ยา...ใจ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 25, 2009 6:13 pm
เมื่อตอนเป็นเด็ก มีหลายครั้ง ที่มีอาการปากแตก ทั้งจากร้อนใน หรือตอนกินอาหารกัดโดนปากตัวเอง
เฮ้อ เซ็ง จริงๆเลย ตอนเป็นแผลตอนแรกๆ ก็จากแผลเล็กๆ ก็คิดเมื่อไหร่มันจะหายนี่ ทั้งคอยสำรวจตลอดเอาลิ้นไปแตะๆแผลในปาก แผลเล็กลงบ้างยังจะหายยังเนี่ย เอ่ ไม่หายสักที อ่าว ไปๆมา แผลใหญ่ขึ้นอีก น่ารำคาญสุดๆ บางทีกินอาหารก็รู้สึกเจ็บ โว้ยเซ็ง นี่แนะ กัดซะเลย ก็เอาฟันขบไปที่แผลบ้าง เผื่อ แผลอันนี้จะหลุดหายไปได้ คิดแบบเด็กโง่ๆนะครับ ไปๆมาๆ แผลใหญ่ขึ้นอีก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่แผลจะหายเนี่ย งั้น ถ้าไปหาหมอ แล้วบอกให้หมอ ผ่าเอาแผลนี้ออกไปได้มั้ยเนี่ย (แต่ลองคิดดูสิ เป็นแผลอยู่แล้ว ให้หมอผ่าเอาแผลออก แผลมันจะเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นกันแน่ โง่จริงๆ555)
กลุ้มใจ
จนกระทั่งวันนึง มีโอกาสต้องไปหาหมออาจจะเป็นหวัดทำนองนี้ ก็ไปหา ก็เลยให้หมอดูแผลในปากซะเลยทำไมไม่หายซักที แล้วยังใหญ่ขึ้นอีก ก็บอกหมอว่ามันเป็นมาตั้งเป็นเดือนแล้วนะ หมอดูก็คิด แล้วพูดออกมาว่า เอ่ มันน่าจะหายเองได้นะ แต่ทำไมเป็นนานจัง ในใจก็คิดตกลงต้องรอมันหายเองใช่มั้ยเนี่ย ก็เลยได้ยาแก้หวัด และยาทาปากมาหนึ่งหลอด (หมอคนนี้ผมชอบมาก และ ก็คงคิดถึงเขาเสมอ ขอบคุณนะครับที่เป็นหมอของผม)
แล้วหลังจากนั้น ก็เริ่มทายา ตามภาษาเด็กโง่ๆ ก็เลยคิดว่า พอทายาแล้วให้ยาอยู่บนแผลยิ่งนานยาจะได้เข้าแผลได้ดีขึ้น พอคิดแบบนี้ ก็เลยไม่เอาลิ้นไปคอยแตะสำรวจแผล ไม่ขบกัดแผล อืม ไม่นานนักแผลเริ่มเล็กลง อืม ยาดีจริงแฮะ
หลังจากนั้นจึงได้คิด ยาทาแผลในปาก คงดีจริงๆนั่นแหละ
แต่ประโยคที่ว่า เอ่ มันน่าจะหายเองได้นะ ทำไมเป็นนานจัง
สิ่งที่ได้คิดก็คือ อะไรทำให้เป็นนานจนต้องสงสัย เลยเดาว่า การที่ตัวเรามีแผลเล็ก และกังวล จึงคอยเอาลิ้นไปแตะสำรวจบ่อยครั้งมากๆ นั่นก็ระคายเคืองแผลจนทำให้แผลใหญ่ขึ้น เมื่อเกิดอารมณ์รำคาญ หรือ เจ็บ ก็อยากที่จะขบกัดหวังให้แผลขาดไปเลย โง่แบบโง่อ่ะ นั่นยิ่งก่อปัญหากับแผล มันก็จะจริงอยู่ ลักษณะการทำไม่ได้ก่อประโยชน์ให้แผลแต่กลับซ้ำเติมแผล แต่ตอนทำนั้นยังไม่รู้จริงๆ นั่นแปลว่าผมทำให้แผลของผมใหญ่ขึ้น หายยากขึ้นโดยไม่รู้ตัว พอคิดได้ หลังจากนั้นถ้ามีแผล ก็คอยดูแลแผลให้สะอาด และก็ไม่ยุ่งกับแผลมากเกินไป หลายๆครั้งก็หายได้โดยใช้เวลาไม่มาก แต่พอใส่ยา ก็หายได้เร็วขึ้นอีก
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อไม่รู้ ก็เรียนรู้ และก็ได้รู้
ตอนที่ผมเข้ามาเล่นหุ้น มีหลายครั้งมาก ที่ต้องขาดทุน ถึงแม้จะไม่ใช่จำนวนมากมาย หลายๆครั้งจะคิด ไม่เป็นไรแต่ต้องเอาคืนคราวหน้า หรือ หุ้นตัวต่อไป นี่คือคำว่า เอาคืน และใจร้อนหวังที่จะต้องได้กำไรคืนมาทดแทนจริงๆ ซึ่งก็ค่อนข้างจะไม่ต่างจากหนังที่เคยดูๆกันเวลามีตัวละครหนึ่งเข้าไปเล่นการพนัน พอเสียไปหมด ก็กลับบ้าน พร้อมกับอารมณ์ที่ว่า ไว้จะมาใหม่แล้วจะมาเอาคืน โดยหวังที่จะมาเอากำไรคืนจริงๆ แต่ส่วนใหญ่จะกลับมาพร้อมกับเสียเงินที่นำมาใหม่ไป
ซึ่งคำว่าเอาคืน ที่ในใจผมเจอนั้น ก็กดดันให้ต้องทำอะไรที่มากขึ้น ดูราคาหุ้นให้มากขึ้น หาโอกาสให้มากขึ้น และซื้อขายให้มากขึ้น เพื่อหวังกำไรส่วนต่างจากราคา ให้รวดเร็วเพื่อทดแทนที่ขาดทุนรวมถึงสร้างกำไรใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่เป็นดังหวัง แม้จะมีกำไรในหลายครั้งที่ซื้อขาย แต่เกิดการขาดทุนบ่อยครั้งอยู่ดี เมื่อหักลบก็ยังคงเป็นคำว่า ขาดทุน แล้วขาดทุนก็เป็นแผลค่อยๆใหญ่ขึ้น อย่างเหนื่อยอ่ะ ทั้งคอยเฝ้ามอง คิดนู่นคิดนี่มากมาย ลงมือทำก็บ่อย แต่เอ ไม่สำเร็จ ก็ถึงคราวท้อ พอท้อ ก็หยุด
ไอ้ตรงเวลาหยุดไปนี่แหละ ทำให้ได้คิด เพราะมีเวลาคิด
เอ่ หรือเรากำลังทำในสิ่งที่จะทำให้ แผลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือนี่
การที่จะ เอาคืน ของเรา กลับทำให้วุ่นวาย สับสนตลอด ทำแบบเดิมๆเพื่อหวังเอาคืน สำรวจราคาหุ้นตลอด ซื้อขายตลอด และแผลก็ใหญ่ขึ้น นั่นดูเหมือน ผมกำลังทำอะไรผิดไปบางอย่าง
หลังจากได้สติ ก็ค่อยหาความรู้ และก็พัฒนาขึ้นไปทีละขั้น ตามความสามารถของเรา
ยาในที่นี้ ก็คงเป็นความรู้ ที่จะช่วยทำให้การลงทุนสำเร็จมากขึ้น คล้ายๆยาทาแผลในปาก
แต่ยาที่เอาใช้รักษา ความรู้สึกว่า ต้องการ เอาคืน หรือ อารมณ์กล้า กลัว โลภ หรืออื่นๆ คงเป็นคำว่า สติ หรือ ความเข้าใจในตัวเราเอง
เฮ้อ เซ็ง จริงๆเลย ตอนเป็นแผลตอนแรกๆ ก็จากแผลเล็กๆ ก็คิดเมื่อไหร่มันจะหายนี่ ทั้งคอยสำรวจตลอดเอาลิ้นไปแตะๆแผลในปาก แผลเล็กลงบ้างยังจะหายยังเนี่ย เอ่ ไม่หายสักที อ่าว ไปๆมา แผลใหญ่ขึ้นอีก น่ารำคาญสุดๆ บางทีกินอาหารก็รู้สึกเจ็บ โว้ยเซ็ง นี่แนะ กัดซะเลย ก็เอาฟันขบไปที่แผลบ้าง เผื่อ แผลอันนี้จะหลุดหายไปได้ คิดแบบเด็กโง่ๆนะครับ ไปๆมาๆ แผลใหญ่ขึ้นอีก แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่แผลจะหายเนี่ย งั้น ถ้าไปหาหมอ แล้วบอกให้หมอ ผ่าเอาแผลนี้ออกไปได้มั้ยเนี่ย (แต่ลองคิดดูสิ เป็นแผลอยู่แล้ว ให้หมอผ่าเอาแผลออก แผลมันจะเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นกันแน่ โง่จริงๆ555)
กลุ้มใจ
จนกระทั่งวันนึง มีโอกาสต้องไปหาหมออาจจะเป็นหวัดทำนองนี้ ก็ไปหา ก็เลยให้หมอดูแผลในปากซะเลยทำไมไม่หายซักที แล้วยังใหญ่ขึ้นอีก ก็บอกหมอว่ามันเป็นมาตั้งเป็นเดือนแล้วนะ หมอดูก็คิด แล้วพูดออกมาว่า เอ่ มันน่าจะหายเองได้นะ แต่ทำไมเป็นนานจัง ในใจก็คิดตกลงต้องรอมันหายเองใช่มั้ยเนี่ย ก็เลยได้ยาแก้หวัด และยาทาปากมาหนึ่งหลอด (หมอคนนี้ผมชอบมาก และ ก็คงคิดถึงเขาเสมอ ขอบคุณนะครับที่เป็นหมอของผม)
แล้วหลังจากนั้น ก็เริ่มทายา ตามภาษาเด็กโง่ๆ ก็เลยคิดว่า พอทายาแล้วให้ยาอยู่บนแผลยิ่งนานยาจะได้เข้าแผลได้ดีขึ้น พอคิดแบบนี้ ก็เลยไม่เอาลิ้นไปคอยแตะสำรวจแผล ไม่ขบกัดแผล อืม ไม่นานนักแผลเริ่มเล็กลง อืม ยาดีจริงแฮะ
หลังจากนั้นจึงได้คิด ยาทาแผลในปาก คงดีจริงๆนั่นแหละ
แต่ประโยคที่ว่า เอ่ มันน่าจะหายเองได้นะ ทำไมเป็นนานจัง
สิ่งที่ได้คิดก็คือ อะไรทำให้เป็นนานจนต้องสงสัย เลยเดาว่า การที่ตัวเรามีแผลเล็ก และกังวล จึงคอยเอาลิ้นไปแตะสำรวจบ่อยครั้งมากๆ นั่นก็ระคายเคืองแผลจนทำให้แผลใหญ่ขึ้น เมื่อเกิดอารมณ์รำคาญ หรือ เจ็บ ก็อยากที่จะขบกัดหวังให้แผลขาดไปเลย โง่แบบโง่อ่ะ นั่นยิ่งก่อปัญหากับแผล มันก็จะจริงอยู่ ลักษณะการทำไม่ได้ก่อประโยชน์ให้แผลแต่กลับซ้ำเติมแผล แต่ตอนทำนั้นยังไม่รู้จริงๆ นั่นแปลว่าผมทำให้แผลของผมใหญ่ขึ้น หายยากขึ้นโดยไม่รู้ตัว พอคิดได้ หลังจากนั้นถ้ามีแผล ก็คอยดูแลแผลให้สะอาด และก็ไม่ยุ่งกับแผลมากเกินไป หลายๆครั้งก็หายได้โดยใช้เวลาไม่มาก แต่พอใส่ยา ก็หายได้เร็วขึ้นอีก
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อไม่รู้ ก็เรียนรู้ และก็ได้รู้
ตอนที่ผมเข้ามาเล่นหุ้น มีหลายครั้งมาก ที่ต้องขาดทุน ถึงแม้จะไม่ใช่จำนวนมากมาย หลายๆครั้งจะคิด ไม่เป็นไรแต่ต้องเอาคืนคราวหน้า หรือ หุ้นตัวต่อไป นี่คือคำว่า เอาคืน และใจร้อนหวังที่จะต้องได้กำไรคืนมาทดแทนจริงๆ ซึ่งก็ค่อนข้างจะไม่ต่างจากหนังที่เคยดูๆกันเวลามีตัวละครหนึ่งเข้าไปเล่นการพนัน พอเสียไปหมด ก็กลับบ้าน พร้อมกับอารมณ์ที่ว่า ไว้จะมาใหม่แล้วจะมาเอาคืน โดยหวังที่จะมาเอากำไรคืนจริงๆ แต่ส่วนใหญ่จะกลับมาพร้อมกับเสียเงินที่นำมาใหม่ไป
ซึ่งคำว่าเอาคืน ที่ในใจผมเจอนั้น ก็กดดันให้ต้องทำอะไรที่มากขึ้น ดูราคาหุ้นให้มากขึ้น หาโอกาสให้มากขึ้น และซื้อขายให้มากขึ้น เพื่อหวังกำไรส่วนต่างจากราคา ให้รวดเร็วเพื่อทดแทนที่ขาดทุนรวมถึงสร้างกำไรใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่เป็นดังหวัง แม้จะมีกำไรในหลายครั้งที่ซื้อขาย แต่เกิดการขาดทุนบ่อยครั้งอยู่ดี เมื่อหักลบก็ยังคงเป็นคำว่า ขาดทุน แล้วขาดทุนก็เป็นแผลค่อยๆใหญ่ขึ้น อย่างเหนื่อยอ่ะ ทั้งคอยเฝ้ามอง คิดนู่นคิดนี่มากมาย ลงมือทำก็บ่อย แต่เอ ไม่สำเร็จ ก็ถึงคราวท้อ พอท้อ ก็หยุด
ไอ้ตรงเวลาหยุดไปนี่แหละ ทำให้ได้คิด เพราะมีเวลาคิด
เอ่ หรือเรากำลังทำในสิ่งที่จะทำให้ แผลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือนี่
การที่จะ เอาคืน ของเรา กลับทำให้วุ่นวาย สับสนตลอด ทำแบบเดิมๆเพื่อหวังเอาคืน สำรวจราคาหุ้นตลอด ซื้อขายตลอด และแผลก็ใหญ่ขึ้น นั่นดูเหมือน ผมกำลังทำอะไรผิดไปบางอย่าง
หลังจากได้สติ ก็ค่อยหาความรู้ และก็พัฒนาขึ้นไปทีละขั้น ตามความสามารถของเรา
ยาในที่นี้ ก็คงเป็นความรู้ ที่จะช่วยทำให้การลงทุนสำเร็จมากขึ้น คล้ายๆยาทาแผลในปาก
แต่ยาที่เอาใช้รักษา ความรู้สึกว่า ต้องการ เอาคืน หรือ อารมณ์กล้า กลัว โลภ หรืออื่นๆ คงเป็นคำว่า สติ หรือ ความเข้าใจในตัวเราเอง