Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หลังจากที่พอร์ทผมมูลค่าหุ้นที่มีอยู่ลดลงไป 50% ความเครียดหลายอย่างรุมเร้า
ดูไปก็ไม่สามารถกู้สภารณ์การณ์ได้ จึงตัดสินใจ ไม่ดูหุ้น ไม่สนใจตลาด ไม่อ่านข่าวธุรกิจ เลิกดู money channel

แล้วหันไปทำมาหากินอย่างอื่นให้มากขึ้น .......

ผมรู้สึกชีวิตดีขึ้นนะ.... วันนี้ผมพึ่งกลับเข้ามาดูปรากฎว่าราคาลงไปมากกว่า -50% แล้ว สะใจวัยรุ่นมากๆ.. กระทู้นี่ไม่ได้มาเพื่อสาระอะไร ผมแค่บอกว่า เออแปลกติดลบไปกว่า 50% ไม่เห็นจะร้อนรนเลย....
ก็ยังสบายๆอยู่นี่หน่า ทำงานอย่างอื่นก็ได้เงินเยอะมากกว่าที่ลงทุนไปซะอีก...

การลงทุนไม่ใช่ทุกสิ่งของผม แต่การลงทุนคือสิ่งหนึ่งที่จะอยู่กับผมไปตลอด



ปล. วันนี้หลังจากสี่เดือนผ่านมา เข้ามาดูอีกที ปรากฎว่า ติดลบเกินกว่า 50% ทะลุเป้าไปแล้ว

ถือตัวไหนบ้างครับ

เอาเวลาไปทำงานเก็บเงิน สะสมหุ้นดี ๆ เก็บไว้เรื่อย ๆ ดีกว่าครับ
ไม่ต้องไปมองราคารายวันให้เครียดเปล่า ๆ

ไม่เป็นไรครับพี่ อีก 4 ปี มาดูอีกทีก็ โอ้ววว ...

แบบนี้ ไม่แน่ใจว่า เรียกว่า deny หรือเปล่าครับ

Jeng เขียน:แบบนี้ ไม่แน่ใจว่า เรียกว่า deny หรือเปล่าครับ

พี่ Jeng ช่วยขยายความหน่อยครับแปลว่าอะไรครับผม

sai เขียน: พี่ Jeng ช่วยขยายความหน่อยครับแปลว่าอะไรครับผม

หลักจิตวิทยา ลืมไปแล้ว

Denial ครับ
เป็นกลไกป้องกันตัวทางจิต
แปลเอาแบบบ้านๆ ก็คือประมาณว่า หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริงครับ

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:

เพิ่งอ่านหนังสือเล่มใหม่ของโรเบริ์ตจบ เขาบอกว่าให้เผชิญหน้ากับปัญหาทางการเงิน แล้วเราจะมีความฉลาดทางการเงินมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าทำอย่างนี้
คือหนีปัญหาหรือเป็นวิธีแก้ปัญหา
แบบหนึ่ง

sai เขียน: พี่ Jeng ช่วยขยายความหน่อยครับแปลว่าอะไรครับผม

ลองเข้าไปดูละกันครับ รูปกราฟอันแรก เครดิตให้พี่ numyak ครับ

http://www.templeboxing.com/index.php?topic=1389.0
[/img]

สู้สู้ครับ ส่วนตัวก็ยังลบอยู่ แต่ผมดูตลาดบ่อยบ่อย เผื่อตัวที่เรามองมองไว้ปรับลงมามาก ก็อาจปรับพอร์ทบ้างครับผม ไม่ดูเลยก็ดีนะครับ แต่ต้องดูผลประกอบการด้วยว่ายังสามารถรักษาระดับของปีก่อนก่อนได้หรือไม่ หรือมีปัจจัยพื้นฐานใดใดที่เปลี่ยนไปแบบถาวรหรือไม่ ไม่งั้นยิ่งถือยิ่งลดก็มีนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ :lol:

ดูหน่อยก็ดี นะครับ หลายตัวสถานการณ์เปลี่ยนครับ
แต่ถ้ามั่นใจแล้ว ก็เอาใจช่วยครับ

ก็อยู่ในสถารณการณ์ทีขายไม่ได้ครับ ถ้าขายคงเข้าเนื้อเยอะเลย
จะซื้อเพิ่มหรอ ก็น่าสน ในราคานี้ ผมได้สองเท่าที่ผมเคยซื้อ
สถาณการณ์ปัจุบัน บริษัทไม่ทำกำไร แต่ก็ไม่ขาดทุนครับ อีกอย่างเงินสดก็มีเยอะ หนี้ก็แทบไม่มีเลย เลยคงยังถือเอาไว้ได้อยู่...

ก็คงจะหลอกตัวเองหรือเปล่าอันนี้ก็อาจจะใช่ แต่ผมก็สบายใจดีเหมือนกัน เพราะมองไว้แล้วว่าทิษทางมันคงยังไม่ขึ้นในเร็ววันนี้แน่ๆ ไม่มีปัจจัยอะไรเลย ก็ทำให้ผมไม่อยากดูราคาเลยครับ หลังจาก 4 เดือน การเมืองคลี่คลาย เมกาเลือกตั้ง หลายๆสิ่งเริ่มเปลี่ยน ผมเลยกลับเข้ามาดูเนี่ยครับ

แต่เท่าที่วิเคราห์คิดว่าราคาหุ้นน่าจะยังอยู่ระดับนี้ไปอีกหลายปีแน่ๆเดาว่าอย่างน้อยก็4ปีกว่าจะไต่ระดับขึ้นมาที่ๆราคาเคยเป็น นี่เป็นควมเป็นของคนที่ทำงานอยู่ข้างใน

ทำไงดี...... -50 กว่า % นี่ตัดใจขายไม่ลงจริงๆ ตอนนี้มันยังแค่ขาดทุนทางบัญชีทางตัวเลข แต่ถ้าขายปุ๊ปมันจะขาดทุนจริงๆทันที เงินจะหายไปอีกเยอะเลย

เป็นคุณๆทำยังไงดีรับ ?
ตอนนี้ผมมี idea แค่ ถือไว้ก่อน เพราะไงๆมันก็ยังไม่ขาดทุน บริษัทยังลอยตัวได้อยู่ รอจังหวะเมือตลาดกำลังหวนขึ้นก็ซื้อเพิ่ม.......

ใจนึงก็คิดว่าน่าจะต้องกระจายความเสี่ยงให้มากกว่านี้แล้ว กองทุนรวมตอนนี้ กองทุนชนิดไหนบ้างน่าสนใจครับ ?

gnomeller เขียน:เป็นคุณๆทำยังไงดีรับ ?
ตอนนี้ผมมี idea แค่ ถือไว้ก่อน เพราะไงๆมันก็ยังไม่ขาดทุน บริษัทยังลอยตัวได้อยู่ รอจังหวะเมือตลาดกำลังหวนขึ้นก็ซื้อเพิ่ม.......

ใจนึงก็คิดว่าน่าจะต้องกระจายความเสี่ยงให้มากกว่านี้แล้ว กองทุนรวมตอนนี้ กองทุนชนิดไหนบ้างน่าสนใจครับ ?

ผมคิดว่าอาจจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการยอมขาดทุน
เพื่อเอาเงินที่ได้มาลงทุนซื้อตัวอื่นที่ดีกว่า ถูกกว่า
เพื่อรอให้เงินตรงนี้คืนทุน กับการถือไว้เฉยๆเหมือนเดิม ไม่ขาย
กินเงินปันผลไปเรื่อยๆ และรอให้สถานการณ์ของบริษัทกลัีบมาดี
ราคาหุ้นกลับไปที่เดิม(ตามเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัว)
ซึ่งอาจจะใช้เวลา อีก 2 ปี หรืออาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นก็ได้

แต่จากที่คุณ gnomeller เล่ามา ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพ
และความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท
ผมคิดว่าในกรณีนี้ ถ้าผลประกอบการไม่ได้แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
หรือแย่กว่าแค่ในระยะสั้น การถือหุ้นไว้ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ถึงแม้ราคาจะลดลง แต่ก็น่าจะเป็นแค่ชั่วคราว เพราะมูลค่าของบริษัท
ไม่ได้ลดลงเพียงแต่อาจจะเพิ่มช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจัย
ที่ควบคุมไม่ได้อย่างวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าทุกอย่างกลับไป
เป็ปกติบริํษัืทที่คุณ gnomeller ลงทุนจะมีโอกาสฟื้นกลับมา

ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ขายหุ้นที่ขาดทุนทิ้งไปเลย
เพราะผมค่อนข้างพอใจกับผลตอบแทนจากเงินปันผล
และแนวโน้มในอนาคตระยะยาวของบริษัทที่ผมลงทุนอยู่
ถึงแม้ว่า ราคาตลาดในปัจจุบันจะลดลงมากก็ตาม
แต่ถ้าผมจะขายหุ้นที่ขาดทุนบางตัวทิ้งไป
ก็คงจะขายเพราะผมไม่เข้าใจหรือไม่สามารถประเมินมูลค่า
ของธุรกิจนั้นได้อีกต่อไปครับ

ยังไงก็ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ

อึดอัดมากก็ขาย
ใจมันบอกได้ แต่ห้ามคิด
ความคิดมันหลอกกัน แต่ใจไม่หลอก

Jeng เขียน: หลักจิตวิทยา ลืมไปแล้ว

คนเรามี วิธีรับมือกับภาวะอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิตใจดังนี้ครับ

1 deny
2. project
3. angry
4. sad- depress
5. accept

(ศัพท์จริงๆ อาจจะไม่ได้ตามนี้ แต่เนื้อหา เป็นตามนี้แน่นอนครับ)

คือ เริ่มจากปฏิเสธก่อน
ผมขอเปรียบเทียบกับเรื่องหุ้นละกันนะคับ
เช่น
deny ไม่หรอก  หุ้นลงก็แค่ขำๆ เดี๋ยวก็รีบาว
project  หุ้นลงเยอะขึ้นอีก  .. เริ่ม โทษ นักวิเคราะห์ โทษเพื่อน  เผลอ ๆ ก็โทษดวง
angry หุ้นยังลงอีก  หรือไม่เป็นไปตามคาด  เริ่ม โกรธ อารมณ์เดือดดาล  
sad  ซึมเศร้า  หมดความศรัทธาในตัวเอง
accept เข้าใจ ความผิดพลาด เก็บมาเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้


หลายคน ผ่าน ข้ามจากข้อแรกๆ ไปเป็น accept เลย ซึ่งถือเป็นหลักของ พุทธ สำหรับผู้ที่ฝึกตน  หรือผู้ที่มองโลกในแง่ดี

ผมมาอธิบาย เพิ่มเฉยๆ ครับ
ไม่ได้ระบุว่า คุณ gnomeller อยู่ใน phase ไหน

เพราะฟังดูแล้ว การที่คุณ อยู่ใน deny นาน ขณะที่หุ้นลงเรื่อยๆ
แล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร  อาจจะ เข้าสู่ ภาวะ accept แล้วก็ได้ครับ

คุณเก่งนะครับ ติดลบ 50% ยังไม่ร้อนรนอะไร
ของผมลดไปน้อยกว่าคุณเพียง 20% แต่กลับรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ไม่อยากจะทำอะไรเลยครับ คิดวนเวียนและกังวลแต่เรื่องนี้
จนไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย

ซึ่งผมก็ชั่งใจอยู่นานว่าจะขายดีไหม หรือว่าถือต่อไปดี
ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจล้างพอร์ดเลยครับ
เพื่อมาซื้อตัวที่ถูกๆ ช่วงก่อนปีใหม่
และเพื่อตัดความไ่ม่สบายใจออกไปด้วยครับ

แต่แปลกน่ะครับ ทั้งๆที่ขาดทุนไปมาก
แต่เมื่อขายแล้ว ผมกลับรู้สึกสบายใจมากขึ้นเยอะเลย

ซึ่งคุณจะไม่ขายก็ได้ หากคิดว่าพื้นฐานยังดีอยู่
แต่อาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะกลับไปเท่าทุน

ก็เป็นแนวทางของแต่ละคน ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
แต่ผมหากไม่ขาย ผมทำอะไรไม่ได้เลย ไม่มีสมาธิเลย SAD
จึงคิดว่าการขายออกไป อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า

อย่างไรก็ไม่ต้องเครียดนะครับ เป็นกำลังใจให้

miracle เขียน: ใจมันบอกได้ แต่ห้ามคิด
ความคิดมันหลอกกัน แต่ใจไม่หลอก

หลักจิตวิทยาในการลงทุนสำหรับผมเห็นว่าเรียนกับพุทธองค์ดีที่สุดครับ  

ผมเองก็กำลังฝึกฝนอยู่ครับ ใช้ได้ดีจริงๆ  :8)

ราคาที่ซื้อมามันไม่ได้มีผลอะไรกับราคาปัจจุบันครับ

face the truth is the best strategy.

[quote="crazyrisk"]
คนเรามี วิธีรับมือกับภาวะอารมณ์ที่เข้ามากระทบจิตใจดังนี้ครับ
1 deny
2. project
3. angry
4. sad- depress
5. accept
หลายคน ผ่าน ข้ามจากข้อแรกๆ ไปเป็น accept เลย ซึ่งถือเป็นหลักของ พุทธ สำหรับผู้ที่ฝึกตน

อย่าหันหลังให้ ค่อยๆหาโอกาสใหม่ๆครับ สู้ต่อไป

พอร์ตผมก็ลดลงประมาณ 50-55% ตอนนี้ก็หาทางซื้อเพิ่มอยู่ครับ
แต่ติดว่าต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเรียนก่อน ตอนนี้ก็ใกล้จบแล้ว จะได้เริ่มซื้อเพิ่มซะที (กลัวราคาจะขึ้นน่ะครับ) ระหว่างนี้ก้เอาหุ้นตัวเองซื้อๆ ขาย ลดต้นทุนไปได้บ้าง (พอร์ตผม เป็นเงินเก็บทั้งหมดที่มีนะครับ ใจก็ยังสบายๆ ครับ เพราะผมตั้งเป้าหมายแค่ ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ซึ่งผลที่ออกก็ยังเป็นไปตามที่วางไว้ แม้มูลค่าในพอร์ตจะลดลงไปมากก็ตาม)

อยากซื้อเพิ่มเหมือนกัน แค่คิดว่าราคายังไม่หยุดอยู่แน่นี่นะ น่าจะมีลงต่อ หรือไม่ก็คงยั่งนิ่งไปอีกนาน