หน้า 1 จากทั้งหมด 2

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 2:53 pm
โดย beammy
จะถึงขั้นปิดบริษัทเลยหรือไม่

ติดตามตอนต่อไป  :8)

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 3:07 pm
โดย pongo
ปิด ไม่ปิด ไม่รู้
รู้แต่ตามโชว์รูมไม่มีรถจอดแล้ว สินทรัพย์บริษัทเหลือเท่าไร ลองคิดดู
ศูนย์บริการก็ได้ข่าวว่าเปิดบริการถึงสิ้นเดือน
พนักงานก็ปลงแล้ว ตามข่าว นสพ นะ ฮิฮิ

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 3:28 pm
โดย beammy
pongo เขียน:ปิด ไม่ปิด ไม่รู้
รู้แต่ตามโชว์รูมไม่มีรถจอดแล้ว สินทรัพย์บริษัทเหลือเท่าไร ลองคิดดู
ศูนย์บริการก็ได้ข่าวว่าเปิดบริการถึงสิ้นเดือน
พนักงานก็ปลงแล้ว ตามข่าว นสพ นะ ฮิฮิ
รถที่มาจอดส่วนใหญ่ไม่ใช่รถของ SECC
เป็นรถของ Supplier จอดโชว์ หรือเช่ามาจอด โดยมีข้อตกลงแบ่งกำไรให้ 10-15% หากขายได้

ที่ดินของแต่ละสาขาก้อไม่มีกรรมสิทธิ์ เช่าเขาอีกทีทั้งนั้น
จะมีกรรมสิทธิ์ก้อแต่ตัวตึก ซึ่งหากหมดสัญญาเช่าที่ดิน ตึกก้อเป็นของเจ้าของที่ดิน ไม่ใช่ SECC

เวรกรรมครับ เจอผู้บริหารแบบนี้  :8)

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 3:58 pm
โดย nw108
:vm:  :vm:  :vm:



:idea: เอาใจช่วยผู้ถือหุ้นรายย่อยครับ

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 5:11 pm
โดย Stock Broker
อย่างนี้ กลต. กับ IPO Financial Advisor สมควรรับผิดชอบอะไรบ้างมั้ย

หรือว่าเป็นความผิดของรายย่อยที่เข้ามาซื้อหุ้นเอง เพราะบอกไว้แล้วว่า




การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 6:32 pm
โดย naris
Financial Engineer เขียน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน
ไม่ต้องย่อ ส่วนนี้ควรจะใหญ่ที่สุด เพราะมันคือความจริงในตลาดหุ้น :lol:

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 6:48 pm
โดย wondergirl
ไม่น่าเชื่อว่า ทุกอย่างจะจบลงแบบนี้

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 8:48 pm
โดย nw108
:?:


     สงสัยงบดุลจริงๆ ของsecc จะเเย่ขนาดไหน จะต้องโดนไล่
ออกจากตลาดด้วยไหมนี้

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2008 9:51 pm
โดย krisy
เปิดงบดุลจะรู้ว่าไม่ได้แย่เลย

ตัวเลขบนกระดาษบอกอะไรไม่ได้มาก แถมงบไตรมาสก็แค่สอบทานอีกต่างหาก

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 05, 2008 7:20 am
โดย ลุงขวด
Financial Engineer เขียน:อย่างนี้ กลต. กับ IPO Financial Advisor สมควรรับผิดชอบอะไรบ้างมั้ย

หรือว่าเป็นความผิดของรายย่อยที่เข้ามาซื้อหุ้นเอง เพราะบอกไว้แล้วว่า




การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน
ความผิดของรายย่อยมังครับ เพราะลืมอ่านตัวอักษรเล็ก ๆ ที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน.........กลุ้มเลยนะครับ กับพวก ที่ไปลงทุนร่วมด้วย ดีหน่อย หุ้นใหม่ ๆ ผมไม่ได้สนใจเลย เพราะไม่เชื่อในการจัดหาหุ้นเข้าตลาด ...สัจจธรรมที่ว่า  ของดีเขาคงเก็บไว้ แต่ของเสียเอามาแบ่งให้กัน.....นี่ยังมีอิทธิพลอยู่อีกนะ..... จะหาพวกที่เข้าตลาดเพราะต้องการขยายงานและใช้ความสามารถนั้นยากกันหน่อย .... ฉะนั้นพวกที่เข้าตลาดเพื่อหาเงินชำระหนี้ที่มีอยู่เป็นหลัก นั้นผมไม่ชอบเลยครับ......เพื่อตลาดที่ดีและมั่นคงในอนาคต ก็ควรหา หุ้นที่กระจายให้น้อย เข้ามาเพราะต้องการมีชื่อเสียงว่าติดบริษัทจดทะเบียน และเผื่อไว้ว่า จะขยายงานในอนาคต เมื่อมีโอกาส.........สรุป ว่า ผิดกันทุกฝ่าย แล้ว broker ไหนเป็นผู้เอาเข้าละครับ ใครเป็น FA ให้ครับ......คราวหน้าจะได้ระวังกันหน่อย :D  :D  :D

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 05, 2008 7:24 am
โดย Jeng
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง เราไม่มีทางรู้เลยว่า บริษัทเล็กๆเหล่านั้นหมกเม็ดอะไรไว้บ้าง

ลองมาเทียบกับบริษัทใหญ่ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ บริษัทที่ใหญ่ มีคนเข้าไปเกี่ยวข้องเยอะมาก หลายฝ่ายช่วยกันตรวจสอบ

ทำให้อย่างน้อย การหมกเม็ด ก็น่าจะน้อยลง หรือไม่ก็หมกเม็ดแบบไม่น่าเกลียด ค้นเจอ ก็พอรับได้

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2008 7:32 am
โดย surachaichia
เจอข่าวแบบนี้ คนทั่วไป ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะทำให้ภาพรวมเสียหมด ลองฟังคุณสุนันท์ กับ อ.นิเวศน์ พูดก็ดีนะครับ....... :wink:

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2008 5:45 pm
โดย nw108
:shock:


    สงสัย ต่อไปอีกว่า หลังจากเจ้าของคนหนึ่งหนีไปเเล้ว จะมีสตอรี่ อะไรมาทำราคาอีก  :?:

   

:idea: มีสติกับการลงทุนทุกๆครั้ง

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2008 8:00 pm
โดย crazyrisk
อนึ่งคิดถึงพอสังเขป

http://www.thaipr.net/nc/readnews.aspx? ... query=u9U=

http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/cor ... ?cid=19793

นายรณกฤต  สารินวงศ์  ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์  แอ๊คคินซัน จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า หุ้น SECC ยังมีข่าวดีรออยู่ข้างหน้าเกี่ยวกับแผนการก่อสร้างโชว์รูมแห่งใหม่ที่คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยเงินลงทุนน่าจะมาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
“ ประเด็นการลงทุนในหุ้น SECC ไม่มีปัญหา เพราะข่าวดีที่รออยู่ยังมีทั้งการเข้าร่วมประมูลรถเช่า ขสมก. จำนวน 4,000 คัน และการก่อสร้างโชว์รูมแห่งใหม่มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โดยโชว์รูมดังกล่าวคาดว่าจะสร้างประโยชน์และรายได้ให้ SECC ในอนาคตได้เป็นจำนวนมาก เพราะจะเปิดเป็นลักษณะช็อปปิ้งมอลล์ที่จะนำเข้ารถยนต์เพื่อจัดจำหน่ายได้ถึง 200 กว่าคันและมีศูนย์บริการช่องซ่อมบำรุงที่รองรับถึง 100 ช่อง” นายรณกฤตกล่าว
รอบนี้ต้องเล่นเก็งกำไร


http://www.thunhoon.com/highlight/47010/47010.html

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 9:00 am
โดย ...

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 10:53 am
โดย PKVI

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 2:31 pm
โดย atsu
หลักทรัพย์ SECC  
แหล่งข่าว SECC  
 หัวข้อข่าว แจ้งการประเมินเบื้องต้น  
 วันที่/เวลา 08 ธ.ค. 2551 14:03:47  

                                                 วันที่ 8 ธันวาคม 2551

เรื่อง แจ้งมติคณะกรรมการ บริษัทฯ ครั้งที่ 13/2551 (เพิ่มเติม)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
      ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    ตามที่คณะกรรมการบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC
ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทุกรายการของบริษัทฯ ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ ได้หลบหนีออกนอกประเทศนั้น คณะทำงานได้แต่งตั้ง
ให้พนักงานของบริษัทฯ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายเป็นผู้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินเบื้องต้น
ของบริษัทฯ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้รับรายงานว่า คาดว่ามีรถยนต์จำนวน 476 คัน ได้สูญหายไป
จากคลังสินค้าของบริษัทฯ และมีจำนวนอีก 5 คัน ที่ถูกเจ้าหนี้ส่วนตัวของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์
ยึดเอาไปจากโชว์รูมของบริษัทฯ
         อย่างไรก็ตามขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงลึก ว่ารถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้
หายไปจากคลังสินค้าได้อย่างไร และดำเนินการติดตามเอารถยนต์ที่หายไปกลับคืนมาต่อไป ส่วน
มูลค่าความเสียหาย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าคิดเป็นมูลค่า 1,358,372,103.14 คิดเป็นร้อยละ
60 ของสินทรัพย์รวม(สินทรัพย์รวม ณ กันยายน 2551 มูลค่ารวม 2,252,333,000 บาท)
         ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ ของบริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งบริษัท
ฯ จะรายงานให้ทราบต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบดังกล่าวต่อไป

       จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

                                                 ขอแสดงความนับถือ



                                          ( นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ )
                                                กรรมการผู้จัดการ
นิทานเรื่องนี้ถ้าจะยาว คงมีอะไรออกมาอีกเยอะ นี่แค่รายงานรอบแรก

อมพระมาพูดผมก็ไม่เชื่อว่าไม่มีคนอื่นสมรู้ร่วมคิดด้วย  :lol:
(แต่คนที่สอบสวนเรื่องนี้อาจจะเชื่อก็ได้  :lovl: )

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 3:16 pm
โดย nw108
:vm:  :vm:  :vm:  :vm:



    ข้อมูลเพิ่มเติม ครับ นี้เเค่ความเสียหายบ้างส่วนเบื้องต้น


วันที่ 8 ธันวาคม 2551
เรื่อง แจ้งมติคณะกรรมการ บริษัทฯ ครั้งที่ 13/2551 (เพิ่มเติม)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่คณะกรรมการบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC
ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทุกรายการของบริษัทฯ ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ ได้หลบหนีออกนอกประเทศนั้น คณะทำงานได้แต่งตั้ง
ให้พนักงานของบริษัทฯ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายเป็นผู้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินเบื้องต้น
ของบริษัทฯ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯ ได้รับรายงานว่า คาดว่ามีรถยนต์จำนวน 476 คัน ได้สูญหายไป
จากคลังสินค้าของบริษัทฯ และมีจำนวนอีก 5 คัน ที่ถูกเจ้าหนี้ส่วนตัวของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์
ยึดเอาไปจากโชว์รูมของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงลึก ว่ารถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้
หายไปจากคลังสินค้าได้อย่างไร และดำเนินการติดตามเอารถยนต์ที่หายไปกลับคืนมาต่อไป ส่วน
มูลค่าความเสียหาย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าคิดเป็นมูลค่า 1,358,372,103.14 คิดเป็นร้อยละ
60 ของสินทรัพย์รวม(สินทรัพย์รวม ณ กันยายน 2551 มูลค่ารวม 2,252,333,000 บาท)
ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ ของบริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งบริษัท
ฯ จะรายงานให้ทราบต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบดังกล่าวต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ )
กรรมการผู้จัดการ

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 3:45 pm
โดย mprandy
:vm: สินทรัพย์หายไป 60% เหลือแค่ไม่ถึง 900 ล้าน

บริษัทมีหนี้สินอยู่ 9 ร้อยกว่าล้าน ถ้าตามรถกลับมาไม่ได้ ส่วนทุนก็ติดลบเรียบร้อยแล้ว :vm:

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 4:02 pm
โดย beammy
และแล้ววว ...  :8)

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 4:07 pm
โดย miracle
อย่างนี้ต้องตามหมอดูโหวงเฮ้งมาดูก่อนซื้อไหมเนี่ย
:)

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 9:15 pm
โดย pongo
คาดว่ามีรถยนต์จำนวน 476 คัน ได้สูญหายไปจากคลังสินค้าของบริษัทฯ และมีจำนวนอีก 5 คันที่ถูกเจ้าหนี้ส่วนตัวของนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ยึดเอาไปจากโชว์รูมของบริษัทฯ
        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงลึก ว่ารถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้หายไปจากคลังสินค้าได้อย่างไร และดำเนินการติดตามเอารถยนต์ที่หายไปกลับคืนมาต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหาย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าคิดเป็นมูลค่า 1,358,372,103.14 คิดเป็นร้อยละ 60 ของสินทรัพย์รวม(สินทรัพย์รวม ณ กันยายน 2551 มูลค่ารวม 2,252,333,000 บาท)

จาก http://www.templeboxing.com/index.php?topic=1499.0

ถ้าอย่างที่คุณ beammy บอก ว่ารถเป็นของ supplier ซะส่วนใหญ่
ซึ่ง SECC ไม่น่ามีกรรมสิทธิ์ แล้วสินค้าคงคลัง (รถ) นี่ทาง SECC ลงบัญชียังไงเหรอครับ
ไม่น่าจะลงได้ทั้งมูลค่าของรถนะ ท่านใดเก่งบัญชี ขอเป็นความรู้หน่อยครับ
ถ้าตามที่โพส ก็ตกคันละ 2.85 ล้านบาท

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 9:30 pm
โดย miracle
เข้า CASE ฝากขายเหมือนเจ้า รอยเนท
แต่รอยเนทไปฝากร้านขายให้
แต่เนี่ยเป็น supplier ไปฝากไว้ที่ SECC

งานนี้ต้องพลิกตำราทางด้านบัญชีว่าเข้าข่ายไหน

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 9:52 pm
โดย Mr. Boo
แปลกดี

รถหายเกือบ ๕๐๐ คัน ไม่รู้เรื่อง

ต้องเอา รปภ.เล็ก คือ ยาม กับ รปภ.ใหญ่คือ MD ไปฝากไว้ในโรงพยาบาล บ้า


                                             ขอแสดงความนับถือ



                                         ( นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ )
                                               กรรมการผู้จัดการ




:8)  :8)  :lol:  :lol:

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 10:10 pm
โดย miracle
[quote="Mr. Boo"]แปลกดี

รถหายเกือบ ๕๐๐ คัน ไม่รู้เรื่อง

ต้องเอา รปภ.เล็ก คือ ยาม กับ รปภ.ใหญ่คือ MD ไปฝากไว้ในโรงพยาบาล บ้า

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 08, 2008 10:53 pm
โดย sorawut
มันไม่่มีรถ(จริงๆ) 476 คันในคลังอยู่แล้วหรือเปล่าครับ

มีแต่เลขทางบัญชี :lol:

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 09, 2008 12:35 am
โดย chode
ผมว่าทะเบียนรถน่าจะเป็นของบริษัทนะครับ
บางทีอาจะไปให้ใครขับอยู่นะครับ
เดี๋ยวถ้ารู้คงเอามาคืน รถมันตรวจสอบทะเบียนง่ายครับ
ถ้าชื่อในทะเบียนไม่ใช่ของบริษัทผิดพลาดผู้สอบบัญฃีต้องโดนเต็มๆครับ
นอกจากผู้สอบบัญชีโดนข่มขู่

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 09, 2008 5:44 am
โดย Ryuga
[quote="พี่หมอเค (ได้ถ้วย)"]อนึ่งคิดถึงพอสังเขป

http://www.thaipr.net/nc/readnews.aspx? ... query=u9U=

http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/cor ... ?cid=19793

นายรณกฤต

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 09, 2008 7:40 am
โดย beammy
ผมว่า รถทั้ง 476 คันที่ "หายไป" นั้น

จริงๆ ไม่น่าจะมีอยู่ตั้งแต่แรก ครับ

เพราะอะไร ???

เด๋วมาต่อครับ  :8)

+รถหรูขึ้นป้าย SP+

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 09, 2008 8:13 am
โดย beammy
โดยทั่วไปแล้วนั้น การทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ จะต้องอาศัย Order เป็นหลัก เพราะมิเช่นนั้นบริษัทจะต้องสต๊อก "รถยนต์นำเข้า" บางรุ่นโดยไม่จำเป็น เนื่องจากไม่รู้ว่า "ยี่ห้อไหน สีไหน รุ่นไหน" จะขายได้

ดังนั้น การสต๊อกรถยนต์มากถึงเกือบ 500 คัน จึงแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะเท่าที่ทราบมาจากการที่ผมทำธุรกิจลักษณะแบบนี้มาก่อน บริษัทที่ทำแบบนี้ได้ จะต้องมี "โกดังสินค้า" ที่ใหญ่มาก และ "Order" ก้อต้อง เยอะมาก เช่นกัน

แต่ SEC ไม่ได้มีเช่นนั้น  :P  และไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นด้วย เพราะอะไร ???

บริษัทนำเข้ารถยนต์ทั่วไปเมื่อมีคำสั่งซื้อจากลูกค้า บริษัทฯ ก้อจะ Order ไปยัง Stocklist Centre ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพราะจะมีรถประเภทแบบที่ลูกค้าต้องการเยอะมาก
พิจารณากระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ รถยนต์นำเข้านี้ จะถึงมีลูกค้าซึ่งเป็น End User ภายในกำหนดเวลา 2-3 สัปดาห์ เท่านั้น  :8)

เมื่อพลิกดูงบการเงินต่างๆ ก้อแปลกใจอีกเช่นกัน
มีที่ไหนในธุรกิจนี้ ที่ NPM จะต่ำเตี้ยเพียง 10 กว่าเปอร์เซนต์  :roll:
เป็นไปไม่ได้ครับ ตัวเลขจริงเยอะกว่านั้นมากมายมหาศาลทีเดียวเชียว  :8)