Investor Diary
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 23, 2009 5:50 am
เรื่องราวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถ้าได้จดได้จารไว้บ้างก็จะจำได้นะครับ ไม่งั้นลืมหมด :8)
แถมท้าย
จาก กรุงเทพธุรกิจ Bizweek 4 มกราคม 2551
ระวังจะเหมือนเค้าจริงๆ นะจ๊ะASCON - พัฒนพงษ์ ตนุมัธยา - เป้าหมายที่จะมีป้ายไปแขวนอยู่ในตำแหน่ง "ท็อป 5" หรือมีรายได้ระดับ "หมื่นล้าน" เทียบรุ่นกับ 3 ยักษ์ใหญ่อย่าง ITD, STEC และ CK ภายในอีก 3-5 ปี หรือภายในปี 2555 ยังเป็นวิชั่นที่แอสคอน ต้องการก้าวไปให้ถึง
เขายกตัวอย่างผู้รับเหมาอย่าง เค-เทค คอนสตรัคชั่น ที่อาศัยเฉพาะงานรับเหมาภาคอสังหาริมทรัพย์ และอาคารพาณิชย์ล้วนๆ ไม่ต้องมีงานภาครัฐ ก็สามารถมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงสั้นๆ 2-3 ปี
ราคาหุ้นแข็งยังกะโด๊บไวอกร้าเลยนะเฮียMILL - สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล - หุ้นมิลล์คอนสตีลไม่จำเป็นต้องพึ่งนักลงทุนรายใหญ่ก็สามารถยืนอยู่ได้ ส่วนตัวแล้วผมมั่นใจว่า บริษัทของเราเป็น Growth Stock ที่มีอนาคตตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
โอกาสไปไกล ขึ้นรึลงDRT - สาธิต สุดบรรทัด - "จุดตำหนิงบการเงินของเราก็แทบไม่มี เรามีหนี้สินรวม 472 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่าน หนี้สินของเราไม่เคยเพิ่มสูงขึ้นเลย ไม่ใช่ว่าเราไม่ลงทุน แต่เป็นเพราะมีการบริหารจัดการที่ดี ค่า P/E เรโช ก็ต่ำในระดับ 8 เท่า เมื่อเทียบกับ P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างอยู่ที่ 10 เท่า ปีที่ผ่านมาก็ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 7-8% ถือว่าสูง" สาธิตตอบคำถามอ้อมๆ ว่า ราคาหุ้น DRT ยังมีโอกาสไปไกลกว่านี้อีกแน่นอน
เอาไป 1 ตัวSTAR - ดร.สมชัย ว่องอรุณ - ผมคิดว่านักลงทุนที่มองเกมออก จะทราบดีว่าเรายังสามารถเติบโตได้อีกมาก ในอนาคตผมมั่นใจว่าหุ้นของเราจะต้องเป็นดาวที่เจิดจรัส และนักลงทุนควรต้องหันมามอง
แถมท้าย
จเรรัฐ ปิงคลาศัย : "กฎง่ายๆ 5 ข้อ โปรดจำไว้ให้ขึ้นใจ...
1. เราต้องดูว่าหุ้นตัวนั้นจ่ายเงินปันผล "ทุกปี" และมีอัตรา "สูงกว่า" ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
2. เราต้องดูว่าหุ้นตัวนั้น "ซื้อง่ายขายคล่อง" ถ้าหุ้นไม่มีสภาพคล่อง คุณอาจติด ยอดดอย ได้ง่ายๆ
3. เราต้องไม่ดูอนาคต (อย่าเชื่ออนาคต ให้เชื่อแต่ปัจจุบัน) เพราะหากมีสถานการณ์อะไรเข้ามากระทบ ก็จะทำให้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปได้ทันที
4. อย่าเข้าไปเล่นหุ้น "ไอพีโอ" เนื่องจากหุ้นประเภทนี้ส่วนใหญ่จะมี "เจ้าภาพ" ถ้าหาก ขาใหญ่ พร้อมใจกัน "ออกของ" เราในฐานะรายย่อย จะตกเป็น "เหยื่อ" ได้ง่ายๆ และกฎข้อสุดท้าย คุณต้อง "หูไวตาไว พูดง่ายๆ ต้องมีเครือข่ายอยู่ในแวดวงเดียวกัน เพราะเขาย่อมรู้ข้อมูลดีกว่าเรา"
5. "การเล่นหุ้น "เก็งกำไร" ให้ได้กำไร เราควรถือคติว่า โลภแต่พองาม (อย่าโลภมาก) สำหรับตัวผมเอง จะใช้เทคนิเคิลในการเทรดหุ้น เมื่อราคาหุ้นขึ้น-ลง 10% ก็ขายแล้ว สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ระยะฝึกฝนให้เทรดหุ้น "บลูชิพ" ไปก่อน เมื่อเก่งแล้วค่อยขยับไปเล่นหุ้นที่มี "เจ้าภาพ" ดูแล"
จาก กรุงเทพธุรกิจ Bizweek 4 มกราคม 2551