Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมสงสัยว่า หุ้นที่บริษัทจัดสรรให้กับพนักงานภายใน
1.  หุ้นเหล่านี้บริษัทหามาจากไหน
2.  หุ้นที่บริษัทมี มีจำนวนจำกัดหรือเปล่าครับ คือหมดแล้วหมดเลย ดังนั้นจะมีจัดจำหน่ายได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
3.  จำนวนหุ้นสุทธิของบริษัทจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ (ผมคิดว่าถ้าเพิ่มขึ้น อย่างนี้กำไรก็ต้องถูกแชร์มากขึ้น จึงคิดว่าต้องไม่ใช่รูปแบบนี้ แต่อย่างไรแล้ว ขอถามผู้รู้ครับ)
3.  เหตุผลที่บริษัทจัดสรรหุ้นดังกล่าว มีเหตุผลอย่างไรบ้าง
4.  สงสัยว่าพนักงานที่ไม่สนใจลงทุนในหุ้นของบริษัทตนเอง จะทำอย่างไรกับใบสิทธิ หรือมีช่องทางใดลองรับในความไม่ต้องการนี้

พอดีว่าผมได้ลองอ่านข้อมูลบางส่วนของ HMPRO แล้วพบว่ามีการจัดสรรหุ้นให้กับพนักงานภายใน และผมไม่เข้าใจการจัดสรรหุ้นตรงนี้ครับ

ข้อมูลที่ผมพบ คือ มีการจัดสรรหุ้นให้พนักงานในรูปแบบของ ESOP-W2, ESOP-W3 และ ESOP-W4 มีหน่วยจัดสรร 7,000,000  15,000,000 และ 50,000,000 หน่วย ตามลำดับ ซึ่งผมไม่รู้ความเป็นมานะครับ

ถ้าผิดพลาดต้องข้ออภัยนะครับ
1.น่าจะมาจากการเพิ่มทุน หรือ หุ้นที่ออกแล้วแต่ยังไม่ได้ชำระครับ
2.ผมคิดว่าไม่จำกัดนะครับ บริษัทสามารถออกใหม่ได้เรื่อยๆ
3.ใช่ครับ จำนวนหุ้นสุทธิจะเพิ่มขึ้น และกำไร/ขาดทุน
  ก็จะถูกแบ่งมากขึ้น
4.เหตุผลหลักๆก็เพื่อเป็นแรงจูงใจครับ  
  คล้ายๆกับว่าให้พนักงานเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท
  เพื่อที่พนักงานจะได้ทำงานอย่างเต็มที่
  หรือบางครั้งอาจจะเป็นโบนัสครับ
5.ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นจะหมดอายุไปเองครับ

ถ้าเป็นดังที่กล่าวมา เช่นนี้แล้ว ผู้ถื่อหุ้นที่เป็นนักลงทุน ก็ย่อมต้องเสียเปรียบใช่ไหมครับ

ผมเปรียบเทียบง่ายๆ
บ.A ออกหุ้นจำหน่ายสู่ประชาชน เป็นจำนวน 1 ล้านหุ้น
ในปีถัดๆ มา บ.A ออกหุ้น ESOP เพื่อจำหน่ายเชิงตอบแทนให้กับผู้บริหารและพนักงานภายใน เป็นจำนวน 5% ของจำนวนหุ้นในตลาด และดำรงนโยบายการจัดหุ้นเช่นนี้ทุกๆ ปี

ด้วยวิธิการดังกล่าวนี้ ทำให้บ.A มีปริมาณหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้เงินปันผล/หุ้น น้อยลงเรื่อยๆ

แล้ววิธีการเช่นนี้ เป็นผลดีอย่างไรต่อนักลงทุนครับ ผมมองแล้ว... ไม่มี

ใช่ครับ ผู้ลงทุนเสียเปรียบในแง่ที่ว่ากำไรถูกหารมากขึ้น

แต่ในระยะยาวถ้่าการออกหุ้นให้ผู้บริหารและพนักงาน
ช่วยทำให้วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้พนัีกงานตั้งใจทำงาน
และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทประสบผล

ผลการดำเนินงานในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น(เพราะพนักงานตั้งใจทำงานมากขึ้น)
และช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนงานบ่อยๆของพนักงานได้ครับ

ก็ยังรู้สึกหนักใจกับ นโยบายนี้นะครับ  

เพราะการเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการดึงพนักงานให้อยู่ในบริษัทไปนานๆ  แล้วพนักงานสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท

สิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขเปรียบเทียบให้เกิดความสมดุล ได้กำไร หรือ ขาดทุนได้เลย

และถ้านโยบายดังกล่าวดำเนินขึ้นทุกๆ ปี ก็อาจจะทำให้หุ้นเพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีจุดสต็อป.........................................

แต่สำหรับกรรมการผู้จัดการ / ผู้บริหารระดับสูง อาจเป็นข้อยกเว้น ครับ

1.  แล้วถ้าใช้วิธิการ คือ  ต้องการให้หุ้นตอบแทนกับ กรรมการผู้จัดการ / ผู้บริหารระดับสูง ด้วยการซื้อหุ้นคืนจากตลาดด้วยการเปรียบเทียบราคา +/-ปัจจุบัน เป็นระดับเปอร์เซ็นต์ ภายหลังซื้อหุ้นคืน จึงนำมาขายต่ำกว่าต้นทุนให้กรรมการผู้จัดการ / ผู้บริหารระดับสูง จะมีความเหมาะสมหรือไม่ครับ

2.  หรืออย่างเช่น บริษัทมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์ เมื่อหุ้นมีมูลค่าที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายใน"ส่วนหนึ่ง" เพื่อใช้ดำเนินการตอบแทน ก็จะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่

ซึ่งในส่วนหนึ่งที่เกิดประโยชน์กับนักลงทุน คือ เม็ดหุ้นจะไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น  แต่ในส่วนเสียจากวิธีการที่ผมมองนี่ก็คงต้องมีแน่นอน แต่ตอนนี้คิดไม่ออก

*** นโยบายซื้อหุ้นคืนจากตลาด ตัวอย่างที่ผมเห็น น่าจะเป็น LPN นะครับ ส่วน LPN จะนำหุ้นดังกล่าวไปดำเนินการเช่นใด อันนี้ไม่ได้ล้วงลึกเกินครับ กลัวเธอจะเขิน    

และถ้านโยบายดังกล่าวดำเนินขึ้นทุกๆ ปี ก็อาจจะทำให้หุ้นเพิ่มมากขึ้นโดยไม่มีจุดสต็อป.........................................

การออก esop ไม่น่าจะเป็นการเพิ่มทุนวิธีหลักนะครับ
จุดประสงค์จริงๆน่าจะเป็นการดึงพนักงาน+สร้างแรงจูงใจให้พนักงานมากกว่า ทั้งนี้ควรจะดูราคาที่ใช้สิทธิและราคาesop  ที่ขายด้วย

สิ่งเหล่านี้ ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขเปรียบเทียบให้เกิดความสมดุล ได้กำไร หรือ ขาดทุนได้เลย

แสดงออกได้ถึงธรรมาภิบาล ออกทุกปี แจกฟรี ราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาบนกระดานมากๆ ก็....

เพราะการเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการดึงพนักงานให้อยู่ในบริษัทไปนานๆ  แล้วพนักงานสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท

อันนี้แล้วแต่มุมมอง อย่างที่บ้านผมของ พ่อผมตั้งเป้าให้ลูกน้อง
ยอดขายดีขึ้นมาก กว่าตอนที่ไม่ตั้งเป้าให้ซะอีก

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Coca-Cola นะครับ
นโยบายนี้อาจจะวัดออกมาเป็นตัวเลขกำไรขาดทุนได้ยาก

แต่ถ้าบริษัทใช้นโยบายเหล่านี้ในระดับที่เหมาะสม
ไม่ออกหุ้นให้พนักงานและผู้บริหารมากเกิืนไป
ผมคิดว่ามันเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้พนักงานไม่เปลี่ยนงานบ่อยๆ
ช่วยทำให้บริษัทมีความมั่นคง ลดต้นทุนของฝ่ายบริหารงานบุคคล

คำถาม คือ ทำไมผมถึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ
คำตอบ ก็คือ ผมคิดว่าทรัพยากรที่สำคัญมากๆของบริษัทก็คือ
พนักงาน ครับ

พนักงานที่มีความรู้ความสามารถย่อมเป็นที่ต้องการของบริษัททุกแห่ง
การที่บริษัทใดมีพนักงานเหล่านี้มากๆแม้อาจจะวัดไม่ได้ว่าสามารถ
สร้างกำไรให้บริษัทได้มากน้อยเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าถึงแม้จะวัดไม่ได้

การมีพนักงานที่มีคุณภาพ และจงรักภักดีต่อบริษัท
จะสามารถช่วยให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนั้นถ้าพนักงานเปลี่ยนงานบ่อยๆและทำงานโดยไม่ได้รู้สึกว่าตน
เป็นส่วนร่วมกับบริษัท ผมคิดว่ามีผลแน่นอนต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
และอาจจะส่งผลถึงความซื่อสัตย และความทุ่มเทในการทำงานด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า ถ้าหากนโยบายนี้ประสบผลสำเร็จ
แน่นอนว่าบริษัทต้องเติบโตขึ้น กำไรที่บริษัททำได้ก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว บริษัทอาจจะพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นก็ได้
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์กลับคืน
ในตอนสุดท้ายอยู่ดีครับ
( สำหรับบริษัทที่มีธรรมาภิบาลและคำึนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นนะครับ )

kornjackrit เขียน:โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Coca-Cola นะครับ
นโยบายนี้อาจจะวัดออกมาเป็นตัวเลขกำไรขาดทุนได้ยาก

แต่ถ้าบริษัทใช้นโยบายเหล่านี้ในระดับที่เหมาะสม
ไม่ออกหุ้นให้พนักงานและผู้บริหารมากเกิืนไป
ผมคิดว่ามันเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยทำให้พนักงานไม่เปลี่ยนงานบ่อยๆ
ช่วยทำให้บริษัทมีความมั่นคง ลดต้นทุนของฝ่ายบริหารงานบุคคล

คำถาม คือ ทำไมผมถึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ
คำตอบ ก็คือ ผมคิดว่าทรัพยากรที่สำคัญมากๆของบริษัทก็คือ
พนักงาน ครับ

พนักงานที่มีความรู้ความสามารถย่อมเป็นที่ต้องการของบริษัททุกแห่ง
การที่บริษัทใดมีพนักงานเหล่านี้มากๆแม้อาจจะวัดไม่ได้ว่าสามารถ
สร้างกำไรให้บริษัทได้มากน้อยเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าถึงแม้จะวัดไม่ได้

การมีพนักงานที่มีคุณภาพ และจงรักภักดีต่อบริษัท
จะสามารถช่วยให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนั้นถ้าพนักงานเปลี่ยนงานบ่อยๆและทำงานโดยไม่ได้รู้สึกว่าตน
เป็นส่วนร่วมกับบริษัท ผมคิดว่ามีผลแน่นอนต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
และอาจจะส่งผลถึงความซื่อสัตย และความทุ่มเทในการทำงานด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า ถ้าหากนโยบายนี้ประสบผลสำเร็จ
แน่นอนว่าบริษัทต้องเติบโตขึ้น กำไรที่บริษัททำได้ก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว บริษัทอาจจะพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นก็ได้
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์กลับคืน
ในตอนสุดท้ายอยู่ดีครับ
( สำหรับบริษัทที่มีธรรมาภิบาลและคำึนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นนะครับ )

เป็นมุมความคิดที่ทำให้ผมบรรเจิดครับ  งั้นต้อง... ขอคารวะอย่างแรง ...            (ให้ 5 ที เลย)

V_accy เขียน: แสดงออกได้ถึงธรรมาภิบาล ออกทุกปี แจกฟรี ราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาบนกระดานมากๆ ก็....

เนี๊ยแหละครับ ที่ผมกังวลหละ ถ้าราคาลดหลั่นกว่ากันไม่มากมีการวัด ติด+/-เปอร์เซ็นต์ดูเหมาะสมไม่น่าเกลียด  ผมจะไม่ว่าเลย แต่บางบริษัทนี่สิครับ.. คุณพี่  มันเล่นซะ.. ผู้ลงทุนล้มหงายหลังไปเลย    :vm: