Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมว่าน่าจะเป้นเรื่องที่ดีนะครับ ที่เราน่าจะต้องทบทวนตัวเองทุกๆปี

อยากทราบว่าปีนี้พี่ๆได้บทเรียนอะไรกันมาบ้างครับ เข้ามา share กันดีกว่าครับ

เยอะเลยครับ. :lol:

ทุกๆปีผมจะสรุป ข้อบกพร่องในแต่ละปี ปีนี้ก็พอสมควร แต่น่าจะใช้เวลาสรุปนาน(จริงๆขอบิ๊วอารมณ์ก่อน) ในช่วงตลาดปิดปีใหม่น่าจะมีสมาธิสรุปมากกว่าช่วงนี้ครับ เดี๋ยวถ้าสรุปเสร็จ จะมาแชร์ ตอนนี้เชิญคนอื่นก่อนแล้วกันครับ

เพียบครับ

กำไรตั้งแต่ปี 46 สะสมมาเท่าไหร่ ปีนี้ ตลาดเอาไปหมด แถมติดลบด้วยอีกบาน ประมาณว่าซื้อรถได้เลยเป็นคัน

บทเรียนนะครับ พร้อมตัวอย่างประกอบ ที่เจ๊งมา  :(  :(

1 พีอีต่ำ ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะถูกเสมอไป MCS'TPAC ร่วงระนาว

2 ปันผลมาก ไม่ได้แปลว่าหุ้นถูก DCC,MCS,CPNRF,MAKRO

3 ค้าปลีก ไม่ได้เป็น safeheaven เสมอไป MAKRO,BIGC

4 fund flow ถ้ามันแรงจริง อย่าไปขวาง อย่าคิดว่าหุ้นเราแกร่งกว่าตลาด

3 ค้าปลีก ไม่ได้เป็น safeheaven เสมอไป MAKRO,BIGC

bigc ขึ้นมาจา 29 เป็น 35.50 แล้วนะ อิอิ

อืม ขึ้นมาตั้ง 22.40 %

No need to be in hurry

1 trade in 10 years maybe better

1 เวลามีเงินสด ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อหุ้น เพราะบางเวลาตลาดอาจจะปรับตัวลงมารุนแรงจนมี opportunity buy เวลาดูหุ้นต้องใจเย็น ๆ ที่ว่าถูกแล้ว ราคาสามารถลงได้ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้อีกมาก จากความกลัวของนักลงทุนท่านอื่น ๆ
2 หุ้นที่ดีเยี่ยม สามารถยืนอยู่ได้ดีกว่าหุ้นที่มีคุณสมบัติพอใช้แต่ PE ต่ำ
เลือกหุ้นที่ดีเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผล ดีกว่าเลื่อกหุ้นที่พอใช้แต่ PE ต่ำ เพราะเวลาเกิดวิกฤติหรือ recession หุ้นที่มีคุณสมบัติพอใช้จะโดนกระทบได้แรงกว่ามาก
3 ต้องอดทน การลงทุนต้องมีบางปีที่ตลาดปรับตัวลงได้แรงเหมือนปีนี้ ราคาเป็นแค่ภาพลวงตา ผลประกอบการของบริษัทเป็นของจริง
4 หุ้นที่มีลักษณะการเก็งกำไรสูงมีการใช้ margin มาก น่ากลัวมาก ตอนตลาดขาลง ราคาหุ้นสามารถลงได้แรงและเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ น่าจะเกิดจากการ force sell หรือการขายทุกราคาจากนักลงทุนต่างชาติ

- กระจายความเสี่ยง  ควรถือหุ้นมากกว่า 1-2 ตัวครับ
- หุ้นเทพอย่างไรก็ตาม ถ้าพีอีเยอะเกินไม่ควรยุ่ง = =(mint bgh bh uec banpu)

เอาเท่านี้ก่อนละกันครับ รอท่านอื่นๆเพิ่ม  :oops:

อย่ารีบ  :lol:

- มีเงินสด ต้องรอคอย จังหวะเวลาการซื้อที่เหมาะสม
- หุ้นดี พีอีสูงๆ ใช่ว่าจะดีเสมอไป

สำหรับผมนะครับ พิมพ์เอาไว้เตือนตัวเอง

1. ตลาดสภาพปกติ สำหรับผมวีไอเต็มพอร์ต
แต่สภาพตลาดที่มีฟันด์โฟลวออกอย่างผิดปกติ ต้องลดพอร์ต
อย่าดื้อ แม้ว่าคุณจะเห็นหุ้นต่ำกว่ามูลค่าเต็มตลาดก็ตาม

2. การกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่า คุณจะมั่นใจหุ้นตัวนั้นมาก
แค่ไหนก็ตาม

3. ไม่เล่นมาร์จิ้น

4. เช็ค ตลอดว่า หุ้นนอกพอร์ตตัวไหน ที่มีอัพไซด์ มากกว่า ที่มีในพอร์ต
โดยไม่สนว่า ตัวที่มีอยู่ในพอร์ตติดลบไปมากแค่ไหน
หรือสรุปง่าย ๆ คือ ลืมต้นทุนซะ

5. ลงลิฟท์ต้องขึ้นลิฟท์ โดยเลือกขึ้นลิฟท์ที่พื้นฐานดี ๆ เท่านั้น

6. อย่าไปด่าว่า มิสเตอร์มาร์เก็ตอารมณ์แปรปรวน ทุกครั้ง
เพราะ ในบางครั้ง มิสเตอร์มาร์เก็ต อาจมีเหตุผลมากกว่าคุณก็ได้

7. อย่าหยุดหาความรู้ ไม่ว่าวีไอ หรือแนวอื่น

8. เล่นหุ้นสนุกมาก ๆๆๆๆๆๆๆ  :lol:

จังหวะเข้าซื้อ ผิด  นั่งซี๊ดดดดดดด.....จนตัวตาย :lol:  :lol: (บนดอย..หนาวมาก :lol:  :lol: )

การ trading หุ้น เป็นการฆ่าตัวตายแท้ๆ
ค่าคอมบานเบอะเลย

คัดลอส เป็นสิ่งเลี่ยงไม่ได้
และต้องคัทให้เป็น

จงมีเงินสดในมือเสมอ

อย่าคิดว่าแน่ เพราะยังไงก้อแพ้ Fund Flow  :8)

เด๋วมาต่อครับ

หุ้นลงค่อยๆทะยอยซื้ออย่าซื้อตูมเดียว

อีกสี่-ห้าปีเตรียมขาย 100%  :lol:

พื้้นฐานกับเทคนิดไปด้วยกันได้

Lesson 3: -- เล่นหุ้นให้คนอื่นเราจะเป็นฝ่ายผิดเสมอ--

scenario 1: ซื้อหุ้นที่ 9 บาท วันนี้ 14 บาท
บุคคลนิรนาม: "ตอนนั้น 7 บาท ทำไมไม่ซื้อ!!!!?" (ใครมันจะไปรู้ว่ามันจะลงไปเท่าไหร่)

scenario 2: หุ้น 13 บาท
บุคคลนิรนาม: "ซื้อเลย! ซื้อเดี๋ยวนี้! บอกให้ซื้อไง!!! ซื้อๆๆๆ!!!!"
@เราก็รีบซื้อ - วันถัดมาหุ้นเหลือ 11 บาท
บุคคลนิรนาม: "ซื้อไปทำไมเยอะแยะ? ค่อยๆซื้อสิ!!!"

:lol:

Fundamental determine what to buy,
Technical determine when to buy

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

หุ้นขาลง วีไอซวย(ชั่วคราว)
หุ้นขาขึ้น วีไอรวย(ถาวร)

หุ้นขาลง เทคนิคซวย(นิดหน่อยเพราะคัทลอสทัน)
หุ้นขาขึ้น เทคนิครวย(นิดนิด เพราะมัวแต่กลัวว่าจะเป็นขาลง)

ปีนี้มีข้อสังเกตข้อใหญ่คือ

1. Port ที่กระจายความเสี่ยงดีๆ ชนะตลาดได้เหมือนของผมที่กระจายไป 24 ตัว ใน 2 port เมื่อรวมกันชนะตลาด แต่ติดลบ ซึ่งติดลบน้อยกว่าตลาดนั้นเอง

2. ในทุกภาวะการณ์ ต้องมองภาพใหญ่ก่อนแล้วค่อยเจาะภาพเล็ก
ไม่ใช่ มองภาพเล็กไปหาภาพใหญ่ นั้นคือ ระดับประเทศมอง GDP แล้วย่อยไปสู่แต่ละอุตสาหกรรม สู่แต่ละบริษัท

3. ตอนนี้พิสูจน์ว่า หลักการของ VI ใช้ได้ในทุกสภาพตลาด โดยที่ไม่ทำอะไรเพิ่มเติม (บ้างครั้งมีซื้อเพิ่ม หากมั่นใจจริงๆ ซึ่งไม่ควรทำ) ว่ารอดพ้นสภาวะแบบนี้ได้หรือไม่

4. margin เป็นดาบสองคม ตามที่ผมได้เคยเขียนลงในกระทู้ margin แล้ว คือ ขาขึ้น margin เป็นแรง* ให้เกิดการขยายตัวแบบยกกำลัง แต่เวลาขาลง ก็หดตัวเป็น รากที่สองขึ้นไป (หดตัวรุนแรงมาก) ซึ่งทำให้นึกภาพที่ในช่วงปี 2540 ที่คนกระโดดตึกเพราะ หุ้นตก หรือ ยิงตัวตายเพราะหุ้นตก

5. เหล้าเก้าในขวดใหม่เสมอ อดีตเป็นเครื่องมือในการหาทางรอดในปัจจุบัน เพราะเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นซ้ำในปัจจุบัน

แก้ไข 22 ตัวครับ
(มีซ้ำใน Port ลืมนับออก)

sai เขียน: หุ้นขาขึ้น เทคนิครวย(นิดนิด เพราะมัวแต่กลัวว่าจะเป็นขาลง)

มันก้อไม่แน่เสมอไปนะครับพี่ซาอิ หัตถ์เทวะ...ชาวเทคนิคคนที่มองภาพใหญ่เศรษฐกิจยาวเป็นรอบใหญ่(เป็นปีๆ) ก็มีครับ ยิ่งบางทีพวกเล่นมาร์จิ้นอีก

-ปีนี้ได้หลายอย่างครับแต่ที่แน่ๆ....ได้ชื่อว่าเคยผ่าน crash 555

1. หาวิธีวัดมูลค่าหุ้นที่ make sense สำหรับเรา

2. วัดมูลค่าหุ้นก่อนซื้อทุกครั้ง อย่าซื้อเพียงเพราะเห็นว่ามันลงมามากแล้ว โลภหวัง rebound

3. Fund Flow เชี่ยว อย่าเอาช้อนไปขวาง (มีช้อนกี่คันก็ไม่พอ :lol:)

ณ ภาวะตลาดถดถอย จงมีเงินสดอยู่ในมือเสมอ   :lol:  :lol:  :lol:

- เวลาหุ้น ลง 50 %  ถ้าจะขึ้นไปจุดเดิมต้องขึ้นถึง 100 %

- ภาพใหญ่เปลี่ยน พื้นฐานเปลี่ยน พายุใหญ่กำลังจะมา
ไม่ว่าเรือจะเล็ก หรือใหญ่ ก็ได้ผลกระทบเหมือนกัน

- หุ้น  BIG CAP ขึ้น/ลง เพราะ  Fund flow

- จงหัดอยู่เฉยๆบ้าง อย่ามือบอน

ความสงบที่แท้ เกิดได้จากภายใน

เอ่อ  รอดมาได้อีกปี  ชีวิตของนักลงทุน

ปีนี้ผมไม่เจอบทเรียนเลยครับ เจอแต่...
บทลงโทษอะนะ  :lol:

-rule no. 1 not loss
no.2 look back to no.1

-stock can be up & down.Like human's cycle life.

มีหุ้นในบริษัทที่ดีมากขึ้น   โดยใช้เงินซื้อน้อยลง