Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คนไทยส่วนใหญ่ จะมองว่าเอาเงินไปเสี่ยงตาดีได้ ราคาก็ขึ้นขายมีกำไร ราคาลงก็ขาดทุน ทำให้ต้อง cut loss ทำมัยไม่มีใครบอกเลยว่าหุ้นสามัญคือตราสารแสดงความเป้นเจ้าของบริษัทที่คุณถือหุ้นนั้นอยู่ สิทธิที่จะได้คืออะไร ตอนเรียนป.ตรีก็มีวิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจ หรือว่ามีเรียนแค่บางคณะวิชา แม้แต่คนมีการศึกษายังมองว่าเอาเงินไปเก็งกำไร หวังรวยทางลัด หวังรวยเร็วในไม่กี่วัน

แทนที่ ตลท. กับ ก.ล.ต. จะมาลดภาษีการลงทุนในกองทุนรวม น่าจะมาจัดอบรมสัมมนาความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และออกกฎว่านักลงทุนต้องผ่านการอบรมและได้รับวุฒิบัตรจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองก่อน แม้แต่พวกผู้จัดการกองทุน ที่พี่ๆหลายคนที่ได้รู้จัก ยังบอกเลยว่าเล่นเก็งกำไร ซื้อแล้วหวังขึ้นเพื่อขายเอากำไรกัน ทำไมไม่มีใครลงทุนแบบเกรแฮม หรือบัฟเฟตต์กันเยอะๆๆ ทั้งที่สองคนนี้ก็ทำแบบนี้มาหลายสิบปีมากแล้ว และก็พิสูจน์แล้วว่าดีจริง

เซ็งๆๆๆๆๆ

เพราะมันคือ Zero sum game

สวัสดีครับพี่สิน

ผมคิดว่าเป็น Negative Sum Game ด้วยซ้ำครับพี่สิน เพราะโบร๊คเกอร์
ชักค่าต๋ง 0.2 - 0.25% ออกด้วย เหมือนบ่อนเลยนะครับ

แต่ปันผลนี่หล่ะครับที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนคืนมาบ้าง

เห็นด้วยครับ เพราะถ้าอยากเก็งกำไร ก็มีโอกาสขาดทุนสูง เพราะถ้าปันผลมากกว่าฝาก Bank ก็ไม่ต้องคิดมาก ถ้าบริษัทมันดีจริง เรียกว่าไม่เจ๊งก็พอแล้วเดี๋ยวราคาหุ้นมันก็เด้งขึ้นเอง ถึงตอนนั้นอยากขายก็ขาย อยากเก็บไว้ก็ไม่มีใครว่าอะไร เฮ้อ! บ่นมากเดี๋ยวถูกด่า ไปที่ไหนมีแต่คนติดหุ้น หงุดหงิดกันทั้งเมือง

คือ คนที่เลิกเล่นหุ้น ส่วนใหญ่หมดตัว เหมือนกันกับคนเล่นการพนันครับ

ลองไปสืบๆ มา ญาติผมโดนไป 3 คนแล้ว ช่วง 1700 --->200

ขออนุญาติใช้คำพูดของ วอร์เรน บุฟเฟ่ท์

"ตลาดหุ้นในระยะยาวเป็นเครื่องวัด ในระยะสั้นเป็นเครื่องซาวเสียง"

เกี่ยวมั้ยเนี่ย

ผมเสริมนิดหนึ่งครับ

ผมคิดว่าคนที่เข้าตลาดหุ้นส่วนใหย่ยังหวังที่จะมากินเงินคนอื่นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่เกิดคุณค่าหรือ value added ขึ้นแก่สังคม

นี่แหละคือธรรมชาติของการพนัน

ตัวผมเองก็ยังเป็นแบบนี้แม้ว่าจะพยายามลดๆมันลงมา

ถ้าเกิดมีใครถามว่า

ทำไมคนไทยส่วนน้อยถึงมองว่าหุ้น "ไม่ใช่" การพนัน

จะตอบอย่างไรให้คนที่ไม่ได้เล่น เอ๊ยลงทุนหุ้นยอมรับครับ

ขอทักทายผู้ที่คุ้นเคยและไม่ค่อยจะคุ้นเคยครับ
จนป่านนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่า
ทำไมคุณปรัชญาไม่ยอมมาโพสกระทู้ในทีวีไอ
นี่ขนาดคุณครรชิตตั้งกระทู้ถามหาเป็นการเฉพาะเจาะจง
เป็นผมคงตอบแล้วหละ
ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรในใจก็ตาม
เพราะคุณครรชิตไม่ใช่ต้นเหตุของการไม่มาโพสอย่างแน่นอน
ผมคิดแบบนี้
คุณปรัชญา จะโกรธผมอีกคนหรือเปล่าก็ไม่รู้

คุณ wvix ที่ผมอยากให้ทำ
ก็คือ มีความคิดมานานแล้วว่า
คนโพสกระทู้ดียอดเยี่ยมในอินเตอร์เนท มีมากพอสมควร
ถ้ามีใครสักคน ทำหน้าคัดเลือกและติดต่อ
ให้ทุกท่านที่ตัวเองชื่นชมและนับถือในแนวทางลงทุนนั้นๆ
ส่งหนึ่งกระทู้ที่คิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด
มากันรวมเป็นหนังสือเพียงเล่มเดียว
จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ดีกว่าอภิปรายเชิงสหบาทา
กันไปมาโดยไม่มีใครได้ประโยชน์
รวบรวมได้แล้ว ก็ให้คุณบั๊กไลฟ์ประสานงาน
จัดพิมพ์เป็นหนังสือ
เท่าที่รู้มา
เส้นสายของคุณน้องเขาไม่เบาทีเดียว
แล้วเจอกันที่คลองถมครับ คุณบั๊กไลฟ์

ทำแบบนี้ ผมว่าจะเป็น win win game ที่แท้จริง
ลองพิจารณาดูครับคุณ wvix

CK เขียน:สวัสดีครับพี่สิน

ผมคิดว่าเป็น Negative Sum Game ด้วยซ้ำครับพี่สิน เพราะโบร๊คเกอร์
ชักค่าต๋ง 0.2 - 0.25% ออกด้วย เหมือนบ่อนเลยนะครับ

แต่ปันผลนี่หล่ะครับที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนคืนมาบ้าง

ขอมองต่างมุมว่า ถ้าเราเทรดน้อยๆ ไม่ซื้อๆ ขายๆ บ่อยๆ แล้วเลือกหุ้นที่มีปันผล ก็จะกลายเป็น positive sum game ได้ครับ

8)

ผมคนหนึ่งหละที่เรียกการเล่นหุ้นว่าลงทุนครับ ก็ได้เป็นเจ้าของกิจการนี่นา ไหนจะต้องมานั่งอ่านรายงานประจำปีอีก ว่าไอ้หย่า...จะเจ้งแล้ว

คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักการเล่นแบบ VI น่ะ อีกอย่าง ก็รู้ ๆ กันอยู่ คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านหนังสือที่ให้ประโยชน์ ขนาดหนังสือพิมพ์ยังลงแต่ข่าวฆ่ากันตายเลย รายการข่าวก็ไม่ค่อยจะมีคนนิยมดู ดีละครกันมากกว่า อีกอย่าง คนไทยมีนิสัย ชอบแห่ตามกัน ใครบอกว่าเล่นหุ้นแล้วรวยก็เข้ามาเล่น ไม่ได้ศึกษามาก่อนว่าควรจะเล่นอย่างไร แบบไหน ซื้อกันตามอารมณ์ หรือแม้แต่ตามสภาพดินฟ้าอากาศ พอเจ๊งแล้วก็ขยาด สาบส่งตลาดหุ้น เฮ้อ..

harry เขียน: แทนที่ ตลท. กับ ก.ล.ต. จะมาลดภาษีการลงทุนในกองทุนรวม น่าจะมาจัดอบรมสัมมนาความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และออกกฎว่านักลงทุนต้องผ่านการอบรมและได้รับวุฒิบัตรจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองก่อน แม้แต่พวกผู้จัดการกองทุน ที่พี่ๆหลายคนที่ได้รู้จัก ยังบอกเลยว่าเล่นเก็งกำไร ซื้อแล้วหวังขึ้นเพื่อขายเอากำไรกัน ทำไมไม่มีใครลงทุนแบบเกรแฮม หรือบัฟเฟตต์กันเยอะๆๆ ทั้งที่สองคนนี้ก็ทำแบบนี้มาหลายสิบปีมากแล้ว และก็พิสูจน์แล้วว่าดีจริง

เซ็งๆๆๆๆๆ

ออกอีกข้อดีไหมครับคุณ harry
ซื้อแล้วห้ามขาย โอนให้ลูกหลานได้เท่านั้น

:lol:

ผมมีนิทานอยู่เรื่องหนึ่งขอยืมมากจาก Pantip ผมว่าเข้ากับกระทู้นี้ดีนะครับ เห็นเป็นประการใดช่วยแนะนำด้วย
ลุงหวังเล่าว่า


(ผมอยู่ตลาดหุ้น มานาน เมื่อก่อนตอนนั้นยังถือว่าวัยหนุ่มกลางคน ผมชอบจดข้อมูลหุ้นที่สนใจ เก็บสถิติย้อนหลังถึงผลดำเนินงาน ทุนจดทะเบียน ปันผล เทียบพี อี เทียบต้นทุนราคาหุ้น ฯลฯ เล่นหุ้นที่คิดว่าดีๆ หลายบริษัท จนมีโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้นและพบกับผู้บริหารระดับสูง จึงรู้ว่าเป็น ญาติห่างๆ ยิ่งรู้จักยิ่งซื้อหุ้นนั้นมากขึ้น บวกแรงเชียร์ทุกครั้งที่โทรไปคุยกับญาติ แต่ต่อมาบริษัทเพิ่มทุนแล้วก็ให้อีกบริษัทเข้าครอบงำกิจการไป ราคาหุ้นพังยับ ขาดทุน เงินที่เพิ่มทุนหายวับไป พอเมืองไทยเกิดต้มยำกุ้ง ฮ่องกงยังเฉยๆ แต่หุ้นบริษัทที่ลุงหวังถืออยู่เริ่มเล่นกล มีบางแห่งทำ จดหมายสีเขียว (กรีนเมล์) บางแห่งเล่นกลก่อนโดยเพิ่มทุนแล้วขายกิจการผ่านประตูหลัง ราคาหุ้นลงเรื่อยๆจนฟองสบู่ลามมาที่ฮ่องกง
ความเห็นของลุงหวังคือ เขาบอกว่าการเล่นหุ้นเหมือนการเล่นGames โดยเอาเงินเป็นเดิมพัน พูดไม่สุภาพคือการพนัน เมื่อคนครบวง เงินก็หมุนไปมา เมื่อมีคนเพิ่มขึ้น เงินก็ไหลเกลี่ยมาสู่คนที่โชคดีกว่าถ้าบวกฝีมือ ก็ยิ่งรวยขึ้น พอรวยแล้วหากคนนั้นๆเดินออกไปนอกวง เงินก็หายไปด้วย สุดท้ายเหลือคนจนๆ เล่นกับคนจนๆ 2 - 3 คน แล้วก็ทะเลาะกัน การเล่นก็เล่นยากขึ้นเพราะต่างก็ลงขันน้อย เพราะเงินถูก คนกำไรเอาไป ไม่หวนกลับมาแล้ว ลุงหวังกล่าวว่า หากใครคิดจะกำไรจากตลาดหุ้น ต้องรู้จักหยุด ละเว้น ออกไป เพราะการได้เงินมาจากระบบตลาดเป็นการได้มาแบบได้เปล่า ได้ด้วยดวง ได้ด้วยฝีมือบ้าง ไม่ใช่ภาคการผลิตแท้จริง ส่วนกำไรที่ได้จากตลาดหุ้นรวดเร็วกว่าภาคผลิต ดังนั้นเมื่อกำไรแล้วต้องรอเวลา ให้ภาคการผลิตสามารถผลิตทันขายใหม่ แปลง่ายๆคือ รอหมูตัวใหม่มาเข้าตลาดให้เชือดใหม่ อย่าตะบันแช่อยู่แต่ในตลาดหุ้นทุกวี่ทุกวัน ถ้าไม่มีงานอื่นทำก็ทำงานอดิเรกอื่นๆคลายเครียดดีกว่า)


การอ่านตลาดเป็นหมี เป็นกระทิงเป็นเรื่องสำคัญมาก
เราทั้งหลายมักคิดว่า ขายเสร็จได้ซื้อคืนในราคาที่ต่ำลงหน่อย เป็นชัยชนะน่าภาคภูมิ แต่หากทำบ่อยๆก็เจอกับหมีจนได้ แล้วสุดท้ายที่กำไรมาบานเบอะ ก็หายวับบานตะเกียงไป
ส่วนคนที่ต้นทุนต่ำๆ ก็ใจเย็นเพราะมีภูมิคุ้มกันต้นทุนอยู่ แต่เมื่อถึงจุดสูงๆแล้วไม่ขาย ก็ถือว่าเสียโอกาสกลายเป็นคนโง่เขลาได้เช่นกันนะจะบอกให้

ในฐานะ ผู้ที่เคยเล่น เกร็งกำไรล้วนๆเลยครับ แบบไม่ต้องมีการมานั่งดูพื้นฐานหุ้น

โบกเกอร์แต่ล่ะสถาบันเนี่ยแหละตัวดี แนะนำให้คนเล่น short term

ประโยคแต่ล่ะวันก็จะเป็นประเภท

- พี่แนะนำให้เก็บได้เลยครับน้อง
- พี่ได้ข้อมูล ข่าววงใน .............
- ช่วงนี้ มีไล่เก็บหุ้น..... อยู่
- ตัวนี้ไม่สู้ดีนักนะ........

ขาขึ้นส่วนใหญ่ก็ได้ ขาลงตัวใครตัวมัน

เมื่อคนที่เข้ามาในตลาดส่วนหนึ่ง (ปริมาณพอสมควร สัก 50%) คิดว่าเป็นการลงทุนในกิจการครับ

ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ยังเข้ามาเพื่อหา ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย อยู่ มันก็จะเหมือนการพนัน

ไม่อยากบอกว่า ผมคิดเองนะว่า
กองทุนทั้งหลาย ทุกวันนี้ยังเป็นเหมือนขาใหญ่ในบ่อนเลยครับ


กล. ผมยังเข้ามาหาส่วนต่างเลยครับ

======

เฮีย เรื่องหนังสือ ถ้าเฮียไม่ออกแรงเดินเรื่องเอง ไม่ได้เกิดแน่
ดีไม่ดีต้องออกทุน พิมพ์เอง ขายเอง

แค่กำหนดแนวทางหนังสือ (เลือกกระทู้ที่จะมาลง) เก็บกระทู้มาเรียบเรียงใหม่ ติดต่อผู้เขียนกระทู้ ก็น่าจะต้องหาทีมงานมาช่วย ถ้าเฮียไม่รวมคน คงไม่ได้เกิดแน่ ผู้เขียนแต่ละคน คงไม่มีเวลาเก็บกระทู้ หรือเขียนขึ้นใหม่เลย (อันนี้ก็เข้าทีนะ) หรือว่าจะจ้างเด็กนักศึกษามาเก็บข้อมูลพวกนี้ สนองนโยบายนายกให้เด็กรู้จักหาตังค์ อิอิ