Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ลองVoteกันมาหน่อยนะครับ ผมจะได้เอาไปไว้เป็นข้อมูลปรับปรุงเนื้อหา

ผมเลือกหุ้นโดยดูศักยภาพการทำกำไรในระยะยาวครับ แต่เลือกราคาซื้อจาก EPS และราคาขายจากเทคนิค

นี่เมื่อก่อนนะครับ ปัจจุบันพยายามจะไม่ขายจนกว่าจะแน่ใจว่า super over value และ มีหุ้นที่สนใจตัวอื่นที่ under value มากๆ

ผมเลือกหุ้น...
1.ดูผู้บริหาร
2.ดูผลประกอบการย้อนหลัง5ปี
3.ดูอุตสาหกรรม
4.ดูโครงสร้างผู้ถือหุ้น
5.ดูกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร(ยิ่งเยอะยิ่งดี)
6.มูลค่าตามบัญชี ฯลฯ

ดูเงินในกระเป๋าด้วยว่า....เย็นพอไหมสำหรับการถือแบบรักแล้วรักเลย

ขอเพิ่มเติมจากพี่ปรํชญา และ คุณ CK ครับ

ผมดูหนี้ด้วยครับ ยิ่งน้อยยิ่งดี เห็น VI หลายคนดู Market Cap ด้วย

ผมลงทุนโดยดูตลาดก่อนเพื่อเลือกกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งจะดูที่แบรนด์เนมแข็งแกร่ง มีอนาคตดีเป็นปีๆ เช่นพวกที่ผลิตสินค้าที่คนซื้อภักดีต่อตัวแบรนไม่ใช่แบรนด์เนมดี แต่คนพร้อมจะเปลี่ยนอย่างมือถือ หรือน้ำผลไม้ เมื่อเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมได้แล้วผมจะดูบริษัทฯ โดย p/e<10, p/bv<1.5, roe>15, dpe<1 หนี้น้อย กำไรมากขึ้นเรื่อยๆ หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยขาดทุน

คุณเอกไปได้สวยมากทีเดียวครับ ถึงจะแค่หนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ก็พัฒนาไปได้มาก แสดงว่าVI แน่ที่ใจ ไม่เหมือนอย่างที่นักเก็งกำไรว่าเราไว้ว่าพวก เราใจไม่ถึง ผมว่าความจริงแล้ว พวกเราใจถึงกว่านะครับ และที่สำคัญจิตใจเราเข้มแข็งมาก

ขอให้เพื่อนๆพี่น้องทั้งหลายจงยึดมั่นไว้นะครับไฟกองโตและร้อนแรงเข้าทุกทีแล้วล่ะผมว่า

ผมพิจารณาจากกระแสเงินสดเป็นหลักครับ เพราะงบดุลและงบกำไรขาดทุนสามารถตบแต่งได้อย่างง่ายได้ โดยที่เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย แต่เงินสดก็คือเงินสด อาจจะแต่งได้เพียงการย้ายรายการเท่านั้นครับ พิจารณา Free Cash Flow เทียบกับหนี้สิน และราคาหุ้นครับ ทำกิจการสิ่งที่หวังก็คือเงินสดใช่ไหมครับ ไม่ใช่กำไรทางบัญชี เงินสดเท่านั้นแน่นอนครับ

ผมดูกระแสเงินสดเป็นหลัก เงินสดมาก หนี้น้อย ปันผลดีต่อเนื่อง เป็นจุดเริ่มต้นครับ ต่อมาก็ดู pe ,pbv ถ้าดีอีกก็มาดูว่าอยู่ในธุรกิจอะไร เติบโตต่อเนื่องหรือไม่ มีคู่แข่งหรือไม่ ถ้าเป็น niche ยิ่งดี แล้วก็ดูผู้บริหารกับผู้ถือหุ้นใหญ่ครับ พอถึงตรงนี้ก็จะพอตัดสินใจได้แล้วว่าน่าลงทุนหรือไม่

ยินดีต้อนรับครับคุณ gytman

มีข้อมูลเกี่ยวกับกระแสเงินสดของ gyt ก็หิ้วมาฝากกันนะครับ

แฮะๆ...ป๋าสนละซิ

คิดตัวเลขล่วงหน้าไม่ค่อยเป็นค่ะ เลยใช้วิธีดูจากหนังสือพิมพ์วันเสาร์ที่มีสรุปตัวเลขตารางหุ้น เลือกจากค่าปันผลมากกว่า6%,ดูกำไรต่อหุ้น,พีอีน้อยกว่า5หรือเดี๋ยวนี้อาจจะขยับเป็น6-7 แล้วขีดเส้นใต้เลือกเอาไว้โดยไม่ดูชื่อ หลังจากนั้นจึงค่อยไปเปิดค้นคว้าในเวบว่า financial statement เป็นอย่างไร โดยดูแค่เงินสดในมือหรือที่มีสภาพคล่องเทียบกับหนี้ที่มีทั้งหมดทั้งระยะยาวและสั้น ถ้าเงินสดมากกว่าหนี้สองเท่าก็จะจดชื่อไว้และไปตามดูในกระดานแต่ละวันสักระยะหนึ่งว่ามีการซื้อขายมากไหมและติดตามข่าวเกี่ยวกับหุ้นนั้นทั้งของเก่าและใหม่ ดูจนพอใจแล้วจึงจะตัดสินใจค่ะ จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ไม๊คะ

ยังดูไม่ค่อยเป็นเลยครับ ใช้คิดเอาเองก่อน ถึงซื้อ TRU ไปเพราะเท่าที่อ่านข้อมูลเห็นว่ามีผลกระทบจากรถตัวใหม่ แล้วบังเอิญผมมั่นใจว่ารถตัวใหม่น่าจะขายได้ เลยซื้อลงทุน เพราะคิดว่าน่าจะดีกว่าเงินผมอยู่ในแบ๊งค์ แต่ก็กำลังหัดดูว่าค่าต่างๆอยู่ ยังไงคงต้องความรู้ด้วยนะครับ

ดูอย่างคุณโหนดและคุณ champ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะครับ แต่อยากจะแนะนำให้ดูในเชิงคุณภาพของธุรกิจด้วย ถ้าอยากจะเป็น VI พันธุ์แท้ก็คงต้องเอาอย่างที่คุณปรัชญา คุณ CK คุณ chatchai คุณ Mon Money คุณ gytman ผสมกันรับรองไม่ผิดแน่

อ้อ คิดดีแล้วก็ซื้อแล้วถือเลยนะครับ อย่าขายให้เสีย commission ไปมาเปล่าๆ

ผมดู PE PB เฉลี่ยตำ่่สุดในกลุ่ม
ต่อไปดู หนี้ของบริษัทถ้าน้อยOK
ปันผลต่อเนื่อง มีกำไรสมำ่เสมอ
แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ เพิ่งเริ่มหัด :lol: :lol:

ใช้ได้แล้วครับ ถ้าเพิ่มความรู้และประสบการณ์อีกหน่อยก็จะดีขึ้นครับ

อยากแนะนำคุณ man หน่อยนะครับ การดู PE เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ แต่คุณต้องระวังการแต่งงบให้กำไรดูดี หรือแย่กว่าความเป็นจริง ส่วนการดู PB นั้น ผมไม่อยากจะใช้ เพราะ 1. การลงบัญชีในปัจจุบัน ทำให้ PB คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ง่าย และที่สำคัญคุณควรที่จะดูความสามารถในการหาเงินมากกว่า คุณดูซิบางบริษัท PB ต่ำมาก ขณะที่บางบริษัทซื้อขายกันที่ PB สูงมาก เพราะ ROE สูงกว่า หรือ ส่วนผู้ถือหุ้นบันทึกไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง ส่วนอีกประเด็นที่คุณพิจารณาว่าหนี้น้อยหรือเยอะ ผมคาดว่าคุณคงวิเคราะห์เปรียบเทียบกับส่วนผู้ถือหุ้น แต่ผมอยากให้คุณพิจารณาเปรียบเทียบความสามารถหาเงินด้วย

โหวตยังไงอ่ะครับ ?

มือใหม่ครับ
ผมชอบแบบซื้อแล้ว กินได้นอนหลับมากกว่า
ได้ช้า ๆ แต่เรื่อย ๆ แน่นอนดีกว่า

ผมดูที่หนี้น้อย ๆ ด้วย
บางตัวคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าซื้อแล้ว ยึดอำนาจบริษัทได้
จากนั้น ขายสินทรัพย์หมุนเวียนทิ้งให้หมด แล้วเอาเงินที่ได้ไปจ่ายหนี้สินทั้งหมด แล้วยังมีเงินเหลือเกินค่าหุ้นที่จ่ายไป .. ผมยิ่งชอบ :lol:

เช่น SINGER คิดแบบที่ว่าแล้ว ยังได้เงินเกือบ 60 บาทต่อหุ้น
หนี้น้อย กำไรสะสมเยอะ มีปันผล ด้วย ... ป๊มชอบบบบบบ .. อิอิ

ลงทะเบียนก่อนครับถึงจะVoteได้

ความคิดน่าสนใจครับ....เอแบบนี้เขาเรียกว่าซื้อแล้วแยกขายหรือเปล่าครับ?

แอบลอกการบ้านคนอื่นครับ แหะๆ
ไม่ค่อยได้ศึกษาด้วยตัวเองเป็นชิ้นเป็นอัน
ก็แอบๆอ่านแอบๆฟัง แล้วเอาไปดูเองนิดหน่อย ค่อยซื้อตาม
หลักการก็ roi สูง หนี้น้อย ปันผลดี กำไรสะสมเยอะ

chatchai เขียน:อยากแนะนำคุณ man หน่อยนะครับ การดู PE เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ แต่คุณต้องระวังการแต่งงบให้กำไรดูดี หรือแย่กว่าความเป็นจริง ส่วนการดู PB นั้น ผมไม่อยากจะใช้ เพราะ 1. การลงบัญชีในปัจจุบัน ทำให้ PB คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ง่าย และที่สำคัญคุณควรที่จะดูความสามารถในการหาเงินมากกว่า คุณดูซิบางบริษัท PB ต่ำมาก ขณะที่บางบริษัทซื้อขายกันที่ PB สูงมาก เพราะ ROE สูงกว่า หรือ ส่วนผู้ถือหุ้นบันทึกไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง ส่วนอีกประเด็นที่คุณพิจารณาว่าหนี้น้อยหรือเยอะ ผมคาดว่าคุณคงวิเคราะห์เปรียบเทียบกับส่วนผู้ถือหุ้น แต่ผมอยากให้คุณพิจารณาเปรียบเทียบความสามารถหาเงินด้วย

ขอบคุณ คุณchatchai ครับ ที่ช่วยเสริม คำแนะนำมีประโยชน์มากครับ
แต่ถ้าเจอการลงบัญชีเป็นเท็จอย่างว่า เราจะมีวิธีใดที่จะรู้ครับ :lol: :lol:

chatchai เขียน:อยากแนะนำคุณ man หน่อยนะครับ การดู PE เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ แต่คุณต้องระวังการแต่งงบให้กำไรดูดี หรือแย่กว่าความเป็นจริง ส่วนการดู PB นั้น ผมไม่อยากจะใช้ เพราะ 1. การลงบัญชีในปัจจุบัน ทำให้ PB คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้ง่าย และที่สำคัญคุณควรที่จะดูความสามารถในการหาเงินมากกว่า คุณดูซิบางบริษัท PB ต่ำมาก ขณะที่บางบริษัทซื้อขายกันที่ PB สูงมาก เพราะ ROE สูงกว่า หรือ ส่วนผู้ถือหุ้นบันทึกไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง ส่วนอีกประเด็นที่คุณพิจารณาว่าหนี้น้อยหรือเยอะ ผมคาดว่าคุณคงวิเคราะห์เปรียบเทียบกับส่วนผู้ถือหุ้น แต่ผมอยากให้คุณพิจารณาเปรียบเทียบความสามารถหาเงินด้วย

ที่มีปัญหาน่าจะเป็นพวกที่เป็นสินทรัพย์อะไรก็ตามที่มันด้อยค่าเทียบกับเงินบาทได้ อย่างพวกสมาชิกกอล์ฟ ค่าความนิยม อะไรพวกนี้อยู่ห่างๆไว้ครับ

สินทรัพย์บางประเภทบันทึกเป็นหนี้สินแต่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย!... สินทรัพย์บางประเภทไม่มีโอกาสด้อยค่า... สินทรัพย์บางประเภทมูลค่าจริงเพิ่มขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว (อ้าว!)

หุ้น asset play บางทีก็สนุกไม่น้อยเลยนะครับ แต่เราประเมินค่าผิดก็เสียหายหนักเหมือนกัน

พูดถึง asset play
ก็คิดถึงพี่ genie
พี่ลองมาเล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่าเป็นไงบ้าง คนเค้าเริ่มเห็นคุณค่าบ้างรึยัง
เห็นว่ามีหุ้นพวกนี้อยู่นี่ครับ

คืออย่างที่บอกนะแหละหุ้นประเภทนี้คนเห็นช้า แถมgapใหญ่เป็นมหาสมุทรอีกต่างหาก แต่ที่ซื้อๆไว้มันก็ค่อยๆกาดึ๊บๆนะ แต่พี่อยากให้มัน กระดึ๊บๆๆๆๆๆๆจัง

อิอิอิ
กระดึ๊บๆๆๆๆๆๆ ด้วยได้มั๊ยอะ

พึ่งเห็นกระทู้ ขอแสดงภูมิหน่อย ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
ดู yield ก่อนครับ ถ้าน่าสน ไปดู PE ต่อ(ความจริงอยากดู การเปลี่ยนแปลงของ P ย้อนหลังยาวๆ แต่ข้อมูลไม่ค่อยมีครับ)
แล้วมาดู หนี้ ครับ...........ถ้าน่าสนใจ
จะดู profile ทั่วๆไป ครับ ทั้ง ความเสี่ยงของกิจการ แผนอนาคต ที่อยากดูเหมือนกัน
คือ ข้อมูลผู้บริหาร แต่ไม่รู้หายังไงที่ไหน
สุดท้ายดู ดวง ครับ.......เป็นเรื่องเฉพาะตัวครับ ฝีมือหรือจะสู้ดวงดาว

สินค้า และ บริการ แบบไหนที่เราชื่นชอบ ก็ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกหุ้นลงทุนครับ 8) [/i]

เลือกหุ้น...ต้องดูปัจจัยพื้นฐาน + เงินในกระเป๋าตัวเองซิครับ แต่บางทีก็ใช้ Six Sense เข้าช่วยเหมือนกัน!

ตอบคุณ noknoi
ลองดูแบบแจ้งการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารได้ที่ www.sec.or.th (59-2)

ถ้าผู้บริหารหลายๆคนช่วยกันซื้อๆๆๆ แล้วแอบเก็บตามไม่ค่อยเสียใจครับ ผมคิดว่าผู้บริหารดีๆ น่าจะมั่นใจในความสามารถของตนเอง ถึงกับกล้าเอาเงินตัวเองมาลงทุนเพิ่ม แต่ถ้าบริษัทไหนมีข่าวดีแล้วผู้บริหารขายๆๆๆๆ ก็ระวังนิดนึงครับ

แต่ถ้าขายเล็กๆน้อยๆในช่วงเปิดเทอม อย่าไปใส่ใจเลยครับ อาจจะมีภาระต้องอุปการะทุนการศึกษาเป็นการส่วนตัว

ผมว่าข้อมูลที่ Poll นี้น่าสนใจครับ ลองโหวตกันอีกที