กูรูนิเวศน์แนะอดทน..ทยอยเก็บหุ้นเพิ่ม
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 09, 2008 8:37 am
กูรูนิเวศน์แนะอดทน..ทยอยเก็บหุ้นเพิ่ม
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร:
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ยอมรับว่า การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงทั่วโลกรวมทั้งไทยอย่างรุนแรงและรวดเร็วทำให้ความมั่งคั่งของพอร์ตการลงทุนในหุ้นของนักลงทุนหายไปมากพอสมควร
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : อย่างไรก็ตาม ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเรามองคุณค่าของตัวธุรกิจในระยะยาวเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุน ไม่ได้ไปเก็งภาวะตลาดว่าจะขึ้นหรือลงเพราะภาวะตลาดที่มีความผันผวนเป็นปกติธรรมดาไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดหรือสูงสุดอยู่ตรงไหน
"เราจะไม่ไปปรับเปลี่ยนการลงทุนตามภาวะตลาดภาพใหญ่ที่เปลี่ยนไปแต่จะเน้นมองคุณค่าของหุ้นที่เข้าไปลงทุนเป็นสำคัญ"
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะไม่พยายามไปเก็งหรือคาดการณ์ในสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เช่น ตลาดหุ้นจะฟื้นเมื่อไร จะลงไปต่ำสุดที่ไหน ตลาดจะขึ้นหรือลง เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
“ ถ้าเราพยายามไปคาดการณ์หรือกำหนดหรือเก็งในอะไรที่เราไม่มีความสามารถจะไปคาดการณ์ ไม่มีความรู้จริง ก็อย่าไปทำ จะทำให้การลงทุนเพี้ยนไปหมด แต่เราจะมองว่ากิจการที่เราลงทุนอยู่นั้นยังดีอยู่หรือเปล่า ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่ตัวเองลงทุนอยู่เดิมแม้จะได้รับความเสียหายจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง
แต่โดยพื้นฐานของหุ้นแล้วไม่ได้เปลี่ยนไป จึงไม่ได้ขายหุ้นออกแต่ประการใด เมื่อมีเม็ดเงินใหม่ก็จะทยอยซื้อลงทุนเพิ่มเพื่อเฉลี่ยต้นทุนไปในตัวด้วย เพราะพื้นฐานของหุ้นแม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวไปบ้าง แต่ราคากลับปรับตัวลงมามากกว่าพื้นฐานของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเข้าสะสมหุ้นเพิ่ม ”
ดร.นิเวศน์ ยังบอกอีกว่า ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้พอร์ตการลงทุนได้รับความเสียหายไปบ้างพอสมควร เพราะเรามองการลงทุนระยะยาวซึ่งในที่สุดราคาหุ้นต้องกลับมาสะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้น แต่ราคาที่ปรับตัวลงนี้เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น จากการที่ต่างชาติเทขายหุ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานของหุ้นเลย หลายคนมองว่าราคาหุ้นถูกแล้วยังมีที่ถูกกว่าอีกเกิดขึ้นเสมอ
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเช่นนี้ก็ไม่ใช่เวลาหรือจังหวะในการขายหุ้นแล้ว ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่ายิ่งราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นของหุ้นมาก ยิ่งเป็นโอกาสและจังหวะในการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มมากกว่า เพราะมีส่วนต่างหรือโอกาสในการทำกำไรที่กว้างมากขึ้น ถ้าไปขายหุ้นตอนนี้ก็จะดูขัดกับสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าของตัวเองไป
“ ในขณะที่นักลงทุนบางคนอาจจะมองว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงไปอีก ขายตอนนี้ แล้วค่อยไปซื้อกลับใหม่ที่ต่ำกว่าแบบนั้นถ้าทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่วิธีการลงทุนที่ผิดอะไร แต่ส่วนตัวเน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าการที่มองว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ควรขายแล้ว
ถ้ามองว่าราคาจะลงต่อ แล้วค่อยไปซื้อกลับก็เหมือนกับการเข้าไปเก็งตลาดซึ่งจะผิดหลักการของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าไป เพราะเราต้องดูที่คุณค่าของกิจการในระยะยาวเป็นสำคัญ ไม่ได้ไปเก็งกำไรกระแสเงินทุนไหลเข้าออกของนักลงทุนต่างชาติ เราไม่ได้ลงทุนในหุ้นแบบเก็งกำไรแต่เน้นการลงทุนระยะยาวจริงๆ ”
ดร.นิเวศน์ กล่าวเสริมว่า การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นสไตล์การลงทุนระยะยาวในตัวกิจการของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจริงๆ ดังนั้นถ้าพื้นฐานธุรกิจยังดีอยู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปขายหุ้นทิ้ง และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงก็จะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ถ้าเราสามารถที่จะทนดูราคาหุ้นที่เราลงทุนมีราคาตกต่ำได้บ้าง ความจำเป็นในการที่จะต้องไปใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงก็จะน้อยลงไปด้วย
เพราะการเข้าไปใช้ Futures ก็เป็นการเก็งภาวะตลาดเช่นเดียวกัน เก็งว่าจะขึ้นหรือลง ซึ่งไม่ใช่แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอีกทั้งยังมีต้นทุนของการเข้าไปใช้อีกด้วย
หากเรามองการลงทุนในระยะยาวซึ่งมุมมองการลงทุนจะเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งที่เราวิเคราะห์ตัวกิจการที่เข้าไปลงทุนมากกว่าซึ่งเป็นผลกระทบในระยะยาว
“ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก ทำให้ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน มาร์จินยิ่งมาก ราคาหุ้นยิ่งถูกลง ถ้ามีเงินใหม่ก็จะนำเข้าไปซื้อลงทุนเพิ่ม ดังนั้นการเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเรื่องของจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าวิธีการลงทุนเลย ”
ในภาวะที่ตลาดหุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาลงเช่นนี้ เชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร:
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ยอมรับว่า การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงทั่วโลกรวมทั้งไทยอย่างรุนแรงและรวดเร็วทำให้ความมั่งคั่งของพอร์ตการลงทุนในหุ้นของนักลงทุนหายไปมากพอสมควร
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : อย่างไรก็ตาม ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเรามองคุณค่าของตัวธุรกิจในระยะยาวเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุน ไม่ได้ไปเก็งภาวะตลาดว่าจะขึ้นหรือลงเพราะภาวะตลาดที่มีความผันผวนเป็นปกติธรรมดาไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดหรือสูงสุดอยู่ตรงไหน
"เราจะไม่ไปปรับเปลี่ยนการลงทุนตามภาวะตลาดภาพใหญ่ที่เปลี่ยนไปแต่จะเน้นมองคุณค่าของหุ้นที่เข้าไปลงทุนเป็นสำคัญ"
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะไม่พยายามไปเก็งหรือคาดการณ์ในสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก เช่น ตลาดหุ้นจะฟื้นเมื่อไร จะลงไปต่ำสุดที่ไหน ตลาดจะขึ้นหรือลง เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
“ ถ้าเราพยายามไปคาดการณ์หรือกำหนดหรือเก็งในอะไรที่เราไม่มีความสามารถจะไปคาดการณ์ ไม่มีความรู้จริง ก็อย่าไปทำ จะทำให้การลงทุนเพี้ยนไปหมด แต่เราจะมองว่ากิจการที่เราลงทุนอยู่นั้นยังดีอยู่หรือเปล่า ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่ตัวเองลงทุนอยู่เดิมแม้จะได้รับความเสียหายจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง
แต่โดยพื้นฐานของหุ้นแล้วไม่ได้เปลี่ยนไป จึงไม่ได้ขายหุ้นออกแต่ประการใด เมื่อมีเม็ดเงินใหม่ก็จะทยอยซื้อลงทุนเพิ่มเพื่อเฉลี่ยต้นทุนไปในตัวด้วย เพราะพื้นฐานของหุ้นแม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวไปบ้าง แต่ราคากลับปรับตัวลงมามากกว่าพื้นฐานของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยเข้าสะสมหุ้นเพิ่ม ”
ดร.นิเวศน์ ยังบอกอีกว่า ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าทำให้พอร์ตการลงทุนได้รับความเสียหายไปบ้างพอสมควร เพราะเรามองการลงทุนระยะยาวซึ่งในที่สุดราคาหุ้นต้องกลับมาสะท้อนพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้น แต่ราคาที่ปรับตัวลงนี้เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น จากการที่ต่างชาติเทขายหุ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงพื้นฐานของหุ้นเลย หลายคนมองว่าราคาหุ้นถูกแล้วยังมีที่ถูกกว่าอีกเกิดขึ้นเสมอ
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเช่นนี้ก็ไม่ใช่เวลาหรือจังหวะในการขายหุ้นแล้ว ด้วยสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่ายิ่งราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นของหุ้นมาก ยิ่งเป็นโอกาสและจังหวะในการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มมากกว่า เพราะมีส่วนต่างหรือโอกาสในการทำกำไรที่กว้างมากขึ้น ถ้าไปขายหุ้นตอนนี้ก็จะดูขัดกับสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าของตัวเองไป
“ ในขณะที่นักลงทุนบางคนอาจจะมองว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงไปอีก ขายตอนนี้ แล้วค่อยไปซื้อกลับใหม่ที่ต่ำกว่าแบบนั้นถ้าทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่วิธีการลงทุนที่ผิดอะไร แต่ส่วนตัวเน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าการที่มองว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ควรขายแล้ว
ถ้ามองว่าราคาจะลงต่อ แล้วค่อยไปซื้อกลับก็เหมือนกับการเข้าไปเก็งตลาดซึ่งจะผิดหลักการของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าไป เพราะเราต้องดูที่คุณค่าของกิจการในระยะยาวเป็นสำคัญ ไม่ได้ไปเก็งกำไรกระแสเงินทุนไหลเข้าออกของนักลงทุนต่างชาติ เราไม่ได้ลงทุนในหุ้นแบบเก็งกำไรแต่เน้นการลงทุนระยะยาวจริงๆ ”
ดร.นิเวศน์ กล่าวเสริมว่า การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นสไตล์การลงทุนระยะยาวในตัวกิจการของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจริงๆ ดังนั้นถ้าพื้นฐานธุรกิจยังดีอยู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปขายหุ้นทิ้ง และราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงก็จะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ถ้าเราสามารถที่จะทนดูราคาหุ้นที่เราลงทุนมีราคาตกต่ำได้บ้าง ความจำเป็นในการที่จะต้องไปใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงก็จะน้อยลงไปด้วย
เพราะการเข้าไปใช้ Futures ก็เป็นการเก็งภาวะตลาดเช่นเดียวกัน เก็งว่าจะขึ้นหรือลง ซึ่งไม่ใช่แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอีกทั้งยังมีต้นทุนของการเข้าไปใช้อีกด้วย
หากเรามองการลงทุนในระยะยาวซึ่งมุมมองการลงทุนจะเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งที่เราวิเคราะห์ตัวกิจการที่เข้าไปลงทุนมากกว่าซึ่งเป็นผลกระทบในระยะยาว
“ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก ทำให้ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน มาร์จินยิ่งมาก ราคาหุ้นยิ่งถูกลง ถ้ามีเงินใหม่ก็จะนำเข้าไปซื้อลงทุนเพิ่ม ดังนั้นการเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเรื่องของจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าวิธีการลงทุนเลย ”
ในภาวะที่ตลาดหุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาลงเช่นนี้ เชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนอยู่บ้างไม่มากก็น้อย