Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เอ่อ  ผมว่ามันต้องมี  คนอยู่เบื้องหลังราคาหุ้น
ต้องมีข่าวไม่เว้นแต่ระรอบ  ของการขึ้นลง

แบบแตกพาร์
แจกหุ้น  แบบ2หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ฟรี
แจกวอร์

แบบต้องสร้างภาพ
ใครมีประสพการณ์  มาเล่าสู่กันฟัง

ลองดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของ live iec สิครับ ตามนั้นเลย  :lol:

secc ด้วยขอรับ ทั้งแม่ทั้งลูก  :8)  ...

หุ้นปั่นในตลาดผมว่ามีเยอะนะครับ

แต่ทำไม กลต. จัดการไม่ได้ซักที
หรือบางทีบอกไม่มีหลักฐาน

 :roll:  :roll:

ถ้าพูดในเรื่องการทำราคา ผมว่าหุ้นสองตัวนี้ไม่ต่างกันนะ ต่างกันแค่คนทำ  กับความชอบทำในการทำราคา

หุ้นตัวแรก อาจจะทำแค่ บุคคล โดยไม่กี่บุคคล โดยเอาข่าวดีต่าง ๆ สร้างความชอบทำในการทำราคา (บางทีก็ลากกันหน้าด้าน ๆ ไม่สนข่าวไร)

หุ้นตัวที่สอง อาจจะทำโดย คณะบุคคล ที่เป็นกลุ่ม ๆ  โดยเอาพื้นฐาน เป็นความชอบทำในการทำราคา

แต่ท้ายที่สุดแล้ว แมงเม่าก็ต้องบินเข้ากองไฟ เอย......

live อาจจะมีแต่รายย่อยที่เล่นกันเองก็ได้นะครับ

คนขี่มอเตอร์ไซค์ ขับซิ่ง ตำรวจ ขยันจับ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
คนขับเฟอรารี่ ขับซิ่งเหมือนกัน ตำรวจ ไม่คิดจะจับ

เพียงแต่ วิธีซิ่งมันต่างกัน

หุ้นปั่นเหมือนเหล้าปั่นหรือเปล่าครับพี่ปรัชญา

กินง่ายเหมือนน้ำผลไม้ แต่มาวววววววว แถมแฮ้งก์อีกต่างหาก

Quattro เขียน:คนขี่มอเตอร์ไซค์ ขับซิ่ง ตำรวจ ขยันจับ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
คนขับเฟอรารี่ ขับซิ่งเหมือนกัน ตำรวจ ไม่คิดจะจับ

เพียงแต่ วิธีซิ่งมันต่างกัน

ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง...

คุณสมบัติของหุ้นปั่น
1) มักเริ่มมีพรายกระซิบ(แต่มักเป็นคน)ว่า คนนั้นจะเข้าแล้วนะ
2) มีข่าวตามมาเช่น รวมทุนกับต่างชาติ/ปรับเปลี่ยนขยายการลงทุน/เพิ่มทุน/แจกวอรืแรน
3) ผู้บริหารเริ่มออกสื่อ
4) ราคาเริ่มไปเรื่อยๆจน เอาพื้นฐานมาวิเคราะห์ไม่ได้ เอาเทคนิคเพียวๆ
5) ราคาเริ่มไกล จนคนสนใจมากเขา
6) ปฎิเสธข่าวทั้งหมด
7) ราคาตกแบบ คนซื้อยังงงอยู่ว่า ซื้อไปได้ไง
8) มูลค่าการซื้อขาย แทบไม่มีชนิด จะขายเอามาส่งแชร์ยังขายไม่ออก ครับ
:lol:

ลองไปดูผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ IEC และ LIVE

เอ๊ะๆ ทำไมคล้ายๆกันเลยหว่า

 :roll:  :roll:

หุ้นปั่นมีทั้งปั่นโดยนักปั่นมืออาชีพ  และปั่นโดยเจ้าของกิจการ

ปั่นโดยอาศัยเม็ดเงินสร้างมูลค่าการซื้อขาย  และราคาให้ดูโดดเด่น

ปั่นโดยขยันให้ข่าวดีเกินจริง

ปั่นโดยขยัน  แจก Warrant  แตกพาร์  จ่ายหุ้นปันผล

สิ่งที่น่ากลัวคือ  ผู้ปั่นมีความรู้ทางการเงิน  ผู้ปั่นมีความรู้ว่ารักลงทุนต้องการอะไร  ทำให้เราอาจจะไม่สามารถแยกได้ว่า  เป็นผู้บริหารที่ดี  หรือเป็นนักปั่นที่เก่ง

เปลี่ยนมาสนใจหุ้นปั่นแล้วเหรอครับพี่ หรือว่าอยากให้เค้ามาช่วยปั่นหุ้นของเรามั่ง แหะๆ :lol:

หุ้นปั่นเป็นไง ทุกคนคงทราบดี
แต่ผมว่า ตลาดฯ มีวิธีแก้หุ้นปั่นที่ผิดครับ

เวลาหุ้นขึ้นเยอะๆ จะมีความพยายามหยุดไม่ให้มันขึ้น เช่น แขวนห้าม net-margin หรือว่า ปัจจุบันคือ turnover list

ผมว่า เวลาหุ้นขึ้นจะไปหยุดมันทำไม หุ้นขึ้นมีแต่คนได้ประโยชน์ ไม่เห็นมีคนเสียประโยชน์เลย หุ้นลงซิรายย่อยเสียหาย เพราะฉะนั้น จะจัดการกับหุ้นปั่นต้องห้ามไม่ให้มันลงครับ :lol:  :lol:

เพราะถ้าไม่ลงก็ไม่มีคนติดหุ้น
ผมคิดนอกกรอบ ถ้าเป็นผมเวลาเจอหุ้นปั่นผมจะทำงี้ครับ

ไม่มี ceiling แต่ floor ให้กำหนดที่ 5% คนอยากปั่นให้มันปั่นไปครับ แต่เวล
ขาย ขายไม่ได้ครับเพราะมันมี floor ไม่มีคนรับ ถ้าเค้าจะขายให้ floor หลายๆวัน กำไรเค้าก็จะหดหายไปเองครับ อย่างนี้เวลาปั่นต้องคิดหนักครับ เพราะปั่นขึ้นแล้วขายยาก

[quote="ayethebing"]หุ้นปั่นเหมือนเหล้าปั่นหรือเปล่าครับพี่ปรัชญา

กินง่ายเหมือนน้ำผลไม้ แต่มาวววววววว แถมแฮ้งก์อีกต่างหาก




น่าจะมีคำสั่ง  

ห้ามซื้อขายโดยมาร์จิ้น
ต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสด

[quote="saleman"]
ถ้าพูดในเรื่องการทำราคา ผมว่าหุ้นสองตัวนี้ไม่ต่างกันนะ ต่างกันแค่คนทำ

หุ้นปั่น คือ หุ้นที่สร้างราคาขึ้นโดยที่คนซื้อกับคนขายเป็นเงินก้อนเดียวกัน ชงเอง กินเอง

แก้หุ้นปั่นต้องแก้ด้วยความรู้และความไม่โลภครับ ถ้ารายย่อยไม่ได้อยากได้เงินง่ายๆ ซะอย่าง ปั่นไปก็เท่านั้น

หุ้นปั่นส่วนใหญ่ ผมว่ารายย่อยที่เข้าไปร่วมผสมโรงก็รู้อยู่นะว่ามันปั่น แต่อยากเสี่ยงจะไปห้ามเค้าทำไมล่ะ

Financial Engineer เขียน:หุ้นปั่น คือ หุ้นที่สร้างราคาขึ้นโดยที่คนซื้อกับคนขายเป็นเงินก้อนเดียวกัน ชงเอง กินเอง

แก้หุ้นปั่นต้องแก้ด้วยความรู้และความไม่โลภครับ ถ้ารายย่อยไม่ได้อยากได้เงินง่ายๆ ซะอย่าง ปั่นไปก็เท่านั้น

หุ้นปั่นส่วนใหญ่ ผมว่ารายย่อยที่เข้าไปร่วมผสมโรงก็รู้อยู่นะว่ามันปั่น แต่อยากเสี่ยงจะไปห้ามเค้าทำไมล่ะ

      เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ คนซื้อก็ซื้อทั้งๆที่รู้ แต่ก็เต็มใจเสี่ยง เพราะถ้าได้ก็ได้ง่ายๆ และเร็วไม่ต้องอดทนรอนาน
      แต่เวลาเสีย ก็ไม่ต้องอดทนเหมือนกัน เพราะเร็วจนไม่ต้องอดทน แต่คงต้องอดข้าวแทน......
      แต่ถ้าตลาดไม่มีการเก็งกำไร นักลงทุนแนว VI คงได้ผลตอบแทนที่น้อยลงนะครับ เพราะ ไม่ได้ประโยชน์จากความผันผวนของนายตลาดเลย

Financial Engineer เขียน:หุ้นปั่น คือ หุ้นที่สร้างราคาขึ้นโดยที่คนซื้อกับคนขายเป็นเงินก้อนเดียวกัน ชงเอง กินเอง

แก้หุ้นปั่นต้องแก้ด้วยความรู้และความไม่โลภครับ ถ้ารายย่อยไม่ได้อยากได้เงินง่ายๆ ซะอย่าง ปั่นไปก็เท่านั้น

หุ้นปั่นส่วนใหญ่ ผมว่ารายย่อยที่เข้าไปร่วมผสมโรงก็รู้อยู่นะว่ามันปั่น แต่อยากเสี่ยงจะไปห้ามเค้าทำไมล่ะ

หุ้นปั่นอย่าง live iec ใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นหุ้นปั่น แต่พักหลังมีการปั่นหุ้นคุณค่าด้วย คือการทำราคาหุ้นที่มีพื้นฐานพอใช้แต่กำไรกำลังโตในช่วงระยะเวลาอันใกล้ โดยมากจะเป็นลักษณะมีรายใหญ่มาทำราคาโดยที่เจ้าของบริษัทรู้เห็นเป็นใจ (แต่ไม่เคยยอมรับว่ารู้เรื่อง) แต่บางทีเจ้าของก็ไม่รู้จริง ๆ ตัวอย่างหุ้นที่ผมสังเกตว่าน่าจะใช่ (ความเห็นส่วนตัวอาจจะถูกหรือผิด) ได้แก่

A ADAM AIT AKR AMAC APURE ASIA BLAND BLISS BROCK BWG CIG CK D1 DEMCO DISTAR E EMC EWC EVER GEN GSTEEL IFEC ILINK KASET KTECH LOXLEY LST METRO MIDA MILL ML MLINK MME MPIC NNCL PAE PE PLE POWER PT RAIMON RICH RS SABINA SALEE SAM SC SEAFCO SECC SH SIAM SIMAT SINGHA SNC SMM SPORT STEC STPI SYNEX TCC TFI THL TKS TNDT TOG TR TRC TRU TUCC TYONG TWZ TYM UBIS UEC UKEM UMS UNIQ WIN

หุ้นข้างต้นมาจากการสังเกตตลาดหุ้นไทยของผมในช่วงเวลาแค่ 3 ปีที่ผ่านมา อาจจะมีผิดพลาดได้ แต่น่าจะเป็นข้อสังเกตให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มลงทุนได้บ้าง

หุ้นข้างต้นไม่ได้หมายความว่าไม่ดี บางตัวก็ดี แต่เราต้องใช้หลัก VI ให้เป็นประโยชน์คือซื้อถูกขายแพง แต่ที่ควรระวังคือเราไว้ใจผู้บริหารที่ชอบเล่นหุ้นได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าคิดจะล้วงคองูเห่า อย่าลงเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ท สำหรับผม ล้วงทีไรโดนกัดเกือบทุกที  :lol: เป็นเต่าอยู่ดี ๆ ดันไปหาเรื่องเจ็บตัวเพราะความโลภตัวเดียวเลย  :oops:

investment biker เขียน: แต่พักหลังมีการปั่นหุ้นคุณค่าด้วย คือการทำราคาหุ้นที่มีพื้นฐานพอใช้แต่กำไรกำลังโตในช่วงระยะเวลาอันใกล้ โดยมากจะเป็นลักษณะมีรายใหญ่มาทำราคาโดยที่เจ้าของบริษัทรู้เห็นเป็นใจ (แต่ไม่เคยยอมรับว่ารู้เรื่อง) แต่บางทีเจ้าของก็ไม่รู้จริง ๆ ตัวอย่างหุ้นที่ผมสังเกตว่าน่าจะใช่ (ความเห็นส่วนตัวอาจจะถูกหรือผิด) ได้แก่

A ADAM AIT AKR AMAC APURE ASIA BLAND BLISS BROCK BWG CIG CK D1 DEMCO DISTAR E EMC EWC EVER GEN GSTEEL IFEC ILINK KASET KTECH LOXLEY LST METRO MIDA MILL ML MLINK MME MPIC NNCL PAE PE PLE POWER PT RAIMON RICH RS SABINA SALEE SAM SC SEAFCO SECC SH SIAM SIMAT SINGHA SNC SMM SPORT STEC STPI SYNEX TCC TFI THL TKS TNDT TOG TR TRC TRU TUCC TYONG TWZ TYM UBIS UEC UKEM UMS UNIQ WIN

หุ้นข้างต้นมาจากการสังเกตตลาดหุ้นไทยของผมในช่วงเวลาแค่ 3 ปีที่ผ่านมา อาจจะมีผิดพลาดได้ แต่น่าจะเป็นข้อสังเกตให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มลงทุนได้บ้าง

ในความเห็นผม หุ้นปั่น นับเฉพาะหุ้นที่มีคนสร้างราคาโดยโยนหุ้นให้กันเอง ตั้งขายเองแล้วเคาะซื้อเอง ซื้อเสร็จก็เอามาวางขายต่อแล้วก็เคาะซื้อเองอีก วนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนนอกมาผสมโรงเยอะๆ

ถ้าเป็นลักษณะไล่ราคาหุ้นขึ้นไปแล้วปล่อยข่าว แล้วก็ไล่อีกาสลับกับปล่อยข่าวอีก อย่างนี้ไม่น่าจะเรียกว่าปั่นหุ้นนะ ไม่งั้นคงต้องหมายรวมถึงหุ้นทุกตัวในตลาด

หุ้นกลุ่มบลูชิพ ต่างชาติก็ชอบนักที่จะไล่ซื้อแล้วก็ปล่อยข่าวปล่อยบทวิเคราะห์ ทุบหุ้นแล้วก็ปล่อยข่าวปล่อยบทวิเคราะห์ เหมือนกัน

พี่ปรัชญา
ไม่ทราบว่าเคยอ่านรึยังครับ ผมว่าน่าสนใจ
ข้างในมี 3 เรื่องย่อยๆ 3-4 เรื่อง
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=49149

หุ้นเก็งกำไรก็เป็นอย่างนี้แหละครับคุณปรัชญา คือการได้เห็นกฎไตรลักษณ์ได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ผมฝึกฝนอยู่เป็นปีโดยการจำลองเล่นหลายๆแบบถึงลงมือจริงครับ  เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ขึ้นสู่สวรรค์แห่งการลงทุนได้เช่นกันแต่ท่านนักลงทุนต้องบู๊เป็นเท่านั้นเอง555555555

  ขอเสนอให้ดู singha   ครับ  เพิ่มทุนที่ 8 บาท  หลายปีก่อนwarrant ที่  3 บาทกว่าๆ  ตอนนี้เหลือ  0.40 บาท ( par 1 บาท )  

  ลองดูกราฟ ราคา ระยะยาวๆ ก็ได้ หลังจาก ออกข่าวดีขายของเเล้วก็ลงต่อเนื่องยาวนานนนนนนน


NET-NET can save your ass.

    ขอโทษครับ ข้อมูลข้างบนผิด (เเหะๆ จำตัวผิด ) ตัวนี้คือขายหุ้นเข้าตลาดมา 21 บาทที่par 5บาทครับเเล้วมาเเตก par เหลือ1 บาทเเล้วก็สร้างสตอเบอรี่ เรื่องต่างชาติมาซื้อหุ้นเพื่อขายหุ้นเพิ่มทุนอีกรอบคราวนี้ 2.5 บาทเเถมwarrant  พอเเกเพิ่มทุนได้เเล้วราคามันก็ร่วงมาที่ 0.40  บาทนี้เเหละ


ลงทุนระยะยาวเเล้วได้ผลตอบเเทนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลก็ดีใจเเล้ว

Tar913 เขียน:พี่ปรัชญา
ไม่ทราบว่าเคยอ่านรึยังครับ ผมว่าน่าสนใจ
ข้างในมี 3 เรื่องย่อยๆ 3-4 เรื่อง
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=49149

ขอบคุณครับ  
ที่นำมาให้อ่านและเตือนความทรงจำ
และมีประโยชน์กับผู้ต้องการคำตอบ

ความเห็นของผม ผมว่าหุ้นในตลาดก็หุ้นปั่นทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ว่าเป็นการปั่นได้แนบเนียนแค่ไหน อย่าง LIVE, IEC เนี่ย ค่อนข้างโฉ่งฉ่าง ผู้อยู่เบื้องหลังก็รู้ๆอยู่ว่าคนเดียวกัน (โทนี่ จา) อย่างหุ้นในตลาด MAI ส่วนใหญ่รายใหญ่ก็แฝงตัวเข้ามา น่าจะมีการร่วมมือกับเจ้าของ ส่วน แนว MAJOR, CPN, BEC ก็ใช้ market maker ส่วน Big Cap. เจ้ามือก็คือฝรั่ง
ส่วนที่สำคัญคือ ตลาดหลักทรัพย์และกลต.ไม่เคยให้ความสำคัญกับการปั่นของฝรั่งและกองทุน ซึ่งจริงๆแล้วก็สร้างความเสียหายให้นักลงทุนรายย่อยเหมือนกัน เวลาฝรั่งเค้าโยนหุ้นระหว่างกันโดยผ่าน Custodian ก็ไม่รู้เรื่อง อนิจจา

YONGYEE เขียน:ความเห็นของผม ผมว่าหุ้นในตลาดก็หุ้นปั่นทั้งนั้นแหละครับ อยู่ที่ว่าเป็นการปั่นได้แนบเนียนแค่ไหน อย่าง LIVE, IEC เนี่ย ค่อนข้างโฉ่งฉ่าง ผู้อยู่เบื้องหลังก็รู้ๆอยู่ว่าคนเดียวกัน (โทนี่ จา) อย่างหุ้นในตลาด MAI ส่วนใหญ่รายใหญ่ก็แฝงตัวเข้ามา น่าจะมีการร่วมมือกับเจ้าของ ส่วน แนว MAJOR, CPN, BEC ก็ใช้ market maker ส่วน Big Cap. เจ้ามือก็คือฝรั่ง
ส่วนที่สำคัญคือ ตลาดหลักทรัพย์และกลต.ไม่เคยให้ความสำคัญกับการปั่นของฝรั่งและกองทุน ซึ่งจริงๆแล้วก็สร้างความเสียหายให้นักลงทุนรายย่อยเหมือนกัน เวลาฝรั่งเค้าโยนหุ้นระหว่างกันโดยผ่าน Custodian ก็ไม่รู้เรื่อง อนิจจา

แบบนี้เราคงต้องลงทุนแบบเก็งกำไร เล่นไม่ยาวในหุ้นทุกตัวแล้วครับ
แนวvi คงต้องซื้อหุ้นตาม ดร นิเวศน์ อย่างเดียว เพราะ เหตูผลของ ดร ในการเลือกหุ้นมันลงทุนยาวได้