Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ตอนนี้ อายุ 33 ปี รายได้เดือนละ 5 แสน

มี ภรรยา 1 ลูก 1

ฝันอยากมีอิสระภาพการเงิน ตอน อายุ 50 ปี

ผมควรมีวินัยแบบไหน หรือ ปฎิบัติ อย่างไร

ในการลงทุน

พี่ท่านทำอะไรครับ รายได้เดือนละห้าแสน

ปีละหกล้าน

ผมทำงานมาสิบปียังมีไม่ถึงเลย

ผมว่าพี่ทำงานไปเรื่อยๆ ใช้เดือนละแสน  สิบปีก็มีเกือบห้าสิบล้านแล้ว

ซื้อหุ้นหรือกองทุนอสังหาที่ปลอดภัย ให้ผลตอบแทนระยะยาวประมาณ ห้าเปอร์เซนต์ต่อปี

ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว  :shock:  :shock:  :shock:

แล้วตอนนี้พี่ยังไม่มีอิสระภาพทางการเงินตรงไหนล่ะครับท่าน

อิสระภาพทางการเงิน = passive income - รายจ่ายทั้งหมด

ตัวเลขมันยังเป็นลบอยู่เหรอครับ
ถ้าอย่างนั้น เก็บเงินฝากประจำ หรือซื้อพันธบัตรทุกเดือน ๆ ละ 3-4 แสน
ไม่เกินอายุ 40 พี่ก็ได้มีอิสระภาพทางการเงินแล้วครับ

ผมฝันว่า ตอน อายุ ห้าสิบ จะไม่ต้องทำงาน มีเงิน

พาลูกและภรรยา เที่ยวรอบโลก โดยไม่ต้องการมา

ทำงานอีก นั่ง นอน เที่ยว แบบนี้ นะครับ

ขอแต่ความสุขล้วนๆๆ เลย ไม่สนอะไรอีกแล้ว

ตั้งต้นโจทย์ง่าย ตอบก็ง่ายตาม คือ รักงานให้มาก ๆ  เกาะให้แน่น ๆ  รักษาสุขภาพ  รู้วิธีรักษาเงินต้นไว้ก่อน  กำไรมาทีหลัง  ลงทุนแบบ conservative แบบไหนก็ได้.....sure ปาบ

พี่ต้องการมีเงินใช้ปีละเท่าไหร่ ถึงจะพอดีครับ

ค่าใช้จ่ายทั่ว ๆ ไป ค่าไปเที่ยว ค่ารักษาสุขภาพ ให้ลูก ให้แฟน ให้พ่อแม่ ฯลฯ

ถ้าประมาณได้แล้ว ก็ลองคิดดูครับว่าถ้าพี่ได้รับดอกเบี้ยปีละ  5 -10 %
ต้องมีเงินต้นเท่าไหร่

แล้วจะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไร ลงทุนแบบไหนถึงจะ พอเพียงครับ

ขอถามกลับสองอย่างครับ พี่รับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ครับ
และมีความรู้ในการลงทุนมากไหมครับ

ยังไงก็อย่าลืมหาความรู้ในการลงทุนให้เยอะ ๆ นะครับ
จะได้เข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละแบบครับ

ปล. อิจฉาพี่จริง ๆ มีรายได้ขนาดนั้น
ถ้าผมมีรายได้แบบพี่คงได้เกษียรเร็วแน่ เพราะผมต้องการใช้ไม่เยอะครับ
ผมก็ฝันจะได้เที่ยวไปทั่ว แบบพี่เหมือนกันเลยครับ
แต่ผมขอแค่เที่ยวทั่วไทย ต่างประเทศไป ปี สองปี ครั้ง ก็พอแล้วครับ  :B  :B

ตอนนั้นผมเคยอ่าน คำของคุณ วอร์เรน

เค้าพูดถึงเรื่องแปลก ใน wall street ไว้ว่า

มีคนที่นั่งรถโรสลอย เพื่อมาขอคำปรึกษา จากคนที่มาทำงานโดยการนั่งรถประจำทาง

คนที่นั่งรถโรสลอย ย่อมหมายถึงคนที่ทำงานมีเงินจนมั่งคั่ง

คนที่นั่งรถประจำทาง หมายถึง พนักงานที่ทำงานในบริษัท โบรกเกอร์เอย การเงินเอย

มันก็แปลกดีจริงๆ

ผมไม่รู้ว่าพี่มีรายได้ต่อเดือน สูงขนาดนี้ จริงหรือเปล่า

แต่ถ้าจริง ผมว่าพี่น่าจะหาหนังสือมาอ่าน เพื่อความรู้ในการรักษาสิ่งที่พี่สร้างได้

วินัยแรก ผมว่าก็ การออม

ออมก็มีเงินออม

เงินออม ก็ให้ไปสร้างลูก หลาน  อันนี้จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความรู้

ความเสี่ยง น้อย ก็พันธบัตรรัฐบาล

แล้วถ้าพี่ออมเงิน ไม่ฟุ่มเฟือยเกิน พี่คงเหลือเงินเยอะมาก

ผมว่าพี่คงมีทรัพย์สินมากกว่าคนเป็นพันล้านคนบนโลกนี้แล้ว

แต่ถ้าพี่ยังหาความสุขไม่ได้อีก มันอาจจะแปลได้ว่าพี่หลงทางนะครับ

ครอบครัวก็มี

ทรัพย์สินก็มี

บอกเลยผมอิจฉานะเนี่ย 555

ปีนึงถอยรถได้ 6 คันแหนะ  :lol:  

อิจฉาๆ

superboy เขียน:
ผมควรมีวินัยแบบไหน หรือ ปฎิบัติ อย่างไร

ในการลงทุน

ขออนุญาติใช้ความรู้อันน้อยนิดแนะนำนะครับ  :D

>>> ลองศึกษาเพิ่มความรู้เกี่ยวกับความฉลาดทางการเงินก่อนไหมครับ
... อ่านหนังสือ basic เกี่ยวกับการบริหารเงินง่ายๆก่อนก็ได้ครับ

พวก The Richestman in Babylon หรือหนังสือ Richdad ฉบับการ์ตูนก็ได้ครับ

พอมีความรู้มากขึ้นก็ค่อยลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ครับ
(ผมประยุกต์จาก richdad นะครับ)

1.ธุรกิจ
2.อสังหาฯ
3.หุ้น

โดยต้องทราบธรรมชาติ และข้อดี ข้อเสียของแต่ละอันก่อน

หลังจากนั้นถ้าสนใจลงทุนหุ้น ลองอ่านกระทู้เหล่านี้ดูครับ

ลองศึกษาดูนะครับ

มือใหม่ อยากเล่นหุ้น ไม่รู้จะเริ่มยังไง..คลิกที่นี่ครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=28459

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 09&start=0

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเป็น VI ครับ (โดยคุณ Invisible hand)
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=24502

การตกผลึกแนวคิดของเซียน
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=11555

บทเรียนการปรับฐานครั้งนี้ อยากให้ VI หน้าใหม่ดูเป็นกรณีศึกษา
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... highlight=


ยังมีกระทู้ดีๆอีกมากรอให้ศึกษาใน www.thaivi.com ครับ
มีความสุขกับการศึกษาการลงทุนนะครับ  :D

ทำอาชีพอะไรหรือครับ?

คนอายุแค่ 33 ปี มีรายได้เดือนละ 5 แสน

เรื่องบริหารการเงินส่วนบุคคล ผมว่าน่าจะคิดเองได้นะ ที่จริงน่าจะเข้ามาสอนวิธีหาเงินให้คนอื่นๆ ด้วยซ้ำ

ยกเว้น ทำงานด้านบันเทิง หรือ...





ด้านมืด  :8)

อ้อ.. หรือไม่ก็เป็นนักฟุตบอลพรีเมียร์ลีก?

รายได้ 5 แสน  แปลว่าเงินเดือนล้วนๆหรือเปล่าครับ
หรือว่า ทำกิจการ  รายได้ 5 แสน  
แต่ต้นทุน XXX หักลบกลบหนี้ เหลือกำไร(ขาดทุน) XXX


ถ้าเงินเดือน 5 แสนจริง  ก็คงเป็น specialist ซักด้านใช่มั้ยครับ
ก็แปลว่า  พี่น่าจะเป็นคนเก่งนะ  คงหัวไว  ศึกษาอะไรน่าจะเข้าใจได้ง่าย
แนะนำว่าพี่ควรอ่านหนังสือเยอะๆนะครับ  เกี่ยวกับการลงทุน  ในเวบนี้ก็มีพี่ๆเค้าแนะนำดีดีก็หลายเล่มเช่นกัน

แต่เป็นผมนะ  ถ้ารายได้เท่านี้นะ  ผมคงมีเงินเย็นลงทุนระยะยาวได้ 4 แสนบาทต่อเดือนเลย  คงเน้นปันผลครับ  ไม่ต้องเสี่ยงมาก  สมมติลงเดือนละ 4 แสน ปีนึงจะลงทุนได้ 4 ล้าน 8 แสนบาท

ถ้าได้ปันผลปีละ 7%  (ผมว่าหาหุ้นพื้นฐานดีปันผลขนาดนี้ก็พอได้อยู่นะ)
ก็น่าจะได้ปันผลปีละ 3 แสนกว่าๆ  เอาปันผลที่ได้  ไปลงทุนต่อ  ผมว่าตอน อายุ 50 (อีก17ปี) พี่คงจะมีเงินประมาณ 148 ล้านนะครับ  คิดว่าพี่คงอิสระสมใจ  แต่พี่คงไม่ลงทุนแค่ อายุ 50 หรอก  เพราะถึงพี่จะเที่ยวรอบโลก  พี่ก็ให้เงินทำงานได้นี่หน่า

ปล.นี่ขนาดไม่รวมเงินเก็บที่พี่มีอยู่ปัจจุบันนะ

หมอนุ่น ชอบ The Richest Man in Babylon กะ Rich Dad หรอคับ เหมือนผมเล้ย

ตอนแรกกะจะมาตอบ แต่พอเห็นเงินเดือน จขกท ก็เลยคิดว่า ไม่ตอบดีกว่า

[quote="Financial Engineer"]ทำอาชีพอะไรหรือครับ?

คนอายุแค่ 33 ปี มีรายได้เดือนละ 5 แสน

เรื่องบริหารการเงินส่วนบุคคล ผมว่าน่าจะคิดเองได้นะ ที่จริงน่าจะเข้ามาสอนวิธีหาเงินให้คนอื่นๆ ด้วยซ้ำ

ยกเว้น ทำงานด้านบันเทิง หรือ...





ด้านมืด

ผมว่าหมอเมืองไทยรายได้อาจไม่ได้เยอะมากนะครับ
ยิ่งเป็นหมอในระบบราชการแล้ว

ลองอ่านกระทู้นี้ดูสิครับ

http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp ... 1222401155

ส่วนตัวคิดว่า ความฉลาดทางการเงินนั้น ในระบบการศึกษาของบ้านเราไม่ค่อยได้สอนเท่าไหร่
เอาแค่เรื่องการคิดอะไรใหม่ๆเองก็ไม่ได้ถูกกระตุ้นมากมายนัก

แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งครับ
คนเราพัฒนากันได้เสมอ

ขอเพียงแต่ทำในสิ่งที่เราชอบ หรือชอบในสิ่งที่เราทำ
และไม่ดูถูกตนเอง

อาจารย์จิตเวชเด็กที่ จุฬาเคยสอนผมว่า

"แม้แต่ สุนัขยังฝึกได้ แล้วคนเราล่ะ..."

ที่ อ.พูดหมายถึงอยากให้เรามีกำลังใจ
ใครอย่าไปเผลอมองในแง่ร้ายว่า เราแย่กว่าสุนัขนะครับ  :D

หรือว่าพี่เป็นระดับเพชรบริหารขึ้นไป ในธุรกิิจๆ นึงครับ  :twisted:

ฝากแบงค์ หรือว่าซื้อกองทุนตราสารหนี้ พวกพันธบัตรรัฐบาล ความเสี่ยงต่ำ ผมว่าก็รวย ไม่รู้จะยังไงแล้วละครับ

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ

ผมก้อแค่คนธรรมดาครับ ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย

จ่ายภาษีทุกเดือนทุกปี ครับ

ไม่ได้โกงด้วยน่า  

แต่ว่า รายได้ประมาณนั่น ยังไม่ได้หักค่าใช่จ่าย ทุกอย่าง

ถ้าหักแล้ว คงจะเหลือประมาณ 3 แสนได้มั้ง เพราะไม่ได้

ทำบัญชี จะใช้ก้อใช้  

แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน

หรือ คงยังไม่ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ ทางการเงิน

อนาคต ไม่แน่นอน คนทำธุรกิจ เด๋วนี้ แข่งขันกันสูง

สิ่งที่แน่นอนคือ อยากให้เงินทำงาน ยามที่เราแพ้

หรือ อ่อนแอ และอยากมีแต่ความสุขกับคนในครอบครัว

และคนรอบข้างมีความสุข ครับ

ปล. ผมไม่เก่ง แถม บางที ติดโง่นิดๆๆ ด้วย

จุดแข็งผม ก้อแค่ ทำงานเยอะ ใช้เงินน้อย

ส่วนใหญ่ จะเป็นภรรยา กะ ค่าใช้จ่ายลูก สูง ครับ

ผมเองก็คล้ายๆคุณ superboy แต่ต่างตรงที่ผมโสดและอายุน้อยกว่าคุณ 4 ปี
เมื่อห้าเดือนก่อน ผมมีรายได้จากงานที่มั่นคงมาก มีรายได้หลังหักภาษี ประกัน และค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือเดือนละ หกหลัก
ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ทำให้รายได้ผมเหลือเดือนละ ห้าหลัก (ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนจริงๆ)

ผมคิดว่าการลงทุนแนว วีไอ (หุ้น อสังหา) น่าจะตอบโจทย์ของคุณได้ครับ
ปัจจุบันคุณ ยังมีรายได้หลักจากธุรกิจ และหากใช้เวลานิดหน่อยเพื่อลงทุนในแนววีไอ
คิดว่าในอนาคตการลงทุนในแนววีไอจะสามารถเป็นรายได้หลัก จนคุณสามารถเป็นปลดพัธนการ ด้านการเงิน เวลา และสุขภาพได้
ทำให้คุณสามารถทำในสิ่งที่ประสงค์ได้สำเร็จ

ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่คุณมุ่งหวังนะครับ

จากประสบการณ์ของผม ถ้าคุณ Superboy หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือราย
ได้เดือนละ 3 แสน มีชีวิตการเป็นอยู่อย่างชนชั้นกลาง ใช้รถญี่ปุ่นระดับ
Camry,Accord โดย6-7 ปีเปลี่ยนรถครั้ง
 เมื่อคุณอายุ 50 ปี คุณจะมีบ้านระดับ 100-130 ตารางวา (ราคา 12-15ล้าน)
พร้อมเงินเก็บ ประมาณ 15 ล้าน โดยที่ไม่ต้องลงทุนในหุ้นเลย

ผมว่าคุณซุปเปอร์บอยแค่ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีเพื่อรอใช้เงินยาวๆ
คนรายได้เยอะ มักละเลยสุขภาพ  :lol:

ถ้าเหลือเดือนละ 3 แสน ทุกเดือน จนอายุ 50 ปี แล้วลงทุนด้วยวิธีการซื้อพันธบัตรดอกเบี้ย 5% (passive สุดๆ)
จะมีเงิน 101 ล้านบาท ตอนอายุ 50 !!!
แล้วหลังจากนั้นไม่ทำงาน ก็มีรายได้ 5 ล้านต่อปี => 4 แสนกว่าต่อเดือน ใกล้เคียงกับรายได้ตอนที่ทำงานแล้ว

อิจฉาตาร้อน  :shock:

ผมว่าคนที่มีรายได้แบบคุณsuper boy ก็มีเยอะนะครับ และปัญหาเงินเหลือมักจะมากับคนที่ขยัน สู้ชีวิต เก็บหอมรอบริบเก่ง และมีธุรกิจที่ถูกที่ถูกทาง

แต่คนกลุ่มนี้อาจจะเบื่อในสิ่งที่เขา เช่นที่ผ่านมาเขาอาจทำงานมากกว่าคนอื่นเกือบเท่าหนึ่ง เหนื่อยแต่หยุดไม่ได้(เพราะในตัวธุรกิจที่มันบังคับให้ทำ) เลยอยากเกษียณเร็ว เหมือนตัวผมเองยังตั้งเป้าหมายจะเกษียณที่40ปี หลังจากนั้นจะทำธุรกิจที่รัก อยากหยุดก็หยุดได้ และเดินสายทำบุญจากเงินที่งอกเงยขึ้นมา ก็มาบรรจบกับการลงทุนในตลาดนี่แหละครับ

ผมแนะนำให้คุณboyศึกษาแนวทางVIให้ถ่องแท้เหมือนกับเราจะทำธุรกิจนั้น เหนื่อยศึกษาสักสี่ห้าปี แล้วจะมีอิสระภาพไปตลอดชีวิตครับ

รายไดขนาดนี้ ก็เที่ยวได้แล้วครับ ทำชีวิตให้สมดุล

หากคิดว่าจะรอเทียวตอน 50 มั่นใจหรือ ว่าตัวเรา และคนที่เรารักจะอยู่กันครบครับ

เที่ยวได้เลย หาความสุข ณ ปัจจุบันได้เลยครับ

ไม่ว่ากันนะที่พูดตรงๆ ปกติ คุย m กันอยู่แล้ว อิอิ

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมฝันว่า ตอน อายุ ห้าสิบ จะไม่ต้องทำงาน มีเงิน 

พาลูกและภรรยา เที่ยวรอบโลก โดยไม่ต้องการมา 

ทำงานอีก นั่ง นอน เที่ยว แบบนี้ นะครับ 

ขอแต่ความสุขล้วนๆๆ เลย ไม่สนอะไรอีกแล้ว

รายไดขนาดนี้ ก็เที่ยวได้แล้วครับ ทำชีวิตให้สมดุล

หากคิดว่าจะรอเทียวตอน 50 มั่นใจหรือ ว่าตัวเรา และคนที่เรารักจะอยู่กันครบครับ

เที่ยวได้เลย หาความสุข ณ ปัจจุบันได้เลยครับ

ไม่ว่ากันนะที่พูดตรงๆ ปกติ คุย m กันอยู่แล้ว อิอิ

เห็นด้วยครับ เที่ยวเลยๆๆ

ขนาดผมตอนนี้อายุ 29 รู้สึกว่าเที่ยวไม่สนุกไม่เหมือนตอนเรียนจบใหม่ๆ ซัก 21-22 เที่ยวๆแล้วรู้สึกเหนื่อยๆพิกล

ถ้าอายุ 50 นี่คงนอนแอ้งแม้งอยู่บ้านละครับ

เห็นด้วยครับ พาครอบครัวเทียวต่างประเทศได้ปีละครั้ง สองครั้งได้เลยครับ ถ้าเสียดายตังค์ ก็ลงทุนในหุ้นที่ปันผลดีหน่อย แล้วก็เอาเงินปันผลไปเที่ยวซิ จะได้ใช้ได้สบายใจหน่อย ไม่เสียดายตังค์มาก

อย่าง BOL เนี่ย ส่งครอบครัวผมไปเที่ยวยุโรปมา 2 ปีติดแล้ว ปีหน้าคาดว่าจะส่งไปเที่ยวอเมริกาอีก  :lol:

ขอบคุณ พี่นริศ พี่เจ๋ง ที่แนะนำ และ ทุกท่านที่แนะนำ

ผมก้อเที่ยวทุกปี ครับ เที่ยวกะทัวร์ ไม่ซะใจ ครับ

อยากไปเที่ยวที่เป็นเดือนๆๆ นะ ครับ

คุณ radio เดาใกล้เคียงง่ะ ตอนนี้คือมีครบแล้ว ครับ

ยกเว้น อิสระภาพทางการเงิน ยังไม่มีเลย

ก้ออยากได้สูตรสำเร็จจากพี่ๆๆ หรือ แนวทางลงทุน

ที่เซฟหน่อย ที่คนทั่วไปจะทำกันครับ

ผมว่า สิ่งที่ทำให้ไม่ค่อยสุขก็คือความ อยาก มั้งครับ

เริ่มตั้งแต่ การอยากมีอิสรภาพทางการเงิน หละมั้งครับ

อ่านตอนแรก บอกตรงๆว่าไม่เชื่ออ่ะครับ ว่าเงินเดือนเท่านี้จริง
แต่มาเขียน confirm ก็เอาน่า

ตอนผม อายุ 33 มีภรรยาคน ลูกคน ผมยังไปเที่ยวยุโรป 3 อาทิตย์เลย
อยู่อังกฤษ 10 วัน อยู่ปารีส 10 วัน ค่าใช้จ่ายยังไม่ถึงเงินเก็บคุณเดือนนึงเลย

เงินเดือนตอนนั้น 4-5 พันเอง  เชื่อป่ะ

สรุปว่า อยากเที่ยว ก็เที่ยวเลย ไม่ต้องรอ 50

nanchan เขียน:ผมว่า สิ่งที่ทำให้ไม่ค่อยสุขก็คือความ อยาก มั้งครับ

เริ่มตั้งแต่ การอยากมีอิสรภาพทางการเงิน หละมั้งครับ

เห็นด้วยครับ ต้องบริหารความอยากให้เหมาะสมครับ

เพราะเท่าที่อ่าน คือมีอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว อันนี้ครับ ปัญหาอยู่ที่ใจ

เที่ยวนานๆน่าเบื่อมาก  10วันแรกก็สนุกดี แต่ถ้านานกว่านั้นจะเริ่มเหนื่อย
เบื่อ คิดถึงบ้าน
  อีกประการหนึ่งผู้ที่มีรายได้ระดับสูงทำใจเลิกทำงานยากมาก แม้ว่าจะมี
อิสระภาพทางการเงินแล้วก็ตาม   ยกเว้นการงาน หรือธุรกิจอันนั้นมองเห็น
อนาคตว่า เริ่มตกต่ำ หรือ เจ้ง  ก็ทำใจเลิกได้  เชื่อผมเถิดเป็นอย่างนี้เกือบ
ทุกคน รวมทั้งตัวผมด้วย แหะ แหะ