Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อยากรู้วิธีการหามูลค่าหุ้นอ่ะครับ ที่คิดเป็นตัวเงินอ่ะครับ

ตามลิงค์นี้ไปเลยครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=1250

mini เขียน:อยากรู้วิธีการหามูลค่าหุ้นอ่ะครับ ที่คิดเป็นตัวเงินอ่ะครับ

วิธีผม

เอา dividen ตั้ง แล้วหาผลตอบแทนที่อยากได้ครับ
เช่น dividen = 0.5 บาท อยากได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี ก็เอา 0.5 x 10 = 5 บาท

หาบริษัทที่รู้จักที่มีปันผลต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับ

ผมว่าใช้วิธีหา FCF แล้วต่อเชื่อมไปยังการหา DCF ดีกว่านะครับ

แต่ว่าการหาค่าเหล่านี้แสนจะยากแสนเข็ญ  ..  ผมยังหาไม่เป็นเลยครับ  :lol:  :lol:  :lol: 55555555

ท่านอาจารย์ท่านใด มีวิชาเหล่านี้อยู่ จะวิ่งไปให้สอนถึงที่เลยครับ 5555555 (อ่านหนังสือแล้วก็ยังงงๆๆ....)

การประเมินมูลค่าที่แท้จริง ก้มีวิธีคิดหลายอย่างนะครับ แต่ทั้งนี้ แต่ละแบบมีข้อจำกัด แสมมุติฐานนะครับ ลอง แบบง่ายๆ ไหมครับ

อย่างแรกเลย ขอ แนะนำ ใช้ค่า PE นี่แหละ

PE = ราคาตลาดของหุ้น/กำไรสุทธิต่อหุ้น

ราคาตลาด ก็หาไม่ยากเปิด เวป www.settrade.com ก็หาได้ละ แค่พิมพ์ชื่อย่อเท่านั้น

กำไรสุทธิต่อหุ้น หรือว่า EPS ก็แล้วแต่ว่าจะใช้ย้อนหลัง แบบไหน ปกติก็ 4 ไตรมาสล่าสุดที่มีข้อมูลออกมาแล้ว ซึ่งกำไรรายไตรมาส ก็หาได้จากเวป Settrade หรือว่าขอข้อมูลจากกระทู้ของคุณ ครรชิตก็ได้ครับ

ก็เอาค่าที่ได้ มาหารกัน ได้ PE สมมุติ เท่ากับ 10 มันก็แปลว่า เงินที่คุณลงทุนในวันนี้นะครับ แล้วถือรอไป 10 ปี คุณจะได้กำไรเท่ากับ ราคาหุ้นในปัจจุบันที่คุณซื้อมาครับ โดยมีสมมุติฐานว่า

1. กำไรต่อหุ้น(EPS) มีค่าเท่าเดิมตลอด 10 ปีข้างหน้า (หรือว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า มี กำไรเฉลี่ยประมาณนี้ตลอดก็โอเคครับ)

2. คุณจะได้กำไรดังกล่าวก็ต่อเมื่อ บริษัททยอยปันผลกำไรทั้งหมดออกมา ในระหว่าง 10 ปีของการลงทุน ก็ เช่น ใน 10 ปี กำไรรวมทำได้ 10 บาท ปันผล รวม 10 บาท (รวมทั้ง 10 ปี) แล้วนะครับ

3. จะได้เงินก็ต่อเมื่อบริษัทเลิกกิจการไป และขายสินทรัพย์ทั้งหมดทิ้งพร้อมชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว เงินที่เหลือมาแบ่งกันในผู้ถือหุ้น แต่ว่า เวลาที่คุณซื้อหุ้นนี้มานั้น ค่า P/BV ต้องเท่ากับ 1 ด้วยนะครับ ในกรณีนี้คุณจะด้รับค่าหุ้นคืนพร้อมกำไรเท่ากับค่าหุ้นที่ซื้อไป( เมื่อ 10 ปีก่อนนะครับ)

โอเค ผมว่าอาจจะงงพอสมควรละ ทีนี้มาสำรวจตัวเองก่อนว่า

1. ลงทุนวันนี้แล้ว อีก 10 ปีได้กำไร 1 เท่าพอดีนี่โอเคไหม หากคุณบอกว่า ช้าไป ขอเป็น 5 ปีได้ไหม งั้นราคาที่เหมาะสมก็น่จะเป็น ที่ PE 5 เท่าครับ

สมมุต EPS เท่ากับ 1 บาท

พอใจที่จะได้กำไร 1 เท่าที่ 1 ปี ราคาเหมาะสมก็ 1 บาท
พอใจที่จะได้กำไร 1 เท่าที่ 5 ปี ราคาเหมาะสมก็ 5 บาท
พอใจที่จะได้กำไร 1 เท่าที่ 10 ปี ราคาเหมาะสมก็ 10 บาท

2. ถามว่าประวัติที่ผ่านมากำไรมันผันผวนไหมหากว่าแน่ใจสุดๆว่ากำไรไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน ก็ คงได้ประมาณนี้ครับ

3. ถามว่าค่า P/BV ที่หาได้จาก www.settrade.com เท่ากับ 1 ไหม

4. แล้วมันจะเลิกกิจการใน 10 ปีไหม

5. แล้วมันจะปันผลออกมาหมดเลยไหมใน 10 ปี

ครับ หากว่าลองทำความเข้าใจดูก็จะเอาแนวคิดของค่า PE ที่ง่ายๆนี้ไปต่อยอดเพื่อหามูลค่าที่เหมาะสม (ขึ้นกับแต่ละบุคคลนะครับ) ได้ครับ

ส่วนมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการจริงๆเหรอครับ มันไม่มีจริงหรอกครับ ขึ้นกับว่า คุณซื้อหุ้นนี้เพื่อทำกำไร ในแบบไหนเท่านั้นเองครับ จึงจะตอบได้ว่ามูลค่าที่แม้จริงควรเป็นเท่าไรครับ

หวังว่าจะไม่งง นะครับ เพระว่าผมสื่อสารไม่เก่งครับ งงตรงไหนก้ถามอีกนะครับ

มีหลายวิธีตามที่แต่ละท่านว่ามาเลยครับ

ผมขอเสริมนิดเดียว
อย่าพึ่งกับวิธีไหนมากเกินไป
ปรับเปลี่ยนวิธีให้เหมาะสมกับหุ้นที่จะประเมิน

ถ้าจะให้ดีก็หามูลค่าหุ้นหลายๆวิธีแลัวนำมาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
ตามความสำคัญและความน่าจะเป็น

คิดหลายวิธีก็ดีครับ แต่ก็สิ่งที่สำคัญทีสุดคือ เราเข้าใจสมมุติฐานของวิธีการที่เราเอามาใช้หรือเปล่าครับ

พอเข้าใจสมมุติฐานแล้วก็ต้องมาดูที่การประเมินค่าต่างๆที่จะเอามาใช้ครับว่าแม่น หรือว่าไม่แม่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่แม่นหรอกครับ

หน้าที่ของนักลงทุนก็ต้องเป็นการศึกษาข้อมูลของหุ้นจนเข้าใจ แล้วก็จะพอประมาณค่าต่างๆที่ต้องเอามาใช้ ได้ เป็นช่วงที่ค่อนข้างแคบ และแม่นยำพอสมควร แล้วเราก็ประเมิณมูลค่า แบบเป็นช่วงราคา ย้ำว่าเป็นช่วง แบบว่า กรณีแย่สุด กับ ดีสุดๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่พิสดารครับ(โดนทิ้งระเบิดวอดวาย หรือว่าเกิดโชคร้ายติดโรคร้ายทั้งบริษัทนี่อาจจะ พิสดารไปนิดนึง หรือว่า บริษัทลงทุนในหวยแล้วถูกติดกัน 10 งวดก็ดีเกินเหตุเหมือนกัน)

จะแม่นไม่แม่นก็มีวิธีการจัดการกับความไม่แน่นอน อีกครับ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเงิน การทยอยลงทุน(ของเราเองนะ) การกำหนดระดับความเสี่ยง เยอะแยะครับ

แต่สุดท้ายทุกวิธี ก็มีพื้นฐานจากการประเมิน กระแสเงินสด ของกิจการทั้งนั้นครับ แต่มันยุ่งยากไป ไม่สะดวกเท่านเอง เลยมี การใช้ PE หรือว่าโฒเดลอะไรมา ผมว่าก็คือช่วยประเมินความเสี่ยง กับช่วยให้ไม่ต้องถึงกับลงมือประเมิน กระแสเงินสดแบบแม่นๆเท่านั้นเองครับ

ว่าแล้วก็มาลองดูอีกวิธีดีกว่า มาจากหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์ มีฉบับภาษาไทย ชื่อว่า "เหนือกว่า วอลสตรีท"

เค้าก็แนะนำ PEG คืออะไรก็คือเอา PE หารด้วย การเติบโตของกำไร เค้าแนะนำว่า น้อยกว่า 1 ก็จะดีครับ

เช่น PE 10 เท่า การเติบโตของกำไร ที่จะน่าลงทุนคือ ที่ มากกว่า 10 % ขึ้นไป

เค้าเชื่อว่าการที่หุ้นจะขึ้นมาจาก ความเติบโตของกำไร หุ้นที่นิ่งๆไม่มีการเติบโต ก็ ราคามักไม่ไปไหน ก็อย่างว่า บางทีเราก็คงอยากเสี่ยง มีความเป็นนักพนันในใจทุกคน อะไรที่มันชัวร์ๆ แต่ว่าไม่เพิ่มไม่ลด บางทีก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นเนอะ (ผมคิดเองนะ) แต่ว่าปัจจัยที่สำคัญคือ พวกหุ้นกำไรนิ่งนี่ มักจะเป็น ธุรกิจที่ รอวันตาย (ประมาณว่าลุงแก่แล้ว ไม่อยากขยับแล้ว ส่วนใหญ่จะขยับไปก็มีแต่จะพังด้วยละ)

วิธี PEG นี่ ก็อย่างเดิมครับ EPS นี่เอาค่าไหนดีจึงจะแม่นยำ ก็ต้องเข้าใจธุรกิจว่าเออ มันมั่นคงไหม ดูอดีตก็พอเดาได้ แล้วก็สถานการณืแวดล้อมว่าเออ เหมือนๆที่ผ่านมาไหม หากว่ามีแต่ทางสว่าง ดีทุกอย่าง ก็ มาดู ตัวการเติบโตของกำไร ก็ประมาณยากอีกละ

แต่หาก เราเข้าใจดีว่า ธุรกิจมันหาเงินกันยังไง เราก็พอมองเห็นโอกาสของธุรกิจเค้าว่า เออ

1. ตอนนี้ตลาดเติบโตนะ หุ้นของเราก็พลอยเติบโตไปกับเค้าด้วย

2. บริษัทเราได้เปรียบเชิงตราสินค่าดีมาก ฮิตสุดๆ คนใหม่ๆเข้ามา ก็เลือกเราแน่นอน นี่ก็ในตลาดที่เติบโตเหมือนกัน

3. บริษัทเราต้นทุนต่ำ คุณภาพแข่งขันได้ หากว่าตราสินค้าไม่มีอิทธิพลมาก เราก็มีสิทธิกินส่วนแบ่ง แย่งจากคู่แข่ง (แต่อย่าหวังว่าคู่แข่งเค้าจะอยู่เฉยๆ ให้เราแย่งลูกค้าไปง่ายๆ หรอก)

4. ธุรกิจเราผูกขาด หรือว่ากึ่งๆผูกขาด เส้นแข็ง ขึ้นราคาตามใจชอบ (ก็ระวัง พวก NGO กะผู้บริโภคแล้วกัน โดนฟ้องไม่รู้ด้วย ไม่ก็ กระทรวงพานิชย์ สั่งให้เป็นสินค้าควบคุม ก็ เหอะๆ คงโตต่อไม่ไหวนะ)

ก็ผมนึกไม่ออกแล้วครับ แต่ก็ลองคิดดูว่า ประเด็นที่ธุรกิจจะมีกำไรอย่างต่อเนื่อง และเติบโต มันเข้าข่ายข้อไหน

อันนี้วิธีประเมิณกลุ่มอสังหาแบบง่ายๆครับ
http://vihybrid.wordpress.com/2012/01/2 ... valuation/

ขอมานั่งเรียนด้วยคน...ขอบคุณมากครับ

คำนวนไม่เป็นอ่ะ
แต่จะซื้อถ้า
ROTC/PBปีหน้า > 15