแบงก์ ออฟ อเมริกา
นายบัฟเฟตต์ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ เปรียบเสมือน "Economic Pearl Harbour" ซึ่งไม่ได้หมายถึงสมรภูมิการสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เป็นภาวะที่เศรษฐกิจถูกโจมตีอย่างรุนแรงไม่ต่างจากเมื่อยามมีสงคราม
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของบัฟเฟตต์ มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่มีทีมบริหารที่แข็งแกร่ง และมีแฟรนไชส์เป็นที่ยอมรับของตลาด ส่วนการเข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์นั้น เบิร์กเชียร์จะซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ของโกลด์แมน แซคส์ 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะได้รับเงินปันผล 10%
นอกจากนี้จะได้รับวอร์แรนต์เพื่อที่จะซื้อหุ้นสามัญ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 43.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 115 ดอลลาร์ ภายในเวลา 5 ปี ซึ่งอาจเปิดทางให้เบิร์กเชียร์ ได้ถือหุ้นในโกลด์แมนประมาณ 9%
" การมีเงินมากมายก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่คุณต้องไม่เก็บเงินไว้กับตัวเองเปล่าๆ คุณต้องเข้าไปลงทุนและซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า" นายบัฟเฟตต์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย