หน้า 1 จากทั้งหมด 3

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 12:33 pm
โดย Mon money
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อ เห็นตลาดหุ้นขึ้นสูงไปเรื่อยๆโดยที่หุ้นของคุณอยู่กับที่

ช่วยให้ความเห็นหน่อยนะครับ ตอนนี้กระแสเกร็งกำไรกำลังมาแรง VIหลายคนแปลงร่าง จิตใจท่านยังสงบดีอยู่หรือเปล่าครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 12:42 pm
โดย Meeja
คิดอยู่อย่างเดียวครับ
เราซื้อหลักทรัพย์ ซื้อบริษัท ไมได้ซื้อดัชนี
เพราะฉะนั้น ถ้ามันยังพื้นฐานเดิม ราคาไม่เพิ่ม ก็ดีซิครับ
ได้ซื้อเพิ่ม...

แต่ก็อิจฉาคนอื่นนะเห็นหุ้นแต่ละคนวิ่งเอาๆ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 1:17 pm
โดย CK
ประเด็นน่าสนใจครับ

เมื่อก่อนผมจะรู้สึกเหมือนซื้อผิดตัวยังไงไม่รู้ หลังๆรู้สึกดีเพราะเวลามาดูผลตอบแทนทั้งปีแล้ว หุ้นที่เราเลือกให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดเสมอ ติดต่อกันมาหลายปี

แปลว่าในช่วงสั้นๆเราอาจจะสู้ไม่ได้ ตอนนี้ยก 6 ถูกซัดลงไปกองนับ 8 แต่พอยืนครบ 12 ยกก็ถูกชูมือทุกครั้ง

ตอนนี้กลายเป็นเสียใจแล้วครับถ้าหุ้นที่เราเลือกมันวิ่งไปพร้อม SET เพราะซื้อต่อไม่ได้

แต่จะว่าไปตอนนี้ผมกำลังปรับการกระจายการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ทำให้จะมีช่วง short ประมาณ 2 เดือน เลยต้องลดพอร์ตชั่วคราว มาจังหวะดีตรงที่หุ้นที่ผมตั้งใจจะ short ขึ้นสูงมากแล้ว ไม่งั้นคงไม่กล้าครับ เพราะบางตัว upside เยอะเหลือเกิน กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

กลับมารอบหน้ายกแปดหวังว่าหุ้นจะถูกทุบติดดินซัก 320-360 แถมหุ้นที่เราเลือกก็โดนหางเลข panic ไปด้วยนะครับ อันนี้เป็นความหวังลึกๆครับ แต่สงสัยจะไม่ได้ นอกจากเฮีย Mon จะช่วยผมทุบ -- ล้อเล่นนะครับ :D

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 1:31 pm
โดย gytman
ผมไม่สนใจ set เท่าไหร่ แต่จะรู้สึกไม่ดี ถ้าหุ้นที่ผมถือไว้มันถูกปั่นขึ้นไปมากๆ(PTT,PTTEP เป็นตัวอย่าง) เพราะมันทำให้ผมค่อย ๆทยอยซื้อเพิ่มไม่ได้ ผมอยากให้หุ้นของผมค่อยๆขึ้นไปวันละนิดละหน่อย ช้าๆแต่หนักแน่นครับ อ้อ อีกอย่างพอมันขึ้นไปเยอะๆแล้ว มันจะเกิดกิเลส อยาก take profit อยู่เรื่อย :D

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 7:48 pm
โดย chatchai
คุณ Mon Money ใจตรงกับผมเลย ผมตั้งใจที่จะ post เรื่องนี้พอดีเลยครับ เพราะผมว่ามันเป็นการทดสอบจิตใจของ VI จริงๆเลยครับ ว่าจะยึดมั่นในหลักการหรือถูกกิเลสพาไป ช่วงแรกๆที่ผมเปลี่ยนวิธีการลงทุนผมก็ใจสั่น กังวลมาก เพราะเป็นช่วงที่ท่านนายกชนะการเลือกตั้ง หุ้นยอดนิยมวิ่งกันอย่างมาก ในขณะที่หุ้นที่ผมลงทุนแทบไม่มีซื้อขาย ต้องทำใจแข็ง ถามตัวเองว่าเรากำลังทำอะไร เล่นการพนันหรือลงทุนในกิจการบริษัทที่เราซื้อ เนื่องจากมีประสบการณ์ในการลงทุนมาพอสมควร จึงปลอบใจตัวเองในช่วงนั้นว่า หุ้นยอดนิยมขึ้นแล้วก็ลง ซื้อแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ วันนี้กำไรพรุ่งนี้ที่กำไรก็ขาดทุน ไม่มีความแน่นอน พอเวลาผ่านไป หุ้นเหล่านั้นก็ตกลงเท่าเดิม ในขณะที่หุ้นที่ผมลงทุนเริ่มมีคนสนใจ สรุปแล้วผมได้ผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีที่เดียว แถมไม่ต้องกังวลมาก หลังจากผ่านการลงทุนแบบ VI มานาน ทำให้จิตใจผมเข้มแข็ง และมั่นใจในแนวทางการลงทุนแบบนี้ แต่การลงทุนแบบ VI คุณต้องมีความรู้ที่มาก วิเคราะห์ให้เก่ง

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 9:49 pm
โดย KIT
ผมมือใหม่ความรู้และประสบการณ์ยังน้อยครับ แต่จิตใจตอนนี้รู้สึกคล้ายๆพี่CKคือตอนนี้โดนเพื่อนล้อว่าหุ้นที่ถืออยู่ไม่เห็นไปไหนเลย ไหนบอกว่าลงทุนแบบนี้ดี แต่ผมก็พูดได้แต่เพียงว่าต้องรอดูกันยาวๆ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 16, 2003 10:24 pm
โดย Mon money
VIมีดีที่ความมั่นคง และยึดมั่นในแนวทางครับ จิดใจนั้นสำคัญมาก เพราะศัตรูที่แท้จริงของการลงทุนไม่ใช่รายใหญ่หรือฝรั่งหรอกครับ แต่เป็นจิตใจของท่านเอง แล้วหนทางจะพิสูทรม้า เวลาและความอึดจะพิสูตรหุ้นที่เราเลือกครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 12:31 pm
โดย THiNK
คำสอนที่ Buffett เชื่อมากที่สุดคือ Margin Of Safety

ถ้ามี margin of safety ขึ้นลงยังไง ก็ซื้อ
ถ้าไม่มี ขึ้นลงยังไงก็ไม่สน

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 12:33 pm
โดย CK
รบกวนคุณ THiNK ช่วยแปลคำว่า Safety of Margin เป็นภาษาชาวบ้านด้วยครับ ผมไม่ใคร่สันทัด ได้ยินมาหลายหนแล้ว

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 1:24 pm
โดย Mon money
ผมขอตัดหน้าเลยครับ

Margin of safety คือส่วนต่างของมูลค่า(Value) กับราคา(Price) ครับ เวลาVIซื้อหุ้นเราจะคิดว่า ราคาคือสิ่งที่เราจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่เราได้ คล้ายกับซื้อสิ่งของทั่วไปนั่นแหละ ก่อนเราจะซื้อก็เปรียบเทียบกันมากมายจนแม่ค้ามองหน้า จนบางทีคิดว่าไม่คุ้มและเลิกคิดจะซื้อก็มี แต่บางคนอยากได้จนตัวสั่นแต่ไม่รู้ว่าซื้อแล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แล้วก็ไม่เกิดคุณค่าอะไร ซื้อหุ้นก็คล้ายกันต้องคิดว่าซื้อหุ้นบริษัทนี้มีมูลค่ามากกว่าบริษัทอื่นหรือไม่(ในราคาเท่ากัน) แต่เท่าที่เห็น นักลงทุนบ้านเราไม่ค่อยคิดอย่างนั้นกันเท่าไร เห็นซื้อกันแบบง่ายๆ ง่ายกว่าการซื้อเงาะกับแม่ค้าข้างทางเสียอีก ซื้อเงาะยังต่อราคาเสียยกใหญ่ ซื้อหุ้นไม่เห็นต่อราคาเลยเท่าไรเท่ากันซิ เลือดขึ้นหน้าแล้ว

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 1:42 pm
โดย CK
รบกวนอาจารย์ Mon ช่วยอธิบายเพิ่มเติมนิดนะครับ
  • แปลว่ายิ่งราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่ายิ่งดีใช่ไหมครับ safety margin ที่ว่าเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับ
  • แล้ววิธีคิดมูลค่าคิดที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันหรืออนาคตครับ
  • แล้วมี factor เรื่องความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหรือ Act of God บ้างหรือเปล่าครับ
  • มีการนำคาดการณ์รายได้จาก capital gain มาคิดมูลค่าด้วยหรือเปล่าครับ
ผมไม่เคยคิดมูลค่าหุ้นเลย มีแต่ target price และ target dividend ที่เอามาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อ สารภาพตามตรงว่าไม่เคยอ่านงบกระแสเงินสดเลย (อ่านไม่เป็น) ดู dividend record อย่างเดียว ส่วน target price ก็ดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก มีแนวรับแนวต้านมาผสมหน่อยๆ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 9:35 pm
โดย THiNK
Buffett มีพื้นฐานเริ่มจาก Graham คือศึกษาข้อมูลทางบัญชี (bv/roa/eps) ... ต่อมาพบว่าข้อมูลทางบัญชีตอบโจทย์ได้เพียงส่วนหนึ่ง

Peter Lynch ใช้วิธีศึกษาการบริหารงาน ศึกษาผู้บริหาร ศึกษาความได้เปรียบของบริษัทนั้นๆ นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป

มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท = ประวัติย้อนหลัง(graham) + ความสามารถทำกำไรได้ในอนาคต (lynch) [ bv + intrinsic value ]

ทั้งหมด Buffett เชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงจะถูกสะท้อนไปยังมูลค่าหุ้นในที่สุด

Buffett เชื่อ Graham อย่างมากในเรื่อง Margin Of Safety

Margin Of Safety เท่าไหร่ถึงจะพอ คงตอบยาก ขึ้นอยู่กับว่าเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน (เรามีข้อมูลและมั่นใจเท่าไหร่)

ถ้าข้อมูลครบมั่นใจ 100% Margin Of Safety อาจจะต่ำ เพราะถ้าหุ้นตก คุณก็ยังยิ้มได้
ถ้าข้อมูลครึ่งๆกลางๆ Margin Of Safety คงต้องสูงตามไปด้วย เพราะพอตลาดแกว่ง คุณก็ยังยิ้มได้ (แหยๆนิดหน่อย) เช่นกัน

เรื่องการแกว่งตัวของราคา คุณ CK น่าจะไม่เป็นรองใคร
เรื่องการหาข้อมูลยากๆข้างบน อาจารย์ Mon คงตอบได้ดีกว่า (ไม่ต้องแย่งครับคราวนี้ โยนให้เลย)

นั่นเป็นบทสรุปที่ได้จากการอ่าน The Warren Buffett Way

ถูกผิดแค่ไหน ค้นคว้าวิจารณ์กันต่อครับ ผมเองเป็นพวกบ้าหลักการ(เริ่มปีนี้) แต่ทำจริงไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าไหร่ อิ อิ...

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 9:50 pm
โดย ปรัชญา1
คิดถึงอดีตเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส


จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท

ครอบครัวแตกแยก

หมดเงิน

หมดหุ้น หมดตัว

หมดครอบครัว

สุดท้ายหมดความสุข

อยากตาย....แต่ไม่ตาย


ทุกวันนี้เขายังไม่ตาย
แต่ไม่ได้ออกทีวีอีก มันเสียภาพพจน์
อนาคตจะมีแบบนี้อีกหรือเปล่า
เป็นคำถามอยู่ในใจของผม
จะรอดู.......เส้นทางนักเก็งกำไร..............................

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 17, 2003 9:51 pm
โดย CK
ขอบคุณครับคุณ THiNK

สรุปแล้วคำว่า margin of safety (ขอเรียก mos เพื่อความกระทัดรัด) คือมาตรวัดการป้องกันความตกใจเนื่องมาจากราคาผันผวนใช่ไหมครับ

มันวัดกันเป็น % หรือเป็น จำนวนเงินครับ อันนี้เป็นเทอมที่พูดกันว่า "มี" หรือ "ไม่มี" หรือสามารถคำนวณเป็นตัวเลขได้ครับ

สมมุตินะครับ ผมเลือกหุ้นได้ตัวนึง ราคาตอนนี้ 100 บาท คาดปันผล 12 บาท ผมประเมินมูลค่าของหุ้นสิ้นปีนี้ที่ 120 บาท และ 150 บาทปีหน้า ราคา 100 บาทถือว่ามี mos หรือยังครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 18, 2003 12:02 am
โดย Mon money
เมื่อก่อนเป็นเฮียตอนนี้ยกให้เป็นจารย์เลยหรือครับ มิกล้า...มิกล้า

MOSของที่ป๋าCKอยากรู้นะมันคือ ......เอาเป็นว่า เมื่อมีวันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นเดียวกันของป๋าซึ่งไม่เจอกันมานานมากๆ จู่ๆมาหาป๋าด้วยสีหน้ามีความหวังอย่างมาก เขาต้องการเงินด่วนมากแต่ตัวเองไม่มีเงิน จึงแบกความหวังมาหาป๋าดังว่า แต่เขาไม่ได้มามือเปล่าเพราะเชื่อว่าป๋าตืดเอาการ จึงเอาโฉนดที่ดินสิบไร่แถวถนนสาธรมาขายให้ป๋าในราคาห้าล้านบาท(อาจจะเกินจริงไปหน่อย...ทนๆหน่อยนะ) ป๋ารู้อยู่แก่ใจว่าราคามันไม่น่าจะต่ำกว่ายี่สิบล้านแน่ๆ แต่ด้วยความรักเพื่อนจึงเซ็นต์เช็คทันทีอย่างไม่รอช้า(รีบไปโอนทันทีก่อนเลย...กลัวเปลียนใจ) ผลต่างของราคากับมูลค่าที่แท้จริงของทีดินเท่ากับสิบห้าล้าน MOSของป๋าก็เท่ากับสิบห้าล้าน ถ้าเป็น%ก็ลองคิดเอาเองนะป๋า

- แปลว่ายิ่งราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่ายิ่งดีใช่ไหมครับ safety margin ที่ว่าเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสมครับ ............ลองใช้ตัวอย่างดูนะครับ

- แล้ววิธีคิดมูลค่าคิดที่ผลการดำเนินงานปัจจุบันหรืออนาคตครับ......อดีตบอกบางส่วนของอนาคตเท่านั้นครับ แต่อนาคตต้องตรวจสอบพื้นฐานปัจจุปันและประมาณอนาคต

- แล้วมี factor เรื่องความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกหรือ Act of God บ้างหรือเปล่าครับ......เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้ครับ ทางที่ดี MOSมากๆเข้าไว้จะดีครับ
- มีการนำคาดการณ์รายได้จาก capital gain มาคิดมูลค่าด้วยหรือเปล่าครับ.....มูลค่าหาได้จากความสามารถในการสร้างเงินสดของกิจการครับ ดังนั้นมองหุ้นให้มองที่ธุรกิจ เหมือนดูช้างให้ดูที่หางดูนางให้ดูที่แม่ครับ
[/i]

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 18, 2003 8:13 am
โดย CK
ขอบคุณพี่ปรัชญาครับ อ่านเรื่องที่พี่เขียนแล้วเลิกคิดจะซื้อตามตลาดเลย

ขอบคุณอาจารย์ Mon ครับ เริ่มเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์อยู่รำไรแล้ว

ป๋าก็ป๋า เรียกป๋าเดี๋ยวเกิดรวยจริงๆไม่แบ่งนะ จะบอกให้

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 08, 2006 8:32 pm
โดย ลูกอิสาน
หลายๆกระทู้เก่าๆก็มีประโยชน์มากครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 10:19 pm
โดย Mon money
รู้สึกว่าพักนี้หมดมุข ที่แท้ปล่อยออกไปหมดแล้วนี่เอง

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 10:55 pm
โดย little shark
พี่ ตอนนี้ หุ้น กลุ่ม ของทุนสิงคโปร์ ไม่น่าลงทุน ใช่มั้ย ครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 11, 2006 7:26 am
โดย สุมาอี้
ผมไม่ซื้อหุ้นที่ราคาสูงจนประเมินแล้วเงินปันผลในอนาคตไม่มีทางทำให้ถอนทุนได้เป็นอันขาด

วิธีนี้ตอนตลาดหุ้นวิ่งเราอาจได้แต่นั่งมองคนอื่นรวย แต่ตอนฟองสบู่แตกเรายังมีเงินปันผลที่เป็นทีพึ่งได้

หวังพึ่งบริษัท อย่าหวังพึ่งตลาด

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 11, 2006 8:28 am
โดย ForrestGump
มือกลางเก่า กลางใหม่ แต่ใจยังสั่น

แต่ถึงใจสั่น แต่ยังคุมมือไม่ให้เคาะ ได้

ยิ่งนึกถึงหน้า หล่อๆ ดุๆ ของ เฮีย มนตรีแล้ว

ยิ่งไม่กล้าเคาะ แต่ ต้องรีบไปอ่านหนังสือ ดูงบ ดูกิจการ ทำการบ้านก่อนซื้อ

ส่วนเรื่องพี่ MOS ปฎิภาณ แล้วแต่กิจการและผู้บริหาร นะผมว่า บางอันควรมีมาก ถ้าเจออย่างผู้บริหารหนีคดีปั่นหุ้น แต่กิจการกำลังไปได้ดี แล้วคิดจะเล่นรอบ พี่ MOS ซํก 80% เป็นไง

ปล.ความเสี่ยงมาพร้อมกับความเสียว VIเดี่ยวๆ ไม่ชอบเสียว ไม่ชอบเสี่ยง

ปล. ท่าน CK คุณบอล คุณคัดท้าย คิดว่า มีความรู้เรื่องกิจการไฟ เป็นอย่างดี จึงได้เห็นลงทุนในไฟ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 11, 2006 9:54 am
โดย สุมาอี้
นักลงทุนแนวอื่นเขาชอบแซวว่า มีเส้นบางๆ ระหว่างการมุ่งมั้นที่จะการลงทุนระยะยาวกับการติดหุ้น เขาบอกว่า VI ติดดอยแล้วไม่ขายเพราะบอกว่ามูลค่าหุ้นยังเท่าเดิมเป็นการหลอกตัวเองชนิดหนึ่ง

พวกท่านว่าไง

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 12, 2008 11:34 pm
โดย BOONPARUEY
...   กระทู้คุณค่า   ...


...    :cheers:  :cool:  :man:    ...

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 3:28 pm
โดย thaloengsak
ขออนุญาตขุดกระทู้คุณค่ากระทู้นี้น่ะครับ  :)

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 5:24 pm
โดย kurapica
เมื่อก่อนรู้สึกเสียดายมาก
เดี๋ยวนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายมาก แต่น้อยกว่าเมื่อก่อน
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกับพอร์ท เพราะขี้แตก เอ๊ย ตีแตกกับหุ้นบางตัวไปแล้ว
และกำลังรอดูผลอยู่

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 8:36 pm
โดย chowbe76
กระทู้นี้มีแต่รุ่นเดอะครับ
ขออ่านอย่างเดียว ไม่กล้าแสดงความเห็น

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 10:19 pm
โดย Paul VI
[quote="thaloengsak"]ขออนุญาตขุดกระทู้คุณค่ากระทู้นี้น่ะครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 29, 2010 10:31 pm
โดย เด็กชายแทน
รอครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 9:26 am
โดย นกขนโดก
ขอบคุณครับท่านอาจารย์ทุกท่านที่ให้ความรู้ ขอ Save นะครับ

คุณรู้สึกอย่างไร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 30, 2010 12:10 pm
โดย nw108
ปรัชญา1
Regular


Joined: 10 Jun 2003
Posts: 1099
Location: ณ.ดินแดนที่ราบสูง เมืองดอกคูณเสียงแคน
Posted: Tue Jun 17, 2003 9:50 pm    Post subject:    

--------------------------------------------------------------------------------

คิดถึงอดีตเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
รอบนั้นต่างชาติลาก ปตท.สผ. จาก50บาทไปถึง1200กว่าบาท
และทุกคนก็แทบเอาตัวไม่รอดรวมถึงผมด้วย บาดเจ็บสาหัส


จำได้ว่าคุณนิวัติ ................
เข้าไปใช้ปืนจ่อคางเหนียวไกยิงตัวเอง...
ให้คุณเสรี ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์สมัยนั้นยืนดู
ท่ามกลางกล้องทีวีทุกช่องและผู้สื่อข่าวเต็มไปหมด
รวมทั้งนักลงทุนที่ยืนดูด้วยใจระทึก
ที่ยิงตัวเองเพราะไปเีรียกร้องเรื่อง...ด้วยระบบมาร์จิ้น
ที่บังคับหุ้นขาย และติดหนี้สินกับบริษัทหลักทรัพย์เป็นร้อยล้านบาท

ครอบครัวแตกแยก

หมดเงิน

หมดหุ้น หมดตัว

หมดครอบครัว

สุดท้ายหมดความสุข

อยากตาย....แต่ไม่ตาย




เป็นข้อความเตือนสติที่ดีครับ


   ผม ก็ผ่านประสพการณ์นั้นมาเเบบ หมดสภาพจิตตก

เเต่ไม่ถึงกับทำเเบบนั้นเพราะมีทางเลือก

นี้เป็นเหตุผลในหลายๆครั้ง ที่โพสเตือนน้องๆ ที่เข้ามาลงทุนใหม่

ให้ระวังในการใช้มาร์จิ้นเเละการเก็งกำไร




การลงทุนทุกครั้งมีความเสี่ยงเเต่ไม่ใช่เสี่ยงเเบบการพนัน