Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าผิด ผิด ตรงไหน อย่างไร
ถ้าถูก ถูก ตรงไหน อย่างไร

ขอความเห็นด้วยครับ อยากรู้  :)

ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ผมยังไม่ "ลงทุน" ครับ

จริงๆ แล้วผมก้อเป็น vi คนนึงครับ
แต่เป็น vi ที่ดู flow ประกอบกันด้วย

ที่ผ่านมา ดู flow มักไม่ค่อยผิดครับ  :8)  ...

น่าจะถูกตัว

แต่ผิดจังหวะ  :oops:

1. ผิดที่หลงระเริงกับกำไรในปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจตัวเองมากเกินไป
2. ผิดที่พึ่งมาเริ่มรู้จักมาร์จิ้นตอนต้นปี และใช้เครื่องมือนี้แบบงูๆ ปลาๆ
3. ผิดที่โลภมาก อยากได้กำไรมากๆ เลยเปลี่ยนมาเล่นหุ้นที่คุณภาพด้อยลงมา โดยที่ยังทำความเข้าใจกับธุรกิจนั้นๆ ได้ไม่ดีพอ

สุดท้าย... เลือดโชก ตายสยอง    :drink:  :lovl:

แค่ราคาหุ้นขึ้นหรือลงไมน่าบอกได้ว่าเราถูกหรือผิดนะครับ  
โดยเฉพาะสั้นๆแค่ไม่กี่เดือน เราเป็นนักลงทุนมีหน้าที่ลงทุนก็สนุกกับการผจญภัยในโลกการเงินกันต่อไปครับ
การกลัวจนลงผมว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะคนที่ลำบากมากสมัยก่อนขนาดต้องขุดกินดินเขาก็มีชีวิตอยู่มาได้ :lol:

เลือกหุ้นไม่ผิดตัว แต่ผิดจังหวะครับ

รู้สึกคิดถูกที่ใช้กราฟช่วยในการหาจังหวะซื้อขาย

เพราะขายทิ้งตามกราฟสั่งตั้งแต่แถวๆ 800 จุดแล้ว จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่บอกให้ซื้อสักที

ผิดครับ ผิดซ้ำผิดซ้อน คิดว่าถูกแล้ว มันยังมีถูกอีก แล้วก็ซื้อเฉลี่ย แล้วมันก็ยังลงอีก ลงอีก จาก 720 ลงจน 3xx ตามจนหมดแม๊ก แล้วมันก็ยังลงอีก พี่คร๊าบ พี่จะลงไปถึงไหน  -25% แล้วพี่ยังจะลงอีกเหรอคร๊าบ

     1. อยากลงทุนมากเกินไปพอเห็นหุ้นที่บริษัทตัวเองอยากลงทุนลงมา ณ ราคาที่อยากได้เลยรีบซื้อ ทั้งที่ดูสภาวะตลาดเเล้วสามารถต่อราคาได้อีกพอควร

     2. ยังฝึกมาไม่พอครับ ใจร้อนในการเข้าลงทุนเหมือน ทุกๆรอบ ( เเม้ว่าจะโดนมาหลายครั้งเเล้ว  :oops:  )

     3. ยึดติดกับข้อมูลที่ได้รับมามากเกินไปโดยไม่ดูสภาพเเวดล้อม สถานะการของการเงินทั่วๆไป รวมทั้งจิตวิยาของผู้ลงทุนในตลาดทุน ถ้าปล่อยตัวไปตามกระเเสบ้างน่าจะลงทุนได้ดีกว่านี้ครับ


ยึดมั่นในพื้นฐานที่ถูกต้อง  เเต่ไม่หลงไปกับความยึดมั่นของตนเอง

กำลังมาถูกทางครับ

แต่ทางมันชันไปหน่อย

เกาะกันแน่นๆนะครับ

ตอนขึ้นทางมันก็ชันเหมือนกัน

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ
คำถามแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี
เพราะแม้ว่าเราจะเชื่อมั่นเพียงใดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกต้องอยู่แล้ว
แต่การประเมินผลบ่อยๆว่ายังมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
จะช่วยพัฒนาและอุดช่องโหว่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ย้อนมาที่คำถาม
ผมว่าคำตอบเป็นอย่างที่ลูกอิสานว่าครับ

เราใช้เหตุการณ์ไม่กี่เดือนมาตัดสินการลงทุนทั้งหมดไม่ได้
ที่จริงสถานการณ์แบบนี้ก็ผิดหมดทุกแนวทางแหละครับ
เพราะหุ้นมันลงตลอด
เมื่อมูลค่าโดยรวมมันลดลงมากขนาดนี้
ใครๆก็ขาดทุนทั้งนั้นไม่ว่าต่างชาติ รายย่อยหรือกองทุน

อาจจะมีบางแนวทางที่บอกว่าของตัวเองนั้นถูก
แต่เราก็ต้องดูว่า
แนวทางนั้นชนะเพียงศึกย่อยๆหรือไม่
และแพ้ในศึกใหญ่หรือไม่ ต่างหาก

ว่าที่จริงการลงทุนนั้น
เปรียบเสมือนการแข่งวิ่งมาราธอนมากกว่า

ไม่ได้วัดในระยะสั้นๆว่าใครถูกใครผิด
แต่วัดในระยะที่ยาวมาก
บางทีอาจจะตลอดชีวิตของคนๆนั้นด้วยซ้ำไป

เมื่อการลงทุนเป็นเรื่องของการวิ่งมาราธอน
เราก็ต้องฝึกปรือตัวเองสำหรับการวิ่งมาราธอน
ถ้าเราฝึกแบบร้อยเมตร
เราจะสูญเสียหลายอย่างในภายหลัง
เพราะการวิ่งร้อยเมตรกับวิ่งมาราธอนนั้นใช้ทักษะและวิธีฝึกไม่เหมือนกัน

ถ้าเรากระโดดไปกระโดดมา
เดี๋ยวชอบวิธีนั้น
เดี๋ยวชอบวิธีนี้
เราก็จะหาข้อสรุปที่ถูกต้องไม่ได้เสียที

แนวทางวีไอยังต้องการจิตใจที่เข้มแข็งและรู้เท่าทันธรรมชาติด้วย
เราปลูกมะม่วงวันนี้
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง
มะม่วงยังไม่ออกลูกเสียที
เราก็จัดการถอนทิ้ง
แล้วสรุปว่ามะม่วงเป็นพืชที่ไม่ออกลูก

แล้วหันไปปลูกมะพร้าว
ปลูกได้เดือนหนึ่งก็บอกว่า
อันนี้ก็ไม่เห็นมีลูก  ขุดทิ้งอีก

เราก็จะพายเรือในอ่าง

ในยามหุ้นตกแบบนี้
ก็คงไม่มีอะไรมากกว่า
ให้กำลังใจกับสมาชิกทุกท่านครับ

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และ คำสอนจากคุณหมอสามัญชนมากๆครับ

ต้องใช้เวลาเป็นตัวตัดสินครับ Time will tell.....

* ผิดที่คิดว่ากำไรที่ได้มาหลายๆๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจตัวเองมากเกินไปเหมือนกันครับ นำเงินที่ได้มากลับมา reinvestment หุ้นซะหมดเลย โดยไม่กระจายความเสียงไปลงทุนอย่างอื่นซะบ้าง

* ผิดที่คิดว่า พื้นฐานหรือ fundamental นั้นสำคัญกว่า fund flow ของต่างชาติ

* ผิดสุดท้าย ...ดันไม่รู้ว่า ...รู้อะไรเท่ารู้งี้  

*ถูกทีสุด ... ลงทุนในแบบ VI นี่แหล่ะวัดกันยาวๆๆๆ แล้วหวังว่าจะเป็นคำตอบที่ถูกที่สุด

... เพราะชีวิตคือการลงทุน

ผิดที่วิเคราะห์พื้นฐานบริษัทไม่ครอบคลุม และ ซื้อในราคาที่มี MOS น้อยเกินไปครับ

 :roll:  

ไม่ผิดเรื่องจังหวะ เพราะ ผมไม่รู้ว่าหุ้นจะขึ้นลงมากน้อยแค่ไหน
และไม่รู้ว่า Fund Flow ฝรั่ง จะเข้า หรือ ออกเท่าไหร่เช่นกัน

ไม่ผิดเรื่องแนวทางการลงทุน เพราะ แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เป็นแนวทางที่มีผู้พิสูจน์(วอเร็น บัฟเฟ้ต , ดร.นิเวศน์)แล้วว่าประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องกังวลกับราคาที่ขึ้นๆลงๆ ทำให้นอนหลับสบายครับ

ผิดที่ว่าหุ้นตก ไม่ได้ทบทวนว่า หุ้นที่เราถือได้รับผลกระทบด้านพื้นฐานหรือไม่ มาตอนนี้ถึงเพิ่งคิดได้  :wall:

ผิดที่ว่าราคาหุ้นลงมามากแล้ว คงจะไม่ลงอีก โลภ สับเอาตัวลงน้อยมาหาตัวลงมาก โดยไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า ที่มันลงมากเพราะพื้นฐานเปลี่ยน แบบคำนวณผลกระทบได้ยาก

ผิดที่พยายามเดาใจตลาด คิดว่ามันจะขึ้น มันดันลง คิดว่ามันจะลง มันดันขึ้น คิดว่ามันสับขาหลอก มันเอาจริง

ถูกที่รู้ตัวแล้วคร๊าบบบ... (ช้าไปไม่นิด  )

เห็นด้วยกับพี่หมอครับ อธิบายได้เคลียร์อย่างนี้ พี่ไปเขียนหนังสือปรัชญาหุ้นเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ

naris เขียน:เห็นด้วยกับพี่หมอครับ อธิบายได้เคลียร์อย่างนี้ พี่ไปเขียนหนังสือปรัชญาหุ้นเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ

อยากอ่านหนังสือพี่หมอด้วยอีกคน

ผิดมหันต์ครับ ที่ดูแต่พื้นฐานกิจการอย่างเดียว ไม่ได้สนใจ Foreign Fund Flow
ปีที่แล้วหุ้นบ้านเราพื้นฐานก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่ดันขึ้นเอาขึ้นเอา เพราะ Fund Flow
ปีนี้บ้านเขา แย่ แต้หุ้นเราลงหนักกว่า ก็เพราะ Fund Flow
สรุปว่า ตลาดหุ้นบ้านเรา เป็นของต่างชาติที่คุมเกม พื้นฐานเป็นเรื่องแหกตา ที่ต่างชาติ และ Broker สร้างขึ้นขึ้นมาเวลาต่างชาติจะออกของแล้วให้รายย่อยเข้าไปรับ ก็เลยย่อยยับแบบวันนี้
(ตั้งแต่ มค38 ถึง สค50subprime 1 ต่างชาติซื้อสุทธิ หุ้นไทย 3.7 แสนล้าน รายย่อยและสถาบันไทย ขายสุทธิมาตลอดสิบกว่าปี แล้วหุ้นบ้านเราจะไม่ให้มันคุมเกมได้ยังไง นี่แหละผลกรรมของการชอบเงินนอก รู้สึกว่าหม่อมอุ๋ยทำถูกตอนสกัดเงินไหลเข้า เพราะปีที่แล้วมันเข้ามาเพื่อลากราคาก่อนออกของให้คนไทยโดยเฉพาะ มันซื้อตอน42 bht/usd ขายตอน 33-34 หุ้นไม่ขึ้นมันก็ยังกำไร ตอนนี้หวังว่ามันคงหยุดขายได้แล้วเพราะมันก็เริ่มขายขาดทุนแล้ว)

kmphol เขียน:ผิดมหันต์ครับ ที่ดูแต่พื้นฐานกิจการอย่างเดียว ไม่ได้สนใจ Foreign Fund Flow
ปีที่แล้วหุ้นบ้านเราพื้นฐานก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่ดันขึ้นเอาขึ้นเอา เพราะ Fund Flow
ปีนี้บ้านเขา แย่ แต้หุ้นเราลงหนักกว่า ก็เพราะ Fund Flow
สรุปว่า ตลาดหุ้นบ้านเรา เป็นของต่างชาติที่คุมเกม พื้นฐานเป็นเรื่องแหกตา ที่ต่างชาติ และ Broker สร้างขึ้นขึ้นมาเวลาต่างชาติจะออกของแล้วให้รายย่อยเข้าไปรับ ก็เลยย่อยยับแบบวันนี้
(ตั้งแต่ มค38 ถึง สค50subprime 1 ต่างชาติซื้อสุทธิ หุ้นไทย 3.7 แสนล้าน รายย่อยและสถาบันไทย ขายสุทธิมาตลอดสิบกว่าปี แล้วหุ้นบ้านเราจะไม่ให้มันคุมเกมได้ยังไง นี่แหละผลกรรมของการชอบเงินนอก รู้สึกว่าหม่อมอุ๋ยทำถูกตอนสกัดเงินไหลเข้า เพราะปีที่แล้วมันเข้ามาเพื่อลากราคาก่อนออกของให้คนไทยโดยเฉพาะ มันซื้อตอน42 bht/usd ขายตอน 33-34 หุ้นไม่ขึ้นมันก็ยังกำไร ตอนนี้หวังว่ามันคงหยุดขายได้แล้วเพราะมันก็เริ่มขายขาดทุนแล้ว)

อ่านแล้วได้แต่ถอนหายใจ

naris เขียน:เห็นด้วยกับพี่หมอครับ อธิบายได้เคลียร์อย่างนี้ พี่ไปเขียนหนังสือปรัชญาหุ้นเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ

ยกมืออีก 1 เสียงครับ

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

ผมก็รู้สึกว่าพลาดไปเหมือนกัน ที่ใจร้อนซื้อเร็วไปหน่อย แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะลงมามากมายขนาดนี้ ก็หวังว่าสิ่งที่ผมได้ทำไว้ในตอนนี้มันจะถูกในอนาคต

ถ้ารู้ตัวว่าทำผิดก็ยังไม่สายที่จะแก้ตัวครับ

ผิด ที่ ทำช้อนหัก บ่อยๆ
ที่บ้านจะไม่มีกินข้าวอยู่แล้วครับ เนี่ยะ........

รู้สึก เฉยๆ ครับ

แต่จะหวั่นไหวทุกที ที่เวลาหุ้นไทยขึ้นไปบวกเยอะๆ แล้วเราไม่มีหุ้นตัวนั้นอยู่เวลามันบวกเยอะๆครับ

หุ้นที่มีอยู่มัน เฉยได้ใจจริงๆ

classy เขียน:รู้สึก เฉยๆ ครับ

แต่จะหวั่นไหวทุกที ที่เวลาหุ้นไทยขึ้นไปบวกเยอะๆ แล้วเราไม่มีหุ้นตัวนั้นอยู่เวลามันบวกเยอะๆครับ

หุ้นที่มีอยู่มัน เฉยได้ใจจริงๆ

หุ้นที่ขึ้นแรง เวลาลงมันก็มักจะแรงกว่าคนอื่นด้วย แล้วแต่ว่าชอบแบบไหน  :lol:   :lol:

ผิด ที่ต่างชาติ ถอย แล้วยังไ่ม่ยอมลดพอร์ทของตัวเอง  ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้ว (ผิดวินัย)

แนวทางวีไอยังต้องการจิตใจที่เข้มแข็งและรู้เท่าทันธรรมชาติด้วย
เราปลูกมะม่วงวันนี้
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง
มะม่วงยังไม่ออกลูกเสียที
เราก็จัดการถอนทิ้ง
แล้วสรุปว่ามะม่วงเป็นพืชที่ไม่ออกลูก

แล้วหันไปปลูกมะพร้าว
ปลูกได้เดือนหนึ่งก็บอกว่า
อันนี้ก็ไม่เห็นมีลูก

ผิดที่กำไร 30% แล้วไม่ขาย    (ไม่ขายไม่ขาดทุน)
ผิดที่กำไร เหลือ 10% ก็ยังไม่ขาย
ผิดที่ที่ขาดทุน 10% ก็ยังไม่ cut loss (ไม่ขายไม่ขาดทุน)  
ผิดที่มา cut loss ที่ 20% ( ตัดสินใจช้าดีกว่า ตัดสินใจไม่ทำอะไรเลย)
ตัดสินใจถูกตอนมาซื้อ ที่ 300กว่า (ตอนนี้ port เป็นสีเขียวหมด อย่างน้อยก็ในตอนนี้)
 บางครั้งการไม่ขายไม่ขาดทุนก็จริง แต่มันทำให้เสียโอกาสที่ดีมากๆ  แล้วก็การลงทุนแนว VI ในแต่ละตลาดย่อมมีสถานะการณ์ที่ต่างกันไป จึงจำเป็นหรือต้องปรับแนวทางให้สอดคล้องของตลาดที่ลงทุนอยู่  
 ดังที่ว่าการลงทุนเป็นศาสตร์และศิลป์ และศาสตร์ความหมายของผมก็คือการเข้าใจกิจการที่ลงทุนอย่างถ่องแท้ วิเคราะห์มูลค่าหุ้นได้อย่างถูกต้องและมี MOS ที่เพียงพอ  แต่ศิลป์ นี่ซิยากยิ่งกว่าการลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม อาจหมายถึงหุ้นไม่ต้องดีที่สุดก็ได้แต่ ลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมอาจสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ (ผมคิดว่าชาว VI เปรียบเหมือนชาวยุทธที่มีวรยุทธเก่งกล้าสามารถกันเกือบทุกคน แต่บางครั้งก็เสียทีแก่ขันทีเฒ่าที่เล่ห์เหลี่ยมจัดก้แค่นั้นเอง ขำๆๆนะครับ เห้นเครียดกันมาก )

ช่วงนี้หุ้นขึ้นมีใครรู้สึกว่าลงทุนผิดพลาดกันบ้างไหมครับ ขอเหตุผลด้วยนะครับ

พี่ Tao_PK เขียน:(ผมคิดว่าชาว VI เปรียบเหมือนชาวยุทธที่มีวรยุทธเก่งกล้าสามารถกันเกือบทุกคน แต่บางครั้งก็เสียทีแก่ขันทีเฒ่าที่เล่ห์เหลี่ยมจัดก้แค่นั้นเอง ขำๆๆนะครับ เห้นเครียดกันมาก )

ให้ 1 ตัว  

ผมโชคดีที่ได้เริ่มเข้ามาลงทุนช่วงนี้ครับ

ได้เจออะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง

เหมือนได้เรียนหลักสูตรการลงทุนแบบเข้มข้นทีเดียวเชียว