Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คาดว่าเรื่องร้ายร้ายใกล้จบแล้ว  ถ้าเดาน่าจะประมาณปลายอาทิตย์หน้าครับ มารอดูกัน

[quote="sai"]คาดว่าเรื่องร้ายร้ายใกล้จบแล้ว

ตลาดหุ้นครับ ดูจากเทคนิค  :lol:
ที่มาไม่ค่อยน่าเชื่อมั่นเลย แต่ฟังไว้ขำ ๆ อย่าคิดมากครับ  

หนังดี มักมีภาคสองตามมาติดๆ  :vm:

ถ้าจริงก็ดีครับ  

ผมนึกว่าเพิ่งจะเริ่ม

หนังดีมากๆ ก้อมีหลายภาคนะครับ

เข้าใจว่าเป็นสิบภาค  :lol:

ผมว่าเพิ่งจะเริ่มมากกว่าครับ ดาวเทรนงวดนี้ไม่สั้นอย่างที่คิดครับ

เพิ่งเริ่มจิงหรอครับ ทำไมโดนมาแล้วหลายดอกจัง  :lol:

รบกวน คุณ sai มาขยายความ ใ้ห้ความรู้หน่อยซิครับ

This is only the beginning เป็นสำนวนฝรั่ง แปลว่า นี่เพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น ความพินาศน์ของระบบเศรษฐกิจของไทย เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น You havent seen anything yet แปลว่า ยังไม่ได้เห็น (ของจริง) เลย (นี่เพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น) หรือพวกชาวบ้านก็จะพูดว่า You aint seen nothing yet สิ่งที่จะตามมาคือความเลวร้ายอย่างสาหัสของสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนจะตกงานเป็นล้านคน โจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งหมดนี้คือความเลวร้ายของระบอบทุนนิยมสามานย์ ที่เผยแพร่มาจากอเมริกา

ตลาดโลกปั่นป่วนเพราะค่าเงิน US Dollar ภาวะ Recession ทำให้ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ การลงทุนจะหยุดชงักหมด Commodities ต่างๆ รวมทั้งทองคำ ก็จะอ่อนค่าลง วันนี้มีสัญญาณซื้อ US Dollar แล้ว สัญญาณระยะสั้นของทองคำจึงน่าจะลดลงต่อไปอีกระยะหนึ่ง

กิจการธนาคารของประเทศไทย ถึงจะมี Gap ระหว่างเงินฝากและเงินกู้ที่เอาเปรียบประชาชนที่สุด
ก็ยังไม่สามารถคงอยู่ได้ สิ่งที่จะตามมาคือการลดดอกเบี้ย (โดยรัฐบาล)
และการไม่ปล่อยเงินกู้ (โดยธนาคาร) ธุรกิจต่างๆจะล้มละลายกันระเนระนาด

อุตสาหกรรมรถยนตร์ของไทย ไม่สามารถดำรงค์อยู่ได้ในสภาวะ Recession ครั้งนี้
ปีหน้านี้จะมีคนตกงานอีกเป็นแสนคนแน่นอนที่สุด

American International Group (AIG) รายงานผลการประกอบการในรอบ 3 เดือน
หลังจากได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแล้ว ขาดทุนอีก $24.47 billion หรือเก้าแสนล้านบาท

รัฐบาลอเมริกัน ใช้เงินไปแล้วกว่า $2.7 trillion ในการ อุ้ม บริษัทเอกชน ที่ดำเนินนโยบายผิดพลาด และกำลังพยายาม อุ้ม สถาบันประกันภัย (FDIC) ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ การล่มสลายของสถาบันประกันภัยของอเมริกา จะส่งผลกระทบไปทั้งโลก พวกเราต้องเตรียมตัวรับภาวะ Recession ที่จะตามมา เตรียมรับภาวะการตกงานและความยากจนของทั้งประเทศ

อันนี้ผมขอยืมบางส่วนของบทความ จาก www.chaloke.com มาให้อ่านกันครับ ลองวิเคราะห์กันตามเหตุผลส่วนบุคคลนะครับ

ปัจจัยภายในภายนอกไม่ดีเอาเลย ธุรกิจจะไปรุ่งได้ไง เหมือนโดมิโน ครับล้มกันเป็นทอดๆ ส่วนธุรกิจใครมีสภาพคล่องสูงหน่อยก็ได้เปรียบไป ส่วนน้อยหวังเพิ่งธนาคารก็ต้องล้ม

*** ย้ำควรใช้วิจารณะญาณในการวิเคราะห์ข้อมูลนะครับ จงเชื่อในสิ่งที่ท่านคิด นั่นจะเป็นแบบอย่างเฉพาะตัวของท่านเอง ***

[quote="beammy"]หนังดีมากๆ ก้อมีหลายภาคนะครับ

เข้าใจว่าเป็นสิบภาค

[quote="mprandy"][quote="beammy"]หนังดีมากๆ ก้อมีหลายภาคนะครับ

เข้าใจว่าเป็นสิบภาค

ผมมองจากเรื่องการเมืองเป็นหลักน่ะครับ เพราะถ้าคลี่คลายได้คงไม่เห็นนิวโลว์แล้ว(แต่คงไม่เห็นนิวไฮเหมือนกัน 555 ) เว้นแต่เสาร์อาทิตย์นี้มีเรื่องคงเห็นแถว 320 แน่เลย และ ดูจากปัจจัยต่างประเทศเริ่มมีแรงกระทบมาที่ set น้อยลงเรื่อยเรื่อยแล้ว แต่อาจยังไม่ขึ้นนะครับ แต่แกว่งไปมา แถวนี้ อีกเป็นปี เหมือนปี 40-41 จะแกว่งไปเรื่อยเรือ่ย แถว 250-390 สองสามรอบครับ
อยากขอความเห็นทุกท่านว่า ถ้าเรามองว่าหุ้นยังไม่น่าขึ้นแต่ downside ไม่เยอะแล้ว เราควรซื้อเพื่อรับปันผล(เพราะได้มากกว่าดอกแบ็ง ) หรือ เราจะถือเงินสด จนรอให้มันกลับตัวจริงจริงก่อนดีครับ
ปล.ผมยังไม่มีเงินเลยฝากไว้กองทุนเกาหลีหมดจะได้เงินราวกุมภามีนาปีหน้าแนะครับ

พี่สายลับคนสวย

พี่บีมวิเคราะห์ได้มีเหตุมีผลดีค่ะ

ปล.ผมยังไม่มีเงินเลยฝากไว้กองทุนเกาหลีหมดจะได้เงินราวกุมภามีนาปีหน้าแนะครับ

ก็ไม่ยากค่ะ ก็รอมีเงินค่อยคิดอีกทีนึงยังทัน ทันแน่ ไม่ฟันนะ แต่คิดว่าทันแน่

อย่าไปปวดหัวมากค่ะ
ถ้าถึงตอนนั้นมีเงิน แล้วบังเอิญมันดอยอยู่ ก็กำเงินไว้ รอมันลงมา ไงก็ลงมา เท่าไหร่ไม่รู้นะ เพราะก็รู้พร้อมๆกันแหละ
แต่ถ้าตอนนั้นเงินมา แล้วราคาหุ้นอยู่ข้างล่างพอดี อยากเก็บก็เก็บไปค่ะ

ประเด็นคือ ไม่ต้องไปสนใจว่าจะมีนิวโลว์อีกมั้ย
สนใจว่า เราแน่ใจว่าไม่มีนิวไฮในรอบ 1-3 ปีนี้ หรือเปล่า
ถ้าคิดว่ามั่นใจว่านิวไฮปีหน้า ถ้ามันเกิดขึ้นได้ ถือเป็นเรื่องตลกสิ้นดีแล้วละก็นะคะ(ไม่ต้องใช้เหตุผลคิดหลายชั้นมาก คิดแบบเด็กอนุบาลคิดก็พอค่ะ)
แล้วงั้นเงินเราจะมาพร้อมเมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล

รอเงินพร้อม แล้วค่อยเขียนจดหมายไปสั่งซื้อก็ยังทัน

:lol:

หนังหลายภาคที่ผมนึกออกเรื่องแรกเลย คือ ปอบหยิบ ครับ  :lol:


ระวัง....มันจะมาหยิบกะตังในเป๋าท่าน  

เดามั่วแต่ถูกก็ดัง 2  :twisted:

292.74 จุดใน 2 ปี 52 -53 แต่ไม่ชัวร์นะ อิอิ (จริง ๆ คิดเล่น ๆ ได้ 264 เลย แต่ดูจากคราวก่อนที่เดาว่า 375 แต่แนวต้านแข็งแกร่ง)  :twisted:

โปรดฟังอีกครั้ง!!!

I just to say "Trend is your friend". That's it.

ผู้รู้น้อย ขอบังอาจ แสดงความคิดเห็น

เรื่องการเมือง ผมว่า ยังไม่เห็นมีแนวโน้มคลี่คลายอะไรเลย ไม่เห็นมีฝ่ายไหนถอย ทั้งเหลือง ทั้งแดง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งก็ไม่ออกไม่เลิก อีกฝ่ายก็ไม่ออก อีกฝ่ายก็บอก ถ้าอยู่กันอย่างสงบไม่ได้ ก็อย่าอยู่กันเลย (เฮ้ออ เห็นบ้านเมืองเป็นอะไร) ไม่รู้้ต้นสายปลายเหตุ มันมาจากอะไร (บางท่านว่าเป็นความแค้นส่วนตัวของแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย) แต่มาวันนี้ มันมาไกลเกินกว่าจะเยียวยาที่สาเหตุได้แล้ว นี่มีข่าว อดีต ฯพณฯ ท่านจะกลับมาเล่นการเมืองอีก

ผมกลับรู้สึกว่า มันรอวันแตกหักเท่านั้น ถึง 23 จะเรียบร้อย แต่ก็ใช่ว่าจะจบ จะมีผลบวกก็เพียงแค่ จะกลายเป็นเรื่องที่เคยชินกับนักลงทุน เหมือนเรื่องร้าย ๆ ที่ภาคใต้ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้สร้างความตระหนก อะไรกับตลาดแล้ว (ตราบใดที่ยังไม่มีการแตกหัก)

ผลกระทบที่ real sector กำลังจะมีให้เห็นเรื่อย ๆ ข่าวการปลดคนงาน เริ่มมาให้ได้ยินมาก ๆ ขึ้น เมื่อภาคการผลิตโดนก่อน ภาคการบริโภค ก็ลดลง เมื่อนั้นก็คงจะโดนกันถ้วนทั่ว หนักเบาต่างกัน ลองสังเกตุ ร้านขายข้าวแกงข้างทาง ผมว่านั้นเป็น index ข้างทางเลยเหมือนกัน ผมยังคิดว่า อาจจะมีการล้มของยักษ์ใหญ่ของโลกมาให้ได้ยินอีก หรือป่าว ก็คอย ๆ ฟังกันอยู่ ส่วนตัวผมยังเชื่อพลังของ globalization แม้ว่าต้นเหตุวันนี้ จะไกลหัวใจเราเหลือเกิน แต่พลังของโลกที่แบนลง แรงกระแทก อาจจะแรงกว่าที่ หลายท่านคาด ๆ กันอยู่ก็เป็นได้

แต่ตลาดหุ้น ก็ยังคงเป็ฯตลาดหุ้น ที่คาดเดาเหตุผลกันไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยออก pttar จาก 40+ วิ่งมาถึงทุกวันนี้ไม่ถึง 9 บาท ทั้งหมด เกิดขึ้นไม่ถึงปี mint สาวน้อยสุด hot ยากปรกติมีใครกี่คนที่คิดว่าวัน หนึ่งเธอจะกลับมารับพวกป๋า ๆ ที่ 6 บาท

และเนื่องด้วยผมเอง ไม่มีความสามารถในการคาดเดาได้เลยว่าอะไร จะมาถึงที่ไหน ลงถึงเมื่อไร ก็เลยยังคงทยอยซื้อมาเรื่อย ๆ ชื่นใจ อยู่บ้างที่ก็ยังมีเซียน ๆ หลายท่านในนี่ก็ทยอยเก็บมาเรื่อย (ขออนุญาติอ้างนาม คุณหมอแพนด้า) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นการกระทำที่ถูกหรือป่าว เพราะคิดว่า การที่เราถือยาว ๆ ได้ก็นับเป็นภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่ง (ถึงแม้จะไม่เพียงพอ ต้องมีอย่างอื่นอีกมาก)


ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุน ครับ

ขอบคุณทุกท่านครับ

จอม เขียน:โปรดฟังอีกครั้ง!!!

ไม่น่าใช่วิธีการแก้ปัญหาในตอนนี้นะครับ
สีเขียวถ้าจะทำคงทำไปนานแล้ว

เฮีย s3410312 กล่าวไว้ว่า... เขียน:และเนื่องด้วยผมเอง ไม่มีความสามารถในการคาดเดาได้เลยว่าอะไร จะมาถึงที่ไหน ลงถึงเมื่อไร ก็เลยยังคงทยอยซื้อมาเรื่อย ๆ ชื่นใจ อยู่บ้างที่ก็ยังมีเซียน ๆ หลายท่านในนี่ก็ทยอยเก็บมาเรื่อย (ขออนุญาติอ้างนาม คุณหมอแพนด้า) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นการกระทำที่ถูกหรือป่าว เพราะคิดว่า การที่เราถือยาว ๆ ได้ก็นับเป็นภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่ง (ถึงแม้จะไม่เพียงพอ ต้องมีอย่างอื่นอีกมาก)

หง่ะ...  :shock:

คิดว่าพาดพิงถึงกระผม จึงขอใช้สิทธิพาดพิงดังนี้

1. กระผมไม่ใช่เซียนครับ เป็นนักลงทุนอ่อนด้อยความรู้และประสบการณ์คนหนึ่ง ใครที่ตามอ่านมาจนถึงกระทู้นี้ แล้วคิดว่าผมเป็นเซียน ก็ขออนุญาตแถลงว่าขอให้ลบความคิดนี้ออกไปจากสมองท่าน ถ้าเกิดความผิดพลาดจากการลงทุนใด ๆ ผมไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ... และสำหรับท่านที่ยังสับสน และไม่เข้าใจที่ผมกล่าว ... โปรดอ่านซ้ำข้างต้นอีกครั้งหนึ่ง

2. ผมเคยกล่าวไว้ว่า ผมไม่คาดเดาตลาด เหตุเพราะผมไม่มีความสามารถพอจะคาดเดาตลาดได้ วิธีของผมคือ ใช้ความรู้ของตนที่มีอยู่พิจารณาราคาหุ้นที่เราหมายปอง แล้วตัดสินใจซื้อเมื่อราคาลงมาต่ำจนมี MoS เพียงพอ

วิธีนี้ ใช้ไม่ได้กับหุ้นทุกตัว หรือตัวไหนก็ได้ในตลาด ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนั้น มีหุ้นหลายตัวที่ลงหนักเพราะเป็นอารมณ์ตลาด ในขณะเดียวกันก็มีหลายตัวที่มันลงหนัก เพราะมันควรจะเป็นเช่นนั้น (ไม่ว่าจะเป็นเพราะพื้นฐานเปลี่ยนไปอย่างหุ้นกลุ่มพลังงานหลาย ๆ ตัว หรือที่ผ่านมาราคามันสูงเกินเหตุ คราวนี้ก็ต้องกลับสู่สามัญเป็นธรรมดา - regression to the mean)

โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ  :8)

ขออภัยที่ทำให้คุณหมอเข้าใจผิด


ผมคิดว่าคุณหมอเป็นผู้มีความรู้จริง ๆ และยกให้เป็นเซียนท่านหนึ่งสำหรับผม สิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่ SET อยู่แถว ๆ 600 กว่า ๆ คือซื้อเพิ่ม ซื้อถัวเรื่อย ๆ มา (และก็ตั้งใจจะซื้อมันต่อไป) จนบางตัวใน port ทุกวันนี้ คงต้องถัวกันอีกยาวไกล โดยก็เลือกหุ้นตัวที่ตัวเองมั่นใจว่าไม่ได้จะมีอันเป็นไป สิ่งที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจอยู่บ้างในขณะที่อยู่บนดอยอันหนาวเย็นคือ ผมก็มีพฤติกรรมการซื้อไปเหมือนคนเก่งคนหนึ่งในความรู้สึกผม ก็มิได้หมายความไปถึงว่า ความผิดพลาดใด ๆ อันอาจจะเกิดจากการลงทุนของผมเอง จะต้องมีผู้อื่นแบ่งปันส่วนรับผิดชอบแต่ประการใด

คุณหมอ อธิบายเรื่องเศรษฐกิจของ usa ได้น่าอ่านมาก ๆ ครับ หลายเรื่องที่ถ้าหาอ่าน หรือศึกษาเองคงจะ  :shock: แต่อ่านของคุณหมอแล้ว เข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลยทีเดียว

ส่วนใหญ่ผมจะอ่าน ไม่ค่อยได้ post ซักเท่าไร เพราะตัวเองด้อยความรู้ อ่อนประสบการณ์ ก็ได้แต่อาศัยอ่านความเห็น ความรู้ที่หลาย ๆ ท่านกรุณามา share ไว้ อย่างเช่น คุณหมอแพนด้า พี่มน คุณหมอสามัญชน คุณ yoyo เป็นต้น (และอีกหลาย ๆ ท่านที่ไม่สามารถเอ่ยนามได้ครบ) ก็ถือโอกาสนี้ ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่กรุณามาแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ จนสร้างให้ thaivi เป็นสังคมแห่งความรู้ สังคมแห่งการแบ่งปัน ไปแล้ว


ขอบคุณครับ

mprandy เขียน:

หง่ะ...