Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ในส่วนตัวรู้สึกไม่่ถนัดในการซื้อตึกแถว คอนโดให้เช่า แต่รู้สึกถนัด ในการหาข้อมูลกองอสังหา หรือหุ้น นิคมอุตสาหกรรม ผลตอบแทนก็ดีใกล้เคียงกัน สภาพคล่องก็ดีกว่า ถ้าเลือกกองที่เป็น freehold มีสภาพคล่อง เช่น TFUND แต่ถ้าเป็นตัวอื่นก็อาจลงทุน 5-10 ปี ก็น่าจะดีไหม ถ้าเป็นพวกนิคมอุต เช่น ROJANA TICON AMATA SST ก็อาจได้ capital gain ในอนาคต นอกจากปันผลด้วย
เพื่อนๆว่าไง ช่วยหน่อยครับ เพราะตอนนี้กำลัง ปรับพอร์ต ใหม่ เพื่อเพิ่มค่าตอบแทน ที่ช่วงนี้ต่ำมาก ไม่รู้ว่ามีใครจะแนะนำบ้างไหม...

ส่วนตัวตอนนี้ก็มี TFUND TIF1 MIPF ที่เป็น freehold ส่วนพวก Leasehold ก็มี SPF CPNRF QHPF ส่วนนิคมอุตก็มี ROJANA...

เห็นโพสคุณโยโย่ ชอบ ผมไปเจอข้อมูลเด็ดแบบเป็นข้อมูลเหลือเชื่อของยอดขายคอนโดระดับสูงในช่วง 2 เดือนแรกปี 52 มาให้ดูครับ

ยังไม่ได้ก่อสร้างเลย แต่ยอดขายขึ้นไปกว่า ร้อยละ 80 แล้วครับ ดูเหตุผลที่เขาให้สัมภาษณ์ประกอบ น่าเช็คข้อมูลว่าจริงตามคำบอกรึเปล่าครับ และที่สำคัญนอกจากยอดขายจะโตแล้ว ราคายังขยับขึ้นอีกกว่าร้อยละ 10 เพราะของขาดตลาดครับ

ผมว่าคอนโดระดับสูงนี่เล่นยากพอควรครับ เพราะเงินทุนต้องหนาเพราะต้องใช้วัสดุก่อสร้างเกรดอย่างดี การออกแบบละเอียดปราณีตตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งต้องอาศัยแบรนด์ที่แข็งแรงเป็นที่ยอมรับของลูกค้า และลูกค้าคงจะต้องดูจากผลงานในอดีตที่ผ่านมาสร้างเสร็จแล้วเป็นที่ยอมรับของลูกค้าหรือไม่ สร้างได้ตามกำหนดเวลาหรือไม่ คุณภาพหลังการขายเป็นอย่างไร และราคาที่ซื้อมาเมื่อเทียบกับปัจจุบันราคาสูงขึ้นหรือไม่ เป็นต้น

แถมคุณภาพของคอนโดต้องอยู่ในทำเลที่ดีมาก ๆ ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน หรือริมแม่น้ำ


http://www.home.co.th/H9_news_detail.as ... CODE=52195

คอนโดไฮเอนด์ใกล้ขาดตลาด ราคาพุ่งแตะ 1.5 แสนต่อตร.ม.
ดอกเบี้ยธุรกิจ 2004 23-02-2009

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา
บริษัทมีการเติบโตทางธุรกิจอย่างชัดเจน ท่ามกลางวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถือได้ว่ากลยุทธ์ทางการตลาดของเรา
สามารถรับมือภาวะดังกล่าวได้อย่างดี ในปีนี้ก็เช่นกัน บริษัทมีการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และพร้อมจะ
สร้างนวัตกรรมแห่งการอยู่อาศัยในรูปแบบที่แตกต่างเพื่อเสนอเป็นทางเลือกใหม่ๆ แกกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ดังเช่นที่บริษัทได้พัฒนาคอนโดมิเนียมหรู “เอควา” ปากซอยสุขุมวิท 49 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
ส่งผลให้สามารถสร้างยอดข่ายประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ใน
ไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งทำให้บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ ในปี 2552 อีกโดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 800
ล้านบาท
“ผมมองว่าปีนี้ โครงการใหม่จะน้อยลง ดูจากตัวเลขที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ได้สำรวจมาพบว่า ในปี 2552 จะ
มีโครงการเกิดใหม่เพียง 50 โครงการลดลงจากปี 2551 เกือบ 20% ในขณะที่ราคาขายเพิ่มสูงขึ้นกว่า 10% จึงถือ
เป็นสัญญาณที่กลไกทางการตลาดเริ่มปรับตัว ดังนั้นที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเกิดวิกฤตอสังหาริมทรัพย์อีก คง
ไม่น่าจะเกิดขึ้น ผู้ที่กำลังมองหาคอนโดกลางเมืองควรจะต้องเร่งตัดสินใจ เพราะในปีนี้คอนโดคุณภาพจะขาด
ตลาด และจำทำให้ราคาปรับสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ และยังมีปัจจัยเสริมด้านนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ของ
รัฐบาล และการลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ จากปีที่ผ่านมาอัตราอยู่ที่ 7.25% ปรับลดลงเหลือ 6.50% ที่
ส่งเสริมต่อการตัดสินใจซื้อในปีนี้” นายยงยุทธ์ กล่าว

http://www.thaihomeonline.com/property- ... ?id=001282
สยามพิวรรธน์ จ่อซื้อและพัฒนาโครงการอสังหาฯทั้งโรงแรม-สำนักงาน-ศูนย์การค้าระบุ 1-2 ปีนี้เป็นจังหวะเร่งลงทุนต้นทุนโครงการต่ำลง 20-30%

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ และผู้ร่วมทุนโครงการสยามพารากอน เปิดเผยถึงนโยบายและทิศทางการลงทุนว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาที่ดินขนาด 5-70 ไร่ ใน 5 ทำเลด้วยกันทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อรองรับแผนการลงทุนระยะยาว

จะมีทั้งลักษณะซื้อโครงการและพัฒนาเอง ในทุกรูปแบบตั้งแต่อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้าทั้งประเภทเนเบอร์ฮู้ดมอลล์ เมกะโปรเจค และมัลติคอมเพล็กซ์ คาดว่าขนาดลงทุนต่ำสุดมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท

รวมทั้งการขยายร้านสเปเชียลตี้สโตร์ " ลอฟท์" โดยตั้งเป้าหมายเปิดบริการ 3 แห่งภายใน 2 ปีนี้ เป็นทำเลในกรุงเทพฯ 2 แห่ง และต่างจังหวัด 1 แห่ง   ซึ่งได้มีการศึกษาทำเลในแหล่งท่องเที่ยว อาทิเช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่

ในช่วง 2 ปีนี้ที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ถือเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุน หากสามารถหาโครงการลงทุนที่ดีได้ จะทำให้เดินหน้าลงทุนได้เร็ว เพราะมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งการเจรจากับเจ้าของที่ดินต่างๆ ง่ายขึ้น ประการสำคัญต้นทุนโครงการต่ำลงจากราคาวัสดุก่อสร้างลดลง 20-30%

http://www.thaihomeonline.com/property- ... ?id=001277

มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20 ปิดฉากลงเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าในงานวันแรกจะเปิดตัวอย่างคึกคัก แต่อีก 3 วันถัดมา ผู้ร่วมงานอาจบางตาลงเล็กน้อย



งาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20 หรือครั้งแรกประจำปี 2552 ที่จัดขึ้นโดย 3 สมาคมอสังหาฯ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 ก.พ. 2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



โดยบรรยากาศในแต่ละวันมีความแตกต่างกันไป ในวันแรกที่ถือฤกษ์เปิดงานต้องยอมรับว่า “คึกคัก” กว่าวันแรกของการเปิดงานในปีที่ผ่านมา ผู้ร่วมออกบูทส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นว่า ผู้บริโภคอั้นการซื้อบ้าน การร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับบ้านมานานตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย มาเปิดงานในช่วงต้นปีเช่นนี้ คนจึงคึกคัก



แต่ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ คนอาจจะเริ่มบางตาลงเล็กน้อย จนผู้ร่วมออกบูทบางรายที่คาดหวังว่า เย็นวันศุกร์ และ ช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จำนวนคนจะมากขึ้น ต่างต้องผิดหวัง เมื่อเห็นจำนวนผู้ร่วมงานที่ลดน้อยลง แต่ยังมองในแง่ดีว่า ผู้ที่มาร่วมงานอาจเป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อจริงๆ

http://www.posttoday.com/business.php?id=34487

ก่อสร้างชะลอตัว คาดใช้ปูนลด10%


วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
คาดปีนี้ก่อสร้างแย่ ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์หดตัว 10%
นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซิเมนต์ เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยโดยภาพรวมปีนี้จะลดลง 10% จากปีที่ผ่านมา ที่มียอดการใช้รวม 25 ล้านตัน เนื่องจากหลายโครงการได้ชะลอการก่อสร้างออกไป ขณะที่เมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลและโครงสร้างพื้นฐานยังไม่ได้เดินหน้า

อย่างไรก็ตาม หากการเมืองภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น ไม่มีความขัดแย้งรุนแรง เชื่อว่าปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในภาพรวมจะ กลับฟื้นดีขึ้นในอีก 2 ปี ซึ่งจะ สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นขึ้นด้วย ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทใช้กำลังการผลิต 75% ของกำลัง การผลิตทั้งหมด และปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 70%

“ปี 2540 การก่อสร้างโดยภาพรวมหยุดไปถึง 4 ปี หลังจากนั้นก็ฟื้นตัวอย่างเร็วมาก สำหรับไทยหากใช้โอกาสนี้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว 20-30 ปี” นายปราโมทย์ กล่าว

สำหรับเอสซีจี ซิเมนต์ เคยส่งออกไปสหรัฐ 30% ของการส่งออกทั้งหมด แต่เมื่อเห็นปัญหาล่วงหน้าจึงปรับตัวมาก่อนหน้านี้ ทำให้ปี 2551 ไม่ได้ส่งออกไปยังสหรัฐอีก โดยตลาดหลักอยู่ที่เอเชียใต้และอาเซียน

ดูหุ้นหลายตวก็สามารถเปรียบเป็นการลงุทุนอสังหา ระยะยาวได้เช่น TICON AMATA ROJANA กลุ่มคลังสินค้าเช่น SST TSTE UST หรือกลุ่มห้างสรรพสินค้า ก็เปรียบเป็นมีตึกแถวให้เช่า เช่น MBK CPN น่าจะพอได้ ถ้าเปรียบแล้ว สภาพคล่อง และการลงทุนขั้นต้น น่าจะน้อยกว่ามาก และอาจขายได้ง่ายกว่า (สำหรับบางตัว) ถ้าเทียบกับ ตึกแถว หรือคอนโด...
คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ ขอความเห็นหน่อยครับ...

เอ่อ เว้น SST ไว้สักตัวดีไหมครับ

ตามมาอ่าน post ที่ chaitorn ครับ

Paul VI

ดูหุ้นหลายตวก็สามารถเปรียบเป็นการลงุทุนอสังหา ระยะยาวได้เช่น TICON AMATA ROJANA กลุ่มคลังสินค้าเช่น SST TSTE UST หรือกลุ่มห้างสรรพสินค้า ก็เปรียบเป็นมีตึกแถวให้เช่า เช่น MBK CPN น่าจะพอได้ ถ้าเปรียบแล้ว สภาพคล่อง และการลงทุนขั้นต้น น่าจะน้อยกว่ามาก และอาจขายได้ง่ายกว่า (สำหรับบางตัว) ถ้าเทียบกับ ตึกแถว หรือคอนโด...
คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ ขอความเห็นหน่อยครับ...

ไม่ค่อยมีคนแสดงความเห็นเลยครับ  :?:  กำลังรออ่านเหมือนกัน  :lol:

ความเห็นผมนะครับ

TICON AMATA ROJANA ต้องดูกลุ่มเป้าหมายว่า ลูกค้าของใครเป็นอย่างไร TICON น่าจะเป็นกลุ่มโรงงานขนาดกลางถึงเล็ก ถามว่า ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โรงงานไหนจะขยายกำลังการผลิตบ้าง AMATA ต้องดูว่า สัดส่วนรายได้ประจำได้แก่ค่าบริการ และสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินในช่วงถัดไปจะเป็นอย่างไร โดยการขายที่ดินให้กับผู้ลงทุน สัญญาณหนึ่งก็คือ มีการขอบีโอไอมากน้อยขนาดไหน และมีการลงทุนจริงมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่โรงงานอุตสาหกรรมน่าจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นอกจากนี้ให้ดูสัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศคือเวียตนามประกอบด้วย ฐานะการเงินและสภาพคล่องเป็นอย่างไร สำหรับ ROJANA เป็นกลุ่มนิคมเหมือนกัน ก็คงต้องดูว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นใครเหมือน AMATA

SST TSTE UST กลุ่มคลังสินค้า คงต้องดูยอดการส่งออกและนำเข้าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มที่เป็นลูกค้าเป้าหมาย

MBK CPN มีการขึ้นค่าเช่าเพื่อให้รองรับกับที่บริษัทต้องต่อสัญญาเช่าระยะยาวใหม่ แต่ขึ้นราคาแล้วในภาวะแบบนี้ ผู้เช่าจะขายดีต่อเนื่องหรือไม่ ต้องไปเฝ้าสังเกตร้านค้าเองว่ามีการค้าขายเป็นอย่างไร เพราะพวกนี้รายได้เป็นแลนด์ลอร์ด อาศัยรายได้จากผู้เช่าร้านค้าย่อยครับ ที่ผมเป็นห่วงก็คือ ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจหลาย ๆ ธูรกิจ เริ่มมีอัตราการล้มละลายเพิ่มสูงขึ้น อัตราการว่างงานสูงขึ้น กลัวว่าจะเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นในปีนี้ ทำให้การค้าขายยากลำบากขึ้น

เป็นความเห็นนะครับ ผิดถูกยกเว้นด้วยครับ :lol:

ประโยคที่ต้องระวังครับ

1.

chaitorn เขียน:ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า  

2.

chaitorn เขียน:ส่งผลให้สามารถสร้างยอดข่ายประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80%

เอาเป็นว่าเท่าที่ทราบมา ตัวเลข 80% นี่ ขนาดนอนฝันยังไม่เห็นเลยครับ

ป.ล. ความเห็นของผมมาจากการใช้วิชานั่งถามกำแพงครับ ดังนั้นนำไปใช้อ้างอิงใดใดไม่ได้ทั้งสิ้น :lol:  :lol:  :lol:

กลุ่มนี้ผมชอบ amata ครับ

นิคมอันดับ 1 ในประเทศ
มีนิคมที่เวียดนาม กำลังอยู่ระหว่างหาซื้อพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งเวียดนาม FDI สูงกว่าไทยแล้ว
ช่วงนี้พยายามเพิ่มรายได้ประจำให้มากขึ้น พยายามทำให้เป็นสัดส่วน 50 : 50 ต้องดูว่าจะทำได้มั๊ย
ผู้บริหารท่าทางดีนะ คุณวิกรม กับ น้องชาย คุณวิกรมซื้อหุ้นตัวเองเยอะเลยตอน 17 บาท แต่ไม่เคยขายหุ้นออกเลยมั้ง(อันนี้ไม่แน่ใจ)

ข้อเสียผมว่า เรื่องขายที่ไม่ได้เนี่ยแหละเรื่องใหญ่ เพราะรายได้ประจำยังไม่มาก

TICON น่าจะเป็นกลุ่มโรงงานขนาดกลางถึงเล็ก

อันนี้ดูตรงไหนหรือครับ
ใน 56-1 เขามีบอกไว้ด้วยหรือครับ
อยากรู้

ขอบคุณครับ

A desiGn for liFe เขียน:เอ่อ เว้น SST ไว้สักตัวดีไหมครับ

แต่จากที่ผมดูใน annual report นะครับ ดู บริืิษัท ก็บริหารในแนว conservative ดี  และก็มีลูกค้าแน่นอนหลายราย

คุณ a design for life อาจมองว่าช่วงนี้ตัวนี้กำลังโดน ปั่น โดนทุบหรือ เปล่า วันนี้ ผมก็เสียดายนะ อดซื้อที่ราคา ฟลอร์ เลย พอดี ไม่ว่างมาดูเลย แต่ก็กะให้ราคาสะเด็ดน้ำก่อนก็ได้...

ก่อนอื่น ผมขอ เท้าความนิดนึงที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะส่วนตัว อาจรู้สึกว่า ไม่ถนัด ในการซื้ออสังหา เช่น ทาวนเฮาส์ คอนโด หรือบ้านมือสอง ให้เช่า

ก็เลยว่าจะชดเชย ผลตอบแทน การลงทุนช่วี้งนี้ที่ผลตอบแทนเงินฝากธนาคารก็น้อยซะเหลือเกิน...

เดี๋ยวมาเขียนใหม่ติดงานอีกแล้ว...

มาต่อ

คราวนี้พอจะลงทุนทองคำ ก็เล็งตั้งแต่ บาทละ 12000 จนตอนนี้ ก็นึกว่าจะลงให้ซื้อ ก็ไม่ทันอีก...

ก็เลย ลงในหุ้นกู้ไปหลายตัวเลย ก็ดีนะ แบ่งไป แต่ มันอย่างน้อย 3 ปีไง ล่าสุดที่ลงไป ก็ 10 ปี ของหรุงไทย ครวนี้ PTT พี่ท่านก็ 15 ปี แต่ยังดี ให้เลือกคืนตอน 8 ปี คิดๆไปมา ดูแล้วเราน่าจะกลับมาที่เราชอบและถนัดมากกว่า...

มาต่อที่ว่า ปกติจะลงทุน ในกองอสังหา ช่วงแรกๆ ก็จะกระจายในพวก leasehold เช่น SPF CPNRF ตอนหลัง ก็เริ่มมาซื้อเพิ่มที่ TFUND TIF1 ตอนหลังก็ได้ BKKCP กับ MIPF มานิดนึง ก็เป็นพวก free hold ทั้งหมด แต่ สภาพคล่อง เว้นแต่ Tfund ตัวเดียว มาคิดอีกที แทบจะไม่ได้ capital gain เลย ก็เลยจะลองมาศึกษา หุ้น อสังหา ในแบบอื่นๆ...ดู

เดี๋ยวเอาไว้ วันหลังจะมาคุยใหม่...

แต่ยังขอความเห็นอยู่นะครับ...

ก็เลยเป็นเหตุที่มาตั้งกระทู้ ถามว่า คิดห็นอย่างไร ดูรายละเอียดใน กลุ่มกองทุนอสังหา นิคมอุต และ ห้างอย่าง มาบุญครอง ก็ดูน่าสนใจดีนะครับ...

ขอความเห็นหน่อยครับ จะเอามาประกอบ ในการจัดระบบความคิด ของการจัดพอร์ตต่อ...