หุ้นวัฏจักร

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Boyadvance
Verified User
โพสต์: 495
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ธุรกิจ  ประเภท  ที่เป็น  หุ้นวัฏจักรบ้างครับ  มีวิธีสังเกตุยังไง
และจะหาหนังสือ  อ่านอ่ะครับ ใครมีความรู้แนะนำบ้างครับ
ily
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

http://www.google.com/search?q=%E0%B8%A ... 1I7CYBA_th
44.

หมดยุคหุ้นวัฏจักร ?
โปรย
ผมคิดว่าคนที่สำเร็จน่าจะต้องเป็นคนที่รู้จักธุรกิจเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการที่ต้องรู้จักเรื่องพฤติกรรมของหุ้นในกลุ่มนี้ ส่วนคนที่ล้มเหลวก็น่าจะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย หรือรู้ไม่ครบทั้งเรื่องของกิจการและพฤติกรรมของหุ้น

เนื้อหา

การลงทุนในหุ้นวัฏจักร นั่นคือหุ้นของกิจการที่มีผลการดำเนินงานที่ขึ้นลงเป็นรอบๆ รอบละหลายปีนั้น เป็นศิลปะที่ผมคิดว่า ต้องอาศัยความสามารถและพลังของจิตใจแบบสุดยอด

คนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะประสบความสำเร็จสุดยอด

ตรงกันข้าม คนที่ล้มเหลวก็จะเสียหายหนักไม่แพ้กัน

ผมคิดว่าคนที่สำเร็จน่าจะต้องเป็นคนที่รู้จักธุรกิจเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการที่ต้องรู้จักเรื่องพฤติกรรมของหุ้นในกลุ่มนี้ ส่วนคนที่ล้มเหลวก็น่าจะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย หรือรู้ไม่ครบทั้งเรื่องของกิจการและพฤติกรรมของหุ้น

ลองมาดูกรณีของหุ้นอะโรเมติกส์ หรือ ATC ซึ่งผมคิดว่าเป็นหุ้นวัฏจักรตัวหนึ่ง ที่สามารถที่จะเป็นตัวแทนของหุ้นวัฏจักรได้ค่อนข้างดี โดยบริษัทนี้ผลิตสินค้าปิโตรเคมีหลายชนิด ที่มักมีราคาขึ้นลงเป็นวัฏจักร

ถ้าคุณติดตามบริษัทมานานพอคุณจะรู้ว่า บริษัทประสบกับความยากลำบากมานานหลายปี นับจากปีที่เกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ คือ พ.ศ.2540 ซึ่งบริษัทขาดทุนกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการลดค่าเงินบาท ที่ทำให้บริษัทขาดทุนมหาศาล หลังจากนั้น บริษัทก็มักจะขาดทุนมาเกือบทุกปี ปีละหลายพันล้านบาท

แน่นอนว่า คุณคงไม่อยากลงทุนในหุ้นที่ประสบปัญหาผลการดำเนินงานอย่างนั้น
แต่ถ้าพอถึงสิ้น พ.ศ.2544 คุณรู้ว่า ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเริ่มปรับตัวดีขึ้น และผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน พ.ศ. 2545 คุณตัดสินใจซื้อหุ้น ATC ที่ราคาประมาณ 2.3 บาท

พ.ศ.2545 ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นตามคาด ถึงสิ้นปีการขาดทุนของบริษัทลดลงเหลือเพียงประมาณ 200 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเป็นประมาณ 5.2 บาท คุณสามารถทำกำไรได้ 126 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 1 ปี

นี่เป็นการใช้ความรู้ในเรื่องของธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ขายหรือซื้อสินค้าของบริษัท หรือจะเป็นฝ่ายบัญชี หรืออาจจะเป็นเพราะคุณทราบมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก็ตาม

คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของการวิเคราะห์ เรื่องความถูก หรือแพงของหุ้นเลย ว่าที่จริงถ้าคุณใช้สูตรในการคิดคำนวณราคาหุ้นต่างๆ ผลก็จะออกมาว่าราคาหุ้นที่ 2.3 บาทนั้น เป็นราคาที่แพงเกินไป ค่า PE ยังติดลบ ปันผลก็ยังไม่จ่าย และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้คุณสรุปว่าหุ้นยังไม่น่าซื้อ

ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาซื้อหุ้นในตอนสิ้น พ.ศ.2544 เพราะคุณดูงบกำไรขาดทุนของบริษัทและพบว่าบริษัทยังขาดทุนถึงกว่า 3,500 ล้านบาท และคุณก็ไม่รู้ว่าราคาปิโตรเคมีกำลังเพิ่มขึ้น แต่คุณมาเห็นว่าเมื่อสิ้น พ.ศ.2545 บริษัทมีขาดทุนเพียงประมาณ 200 ล้านบาท

เมื่อคุณเชื่อว่าราคาปิโตรเคมี น่าจะเป็น ขาขึ้น แล้ว คุณจึงตัดสินใจซื้อหุ้น ATC ที่ราคาหุ้นละ 5.2 และถือไว้จนถึงสิ้น พ.ศ. 2546 คุณก็จะได้กำไรถึง 1,121 เปอร์เซ็นต์ หรือ 11.21 เท่าในเวลาเพียงปีเดียว เพราะราคาหุ้น ATC เพิ่มขึ้นเป็น 63.5 บาทต่อหุ้น

ถ้าคุณเป็นคนเดียวกับคนที่รู้เรื่องปิโตรเคมีดี ที่ซื้อหุ้นตั้งแต่สิ้น พ.ศ. 2544 คุณก็ได้กำไรถึง 26.6 เท่าในเวลาเพียง 2 ปี

ผลการดำเนินงานของ พ.ศ.2546 ของบริษัทดีกว่าที่ทุกคนคาด บริษัทมีกำไรถึงประมาณ 4,000 ล้านบาท และแนวโน้มของราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นทุกคนคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง นักวิเคราะห์เกือบทุกคนแนะนำให้ซื้อ สถาบันลงทุนต่างก็ต้องมีหุ้นตัวนี้เก็บเข้าพอร์ต

หุ้นตัวนี้เป็น ดาว อย่างแท้จริง นักลงทุนทั่วไปต่างก็เข้ามาซื้อที่ราคา 63.5 บาท โดยหวังว่าจะได้กำไรอย่างรวดเร็ว เป้าหมายราคานั้น 100 บาทก็อาจจะไม่แพง เมื่อคำนึงถึงการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดและอนาคตที่สดใส

ผลการดำเนินงาน พ.ศ.2547 ของบริษัทเป็นไปตามคาด หรือน่าจะพูดว่าดีกว่าที่คาดไว้มาก เพราะบริษัททำกำไรถึงกว่า 10,000 ล้านบาท จากยอดขายกว่า 50,000 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหน สิ้น พ.ศ.2547 ราคาหุ้นอยู่ที่ 62.5 บาท ขาดทุนอยู่ 1-2 เปอร์เซ็นต์

หลายๆ แห่ง ก็ยังแนะนำให้ซื้อ เพราะเมื่อดูตาม พื้นฐาน แล้ว หุ้นมีราคาถูกมาก ค่า PE เหลือเพียง 5.8 เท่า แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์จะอ่อนตัวลงบ้าง แต่กำไรก็ยังน่าจะสูงมากอยู่ดี คนที่ซื้อไว้ก็ยังไม่ถอย Value Investor หลายคนเข้ามาซื้อ เพราะหุ้นทั้งถูกสุดยอดและดี กำไรลดยังไงก็คุ้ม

กำไรในช่วง 9 เดือนแรกของ พ.ศ.2548 บริษัทยังดีตามคาด แม้ว่ากำไรจะลดลงจากพ.ศ.2547 แต่ก็ยังสูงถึง 4,544 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นถึง 4.71 บาท ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง

นี่คือผลของการวิเคราะห์หุ้นวัฏจักร โดยใช้วิธีการวิเคราะห์หุ้นแบบปกติ และทำโดยคนที่ไม่รู้จักธุรกิจและพฤติกรรมของหุ้นกลุ่มนี้

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าหุ้น ATC ณ ระดับราคา หรือช่วงเวลานั้น ถูกหรือแพง หรือแนะนำให้ซื้อหรือขาย แต่ประการใดทั้งสิ้น เพราะผมเองไม่มีความสามารถจะบอกได้ เนื่องจากไม่รู้จักธุรกิจนี้ดีพอ ทว่าในแง่ของพฤติกรรมหุ้นนั้น ผมคิดว่า เราไม่สามารถหวังว่าหุ้นจะขึ้นไปรุนแรงอย่างที่มันเคยเป็นในช่วงดีดตัวขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนวัฏจักร

ถ้าถามว่า ขาลง ของหุ้นสิ้นสุดหรือยัง คำตอบก็แบบเดิมนั่นคือ บอกไม่ได้ เพราะราคาของหุ้นวัฏจักรมันไม่ได้ตามวัฏจักรของราคาผลิตภัณฑ์ ในเวลาที่ตรงกัน

เกมของหุ้นวัฏจักรเป็นเกมที่ ความเสี่ยงสูงผลตอบแทนสูง ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในฐานะไหนของเกม
ily
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... =1&gblog=2

หุ้นวัฎจักร-อะไรเคยดีๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะแย่ไม่ได้

หุ้นวัฎจักร-อะไรเคยดีๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะแย่ไม่ได้
อาทิตย์นี้ ปอดว่างๆ ฝนก็ตก ไปไหนลำบาก
ก็เลยไปหาหนังสือมาอ่านเล่นๆครับ ได้หนังสือของ ปีเตอร์ ลินช์ ที่แปลจาก beating the street มาอ่านฆ่าเวลา

ก่อนอื่นเลย ผมต้องบอกว่า ผมไม่มีความรู้ในทางการลงทุนเลยนะครับ

ในหนังสือมีหัวข้อหนึ่งเขียนว่า
"หุ้นวัฏจักร: อะไรที่แย่ เดี๋ยวมันก็ดี"

ทำให้ผมสนใจหุ้นกลุ่มนี้มาก
เพราะเห็นว่า ในตลาดหุ้นไทยมีก็เพียงกลุ่มนี้แหละ ที่น่าจะทำกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงจัง ถ้าเข้าถูกจังหวะ

ส่วนใหญ่ หนังสือที่ผมอ่านทางการลงทุน ก็เป็นหนังสือแปล เป็นแนวคิดของคนอเมริกา ซึ่งตลาดบ้านเรา คนละเรื่องกับตลาดบ้านเขาเลย เช่น
บริษัทเราหาธรรมาภิบาลยาก ถ้าธรรมาภิบาลยังไม่ดี เราจะวิเคราะห์งบการเงินได้ถูกต้องอย่างไร
บริษัทบ้านเราไม่มีสินค้าที่เป็น product ที่สามารถทำให้เกิด brand royalty จนสามารถขยายสาขาไปได้มาก หรือมีศักยภาพทำกำไรเติบโตได้ต่อเนื่อง เหมือนที่อเมริกาที่สินค้าเขาขายได้ทั่วโลก
ฯลฯ

ทีนี้มาเรื่องที่ผมกำลังสนใจ แต่ไม่มีความรู้ครับ คือ หุ้นวัฏจักร ถ้าใครมีความรู้ ช่วยเข้ามาชี้ทางกระจ่างให้ผมก็จะขอบคุณมากครับ

หุ้นแบบนี้ สำหรับคนที่เข้าถูกจังหวะ จะรวยไม่รู้เรื่องเลย และมันมีอยู่ในตลาดหุ้นไทยด้วย ส่วนใหญ่เป็นสินค้า commodities ทั้งหลาย
เช่น โลหะพวก เหล็ก ทองแดง สังกะสี ทองคำ เดินเรือ น้ำมัน ปิโตรเคมี
ใครที่เคยซื้อ atc, psl, rcl, tta ตอนขาขึ้น คงได้กันหลายสิบเท่าไปเรียบร้อยแล้ว ในระยะเวลาไม่กี่ปี

แต่แน่นอน ถ้าเข้าผิดจังหวะ ก็เจ๊งแน่นอน

หุ้นกลุ่มนี้ เขาว่า p/e ต่ำๆ ให้ขาย p/e สูงๆ ให้ซื้อ
ตอนนี้ p/e ก็ลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้วทั้งนั้น ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ tta อย่างกลุ่มไทเก้น ได้ขายไปเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับ บ้านปู ที่ทะยอยขาย atc

สำหรับนักลงทุนที่เข้าใจในกลุ่มวัฏจักร คงจะขายก่อนที่ราคามันจะลง อาจจะไม่ต้องขายที่จุดสูงสุด แต่ขายเมื่อเห็นว่า upside gain มันเหลือน้อยแล้ว ซึ่งเราไม่มีทางรู้ ยกเว้น เราจะเป็นผู้อยู่ในธุรกิจนั้นๆ และมีความแม่นในการวิเคราะห์ทิศทางของธุรกิจเสียเอง

ทีนี้ ถ้า p/e ดูไม่ได้ เราจะดูอะไรดี ว่า ธุรกิจมันเข้า cycle ขาลงแน่แล้ว

อันนี้ ผมอยากถามผู้รู้มากๆครับ

แต่ถ้าให้ผมเดาเอง ก็
๑ ดู p/bv เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหรือไม่
๒ ดูกำไรว่า ลดลงหรือไม่

ผมว่า ข้อสอง นี้สำคัญมาก ถ้าธุรกิจเริ่มแสดงว่า ทำกำไรได้น้อยลง นั่นอาจจะมี upside gain เหลือเพียงเล็กน้อยแล้ว หรืออาจจะเริ่มเข้า cycle ขาลงกันเลยก็ได้

ทีนี้ ถ้าเรามาดูการลงทุน ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเติบโต แบบที่เข้าสูตรหุ้นชั้นดี คือ มีกำไรทุกปี จ่ายปันผลเพิ่มขึ้นเกือบทุกปี ฯลฯ

เราจะลงทุนอย่างไร?

เรามองศักยภาพของธุรกิจไทยอยู่ที่ไหน หุ้นในกลุ่มไหน? ในเมื่อประชากรของเรา ไม่มี brand royalty ของสินค้าที่ผลิตในประเทศ ศักยภาพการส่งออกของเราสู้ต่างชาติไม่ได้ สินค้าของเราถูกกำหนดโดยภาพรวมของราคาสินค้าในตลาดโลก คือไม่สามารถมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาสินค้าได้เอง ฯลฯ

ยกเว้น หุ้นวัฎจักรที่ต้องเข้าขาขึ้นแล้ว ผมก็แทบหาไม่เจออีกเลย ที่จะมีหุ้นที่ทำกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการเติบโตของตัวธุรกิจเอง
ส่วนใหญ่ เอาเข้าตลาดมาก็ตอนที่มัน peak แล้ว แถมยังปรับแต่งงบให้ดูดีก่อนเข้ามาอีก
ดังจะเห็น ipo หลายตัวทำวีรเวรเอาไว้

จุดแข็งของเราอยู่ที่ไหนกันนะ? หุ้นกลุ่มไหนที่เราน่าจะซื้อลงทุนกันดีนะ?

ใครรู้ช่วยตอบทีครับ
ผมจะได้เปลี่ยนเป็นนักลงทุน ที่เห็นหุ้นแดงๆแล้วดีใจ เห็นหุ้นเขียวๆ แล้วเซ็ง ได้เสียที

ถ้าให้ผมเดาเอง แบบคนไม่มีความรู้

ผมว่าน่าจะเป็นบริการ การอยู่ในทำเลที่ดี ภาพรวมของประเทศในทางการบริการและการท่องเที่ยวยังดูดี

ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่
๑ รอลงทุนใน cycle ขาขึ้นของหุ้นวัฏจักร
๒ ลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ เพื่อรอ cycle ขาขึ้นรอบใหม่ของหุ้นวัฏจักร คือ
-กลุ่มบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล
-กลุ่มพํฒนาอสังหาฯ ชั้นดี ที่มีประวัติยาวนาน ยิ่งเน้นขายต่างชาติ ยิ่ง work
-กลุ่มที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะมีธุรกิจหลากหลาย คล้าย holding company
-กลุ่มโรงงานที่มีการบริหารจัดการที่ดี
-กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่มีศักยภาพ สามารถขยายงานไปในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

ก็คงคิดได้เท่านี้ครับ เพราะความรู้ผมยังน้อยเหลือเกิน

ผู้รู้ช่วยเติมให้ก็จะขอบคุณมากครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 8 ต.ค. 48 10:20:24 A:58.136.68.244 X: TicketID:080268 ]
ily
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

http://snthai.com/forum/viewtopic.php?t=3454

หุ้น วัฏจักร ซึ่งเป็นประเภทที่ 5 ธรรมชาติของหุ้นวัฏจักรนี้จะมีวงจรการเกิดดับสลับกันไม่จบสิ้น ถ้าพูดถึงกราฟก็จะมีลักษณะการเคลื่อนไหวเป็นรูปภูเขาสลับกับเหว สะท้อนถึงช่วงขาขึ้นและขาลงของอุตสาหกรรมที่หุ้นนั้นๆอยู่

บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดินเรือ การบิน ท่องเที่ยว พลังงาน ปิโตรเคมี เหมืองแร่ เหมืองถ่านหิน ไปจนถึงบริษัทผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายล้วนจัดเป็นหุ้นวัฏจักรทั้งสิ้น ทว่าแต่ละอุตสาหกรรมมีช่วงอายุวัฏจักรแตกต่างกัน บางอุตสาหกรรมเช่น การบิน ท่องเที่ยว อาจมีวงจรเกิดดับสั้นเพียงแค่ปีเดียว แบ่งเป็นหน้าโลว์ซีซั่น กับ ไฮซีซั่น บางอุตสาหกรรมเช่น พลังงาน ปิโตรเคมี เดินเรือ อาจมีวัฏจักรช่วงหนึ่งๆยาวนานตั้งแต่ 3-10 ปี หรือ นานกว่า 10 ปี

หุ้นวัฏจักรประเภทวงจรชีวิตสั้น ไม่มีความน่าหนักใจเท่าไร เพราะถ้าเข้าไปซื้อผิดจังหวะ อย่างมากก็รอให้วงจรขาลงจบไปรอบหนึ่งก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นาน แล้วค่อยเข้าไปเฉลี่ยต้นทุนในช่วงที่กลับสู่วัฏจักรขาขึ้น

ทว่าที่น่าหนักใจ คือหุ้นวัฏจักรที่มีวงจรชีวิตยาวถึงยาวนาน หุ้นประเภทนี้สร้างความปวดหัวให้กับนักลงทุน ผู้ไม่รู้ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากพอเห็นหุ้นประเภทนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง นึกอยากซื้อตามดูบ้างก็กลัว เพราะกราฟสูงชันจนไม่น่ามีแรงไปต่อ แต่พอนั่งดูไปสักระยะ หุ้นยังขึ้นต่อไปเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรง สะท้อนวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมที่หุ้นตัวนั้นอยู่ ดูไปดูมาทนไม่ไหว ขอเข้าไปมีส่วนร่วมสักหน่อย ไม่นานหุ้นก็รูดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในใจยังหวังว่า แค่ปรับฐานไม่นานเดี๋ยวคงขึ้นต่อ รอจนเงินที่ลงทุนหายไปครึ่งหนึ่งจึงได้ร้อง อ๋อ! พรางเจ็บใจที่ไปลงทุนในช่วงที่อุตสาหกรรมเขากำลังจะจบวงจรขาขึ้นพอดี คนที่รู้เขาก็ถอยออกไปตั้งแต่เห็นสัญญาณเริ่มต้นของวัฏจักรขาลงแล้ว หลังจากนั้นจึงได้ตระหนักว่า ต้องพัฒนาตนเองเป็นนักลงทุน ผู้รู้ ก่อนถึงจะทำกำไรจากหุ้นวัฏจักรได้อย่างอู้ฟู่

ปรมาจารย์ ลินช์ ชี้แนะว่า การจะรู้จักและเข้าใจวงจรหุ้นวัฏจักรต้องอาศัยการทำงานหนักเท่านั้น จะสามารถจับสัญญาณขาขึ้นของหุ้นวัฏจักรได้ หากนายท่านศึกษาและติดตามข้อมูลจนรู้ซึ้งแตกฉาน ย่อมจะเห็นสัญญาณขาขึ้นก่อนใคร
ily
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=46023

SET Webboard "แกะงบรายปีหาหุ้นลงทุน"

โดย สมคิด เอนกทวีผล
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2549)



--------------------------------------------------------------------------------
เดือนมีนาคม งบการเงินรายปีแทบทุกบริษัทได้ออกมาแล้ว การนำงบในอดีตมาดูร่วมด้วยจะช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของกิจการและอุตสาหกรรมนั้นๆ มากขึ้น 3 กระทู้คัดเลือกเดือนนี้จึงเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากงบปีให้มากที่สุด เช่น ดูรายได้และกำไรมาเทียบกับราคาหุ้น ดูสินทรัพย์หามูลค่าหากเลิกกิจการ หาวัฏจักรและแนวโน้มจากอดีตสู่อนาคต

ปัจจุบันหรืออนาคต? บนแนวคิด Warren Buffet

กระทู้ www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=8689
Warren Buffet บอกว่า ให้ซื้อบริษัทที่มีความสามารถในการแขงขันอย่างยั่งยืน และอย่าไปทำนายอนาคต เพราะการทำนายอนาคตมักจะผิด

คำถามคือเราสามารถลงทุนโดยไม่มองอนาคตได้หรือ?

สรุปความเห็นที่น่าสนใจ

- บางทีผมมานั่งย้อนดูประวัติของบริษัทที่งบในอดีตดี แต่ปรากฏว่า ผลมันไม่ได้การันตีเลยครับว่างบปีต่อไปมันจะออกมาดี... เห็นทำช้ำใจไปหลายตัวเหมือนกัน

- ต้องดูราคาที่เราซื้อ ถ้าไปซื้อตอน PE (Price/Earning) สูงๆ สุดท้าย เมื่อมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาเล็กน้อยเราก็เจ็บตัว Warren จึงบอกว่า เขาทำกำไรจากข่าวร้าย ซื้อหุ้นประวัติดีแต่ต้อง ลงมากๆ

- หุ้นบางตัวเคย P/E ต่ำ แต่พอน้ำมันแพงขึ้นๆ E ก็ลด ตอนนี้ P/E จึงพุ่งขึ้น ดังนั้นหุ้นที่ P/E ปัจจุบันถูก แต่นั่นคือ E วันนี้ ไม่ใช่ E วันข้างหน้า ถ้าอนาคตกิจการแย่ลงไปเรื่อยๆ P/E ก็จะสูงขึ้นไปเรื่อย ดังนั้นหุ้นที่เราซื้อเพราะ P/E ต่ำอาจเป็นกิจการที่ กำลังทรุดเรื่อยๆ

- Warren เน้นให้ตรวจสอบรู้ให้ได้ว่าปัญหาที่ทำให้ราคาตกนั้นแก้ไขได้หรือไม่ หรือว่าเป็นปัญหาในระดับโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท

- จะรู้ได้ว่า E จะไม่ต่ำลงเรื่อยๆ ต้องไปวิเคราะห์ในเชิงคุณภาพด้วย นอกจากเชิงตัวเลข

- ต้องดู trend ของธุรกิจ, วงรอบธุรกิจต่างๆ, วัฏจักรราคาวัตถุดิบด้วย

- ถ้าราคาลงหรืองบไม่ดีเพราะปัญหาชั่วคราวระยะสั้น จึงค่อยเข้าไปลงทุน เพราะเป็นโอกาสซื้อนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ

margin of safety ที่ Warren Buffet ใช้ คืออะไร คำนวณอย่างไร และควรมีกี่เปอร์เซ็นต์ครับ
กระทู้ www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=15185

สรุปความเห็นที่น่าสนใจ

- ในภาวะที่ตลาดผันผวน นักลงทุนอาจจะยึดหลักการของ Margins of Safety ซึ่งหมายถึงมีช่องว่างระหว่างราคาที่ซื้อกับมูลค่าที่แท้จริง (intrinsic Value) ของบริษัท เป็นหลักการที่ปรมาจารย์ทาง Value Investing ซึ่งได้แก่ Graham และ Dodd ได้คิดค้นมานานแล้ว จากนั้นนักลงทุนชื่อก้องอย่าง Warren Buffet ได้ปรับ นำมาใช้

ไม่ควรลงทุนในธุรกิจที่เข้าใจยาก เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร หรือกลุ่มเทคโนโลยี ที่มีสินทรัพย์ที่ยากจะวิเคราะห์ ในขณะที่กลุ่มธนาคารนั้น การตั้งสำรองหนี้เสียต่างๆ ค่อนข้างขึ้นอยู่กับความเห็น (Judgments) ของผู้บริหาร และตัวเลขทางบัญชี หา intrinsic value ยาก

ปกติ Margins of Safety จะต้องไม่ต่ำกว่า 15% คือราคาหุ้นจะต้องต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้นอย่างน้อย 15% จึงจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ ในทางกลับถ้าราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงประมาณ 15% ขึ้นไป หุ้นตัวนั้นควรถูกขายทำกำไรมากกว่าซื้อ

ถึงแม้ว่าการใช้หลัก Margins of Safety จะไม่รับประกันว่าจะไม่ขาดทุน แต่จะเป็นวิธีลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ดีวิธีหนึ่ง เป็นการ "Buying a dollar for a fifty cents" นักลงทุนจะต้องมองหาโอกาสลงทุนในหุ้นที่มี Margins of Safety สูงสุด นั้นคือหุ้นที่มี Margins of Safety ในระดับรองๆ ลงมาจะไม่ถูกคัดเลือก

ราคาที่ซื้อจะต้องคุ้มค่าและให้ Reward to risk ratio สูง สามารถหาได้จากหลายวิธี เช่น ส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted cash flow) หรืออาจจะเป็นมูลค่าเลิกกิจการ (Liquidation Value) หรืออาจจะเป็น P/E ทั่วๆ ไป

หุ้นตัวไหนที่ซื้อขาย "ต่ำกว่า" มูลค่าเลิกกิจการ (Liquidation Value) มากๆ จะให้ผลตอบแทน (Upside) สูงมากในแง่ของ Rewards risk ratio หรือในแง่ของผลตอบแทนเมื่อเปรียบเทียบกับ
ความเสี่ยง

เช่นบริษัทที่ผลิตพัดลมแห่งหนึ่งชื่อ C ได้สูญเสียลูกค้ารายใหญ่ เป็นยอดขายแทบทั้งหมดของบริษัท หมายความว่า ยอดขายและรายได้ของบริษัทอาจเหลือไม่ถึง 10-20% ของยอดขายเดิม ราคาหุ้น C ได้ตกอย่าง Free fall จาก 10 บาทเศษ มาที่
1 บาทเศษ ในขณะที่บริษัทมีมูลค่าเลิกกิจการอยู่ที่ 3-4 บาทต่อหุ้น และไม่มีหนี้เลย หมายความว่า ถ้าบริษัทสามารถหาลูกค้าใหม่แทนที่ลูกค้ารายเดิม
หุ้นจะ Rebound ขึ้นอย่างรวดเร็ว และในที่สุดหุ้นนั้นก็สามารถฟื้นตัวจาก
จุดต่ำสุดได้เกือบ 2-3 เท่าตัว

หรือบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ K ขาดทุนอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรวดเร็ว ทำให้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงจาก 100 บาทเศษๆ เหลือแค่ 2 บาทเศษ ในขณะที่มูลค่าเลิกกิจการ หรือมูลค่าชำแหละอยู่ที่ 3 บาท ไม่มีหนี้เลย ในที่สุดเมื่อบริษัทสามารถที่จะเริ่มจับกระแสเทคโนโลยีได้และเริ่มผลิต หุ้นตัวนั้นก็เกิด Rebound ในที่สุด

ตัวอย่างต่างๆ เหล่านี้ ถ้าบริษัทไม่มีหนี้ ถึงแม้จะขาดทุนเท่าใดก็ตาม
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและเทคโนโลยี หุ้นตัวนั้นจะ Rebound ในที่สุด

อยากทราบว่าหุ้นตัวไหนที่เป็นหุ้นวัฏจักรและอยู่ในช่วงขาลงบ้าง
นอกจากกลุ่มเรือ PSL, TTA, RCL กลุ่มปิโตรเคมี ATC
กระทู้ www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=14228

สรุปความเห็นที่น่าสนใจ

- ดูจากงบการเงินย้อนหลังไปหลายๆ ปีจะพบรายได้วิ่งขึ้นวิ่งลงเป็นรูปคลื่น

- ดูที่เว็บของแบงก์ชาติ ไปดูอัตราการใช้กำลังการผลิต ใน http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBa ... /tab69.asp ถ้ามี แนวโน้มอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง อาจเป็นสัญญาณการอยู่ในวัฏจักร ขาลง

- หุ้นวัฏจักรถึงจุด peak ดูง่ายๆ คือ P/E ต่ำติดดิน 2 หรือ 3 เท่า volume มหาศาล ถ้าจุด bottom ก็ P/E สูงลิ่ว volume ไม่ค่อยมี

- หุ้นวัฏจักรมี 2 ประเภท
1. Economic cyclical ขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น รถยนต์ อสังหาฯ วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ ฯลฯ

2. Commodity cyclical เช่น ปิโตรฯ น้ำมัน เรือ แร่ธาตุ ฯลฯ เศรษฐกิจมีผลต่อ demand แต่ก็จะขึ้นกับด้าน supply (ปริมาณการผลิต) ด้วย

หุ้นวัฏจักรที่เป็น economic cyclical จะวิเคราะห์ง่ายกว่า commodity เพราะ commodity จะต้องวิเคราะห์ให้ถูกทั้ง supply และ demand สำหรับมือใหม่ควรเลี่ยงหุ้นวัฏจักรประเภท commodity ไปก่อน
ily
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Boyadvance
Verified User
โพสต์: 495
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากๆ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
โว้กว้าก
Verified User
โพสต์: 430
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
<< New >>
Verified User
โพสต์: 1147
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นวัฏจักร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

:cool:
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
โพสต์โพสต์