บัฟเฟทท์สอนนักลงทุน ลุยซื้อหุ้นช่วงนี้ดีที่สุด
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2008 11:49 am
จากไทยรัฐ วันนี้เอง
http://www.thairath.co.th/news.php?sect ... ent=108347
มีใครทำได้บ้างครับ
http://www.thairath.co.th/news.php?sect ... ent=108347
จงรู้สึกกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังรู้สึกกลัวบัฟเฟทท์สอนนักลงทุน ลุยซื้อหุ้นช่วงนี้ดีที่สุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายวอร์เร็น บัฟเฟทท์ แห่ง เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ที่เพิ่งได้รับการจัดอันดับจาก นิตยสารฟอร์บ ให้เป็น มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก แซงหน้า บิล เกตส์ ไปเรียบร้อย ได้เขียนบทความแสดงความเห็นส่วนตัวไปลงใน นสพ.นิวยอร์กไทม์ ประกาศลุยซื้อหุ้นในตลาดหุ้นวอลสตรีท สวนกระแสความหวาดวิตกของนักลงทุนทั่วโลก
แนวคิดของมหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก นับว่าน่าสนใจไม่น้อย ผมเลยขอนำมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครจะนำกลยุทธ์นี้ไปซื้อหุ้นราคาถูกในเมืองไทยยามนี้ก็ได้
บัฟเฟทท์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา (โอมาฮาคือบ้านเกิดของเขา) เพราะเขามักซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆได้อย่าง ถูกต้องแม่นยำและถูกจังหวะถูกเวลาเสียด้วย ได้เริ่มต้นบทความเรื่อง Buy America l am ของเขาว่า โลกการเงินกำลังยุ่งเหยิงทั้งใน สหรัฐฯและที่อื่นๆ และกำลังรั่วไหลไปสู่เศรษฐกิจทั่วไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ในอนาคตอันใกล้ การว่างงานจะเพิ่มขึ้น กิจกรรมทางธุรกิจจะพากันสะดุด และพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์จะทำให้เราตกใจกลัวอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น...ผมจึงตัดสินใจซื้อหุ้นของอเมริกา จากบัญชีเงินส่วนตัวของผมเอง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีหุ้นเลย นอกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และถ้าหากราคายังน่าสนใจต่อไปอีก ผมก็จะเอาความมั่งคั่งส่วนตัวของผมที่อยู่นอกบัญชีบริษัทเบิร์กไชร์ทั้งหมด ทุ่มลงไปเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์กับหุ้นของสหรัฐอเมริกา
ทำไม?
กฎง่ายๆที่กำหนดการซื้อขายหุ้นของผมก็คือ จงรู้สึกกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังรู้สึกกลัว และสิ่งที่แน่นอน ที่สุดในขณะนี้ก็คือ ความหวาดกลัวได้แผ่ขยายไปในวงกว้าง ไม่เว้นแม้ กระทั่งนักลงทุนขาจร แต่เพื่อความแน่ใจ นักลงทุนก็ควรจะระมัดระวังบริษัทที่มีหนี้จำนวนมาก และบริษัทที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันตํ่า
แต่ความหวาดกลัวต่อความเจริญรุ่งเรืองของบริษัทที่ยังดูดีในระยะยาวนั้น เป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี ธุรกิจเหล่านี้อาจจะสะดุดกับรายได้ในช่วงนี้ แต่บริษัท ส่วนใหญ่ก็จะกลับไปทำกำไรสูงสุดใหม่ในอนาคต 5 ปี 10 ปี และ 20 ปีจากวันนี้
ผมอยากจะอธิบายให้ชัดเจนว่า ผมไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหว ระยะสั้นของตลาดหุ้นได้หรอก ผมไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนจะสูงหรือจะตํ่าในอีกหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปีข้างหน้า แต่ที่เป็นไปได้ก็คือ ในที่สุดตลาดหุ้นก็จะมีราคาสูงขึ้น บางทีอาจจะสูงขึ้นอย่างยาวนานก็ได้ บางทีตลาดหุ้นอาจจะดีขึ้น ก่อนที่ความรู้สึกจะดีขึ้น หรือเศรษฐกิจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ถ้าคุณหวังจะให้มีอัศวินม้าขาวมาช่วยละก็ คุณอาจจะเสียโอกาสก็ได้...
ในระยะยาว ตลาดหุ้นน่าจะดี ในศตวรรษที่ 20 สหรัฐฯเจอสงครามโลกมาถึงสองครั้ง, ความขัดแย้งทางทหารที่แพงลิ่ว, วิกฤติเศรษฐกิจตกตํ่า, ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความแตกตื่นทางการเงิน, วิกฤติราคานํ้ามัน, โรคไข้หวัดใหญ่ระบาด, และการลาออกจากประธานาธิบดีที่มีเรื่องเสื่อมเสีย
แต่ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ก็เพิ่มจาก 66 จุด ขึ้นไปถึง 11,497 จุด...
เนื้อที่ไม่พอเสียแล้ว ผมขอสรุปย่อๆเลยก็แล้วกัน
คุณบัฟเฟทท์ บอกว่า ทุกวันนี้คนหันไปถือเงินสดหรือสิ่งที่เทียบเท่าเงินสด เพื่อความสบายใจ แต่เขาคิดผิด ในทศวรรษหน้าราคาหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินสดอาจจะดีกว่ามากด้วย คนที่กอดเงินสดแล้วนั่งรอฟังข่าวดีที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เขาอาจลืมคำแนะนำของ เวนน์ เกรทสกี้ ที่ว่า ผมจะวิ่งไปรอในที่ที่ลูกฮอกกี้ (นํ้าแข็ง) กำลังจะวิ่งไป ไม่ใช่ตรงที่ลูกฮอกกี้อยู่
นักลงทุนหุ้นทั้งหลาย อ่านแล้วคงจะรู้นะครับว่าจะต้อง
มีใครทำได้บ้างครับ